29 พฤษภาคม 2547 18:19 น.

ไม่รู้นิ

เสือยิ้มมุมปาก

ไม่มีอะไรหรอกแค่อยากบอกว่า..   . บ้านคือวิมาน  หุหุหุ ครายมีอารัยที่เกี่ยวกับ หัวข้อนี้ก็เชิญค่ะ
   แหลงกลางไมซัด  ไม่สวย ไม่เดิร์น ... ทำไงวะ แหลงทองแดงจังแหละ แต่ความสามารถด้านภาษาอังกฤษ 55++ สุดยอดเลยพี่น้อง เก่งกว่าเด็กที่นี่อีก คอมด้วย ดังนั้น อย่ามองคนแต่ภายนอก นะคะ				
19 พฤษภาคม 2547 19:03 น.

โดดเดี่ยว..อย่างโดดเด่น

เสือยิ้มมุมปาก

เดียวดาย..ว่างเว้น..เล่นอ้างว้าง
เดินคนเดียว..ตามทาง..ไม่สดใส
ก้าวไปหน้า..คนเดียวอย่าง..มั่นใจ
ไม่สนใจ..ใครจะมอง..ลองพิศแล

ก็เพราะเรา..มีตัวเรา..เป็นที่ตั้ง
อย่าสนใจ..คนข้างหลัง..จะกังขา
ให้เขาพูด..เขาคิดไป..ตามอุรา
เรานั้นหนา..ต้องเชื่อมั่น..ในตัวเอง

เหมือนตัวเสือ..ตอนนี้เปลี่ยนที่ใหม่
อะไรๆก็แปรปราดเป็นผวนผัน
มีเพือนใหม่ครูใหม่ไม่ค่อยทัน
ที่ก็ใหม่..อะไรนั่น..งงจริงๆ

แต่ตอนนี้เรานั้น..แจ้งเกิดแล้ว
แสนเพริดแพร้วสุขใจสบายเหลือ
เพื่อนที่ห้องเชื่อมั่นยอมจุนเจือ
ว่าเธอนี่เก่งเหลือเกินจริงๆ

...ไปแล้วนะคะ...โชคดีทุกคนค่ะชาวไทยโพเอ็ม				
16 พฤษภาคม 2547 17:41 น.

คิดถึงบ้านเว้ยยยยยยยยยยยยยย

เสือยิ้มมุมปาก

...ต้องจากบ้าน..ย้ายฐาน..พารานถิ่น
  ต้องสูญสิ้น..อิสระ..น่าสงสาร
  มาเพื่อเรียน..เขียนอ่าน..ไม่ว่างวาม
  ต้องเดินตาม..คนเก่ง..เก่งเขามีกัน

  คิดถึงบ้าน..คิดถึงพ่อ..คิดถึงแม่
  เพื่อนรักแท้..ก็มีมีห่างหาย
  คิดถึงครูที่รัก..แนบใจกาย
  คิดถึง..สิ่งร้ายๆในคราบดี

...อยากย้อนเวลากลับไปหาสิ่งเดิมๆ....
  ร้องออกมาให้หมด..แล้วก้าวไปข้างหน้า..อย่างเชื่อมั่น				
3 พฤษภาคม 2547 13:41 น.

