27 พฤศจิกายน 2552 20:14 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ เหตุประหารประหัตห้วงขัดแย้ง
ยิ่งรุนแรงเหลือหลากฟากฟ้าฝัน
กลางเวลาฝ่าข้ามท่ามวัยวัน
รอยร้าวอันลึกล้ำยังย้ำเตือน
  ๐ ในสังคมบ่มห่อก่อความคิด
ความถูกผิด ทิศทาง ความ ต่าง/เหมือน
ดั่งรอจะสะกิดแผลหากแชเชือน
หมางหมู่เพื่อนผิดใจไยแปลกจัง
  ๐ เปรียบกองไฟไหม้ฟอนมิห่อนจบ
มิอาจกลบเกลื่อนแผลแต่หนหลัง
รอยแยกลึกนึกร้าวหนาวภวังค์
เกินกว่าครั้งคราใดจะคล้ายกัน
  ๐ แม้หลบลี้หนีร่างไปทางไหน
ไฟในใจหมายตามคอยห้ำหั่น
เป็นกองเพลิงเริงไฟไหม้คลุ้งควัน
รัดรอยควั่นเกลียวแค้นจนแน่นทรวง
  ๐ เกิดภาพร้าวราวแยกแตกฝ่ายฟ้า
ต่างฝ่ายล่าล้างแค้นแสนใหญ่หลวง
ต่างฝ่ายอ้างอีกฝ่ายหมายหลอกลวง
ช่วงชิงปวงประชามาหนุนตน
  ๐ เป็นสงครามประชาชีดิถีใหม่
สื่อทางไกลสานฟ้าเวหาหน
ลงทุนเชื่อมช่องทางระหว่างคน
ปลุกมวลชนเชิงรุกทุกนาที
  ๐ กลยุทธทุกอย่างถูกสร้างสรรค์
ทุกวัยวันคั้นมาทำหน้าที่
ตั้งท่าท้าประจันกันข้ามปี
ยังมิมีที่สานสมานรอย
  ๐ ถึงกองไฟกองนี้ไม่มีจบ
มิอาจลบแรงใจให้ถดถอย
ความตั้งใจแม้หวังยังล่องลอย
ก็ยังคอยเวลาเยียวยาคืน
.........
คนกุลา
ในเหมันต์
  ๐ เหตุประหารประหัตห้วงขัดแย้ง
ยิ่งรุนแรงเหลือหลากฟากฟ้าฝัน
กลางเวลาฝ่าข้ามท่ามวัยวัน
รอยร้าวอันลึกล้ำยังย้ำเตือน
  ๐ ในสังคมบ่มห่อก่อความคิด
ความถูกผิด ทิศทาง ความ ต่าง/เหมือน
ดั่งรอจะสะกิดแผลหากแชเชือน
หมางหมู่เพื่อนผิดใจไยแปลกจัง
  ๐ เปรียบกองไฟไหม้ฟอนมิห่อนจบ
มิอาจกลบเกลื่อนแผลแต่หนหลัง
รอยแยกลึกนึกร้าวหนาวภวังค์
เกินกว่าครั้งคราใดจะคล้ายกัน
  ๐ แม้หลบลี้หนีร่างไปทางไหน
ไฟในใจหมายตามคอยห้ำหั่น
เป็นกองเพลิงเริงไฟไหม้คลุ้งควัน
รัดรอยควั่นเกลียวแค้นจนแน่นทรวง
  ๐ เกิดภาพร้าวราวแยกแตกฝ่ายฟ้า
ต่างฝ่ายล่าล้างแค้นแสนใหญ่หลวง
ต่างฝ่ายอ้างอีกฝ่ายหมายหลอกลวง
ช่วงชิงปวงประชามาหนุนตน
  ๐ เป็นสงครามประชาชีดิถีใหม่
สื่อทางไกลสานฟ้าเวหาหน
ลงทุนเชื่อมช่องทางระหว่างคน
ปลุกมวลชนเชิงรุกทุกนาที
  ๐ กลยุทธทุกอย่างถูกสร้างสรรค์
ทุกวัยวันคั้นมาทำหน้าที่
ตั้งท่าท้าประจันกันข้ามปี
ยังมิมีที่สานสมานรอย
  ๐ ถึงกองไฟกองนี้ไม่มีจบ
มิอาจลบแรงใจให้ถดถอย
ความตั้งใจแม้หวังยังล่องลอย
ก็ยังคอยเวลาเยียวยาคืน
.........
คนกุลา
ในเหมันต์
 


