18 พฤศจิกายน 2555 21:47 น.

ฉันจะรักเธอให้นานกว่ากาลเวลา

กวีปกรณ์

แม้มิอาจคาดเดาหรือเข้าใจ
ชีวิตเป็นเช่นไรในวันหน้า
ทุกสรรพสิ่งใต้กฎกาลเวลา
ด้วยความเขื่อศรัทธาจะฝ่าไป

ผืนแผ่นฟ้าเพชรพร่างพราวราตรี
กำมะหยี่ห่มนอนยามอ่อนไหว
ห้วงอารมณ์สมสุขหรือทุกข์ใจ
อาจเพียงฝันยามหลับใหลในนิทรา

เสียงหัวใจไหวเต้นจนเล้นลับ
ยามโลกปรับเปลี่ยนไปในแสงจ้า
โปรดปลุกฉันให้ตื่นคืนกลับมา
เมื่อสิ้นแสงทิวาท่ามราตรี

โปรดอย่าหยุดรักฉันแม้วันใด
ความทุกข์ท้นท่วมใจไม่อาจหนี
ฉันจะอยู่อย่างไรเล่าคนดี
หากหัวใจดวงนี้นั้นสิ้นไป

ฉันจะรักให้นานกว่ากาลเวลา
วันพรุ่งนี้ไม่รู้ว่าจะมาไหม
ฉันขอยืนยันด้วยลมหายใจ
แม้ต้องตายจากไกลจะกลับมา
				
17 พฤศจิกายน 2555 11:37 น.

สิ่งที่เป็นไปได้

กวีปกรณ์

อีกไม่นานเกินกว่าจะมาถึง
อาจเพียงนาทีหนึ่งจึงพบว่า
ความเชื่อและความหวังดังศรัทธา
กำลังเดินทางมาเวลาใด

สรรพสิ่งสุขสันต์ที่ฝันหา
ส่องสะท้อนแววตาต้องสุกใส
ความสัมพันธ์สวยงามท่ามกลางใจ
หรือสายแสงแห่งวันใหม่ในอรุณ

ความทนทุกข์หวั่นใดที่ใจกลัว
คือเมฆครึ้มหม่นหลัวชวนว้าวุ่น
จุดคบไฟฟืนฝันนั้นเป็นทุน
แสงสว่างช่างอบอุ่นละมุนมาน

จงชื่นชมสรรพสิ่งแสงส่องทบ
พินิจภาพที่พบใช่เพียงผ่าน
ดวงดอกไม้นั้นอาจกำลังบาน
สายสินธุ์ธารไหลชื่นช่างรื่นรมย์

เป็นไปได้สายฝนช่วยคนร้อน
ดุจอาภรณ์ป้องผิวปลิวหุ้มห่ม
จงยินดีแด่มิตรอย่าคิดตรม
หลังเมฆฝนอาจสมด้วยแสงทอง

เพียงแค่รับปรับคิดชีวิตสุข
ปลดความทุกข์ทิ้งไกลอย่าให้หมอง
ทุกความฝันความหวังอย่ารวมกอง
ใช่จับจองจนฝังตนทั้งตัว

อาจบางทีความหวังกำลังมา
พร้อมตะวันส่องสว่างร้างสลัว
เปิดม่านรับแสงนั้นอย่ากลัว
เป็นไปได้มองให้ทั่วรอบตัวเอง
				
15 พฤศจิกายน 2555 18:43 น.