++นิราศผิดศีลธรรม++

เสือยิ้มมุมปาก





                                                     นิราศเรือนเยือนน้องคืนสองค่ำ 
ทิ้งแม่พ่อจากไปเหมือนใจดำ     ปิดงำแถมซ้ำไม่ร่ำลา 
เข้าห้องหับปิดประตูดูยามฤกษ์    พอจันทร์เบิกแสงผ่องส่องเวหา 
ก็แต่งองค์ทรงยีนส์ปีนลงมา        ออกชายคาต้นหูกวางต่างบันได 
อนุชาหลับแล้วแต่หัวค่ำ              ในส้มตำยานอนหลับพี่จับใส่ 
พอน้องกินเสร็จสรรพก็หลับไป     แสนเสียใจแต่ต้องทำเพราะจำเป็น 
ถ้าเจ้าตื่นมองหา พี่ไม่อยู่              เจ้าคงกู่บอกแม่ว่าหาไม่เห็น 
ไอ้ปากยาวหน้าตลกนกกระเต็น*    พี่จะเร้นหลบได้อย่างไรกัน 
อาลัยบ้านที่อยู่แต่เกิดก่อ             หลับสบายเถิดหนอพ่อของฉัน 
แม่อย่าตื่นจนกว่าเวลาวัน             จะกลับมาให้ทันตะวันทอ 
วิ่งเงียบเงียบเลียบตรอกออกถนน  ไร้ผู้คนงันเงียบเย็นเยียบหนอ 
เริ่มหวาดหวั่นขวัญผวาน้ำตาคลอ    เกรงว่ากรรมจะทำก่อจะต่อตาม 
แลใบหญ้ายืนพิงอิงกันอยู่            กลางแสงจันทร์คลอคู่ดูวาบหวาม 
ใจประหวัดเคียงชิดแม่สาวงาม         ผู้เป็นดาววาววามในดวงใจ 
ไม่พบหน้าห้าวันมันว่างเปล่า           เหงาน่ะเหงาเจียนว่าจะบ้าได้ 
ถึงดึกดื่นก็จะด้นจะดั้นไป                จะคิดถึงเท่าไรเดี๋ยวได้รู้ 
เป็นหนุ่มเดือดเลือดร้อนไม่ย้อนคิด    ไม่ทำดัดจริตคิดแต่สู้ 
ไม่สนแล้วคำพ่อแม่แลคำครู              ที่ทำอยู่คือเป็นสิงห์กระทิงควาย 
บัดเดี๋ยวใจไม่นานถึงบ้านสาว            ที่หน้าต่างขาวขาวคือที่หมาย 
เหงื่อท่วมตัวกลัวหมากัดถูกฟัดตาย     ตามประสาลูกผู้ชายจึงกลั้นกลัว 
มองซ้ายขวาไม่มีหมาหน้าค่อยแจ่ม   เดือนพลอมแพลมหลังต้นเสลาเงาสลัว 
ใจไม่พอขอนางทั้งร่าง-ตัว             จะไม่กลัวคุกตะรางใครขวาง ตาย! 
ปีนตะกายไต่ประสาอุตสาหะ               ถ้าลดละฤาจะสมอารมณ์หมาย 
มือเหนี่ยวกิงเท้าอิงก้านลนลานตะกาย   คงโชคร้ายถ้าใครผ่านพานมาแล 
พลันมีเสียงเปิดหน้าต่างกลางความเงียบ   สะท้านเยียบคิดทำนาย กูตายแน่ 
หันมาพบหวานใจอยู่ยืนแล             ประหลาดแท้เมื่อตาสบสยบกัน 
สาวตะลึงนิ่งมองจ้องหน้าหนุ่ม         กลางเงาไม้พุ่มดั่งหลงฝัน 
หนุ่มก็มองซาบซึ้งซึ่งกัน         มีโทษทัณฑ์ก็พร้อมยอมยินดี 
แม้ไม่มีใครเอ่ยเปรยขึ้นทัก            ก็ประจักษ์ซึ้งแววอยู่แล้วนี่ 
เล่นคมตาต่างคมความหวามฤดี          ภาษาใดชัดชี้เท่านี้นา 
ไม่ต้องเอื้อเชื้อเชิญด้วยคำใด       ไม่ต้องถามไถ่ก็รู้ค่า 
เมื่อสองคนรู้ตนพ้นอีกครา             ก็สบตากันใกล้ใกล้ที่ในเรือน 
อุ่นมือพี่อุ่นนักรักมือน้อง              ค่อยแตะต้องหวั่นไหวใดจะเหมือน 
ด้วยว่าหวงห่วงหาจึงมาเยือน               มาเป็นเพื่อนใจเจ้า นะเท่านี้ * 
พี่แอบจรมาหรอกไม่บอกแม่             ใครรู้เข้าเราจะแย่เจ้าเสียศรี 
มากลางคืนนี่แหละหนาเวลาดี         ให้โลกนี้มีเราเท่านั้นพอ 
แล้วโอบร่างสั่นระทกกับอกอุ่น           ขอหอมแก้มกรุ่นกรุ่น นะพี่ขอ 
มีเพียงเราโลมเล้าพะเน้าพนอ             ทั้งแม่พ่อหลับสนิทอย่าคิดเกรง 
ไม่ได้คิดจาบจ้วงล่วงเลยขวัญ          ขอรักเจ้าเท่านั้นใช่ข่มเหง 
ถ้าเจ้านี้มีใจปล่อยไปเอง               อย่าหวาดเกรงถ้าสมัครจะรักจริง 
เพียงจันทร์นวลแต่งแหล่งชั้นฟ้า            ในโลกหล้าหลับใหลไปทุกสิ่ง 
หวานละมุนอุ่นอายเมือ่กายอิง           เป็นความจริงที่รู้-รับแต่กับเรา 
เป็นลุ่มหลงหลับใหลในตาตื่น           เป็นเย็นชื่นแฝงในเปลวไฟเผา 
เป็นหนักแน่นรักอ้อนอ่อนเบา           เป็นเงื่อนเงากำหนัดอันชัดใจ 
เป็นสิ่งแปลกแรกคราแต่เคยคุ้น         เป็นการเอื้อเจือจุนทั้งรับ-ให้ 
เป็นเคล้าคู่เคียงข้างจากห่างไกล             เป็นสองร่างอ่อนวัยแต่ใจเดียว 
ถ้าคมเคียวแทนนามความลุ่มหลง         หนุ่มสาวก็คงเป็นหญ้าเขียว 
พอโดนคมสะกิดสักนิดเดียว               คาคมเคียวตัดกล้าปริบตาราย 
ถึงยามนี้ความถูกผิดไม่คิดหรอก             สงวนงามใครบอกว่าควรหมาย 
เมื่อศีลพังมันก็พลั้งไปทั้งกาย            แลกด้วยตายตามกันก็ทันตา.......... 