 
				
			 
			
			
				15 พฤศจิกายน 2552 23:21 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ ราวภูกลางหมอกเคล้า                      ดอยไกล
ผืนป่างามเริงใจ                                      ห่มหล้า
สกุณากู่ก้องไพร                                     ขานเพรียก
เหมือนเมื่อเรียมฤทัยล้า                          ห่วงเฝ้าคอยขวัญ..ฯ
๐ สายหมอกเผย
ผ่านเชยภูเขียว
สนใบเรียว
สูงเพรียวกลางลม
๐ ดอกหญ้าชู
แกว่งดูสวยสม
น้ำค้างพรม
ห่อห่มม่านควัน
๐ เขาสุดสูง
ราวจูงใจฝัน
ท่ามพราวจันทร์
หวังขวัญร่วมเคียง
๐ ทุกเพลา
ตั้งหน้าฟังเสียง
สื่อสำเนียง
จำเรียงคราครวญ
๐ อย่าละเลย
ชาเฉยใจหวน
ร้าวรัญจวน
นะนวลยาใจ
๐ ถวิลนุช
รักสุดหทัย
นวลจากไกล
หัวใจทุกข์ทน
๐ ขอขับขาน
ส่งผ่านไพรสณฑ์
ถึงหน้ามล
เมื่อฝนลากาล
๐ เจ้าจากไกล
อยู่ไหนตาหวาน
มิพบพาน
เยาวมาลย์พุ่มพวง
๐ วิหคเรียง          
บินเคียงราวสรวง
เหมือนมาทวง   
ใจห่วงแก้วตา
  ๐ ฟ้าไกล้ค่ำ         
ราวคร่ำครวญหา
ดาริกา        
แต่งฟ้าอัมพร
๐ ลมหนาวเยือน       
ราวเตือนอย่าหลอน
คนเคียงนอน          
มาจรจากกัน
๐ ยามได้เยือน   
คู่เพื่อนเคียงขวัญ
จวบสายัณห์         
ตะวันลับลา
  ๐ หลงเสน่ห์      
ลมเพพัดพา
ราวมนตรา           
ร่ายคราหนาวครอง..ฯ
๐ แม้นกายไกล           
ฝันไว้เพียงสอง     
หทัยครอง
หมายปองเคียงนาง
 ๐ หวังใจหมาย
มิให้หมองหมาง
ถนอมนาง
มิจางจากพลัน
 
 ๐ เมื่อฝนลา                
คราปลายวสันต์
หวังเหมันต์           
จอมขวัญคงคืน..
  ๐ หนาวลมคราวล่วงเข้า                         ปลายวสันต์
หวังว่าถึงเหมันต์                                    อุ่นเนื้อ
กายไกลหากใจฝัน                                  เคียงคู่      แม่เอย
สองมุ่งรักคงเอื้อ                                      ส่งให้สมถวิล..ฯ
คนกุลา
คราเหมันต์
  
