24 มกราคม 2551 04:55 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  เธอเอย...บอบช้ำมาใช่ไหม 
หัวใจ..คงทุกข์ทนกับหม่นหมอง
อยู่ในห้วงแห่งความเหงาเข้าครอบครอง
และเต็มตรองความหวานที่ผ่านมา
๏  ไม่เป็นไรนะคนดี...
ใจดวงนี้รับรู้ด้วยห่วงหา
เธอไม่เคย..เลือนหายจากสายตา
ทุกเวลาเคียงข้างไม่ห่างเลย
๏  ฉันรู้..หัวใจเธอบาดเจ็บ
เธอหนาวเหน็บเก็บไว้ไม่ยอมเอ่ย
ทุกรอยร่าง..รอยคำ..อันคุ้นเคย
นั้นคอยเผยอ่อนล้ากับอาลัย
๏  หลับตา...สิคนดี
สองมือนี้..จะคอยกุมอยู่ใกล้ใกล้
จะคอยมอบรอยละมุนของอุ่นไอ
รู้สึกไหม..ในรอยสัมผัสนั้น
๏  ฟังเถิดฟัง...สิคนดี
ระหว่างที่หัวใจเธอไหวหวั่น
ได้ยินไหมรอยคำแห่งจำนรรจ์
คือถ้อยกรอง..จากฉันอย่างบรรจง
๏  ลองมอง...สิคนดี
หนึ่งคนนี้มีอาทรคอยทอดส่ง
เธอเห็นไหมกับสายตาอันมั่นคง
จรดลงมอบสู่..เพียงผู้เดียว
				
			 
			
				21 มกราคม 2551 05:11 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  ภายในห้องอันหม่นมัว... 
แสงสลัวทอดถึงบนหนึ่งร่าง
รอบตัวที่เห็นเพียงรางราง   
หากใบหน้าซีดจางกระจ่างนัก
๏  ดูสิ...ดูเธอ..ช่างแสนเศร้า 
คล้ายรุมเร้าด้วยทุกข์อันหน่วงหนัก
หรือเธอ..ร้าวรอนด้วยพิษรัก 
เกินหักเกินห้ามความอาลัย
๏  กอดตัว..ซุกกายกับหวาดหวั่น 
ยินรำพันเพียงเสียงสะอื้นไห้
เธอเอย..คร่ำครวญนี้เพราะใคร 
หัวใจ..จึงร้าวรานถึงปานนี้
๏  ซ่อนตัวอยู่ในโลกอันโศกหม่น 
มืดมนเสมือนแสงอันริบหรี่   
ยาวนานเหลือเกินแต่ละนาที 
ไม่มี..ไม่เลย..ไม่เห็นใคร
๏  มาเถิด..สองแขนนี้..จะโอบกระชับ
จะคอยซับน้ำตาที่บ่าไหล
ปล่อยเถิด..ปลดปล่อย..ลอยไป
แล้วเธอ-ฉัน..จะร้องไห้ไปด้วยกัน
.................................................
๏   ปาดน้ำตา..รินรื้นสะอื้นอก
มองกระจก..ด้วยสายตายังพร่าสั่น
คงมี..คงมี..ในสักวัน
จะลบทัณฑ์แผลร้ายทั้งหายใจ
				
			 
			
				12 มกราคม 2551 08:29 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏   ใจเอยเหมือนติดข้อง.............บ่วงกรรม
เวียนผูกเข้าจองจำ.....................ไป่พ้น
นานวันกลับยิ่งถลำ......................ลึกสู่ อกเนอ
กลืนหลั่งน้ำตาล้น.......................ซ่อนไว้อาดูร ฯ
๏   กรรมใดหรือตกต้อง..............ตามทัน
หรือบาปจากปางบรรพ์................ก่อนสร้าง
ยึงย้อนสบด้วยมหันต์...................เพรงสาป
โถมทุกข์จนอกว้าง.....................ขื่นท้อทรมาน ฯ
๏   เถิด..หากน้องติดค้าง............หนี้กรรม
ปวงบาปเคยกระทำ....................ก่อนให้
จักรับทุกผลนำ..........................สนองกลับ
ทั้งหมดเพื่อชดใช้......................ตราบแม้นสาสม ฯ
๏   แต่ชาตินี้..เถิดฟ้า.................เป็นพยาน
จรดจิตอธิษฐาน........................สัตย์สร้าง
สัญญาผูกใดจาร.......................จากพี่
ขอส่งคืนไป่ค้าง........................เพื่อแล้วอโหสิกรรม ฯ
๏   และแม้..เกิดชาติหน้า..........ฉันใด
ขออยู่ไกลแสนไกล....................สุดหล้า
กี่ภพกี่สมัย...............................เวียนอยู่
ลึกสุดจนจรดฟ้า........................แยกสิ้นเราสอง ฯ
				
			 
			
				18 ธันวาคม 2550 05:24 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  ถึงพี่...คนแสนดี  
ใจดวงนี้ใช่เมินไม่เห็นค่า
รับรู้อยู่เต็มตื้นทุกเวลา  
กับสายตาอาทรจากหัวใจ
๏  ถ้อยเอ่ย...ประโลมปลอบ  
ที่เพียรมอบในวันแสนหวั่นไหว
โปรดรับรู้..ว่าน้องซาบซึ้งใน- 
ความห่วงใย,ความห่วงหา,ความอาทร
๏  เยื่อใยและไมตรี...  
ใจดวงนี้ล้วนตระหนักทุกอักษร
เสมือนหยาดกลั่นหยดทุกบทตอน 
หวังซับผ่อนคลายพิษที่ติดจม
๏  แต่หัวใจดวงนี้...มีตราบาป 
ต้องคำสาปฝ่าคลื่นความขื่นขม
มิอาจรับ..ใครคิดร่วมชิดชม 
เพื่อลบปม..จาลึกผนึกรอย
๏  ขอบคุณค่าน้ำใจพี่ยิ่งนัก...  
มาปกปักษ์ปัดเป่าความเหงาหงอย
จากวันนี้..ใจนี้..จะเฝ้าคอย
เป็นน้องน้อย..คนดีของพี่ชาย
๏  พี่ชาย...ที่แสนดี
คำคำนี้..ก่องดงามด้วยความหมาย
จากศรัทธาค่อยค่อยกอปรขึ้นรอบกาย
ก่อเป็นสายใจพ้องขึ้นผูกพัน
๏  ร้อยวาจามาลัย..จากใจนี้  
ด้วยยินดีนำมอบมาตอบขวัญ
สองพี่-น้องจะเกี่ยวก้อย..ไปด้วยกัน
จนถึงวันเลือนหาย..บนสายกาล				
			 
			
				28 พฤศจิกายน 2550 04:43 น.
				
												
				
								เพรง.พเยีย
		
					
				
๏  จ๋อมจ๋อม..เสียงจ้วงรับช่วงแจว 
เบาแผ่ว..อ้อยอิ่งอยู่เบื้องหลัง
เมื่อสองมือค่อยค่อยพาย..ด้วยกำลัง 
ทุกจ้วงจ้ำค่อยค่อยหยั่งอย่างตั้งใจ
๏  มืดสนิทในคืนนี้...
ท่ามนทีสายเล็กเล็ก..พาเรื่อยไหล
กับวาบแวม..แสงเพียงตะเกียงไฟ
ส่งวาบไหว..ระริกริ้วบนผิวน้ำ
๏  สัมผัสกับสายลมอ่อนอ่อน...
ช่วยพัดผ่อนความรู้สึกได้ดื่มด่ำ
ไหลล่อง-ท่องปล่อย-ลอยลำ
พร้อมหัวใจไหวร่ำกับคำนึง
๏  เสียงระรัวของหัวใจ...
เต้นไหวไปด้วยฤทธิ์ความคิดถึง
ท่ามความเงียบรอบตัวที่เหลือจึง-
ราวอื้ออึงกึกก้องทั่วท้องน้ำ
๏  "ล่องลอยเอ๋ย..จากพิมานเมือง"
ปล่อยนองเนืองเพลงรักขึ้นหวานร่ำ
เพลงที่ใครเคยล้อต่อลำนำ
รู้ไหม..ยังจดจำทุกคำความ
๏  ฉันฮัมเพลงรัก..ขึ้นในใจ
ปล่อยภวังค์ล่องไปกับไหวหวาม
ถึงเธอผู้แนบใจในทุกยาม
เฝ้าติดตามเหมือนเงาที่เฝ้าคอย
๏  ดูสิ..แสงระยิบระยับนั่น...
นับร้อยพันร่วมกระพริบของหิ่งห้อย
ในยามนี้..เจ้างามเหนือทุกเนื้อพลอย 
เจ้าตัวน้อย..เจ้าวับวาว..กว่าดาวใด
๏  อยากให้เธอมาเห็น...
อีกแสงเหมือนซ่อนเร้น..อันสดใส
เป็นพรายแสงเล็กเล็กแห่งดวงไฟ
ที่จับใจ..ราวสวรรค์อันตระการ
๏  หัวใจฉัน..ก็เช่นกัน...
เหมือนว่ามัน..ส่งระยับคอยขับขาน
นัยคำนึงถึงเธอ..ชลกานต์
นั้นฉายฉานด้วยรักทุกเวลา
......................................
๏  ถึงเธอ..ผู้แสนไกล...
รู้ไหมในคืนค่ำอันล้ำค่า
ฉันมีเธอร่วมรื่นริน..ในจิตนา
เพราะรู้ว่า..เคียงเงา..ได้เท่านี้..