ตะกองกอดร่างน้องสะท้านสั่น          หัวใจหวั่นไหววาบเสน่หา 
พลันมือน้องป้องแอบแนบอุรา          กระซิบว่าอย่าพี่..อย่า อย่าทำน้อง 
วาจาพี่หวานล้ำน้องจำได้               แต่กลัวใจไม่จริงต้องหม่นหมอง 
น้ำคำพี่ไพเราะเพราะหมายปอง         น้ำใจน้องอาจต้องนองน้ำตา 
ฟังคำสาวราวร่างละลายได้               ยิ่งเปลวไฟโหมร้ายหลายองศา 
เจ้าหนุ่มอุ้มร่างอุ่นแนบอุรา            ก้าวช้าช้าวางกายที่ปลายเตียง 
ประคองขวัญเชยคางขึ้นสบแก้ว           นัยตาแววแผ่วเอื้อนกระซิบเสียง 
ถ้าพี่แกล้งทิ้งน้องก็ขอเพียง            ให้ฟ้าฟาดขาดเปรี้ยงในทันใด 
แม้ไม่ได้น้องแล้วในคืนนี้            หัวใจพี่คงแหลกสลายไหม้ 
แม้ไม่เชื่อลองจับที่หัวใจ             แนบมือน้องเอาไว้ข้างในนี้ 
สองตะลึงร่างกอดทั้งสองร่าง           ดั่งลอยคว้างกลางโลกที่เคลื่อนที่ 
ดั่งคลื่นโหมโรมหาดฟาดนที                 กวาดเกาะแก่งกระจายสีสู่วังวน 
ดูดทุกสิ่งลับหายมลายห้วง               ดับสติทั้งปวงลงสู่ก้น 
อันเวิ้งว้างไหววูบฤดีดล                   เกินมนุษย์จะทานทนทะเลกาม 
เสียงโครม! ดังสนั่นปานฟ้าผ่า        สันหลังวาบกายาเกินหักห้าม 
กลับผงะหงายเหลียวเสียวโสตรตาม       ปะทะแก้วแววตาวามประกายไฟ 
เสียงสนั่นตามมาว่า ไอ้สัตว์!!             นี่มึงแอบมาซัดลูกกูได้ 
ตายเสียเถิด ไอ้ระยำ ไอ้จัญไร           แล้วง้างไกเตรียมจะสับส่องลูกปืน 
ใจไอ้หนุ่มวูบหายใต้ตาตุ่ม                   พลางขยุ้มผ้าปูเตียงมาทั้งผืน 
เห็นกระบอกเหล็กจี้แทบล้มครืน            ตะกายฝืนหมายปีนหน้าต่างนั้น 
สาวก็ร้องตกใจ ตายแล้ว! พ่อ อย่ายิง..พ่อ อย่ายิง       เสียงยิ่งสั่น 
เข้ายื้อปืน พ่อฝืน ฝ่ามือพลัน              ฟาดเธอนั้นกระเด็นร่วงลงกลางเรือน 
อารามรีบผ้าพันกันให้ยุ่ง                ยิ่งนังนุงป่ายปีนแทบไม่เขยื้อน 
ไอ้หนุ่มเห็นความตายใกล้มาเยือน             หมายกระโจนหน้าต่างเรือนก็ไม่ทัน 
ไม่ทันแล้ว เสียงชำแรกแหวกอากาศ            เหมือนมีเหล็กร้อนฟาดที่เอวนั่น 
ไอ้หนุ่มเห็นเลือดถึงตะลึงครัน            โลกเหมือนพลันจะดับวูบลงไปแล้ว 
หลุดปากเรียกชื่อ แก้ว..ของพี่ อาา..          ยินเสียงกรีดร้องมาเหมือนว่าแว่ว 
ร่างทั้งร่างล้มร่วงลงไปแล้ว                จากหน้าต่างเลือดไหลแนวลงราดพื้น 
ร่างของสาวหมายพุ่งเข้ารั้งร่าง            ก็หลุดคว้างทั้งสองร่างเกินจะฝืน 
ร่างทั้งคู่ร่วงหล่นลงบนพื้น
... ทุกสิ่งกลืนกลับหายกลายมืดมิด 