   ๐ ราวภูกลางหมอกเคล้า                      ดอยไกล
ผืนป่างามเริงใจ                                      ห่มหล้า
สกุณากู่ก้องไพร                                     ขานเพรียก
เหมือนเมื่อเรียมฤทัยล้า                          ห่วงเฝ้าคอยขวัญ..ฯ
๐ สายหมอกเผย
ผ่านเชยภูเขียว
สนใบเรียว
สูงเพรียวกลางลม
๐ ดอกหญ้าชู
แกว่งดูสวยสม
น้ำค้างพรม
ห่อห่มม่านควัน
๐ เขาสุดสูง
ราวจูงใจฝัน
ท่ามพราวจันทร์
หวังขวัญร่วมเคียง
๐ ทุกเพลา
ตั้งหน้าฟังเสียง
สื่อสำเนียง
จำเรียงคราครวญ
๐ อย่าละเลย
ชาเฉยใจหวน
ร้าวรัญจวน
นะนวลยาใจ
๐ ถวิลนุช
รักสุดหทัย
นวลจากไกล
หัวใจทุกข์ทน
๐ ขอขับขาน
ส่งผ่านไพรสณฑ์
ถึงหน้ามล
เมื่อฝนลากาล
๐ เจ้าจากไกล
อยู่ไหนตาหวาน
มิพบพาน
เยาวมาลย์พุ่มพวง
๐ วิหคเรียง          
บินเคียงราวสรวง
เหมือนมาทวง   
ใจห่วงแก้วตา
  ๐ ฟ้าไกล้ค่ำ         
ราวคร่ำครวญหา
ดาริกา        
แต่งฟ้าอัมพร
๐ ลมหนาวเยือน       
ราวเตือนอย่าหลอน
คนเคียงนอน          
มาจรจากกัน
๐ ยามได้เยือน   
คู่เพื่อนเคียงขวัญ
จวบสายัณห์         
ตะวันลับลา
  ๐ หลงเสน่ห์      
ลมเพพัดพา
ราวมนตรา           
ร่ายคราหนาวครอง..ฯ
๐ แม้นกายไกล           
ฝันไว้เพียงสอง     
หทัยครอง
หมายปองเคียงนาง
 ๐ หวังใจหมาย
มิให้หมองหมาง
ถนอมนาง
มิจางจากพลัน
 
 ๐ เมื่อฝนลา                
คราปลายวสันต์
หวังเหมันต์           
จอมขวัญคงคืน..
  ๐ หนาวลมคราวล่วงเข้า                         ปลายวสันต์
หวังว่าถึงเหมันต์                                    อุ่นเนื้อ
กายไกลหากใจฝัน                                  เคียงคู่      แม่เอย
สองมุ่งรักคงเอื้อ                                      ส่งให้สมถวิล..ฯ
คนกุลา
คราเหมันต์


 
				
			 
			
				13 พฤศจิกายน 2552 21:26 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ ยามคราคราวฟากฟ้า   หมองมัว
ใจยิ่งรานระรัว                 สุดอ้าง
ปานราวทุกข์พันพัว          หทัยพี่   นางเอย
มองม่านเมฆลอยคว้าง       ยิ่งให้ฤทัยหวน..ฯ            
  ๐ ฟ้าหม่นหมอง             มาครองใจหมาง
ยามแรมทาง                   อ้างว้างจาบัลย์
   ๐ หนาวภวังค์                ครั้งปลายวสันต์
เข้าเหมันต์                       หวังวันพบพาน
  ๐ เมฆแสดส้ม                  คลี่ห่มสีหวาน
เกินเพลงกานท์                   ขับขานได้เทียม
  ๐ คอยเพลา                     คืนมาเยือนเยี่ยม
นะขวัญเรียม                      พี่เตรียมใจรอ
  ๐ เหงาแสนเหงา                อกเรานี้หนอ
หมายพนอ                         นุชก็แสนไกล
   ๐ ยามฟ้าหลัว                  โศกมัวไฉน
แม้นมีใคร                         ไม่เหมือนยุพิน..ฯ
  ๐ ถึงคราคราวไกลร้างไปห่างคู่
เพียงพิศรู้ดูใจไยถวิล
ถึงตัวไกลหทัยเฝ้าเย้ายลยิน
ดุจเพลงพิณคลอแคนแสนสำราญ
  ๐ เมื่อย่ำเท้าก้าวออกนอกเรือนเหย้า
กระซิบเจ้าราวพรอดออดคำหวาน
ถึงร้างไกลไปบ้างใช่ห่างนาน
คิดถึงกานท์ขานรับรอกลับคืน
   ๐ วันพี่ไกลใจสาวคงเฝ้าห่วง
คอยถามทวงล่วงไกลฤทัยฝืน
จำคำวอนย้อนย้ำสุดกล้ำกลืน
อย่าเป็นอื่นคืนคำน้องพร่ำวอน
   ๐ เทียวหนทางกลางหนทนฟ้าหนาว
ชมแสงดาวพราวพร่างหว่างสิงขร
ถึงอยู่แดนแสนไกลให้อาวรณ์
ขอบังอรนอนใจได้เถอะนาง...ฯ
 
