
พ่อจ๋า อย่าแย่งหนู ไม่ได้ขู่บอระเพ็ดมันเข็ดขม โตแล้วทำไมไม่เลิกนม แม่บอกรสนิยมนั้นไม่ดี พ่อจ๋า ช่วยเชื่อกัน อย่าดื้อรั้นประเดี๋ยวโดนแม่ตี เห็นมะ...อดหมดเลยทีนี้ ชอบแย่งหนูทุกทีที่ดื่มนม พ่อจ๋า? หยุดสักที เงินพ่อก็มีเอาไปซื้อขนม ไม่ชอบก็เปลี่ยนเป็นลูกอม อย่าแย่งกันเดี๋ยวอารมณ์แม่ไม่ดี พ่อจ๋า...มาแบ่งกัน หนูข้างนี้พ่อข้างนั้นละทีนี้ จะได้เลิกแย่งหนูสักที ก็หนูเบื่อความขมปี๋ยามดื่มนม

หนึ่งนักปราชญ์คลี่คลายหลายปัญหา ด้วยแสงศรัทธ์ปรัชญาคว้าความหมาย จากจุดเริ่มเจิมทางสร้างสู่ปลาย จากโจทย์กลายคำตอบอันชอบกล วันหนึ่งปราชญ์เปิดเปรยออกเอ่ยเอื้อน แด่หนึ่งเพื่อนผู้กวาดล้างทางถนน "น่าสงสารงานหนักปลักเปื้อนปน อับปัญญาพาตนเหนื่อยกายา" หนึ่งนักกวาดจึงถามทวนนักปราชญ์ ถึงอาชีพผู้ฉลาดเปรื่องปราดว่า "ขอบคุณท่าน ผู้มากหลากปัญญา ท่านประกอบสัมมาอาชีพใด" คำเฉลยคนฉลาดผู้ปราดเปรื่อง "ข้าศึกษาหลากเรื่อง ไยสงสัย? อาทิ พฤติรรม และจิตใจ ปรารถนาแห่งใครในแผ่นดิน" คนเขลาขลาดผู้กวาดทางพลางยิ้มแย้ม ประดับแซมสุ้มเสียงสำเนียงศิลป์ "สงสารท่านเช่นกันผู้ค้นจินต์ ผู้กวาดล้างโศกสิ้นแก่ใครใคร"

เมื่อมาสเมษาครานั้น
ฤดูคิมหันต์
ฉันหอบความทุกข์ซุกดิน
พอหยาดพิรุณหลั่งริน
ยามกันยาสิ้น
ธานินชุ่มชื่นอำนวย
มาลย์ทุกข์ชูช่อ ณ ลานสวย
บานกลีบกลิ่นระรวย
ภิรมย์รื่นรสสุคนธา
ผองมิตรชิดใกล้กล่าวว่า
หลากล้วนคุณค่า
เธอน่าเก็บเกี่ยวแบ่งปัน
ยามโรยร่วงสิ้นชีวัน
สะสมเมล็ดพันธ์ุ
ช่อนั้นช่อนี้ชนิดใด
จัดแจงจำแนกแจกให้
หมู่มิตรสนิทใจ
เพาะชำชื่นชมสมจินต์
เพียงสิ้นสุ้มเสียงสำเนียงยิน
ทุกข์นั้นบั่นบิ่น
แท้จริงทุกข์เรามิเท่ากัน

หว่างหมู่ชนชาวกรุงที่มุงอยู่ เหลียวมองดูเด็กชายว่ายแหวกหนี พ่อผู้ถือท่อเหล็กลุกไล่ตี ฤทธิ์เมรีเร่งเร้าเอาให้ตาย ลูกพลาดท่าเสียทีสะดุดล้ม พ่อก็ก้มลงฟาดตามมาดหมาย สติมามองเห็นเป็นลูกชาย แต่เจ็บหนักยากหายคงหลายตังค์ ไทยมุงมองสองตาตระหนกตื่น แต่เพียงยืนเฝ้าดูอยู่เบื้องหลัง มัจจุราชร่ายกระหน่ำซ้ำไม่ยั้ง เด็กร้องดังครวญพ่อให้พอเพียง “พอแล้วพ่อ...พอแล้ว..” คำเด็กน้อยค่อยแผ่วแทบสิ้นเสียง เจ็บเกินทนแผลช้ำเป็นรอยเรียง ท่อนเหล็กเหวี่ยงฟาดลูกไม่รู้พอ “เจ็บ...ผมเจ็บ...พ่อพอเถอะ” เลือดรินเปรอะเปื้อนเด็กชายผู้ร้องขอ แล้วล้มลงริมถนนชักดิ้นงอ ก่อนสิ้นลมแลพ่อ...เขาคือใคร??