สะดุ้งเฮือกเสือกพรวดทะลึ่งนั่ง              หัวใจเต้นโครมดังกระหน่ำจิต 
ตั้งสติค่อยมองค่อยค่อยคิด               ความฝันติดตาเหมือนสะเทือนใจ 
เสียงกริ่งโทรศัพท์แทรกแหวกความเงียบ           เจ้าหนุ่มเลียบมือดูหาให้ไขว่ 
คว้าหูมากดแนบกับหูไว้         ฮัลโหล..  ใคร....จำได้รึเปล่าจ๊ะ 
เจ้าหนุ่มยิ้มกับเสียงใสให้ปลาบปลื้ม      ใครจะลืมเสียงแก้ว ไปได้ล่ะ 
ออกมาหา หน่อยสิ ได้มั๊ยคะ           ดึกแล้วน๊ะ ยังไม่นอนกันอีกเรอะ 
ก็ฝันร้าย..น่ากลัวมาก อยากเจอพี่    โถ..อย่ากลัวคนดีเข้านอนเถอะ 
รีบมานะ ตีหนึ่งแล้ว คนไม่เยอะ      เอาก็เอา...สักครู่เถอะ เดี๋ยวจะไป 
รีบวางหูลุกขึ้นหมายใส่เสื้อ              คลำที่เอว เอ๊ะ..ว่าเนื้อเราเปียกได้ 
ใจหายวาบนึกว่าเลือดรีบเปิดไฟ          ก็ถอนใจแค่ฝันเปียกเพราะฝันอำ 
แต่งตัวเสร็จเร็วพลันแล้วแอบย่อง        นิราศเรือนเยือนน้องคืนสองค่ำ 
ทิ้งแม่พ่อจากไปเหมือนใจดำ           ปิดงำแถมซ้ำไม่ร่ำลา... 