ร่ำรมย์

กวีปกรณ์

หอมหอมรื่นรมย์ร่ำสุรา
ชื่นชื่นชีวาเพลาค่ำ
กลืนกลืนกระดกดื่มคำ
กล้ำกล้ำแกล้มรสเมรัย

ดวงดวงแดดร้อนผ่อนแล้ว
แววแววระยับย้อยไหว
วาววาวดาวเด่นดวงไฟ
ใสใสสว่างพร่างคืน

ร่ำร่ำร้อยรสบทกวี
ร้องร้องสุขีข่มขื่น
ท่วงท่วงท่าเต้นโยกยืน
ท่าท่าทนฝืนจึงนอน

หวานหวานรสชื่นรื่นจิต
พิษพิษท่วมใจไหวอ่อน
แสร้งแสร้งสุขสันต์บั่นทอน
เสพเสพทุกข์ร้อนย้อมใจ				
15 พฤศจิกายน 2555 02:49 น.

หนาวนี้

กวีปกรณ์

แสงเช้าส่องฉายสายแสง
แดดแรงดอกร่วงดาษดื่น
กลิ่นหอมกล่อมห้วงกลมกลืน
ลมโชยโรยชื่นรื่นรมย์

นาทีนานเท่าเนิ่นนาน
สำเริงสำราญสุขสม
ฉายสรรพชัดสิ่งชวนชม
บึงตมบัวเต้นเบ่งบาน

น้ำค้างนาข้าวหน้าหนาว
ทองพร่างทุ่งพราวถิ่นฐาน
เพชรงามพรรณเงินพบพาน
ช่วยงานชอมเงินชุมชน

หมูเป็ดเหม็นเปื้อนหมักหมม
เล่นตมเลอะแต้มล้มหล่น
ปลากุ้งป่วนกายปลอมปน
ซ่อนตัวสิงตนซุกแซม

จนแดดจมดินจากจร
ลมเย็นลอยย้อนลุ่มแหลม
หมาเป็ดหมูปลามอมแมม
รอยยิ้มรื่นแย้มแรมรัต
				
14 พฤศจิกายน 2555 14:17 น.

เมืองร้าง

กวีปกรณ์

ตัวตึกรามบ้านช่องทั้งห้องหับ
พร้อมเปิดรับแขกเหรื่อเผื่อสังสรรค์
โสตสุ้มเสียงเซ็งสงบและเงียบงัน
ผูกสัมพันธ์ผู้คนด้วยกลใด

เหล่านกน้อยคล้อยบินไปถิ่นอื่น
ต้นหญ้าเหี่ยวแห้งยืนฝืนตนไหว
แล้วสายลมแล้งล้างจนจางไป
ล้วนผู้คนขวักไขว่ในโลกตน

สวมเสื้อผ้าอาภรณ์กันร้อนผิว
กระหายหิวเสรีทุกแห่งหน
หลากวัตถุแต่งแต้มเติมดวงมน
ราวสายชลศักดิ์สิทธิ์แสร้งศรัทธา

ความเห็นอกเห็นใจใครเล่ามี
เพียงเนื้อความเหล่ากวีวาดไว้ว่า
โลกอุดมคติต่างมายา
แต่กลับยากเกินกว่าหาได้พบ

บนถนนทุกสายระโยงยาง
แต่ละคนเดินทางยากบรรจบ
ต่างไขว่คว้าสิ่งฝันกันกว่าครบ
เพื่อเกลี่ยกลบที่ว่างระหว่างใจ

แล้วเอ่ยอ้างความสัมพันธ์ฉันใฝ่หา
ระบายเหงาเต็มแววตาจนพร่าไหล
ทั้งทั้งที่แวดล้อมด้วยใครใคร
กลับหวามไหวเหว่ว้าในอารมณ์

แล้วสร้างโลกเสมือนจริงขึ้นสิงสู่
ผลักหัวใจอาศัยอยู่อย่างสุขสม
สายสัมพันธ์ไร้ขอบเขตช่างชื่นชม
หลอกตัวเองรื่นรมย์อย่างคมคาย

ตัวตึกรามบ้านช่องทั้งห้องหับ
จึงปิดรับแขกเหรื่อเหล่าสหาย
โทรศัพท์คอมพิวเตอร์ตั้งเคียงกาย
ทุกหัวเมืองมากมายกลายเมืองร้าง
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีปกรณ์