2 พฤษภาคม 2549 05:10 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  ผืนหล้าคราวปกด้วย...............ดินแดง
เห็นเกลื่อนแต่ระแหง.................เหือดกว้าง
กล้าใบจากลงแรง......................โรยหล่น
ท้ออกมองผืนร้าง.......................ทุ่งแล้งรอยฝน ฯ
๏  เสมอทุกข์ท่วมสู่เบื้อง...........บาทพระองค์
ธ กอปรกิจหมายทรง.................สืบแก้
ปวงดำริล้วนประสงค์.................หวังพสก
ไทยอยู่เย็นสุขแล้.....................จากร้อนบรรเทา ฯ
๏  จึ่งดำริเกิดขึ้น......................โครงการ
ด้วยเอกปรีชาปาน...................ปราชญ์ล้ำ
ฝนหลวงพ่อประทาน.................เทียมหยาด
โปรยหลั่งลงแหล่งน้ำ................เนื่องน้ำพระทัยถึง ฯ
๏  พลิกฐานฟื้นก่อเกื้อ.............ทำกิน
หลอมผากคราวเหือดดิน..........ชุ่มได้	
พฤกษ์พรรณเหล่าล้วนยิน-........ดีระบัด
คลองเขื่อนมีน้ำใช้...................ช่วงฟ้าเลือนฝน ฯ
๏  พระเมตตาแก่ทั่วทั้ง............ทวยสยาม
ใต้ฉัตรภูมินทร์ราม..................ปกหล้า
จึงผองเหล่าในนาม..................ปวงพสก
หลอมจุดดวงใจข้าฯ.................บาทน้อมพรถวาย ฯ
				
			 
			
				11 เมษายน 2549 04:58 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  โดยหน้าที่ผู้นำกับอำนาจ
คือบทบาทของระบอบเรามอบให้  
ตามครรลองผองสิทธิ์อธิปไตย
เพื่อรับใช้สัญญาประชาคม 
๏  สวมหัวโขนตำแหน่งแสดงศักดิ์
ควรตระหนักใช่ลานใครกรานก้ม    
หรือบัลลังก์คอยตื่นไว้ชื่นชม
รอพ่นลมโวหารสำราญลิ้น
๏  เพียงบังตาทาฉาบด้วยคราบสูท
กลับดึงดูดหลงปลื้มจนลืมหมิ่น
เป็นนายว่า..ข้าพลอยจึงลอยดิน
ก่อแหว่งวิ่นคุณค่าศรัทธาชน    
๏  ลอยดุจว่าวต้องลมยามข่มพัด
คอยยืดหยัดรั้งตัวไปทั่วหน
เวียนซัดส่ายเพราะแรงตะแบงตน
หวังดิ้นรนยื้อยุดจนสุดปลาย
๏  โอ้อำนาจ..เสพผ่านอยู่นานเนิ่น
กลัวเพลิดเพลินเริงสรรพจะลับหาย
จึงวาดเติมเคลิ้มฝันกับบรรยาย
เทียวขับผายฟุ้งทั่วทุกกลั้วคำ
๏  แต่สุดที่สุดทางในร่างเก่า
สิ้นแสงเงาคอยส่งให้ลงย่ำ 
เหลือสุดท้ายปรากฏไว้จดจำ
ชนจะนำคืนค่า..สู่สามัญ  
				
			 
			