------ภาค 2----------  
ฝ่ายหญิงสาวชื่อแก้วก็คอยอยู่      ได้ยินเสียงก็รู้ว่าใครมาหา 
เปิดหน้าต่างมาพบแล้วสบตา     ชวนเข้ามาอยู่ใกล้ใกล้ที่ในเรือน 
รออยู่นี่นะพี่ชาย ไปล็อคห้อง          สักครู่น้องจะมาอยู่คู่เป็นเพื่อน 
ปิดไฟให้สลัวโลกมัวเลือน          ให้เสมือนความรู้สึกลึกเร่าร้อน 
มาโอบอ้อนตามประสามารยาหญิง      นะ..พี่นะลืมทุกสิ่งเอาไว้ก่อน 
ผลักพ่อหนุ่มล้มเคียงบนเตียงนอน        ลูบแผ่นหลังชื้น-ร้อนนั้นช้าช้า 
หลับตาก่อนอย่ามองมาเวลานี้             แก้วมีของดีให้ค้นหา 
คว่ำหน้าลงไปแล้วปิดตา                         เดี๋ยวรู้ว่าทีว่าดีมีอะไร 
เสียวปลาบวาบเข้าในหัวอก                สติตกไปไม่รู้ว่าอยู่ไหน 
มึนชากว่าในฝันอันชื่นใจ                     เหมือนร่างลอยไปไกลจนลิบฟ้า... 
มีสติอีกทีนี่ที่ไหน                        ประหลาดใจหันไปมองซ้าย-ขวา 
คนข้างข้างเห็นใจช่วยตอบมา               อ๋อ คือว่ายมโลกนั่นยังไง 
ตอนเป็นเป็นท่านเขียนกลอนแกล้งสาวสวย      ที่ชื่อแก้วเอาไว้ด้วยใช่หรือไม่ 
คืนสุดท้ายเขาลวงท่านด้วยแค้นใจ           ให้มาสบตาใกล้ใกล้แล้วฆ่าทิ้ง 

สงสัยว่าเธอจะเดือดเลือดขึ้นหน้า 
อยากจะฆ่าให้ตายกระหายยิ่ง 
เออกระไรหนอใจจะฆ่าทิ้ง     เพราะความจริงวิ่งแทงทะลวงใจ 
อยากฆ่าก็จงฆ่าให้สาสม          ให้สาใจที่จ่อมจมความแค้นไหม้ 
เพราะไหนไหนก็ไร้ศีลธรรมใด      ก็ขอให้ตายห่าคามือนาง 
พี่มาหาเพราะว่าหัวใจพร่ำ             น้องไม่จำความดีของพี่บ้าง 
พอเกรี้ยวกราดสาดด่าไม่ละวาง            โอ้ใจนางเห็นแล้วน่าน้อยใจ 
อยากจะฆ่าก็ฆ่าเสียให้สิ้น            แล้วควักกินหัวใจพี่ก็ได้ 
จะได้รู้ว่าสุดทั่วขั้วหัวใจ            ความจริงเท็จเช่นไรจะได้รู้ 
แล้วช่วยป่นกองกระดูกของพี่นั้น        จะได้กลายเป็นควันละอองอยู่ 
ลอยวนเวียนรอบน้องได้แลดู            หายเข้าสู่ร่างน้องได้ทางหายใจ 
จะได้รู้ว่าชายที่ฆ่าทิ้ง            หัวใจจริงเที่ยงแท้สักแค่ไหน 
จะได้รู้ว่าชาตินี้ไม่มีใคร          ที่หัวใจจริงจังดังพี่นี้ 

