23 พฤษภาคม 2550 05:13 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  ลมรำเพยพัดหอมมาล้อมหวน  
หอบไออวลมาส่งคำนึงสาร
หอมประมวลผูกสมัยจากวัยวาน  
หอมมาจารผ่านเจือถึงเนื้อใจ
๏  ค่อยค่อยค้นทวนความขณะคิด   
ค่อยค่อยติดภาพต่อเพื่อรอไข
ค่อยค่อยหยั่งแย้มมองอย่างละไม
ค่อยค่อยไหล..กอปรร่างหว่างเวลา
๏  แต่ละคาบบนทางระหว่างเที่ยว  
หมายเก็บเกี่ยวกอบหวงที่ใฝ่หา
เติบตนท่ามวงทัศน์แห่งศรัทธา  
ที่คงอยู่ในค่าอันว่าควร
๏  ยังมีวันหวั่นไหวให้รู้ว่า  
คือเดียงสาเติบสอนด้วยกำสรวล
ยังมีหาญตอบใจได้สำรวล  
ลบคราบครวญเมื่อย้อนสู่วันเยาว์
๏  ปราถนา..บ่ม-ฟื้น วิจิตรฝัน  
ที่ทอดตัวเงียบงันจากวันเก่า
ติดปีกธรรมพอท่องบนโลกเทา  
สุข-เศร้า รับมีอย่างที่เป็น
๏  เงี่ยฟัง..หัวใจคล้ายจะบอกว่า..  
ยังคนเดิมธรรมดาใช่โดดเด่น
มีสำนึกตีกรอบเป็นขอบเกณฑ์  
คอยหยัดเช่นอหังการ์แห่งสามัญ
๏  ชั่วหนึ่งแม้นานเพียงขณะ 
ผ่านวาระหนึ่งรองเป็นของขวัญ
คลี่บิดเบือนได้ระบัดกับปัจจุบัน  
วาระนั้นจึงจารสถานใจ
๏  ฝันคงยังหอมยอมไว้รอแย้ม   
เพื่อเสียบแซมด้วยละมุนอีกสมัย 
เติมเต็มปวงป่นเปลืองที่ปลิดไป  
เติมวันวัยอีกช่วง..ก่อนล่วงกาล..				
			 
			
				9 พฤษภาคม 2550 05:22 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏ รำพันสารด้วยพิษความคิดถึง
อาจไม่ซึ้งซาบไปสู่ใจเขา
ก็รู้ว่าสิทธิ์เคียงแค่เพียงเงา
คำว่า "เรา" แค่ฝันของวันวาน
๏ จบลงแล้วความหลังเคยหวังวาด 
เหลือเพียงบาดแผลย้ำกับคำหว่าน
จะดึงดื้อยื้อหยุดก็สุดทาน 
เกินผสานเมื่อหัวใจ..เขาไม่มี
๏ มองแววตาสิ้นรักที่ผลักไส 
หาน้ำใจสักนิดยังริบหรี่
เหมือนเติมซ้ำแส้โศกเข้าโบกตี 
ด้วยท่าทีให้เห็นความเย็นชา
๏ จะรู้หรือน้อยใจข้างในนี้ 
มันล้นปรี่กลืนข่มจนขมปร่า
แต่สักหยดหยาดช้ำของน้ำตา 
จะเห็นหลั่งท้นมา..อย่าหมายเลย
๏ เก็บอาลัยอาวรณ์ซุกซ่อนเร้น 
ความขื่นเข็ญสักนิดไม่คิดเอ่ย
จะบอกย้ำห้ามใจเหมือนไม่เคย 
เป็นคู่เชยชื่นขวัญของวันนั้น
๏ ไม่คิดถึงเราบ้าง..ก็ช่างเขา 
แม้อกเรา..อาลัยจนไหวหวั่น
จะทนพิษแผลพร้อยนับร้อยพัน 
ดีกว่าหันไปซบแอบอยู่แทบเท้า..
				
			 
			
				6 พฤษภาคม 2550 07:08 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  แล้วคีตะเพลงค่ำก็ร่ำสรวง
ดับโชนช่วงบทตอนวันร้อนผ่าว
หมื่นพรายแสงแห่งตระการเพดานดาว
ขับเรื่อราวหลอมรื่นให้ผืนนิล
๏  ประดับแสงลบสร้อยในรอยโศก
มาแต่งโลกร่วมลานบรรสานศิลป์
ขับราตรีบรรเลงบทเพลงพิณ
ซับสู่จินต์..ราวลิขิตด้วยจิตรกร
๏ วาดราตรีเรื่อพลอยมาร้อยสู่
เป็นเพื่อนอยู่กล่อมขวัญข้างบรรจถรณ์
ให้เหนื่อยล้าอีกวันที่สัญจร
ได้พิงผ่อนรับล่องทำนองกาล
๏ แต้มสดใสใต้นาม..ความมืดมิด
ด้วยดวงนิดเอียงอายร่วมฉายฉาน
แต่งขอบสรวงทายทักใต้จักรวาล
กอปรพิมานมอบสู่ผู้มาเยือน
๏ ในขอบม่านผ่านฝันอันพิลาส 
อาจไหววาดต่างนิยามในความเหมือน 
ตราบรุ่งสางแสงสวรรค์จะพลันเลือน 
พร้อมกล่นเกลื่อนความเหงา..ที่เปล่าดาย..
				
			 
			
				29 เมษายน 2550 06:42 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  ระลอกคลื่นเคลื่อนพาเข้าหาฝั่ง
มาซบหยั่งผืนทรายระบายใส
วาดคิดถึงผ่านห้วงทั้งดวงใจ  
เป็นความไว้สลักถ้อยกับรอยทราย
๏  ผ่านผืนน้ำเต็มตวงห้วงสมุทร  
สู่สูงสุดบนเบื้องเป็นเครื่องหมาย
ให้ผืนน้ำแทนหมึกจนหมดปลาย  
เขียนบรรยาย รัก ผ่านบนลานฟ้า
๏  หมายขอบฟ้าตอบแทนวงแขนอุ่น 
ไปเคียงหนุนแนบสนิทสเน่หา
ฟังเสียงคลื่นหวานร่ำจำนรรจา  
กระซิบว่า..เพียงร่างที่ห่างกัน
๏  ให้ลมผ่านโอบนำทุกสัมผัส  
เป็นสายรัดอิงแอบไว้แนบขวัญ
พร้อมคิดถึงฝากนำมากำนัล  
ร้อยสัมพันธ์เชื่อมทางระหว่างเรา
๏  จากขอบฟ้าจรดทรายถึงปลายฝั่ง 
สู่บัลลังก์ใจรักสลักเสลา
ทุกร่างรอยคอยเคียงใช่เพียงเงา    
ถวิลเฝ้าคืนมา...ร่วมฟ้าเดียว..