  ๐ ยามตัวไกลสุดหล้า           เหงาใจ
แสนห่วงหาทรามวัย              คู่เคล้า
ถวิลเพียงพิสมัย                    หมายมุ่ง   นางเอย
คราวห่างหมายคืนเหย้า          ชื่นน้องสมคอย..ฯ
............
คนกุลา
ต้นเหมันต์
 
  ๐ ยามคราคราวฟากฟ้า   หมองมัว
ใจยิ่งรานระรัว                 สุดอ้าง
ปานราวทุกข์พันพัว          หทัยพี่   นางเอย
มองม่านเมฆลอยคว้าง       ยิ่งให้ฤทัยหวน..ฯ            
  ๐ ฟ้าหม่นหมอง             มาครองใจหมาง
ยามแรมทาง                   อ้างว้างจาบัลย์
   ๐ หนาวภวังค์                ครั้งปลายวสันต์
เข้าเหมันต์                       หวังวันพบพาน
  ๐ เมฆแสดส้ม                  คลี่ห่มสีหวาน
เกินเพลงกานท์                   ขับขานได้เทียม
  ๐ คอยเพลา                     คืนมาเยือนเยี่ยม
นะขวัญเรียม                      พี่เตรียมใจรอ
  ๐ เหงาแสนเหงา                อกเรานี้หนอ
หมายพนอ                         นุชก็แสนไกล
   ๐ ยามฟ้าหลัว                  โศกมัวไฉน
แม้นมีใคร                         ไม่เหมือนยุพิน..ฯ
  ๐ ถึงคราคราวไกลร้างไปห่างคู่
เพียงพิศรู้ดูใจไยถวิล
ถึงตัวไกลหทัยเฝ้าเย้ายลยิน
ดุจเพลงพิณคลอแคนแสนสำราญ
  ๐ เมื่อย่ำเท้าก้าวออกนอกเรือนเหย้า
กระซิบเจ้าราวพรอดออดคำหวาน
ถึงร้างไกลไปบ้างใช่ห่างนาน
คิดถึงกานท์ขานรับรอกลับคืน
   ๐ วันพี่ไกลใจสาวคงเฝ้าห่วง
คอยถามทวงล่วงไกลฤทัยฝืน
จำคำวอนย้อนย้ำสุดกล้ำกลืน
อย่าเป็นอื่นคืนคำน้องพร่ำวอน
   ๐ เทียวหนทางกลางหนทนฟ้าหนาว
ชมแสงดาวพราวพร่างหว่างสิงขร
ถึงอยู่แดนแสนไกลให้อาวรณ์
ขอบังอรนอนใจได้เถอะนาง...ฯ
 
  ๐ ยามตัวไกลสุดหล้า           เหงาใจ
แสนห่วงหาทรามวัย              คู่เคล้า
ถวิลเพียงพิสมัย                    หมายมุ่ง   นางเอย
คราวห่างหมายคืนเหย้า          ชื่นน้องสมคอย..ฯ
............
คนกุลา
ต้นเหมันต์  
 