ยมฑูตได้ฟังคำชายหนุ่ม 
ซึ่งอุราร้อนรุ่มเหลือเกินนี่ 
มนุษย์ช่างหมกหมุ่นวุ่นสิ้นดี              ด้วยเป็นเพราะสตรีข้าเข้าใจ 
หยิบใบตรวจตราประวัติโดยละเอียด           พลันสะดุ้งชักเครียดขึ้นมาได้ 
ฉิิบหายแล้ว เอ๊ะนี่มันยังไง                   เอ๊ะ ทำไมไม่เห็นรายชื่อมัน 
พลิกไปพลิกมาห้าหกตลบ                แล้วก็ตบเข่าฉาดตะโกนลั่น 
เฮ้ย!..นี่มันอะไรยังไงกัน                 ไอ้หมอนี่ชะตามันไม่ถึงตาย 
หันไปด่าลูกน้องเสียงสนั่น                 ว่าทำไมพวกมึงนั้นถึงมักง่าย 
ไม่ยอมเช็คให้ดีจึงวุ่นวาย                   รีบถีบท้ายส่งกลับไปซะเดี๋ยวนี้ 
เจ้าหนุ่มงุนงงยิ่งตะลึงอึ้ง                  เสียงเอะอะอื้ออึงอยู่อึงมี่ 
รู้สึกเหมือนโดนถีบเข้าหนึ่งที            ร่างเหมือนปลิวหวิววี่ร่วงดังโครม! 
โลกทั้งปวงควงสว่านสะท้านสนั่น          อกก็พลันปวดร้าวราวถูกโถม 
เหมือนไฟฟ้าฟาดประสาทแล่นจู่โจม         ทะลวงโถมทิ่มแทงสตินั้น 
เห็นหลอดไฟขาวสว่างอยู่กลางห้อง         กระพริบตาค่อยประคองสติมั่น 
เหลียวดูเตียงเรียงรายรอบกายนั้น       นี่เราสลบไปกี่วันก็ไม่รู้ 
อกก็แปลบแสบสิ้นไปถึงไส้              ก้มดูแผลพันไว้ชะเลือดอยู่ 
ค่อยลำดับเรื่องราวผ่านมาดู             แล้วจู่จู่ก็จดจำทุกเรื่องราว 
ไม่นึกเลยความรักจะแปรได้             ไม่นึกเลยหัวใจของหญิงสาว 
จะแล้งร้ายกระหายหื่นและขื่นคาว          ถึงเข่นฆ่าดับด้าวได้คราวนี้ 
แรงความรักละลายหายกลายเป็นแค้น        มันไหลแล่นจุกหนักกระอักจี้ 
จึงกัดฟันยันร่างขึ้นทันที                         กระชากสายน้ำเกลือบี้ลงคามือ 
นาฬิกาที่ฝาห้องสองทุ่มครึ่ง                    เคลื่อนตัวเดินนิดนึงแทบวูบตื้อ 
ประคองร่างแง้มประตูด้วยสองมือ           หูก็อื้อไร้เรี่ยวแรงแข็งใจครัน 
ผ่านห้องหนึ่งเห็นไฟสาดสว่าง             มีดผ่าตัดเรียงวางเป็นขั้นขั้น 
รีบฉวยอันแหลมคมสามสี่อัน            แล้วแอบหลบลงพลันทางบันได 
หลังตึกใหญ่คือทางที่จอดรถ                  เลือดแทบซึมไหลหยดจากอกได้ 
เอื้อมมือกุมใจสั่นสะท้านใจ              พลันแสงไฟสาดส่องต้องนัยตา 
รถคันหนึ่งเลี้ยวปราดมาจอดใกล้             รีบแอบข้างเสาใหญ่ดูทีท่า 
ยินเสียงคนคุยกันลงรถมา              แต่ทว่ายังไม่ทันดับเครื่องรถ 
กระโจนเข้าทันทีที่นั่งขับ            เข้าเกียร์ฉับเหยียบคันเร่งเกือบมิดหมด 
เสียงโวยวายไล่ดังอยู่หลังรถ             แต่อกที่เลือดหยดไม่รู้แล้ว 
เสียงรถราเบรคลั่นสนั่นถนน            เสียงล้อครูดลากจนแสบหูแก้ว 
ฝ่าทุกสิ่งที่ขวางหนทางแนว             ไม่รู้แล้วหนทางและทิศใด 
กระชากเกียร์เหยียบแค้นแล่นตะบึง         ราวพายุอื้ออึงในอกใกล้ 
แทบจะเดือดเลือดร้อนลุกไฟ               จะลุกไหม้เมื่อไรก็ไม่รู้ 