				24 มีนาคม 2549 04:48 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  หนาวน้ำค้างพร่างพรมมาห่มเนื้อ
ปรุงกลิ่นเจือหอมบอกถึงดอกแก้ว
ถวิลถามหมื่นดาวทุกพราวแพรว
ว่าค่ำแล้ว..อุ่นไหมผู้ไกลตา	
๏  ส่งคะนึงล่องปรายกับสายเสียง
ครวญสำเนียงผ่านสรวงด้วยห่วงหา
ผูกทำนองสร้อยคำวันอำลา
ขอสัญญาจักทวน..เพียงนวลคอย
๏  กิ่งสะเดาท้ายเรือนคงเตือนอยู่
ใต้ลำพูแอบอิงแสงหิ่งห้อย
พลิ้วผืนม่านหม่นจางจนพรางรอย
ทุกเหลียวพลอยร่วมพร้องสู่กรองกานต์
๏  ทานลมหนาว..กว่าหนาวในคราวนี้
แทรกราตรีเย็นเยียบทุกเงียบขาน   
เกลื่อนแห้งใบปลิดโรยลงโปรยลาน
พร้อมหนึ่งจารถามห่วงจากห้วงใจ 
๏  อยู่ไกลแสนแดนถิ่นหรือยินถึง
เพลงรำพึงยามขับพร้อมหลับใหล
ท่ามริบหรี่แสงเพียงตะเกียงไฟ
เหมือนอกใครหม่นเศร้าด้วยเฝ้ารอ 
				
			 
			
				10 มีนาคม 2549 05:07 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  เอิบอรุณฝากแต้มเมื่อแย้มสาง
ฟ้ารุ่งรางเหลื่อมรอยดั่งพลอยสรวง
เกร็ดน้ำค้างกลั่นวาดเม็ดหยาดรวง
แอบซ่อนดวงใสพราวจากคราวคืน 
๏  ใกล้จะลับขอบลานแล้วกาลค่ำ
หอมกลิ่นร่ำดอกปรุงจรุงชื่น
แรมเรียวจันทร์แจ้งพลบจวนกลบกลืน
พร้อมนิลผืนแทนคลี่ด้วยสีทอง
๏  ปล่อยสายธารบ่าลามของความหลัง
ที่พรูพลั่ง..ยิ้มหัวและกลั้วหมอง
แต่งคุณค่าเปล่าเปลืองได้เรืองรอง
ร่วมขับพร้องเพลงฝันในวันเยาว์ 
๏  ตราบล่วงรอยตำนานอีกวารหนึ่ง
ช่วงคำนึงแตะตื่นในคืนเหงา
ยังพรายแสงอุ่นอ้อมมากล่อมเกลา
วาดพรุ่งเช้าปรากฏด้วยงดงาม
๏  กี่บันทึกจากถ้อยทุกรอยผ่าน
น้อมเก็บจาร/ปลดจำต่อคำถาม
แม้นรำไร..มืดคราวยังวาววาม
ปลุกนิยามรายร่ำกลางสำเนียง
๏  ลมรำเพยแผ่วมาอุษาหนึ่ง
ให้คะนึงขับยินเช่นพิณเสียง 
บ่มรอยทางทวนเพื่อจะเหลือเพียง
หัวใจเคียง..รับหอม..ที่หลอมกาล
				
			 
			
				22 กุมภาพันธ์ 2549 04:47 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  เริ่มรอยวันรุจิทอ.ลออสุริยะฉาย
โอบอุ่นอรุณพราย...........................รพี
๏  ตราบกาลเกื้อคุณะค่าสภาวะปฐวี
เนื่องภาณุรังสี.................................ลุสรรค์
๏  ร่วมผืนดินเพาะผลึกผลิพฤกษะระดะพันธุ์
กอรปฐานะอารัญ-...........................ะสิน
๏  เกิดแหล่งธารบริสุทธิ์ประดุจทิพยะริน
ซับหยาดระดาษพิน- ......................ทุพรม
๏  หล่อเลี้ยงสรรพะคระลองสนองตะละภิรมย์
ล้วนสรรคะบรรสม..........................ประสาน
๏  ควรหรือผู้พละด้อยจะคอยทุรประการ
กอบเหลิงระเริงผลาญ.....................สมัย
๏ แปรปรากฏสมะดุลคระกรุ่นปะทุคุภัย
แม้นขัดรหัสไข...............................บ่ขาม
๏ ตราบล่วงเผยผลิระบมเพราะบ่มพิษะละลาม      
เกรงขลาดบ่อาจถาม.......................ฤ ทัณฑ์