เห็นป้ายซอยเคยคุ้นก็จำได้           กระชากเลี้ยวพวงมาลัยแทบบิดบู้ 
ภาพถนนผ่านพร่าตาเพ่งดู                ขนานคู่เรื่องราวที่ผ่านมา 
ภาพความหลังไหลซ้อนภาพถนน         เป็นน้ำตาผ่าวล้นไหลนองหน้า 
พลันเห็นเงาไหววาบผ่านหน้ามา          ตกตะลึงเกินกว่าจะเบรคทัน 
เสียงดังเปรี้ยงดังสนั่นถึงเลือดสาด            ร่างร่างหนึ่งร่วงฟาดล้มกลิ้งนั่น 
ใจหายวูบกระแทกเปิดประตูพลัน         ลืมความปวดฝ่าควันวิ่งเข้าไป 
ประคองร่างที่ล้ม โอ!..ไม่นะ         เห็นใบหน้าแทบผงะ พี่จำได้ 
ใบหน้าน้องนองสลดเลือดรดไล้          โอ้!...ทำไม ถึงกลายเป็นแบบนี้!! 
ทั้งความรักความแค้นละลายเกลี้ยง      เหลือแต่เพียงความเศร้าอันล้นปรี่ 
ได้ยินเสียงกระซิบจากปากเจ้านี้         ระริกสั่นสะเทิ้มฤดีสั่นสะท้าน 
น..น...น้อง ขอโทษ อย่าโกรธนะ      พอสิ้นเสียงสิ้นระยะคำที่ขาน 
เธอก็นิ่งแน่ระทดหมดลมปราณ          เปลววิญญาณละลายหายกลายเป็นควัน 
เสียงกรีดร้องจากอกพี่ระเบิดก้อง        ระเบิดร้องระเบิดร่างระเบิดขวัญ 
กระชากมีดผ่าตัดเงื้อมือพลัน
......... จ้วงที่หัวใจนั้นในทันที. 
เธอกรีดร้องจนต้องตกใจตื่น                  เหงื่อกาฬชื้นชุ่มร่างสั่นซีดสี 
หัวใจเต้นแทบจะหลุดจากร่างนี้             เห็นความฝันเหมือนผีมาแกล้งกัน 
ลุกขึ้นเปิดตู้เย็นหาน้ำเย็น                   ประหลาดใจไม่เห็นมีน้ำนั่น 
มีแต่ขวดเหล้าเหลืออยู่บ้างนั้น           เลยยกมันขึ้นดื่มดับอารมณ์ 
เริ่มจะมึนแต่ใจไม่หายสั่น               คิดถึงพี่ขึ้นมาพลันเมื่อหมองหม่น 
ไม่อยากโทร แต่คิดถึงร้าวระทม                 พี่คงข่มฝันร้ายให้หายไป 
นาฬิกาตอนนี้ก็ตีหนึ่ง                     ยกโทรศัพท์แล้วจึงกดเลขใส่ 
เพียงสักพักยินเสียงเพียงชื่นใจ           ฮัลโหล.. ใคร....จำได้รึเปล่าจ๊ะ 
เสียงของหนุ่มกล่าวตอบอย่างปลาบปลื้ม     ใครจะลืมเสียงแก้ว ไปได้ล่ะ 
ออกมาหา หน่อยสิ ได้มั๊ยคะ        ดึกแล้วน๊ะ ยังไม่นอนกันอีกเรอะ 
ก็ฝันร้าย..น่ากลัวมาก อยากเจอพี่    โถ..อย่ากลัวคนดีเข้านอนเถอะ 
รีบมานะ ตีหนึ่งแล้ว คนไม่เยอะ       เอาก็เอา...สักครู่เถอะ เดี๋ยวจะไป 
พอวางหูก็รู้ว่าชักเริ่มเมา                โลกมันหมุนไม่เหมือนเก่าเป็นไปได้ 
เดินไปหยิบมีดมาถือไว้ทำไม         ตอนนี้เธอประหลาดใจตัวเองจริง!!!!				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสือยิ้มมุมปาก
Lovings  เสือยิ้มมุมปาก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสือยิ้มมุมปาก
Lovings  เสือยิ้มมุมปาก เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเสือยิ้มมุมปาก
Lovings  เสือยิ้มมุมปาก เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเสือยิ้มมุมปาก