29 ตุลาคม 2547 17:34 น.

ชั้นอาจต่ำต้อยในสายตาแก แต่แกต้องไม่ถูกคิดแบบนี้จากใครๆ

Completely

ชั้นเตือนแกด้วยความรัก

ชั้นพูดด้วยความปรารถนาดีและเป็นห่วง

ชั้นรู้อยู่แล้วว่า ตัวเองไม่ดีพอที่จะสอนหรือเตือนใคร

แต่อย่างน้อยที่สุด ... สิ่งที่ชั้นเตือนแก ก็มาจากแง่มุมที่เหลวแหลกของชีวิตชั้น

และแม้ว่ามันจะแหลกเหลวเพียงใด แต่แกน่าจะจำได้ ... ชั้นพอใจและภูมิใจในสิ่งที่ชั้นเป็น

และชั้นเห็นคุณค่าในสิ่งๆนั้น แม้ว่าแกจะมองว่ามันไร้ค่าและต่ำต้อย

มันอาจเป็นอย่างนั้น ... ชั้นอาจจะไร้ค่า แต่ชั้นก็ไม่อยากให้แกทำตัวไร้ค่าโดยที่แกไม่เคยรู้ตัวในสิ่งที่กำลังทำ

ชั้นเห็น จึงได้พูดออกไป ... ก่อนที่สักวันแกจะเสียใจและนึกสมเพชในสิ่งที่ทำ

ไม่อยากให้แกต้องลิ้มรสความรู้สึกนั้น ... แบบที่ชั้นเคยลิ้มรสมันมาก่อน ... ว่ามันขมขื่นและปวดร้าวมากแค่ไหน

มันน่าเสียใจที่นอกจากแกจะไม่ฟัง

แกยังดูถูกชั้นแบบนั้น

ทำในสิ่งที่ชั้นไม่คิดที่จะทำกับแก

เราเป็นเพื่อนกันใช่ไหม ... ใช่หรือเปล่า?

แกอาจไม่คิดอะไร ... แต่ความรู้สึกเป็นสิ่งที่เปราะบาง

และบางมาก หากต้องปะทะกับ "เพื่อน"



ชั้นอาจดูไร้ค่าและต่ำต้อยในสายตาของแก ... เพื่อนเอ๋ย

หากชั้นเป็นแบบนั้น ... อย่างน้อย ... ชั้นก็ไม่อยากให้แกต้องมาอยู่ในที่นั่งเดียวกับชั้น

ชั้นจะไม่พูดอะไรอีก ... ขอโทษที่กล้าดีสั่งสอนแก


ขอโทษจริงๆ ... บิ๋ม









น้ำตา 4 หยด ของคนไร้ค่า
มีค่าน้อยกว่าสิ่งที่เธอเห็น
แต่มันมีความหมายต่อสิ่งที่เธอกำลังเป็น
เมื่อความรักมันแฝงเร้นอยู่ภายใน

ไม่อยากให้เธอเป็นเหมือนคนบนโลกนี้
ที่ทวีความว่างเปล่าไร้ความหมาย
ไร้คุณค่าของชีวิตตราบวันตาย
วันสุดท้ายจึงรู้ได้ว่าสายเกิน

อยากให้เธอมีชีวิตที่งดงาม
แม้สักวันเรานั้นต้องห่างเหิน
อยากให้พบเส้นทางดีที่ควรเดิน
เลือกเผชิญแต่สิ่งดีที่ค่าควร










ขอโทษจริงๆว่ะเพื่อน กูจะไม่พูดอะไรอีกแล้ว
จะจำไว้ว่า กูไม่มีค่าและไม่ดีที่จะสอนอะไรมึงได้เลย


กูจะจำไว้				
19 ตุลาคม 2547 11:03 น.

การกินเจ ... หนึ่งก้าวของการนับถือตนเอง

Completely

กินเจเป็นครั้งที่ 2 ในชีวิต

ครั้งแรกกินเมื่อตอนอยู่ ม.ต้น เป็นการอยากลองแบบเด็กๆ ไม่ทันจะพ้น  3 วันก็เจแตก ...

ตอนนี้ อายุ 20 ขวบปีแล้ว คิดว่าตัวเองน่าจะมี "อะไรสักอย่าง" ที่เพียงพอและเหมาะที่จะเริ่มการกินเจ

เพื่อนคนหนึ่งบอกว่า เดี๋ยวก็เจแตก ... แต่นี่ ผ่านมาราวๆ 5 วันได้แล้ว ... ชั้นยังคงกินเจอยู่ ยังประคองตนตลอดมา

คนที่พูดกลับเจแตกตั้งแต่ 2 วันแรก ... ตลกดี

บอกตามตรงว่าคิดถึง ---  ไก่ย่าง ---  มากๆ กะว่าออกเจเมื่อไหร่ต้องเจอกันแน่

ไม่รู้เหมือนกันว่าบาปไหมที่คิดเช่นนี้

คนหลายคนบอกว่า การกินอาหารจำพวก --- จำลองของแท้ อย่าง ข้าวหมูแดงเจ ลูกชิ้นเจ ไส้กรอกเจ --- เป็นการแสดงออกถึงความไม่บริสุทธิ์ใจต่อการกินเจ เพราะ ถ้าจะกินเจแล้วก็ควรจะตัดกิเลสทั้งหมด ... อาหารพวกนี้เป็นสิ่งที่ย้ำเตือนให้รู้ว่า แท้จริงแล้ว จิตใจยังหาความบริสุทธิ์ได้ไม่ ...

เราเพิ่งลองกิน ลูกชิ้นเจ เมื่อวาน ปรากฎว่ารสชาติน่าเกลียดมาก
2 วันก่อน ลองกิน ข้าวหมูแดงเจ ซื้อที่องค์พระปฐมเจดีย์ ... รสชาติเด็ดขาดมาก ไม่น่าเชื่อว่า จะปรุงได้อร่อยขนาดนี้

เราไม่รู้ว่า การกินอาหารเลียนแบบของแท้เป็นบาปไหม ... เราคิดแค่ว่า เราอยากลองอะไรใหม่ๆ และทำให้การกินเจ ไม่ใช่เรื่องซ้ำซากจำเจ

หลายคนอดทนกล้ำกลืนกับการกินเจ ... ฝืนตัวเอง ... อย่างนั้นมากกว่าที่เราคิดว่าเป็นบาป

จำได้ว่าเคยเรียนวิชา พระพุทธศาสนา อจ.สอนว่า พระพุทธเจ้าทรงเทศนาว่า การกระทำใดๆที่ทำให้ตนเองประสบกับความทุกข์ ... เป็นบาป

แม้ว่าเป็นทุกข์จากการทำบุญก็ตาม เช่นว่า ไม่มีเงินจะกินข้าว แต่ยังให้ขอทานไป อย่างนี้ไม่เรียกว่าเป็น บุญ เป็นต้น

ถ้ากินเจไม่ได้ กินอย่างไม่มีความสุข ก็ไม่ควรกิน นอกจากจะไม่ได้บุญแล้วยังเป็นทุกข์ซะเปล่า ... เสียสุขภาพจิต

ไม่น่าเชื่อเหมือนกันว่า ตนเองจะกินเจมาได้ 5 วันแล้ว

มีบ้างเหมือนกันที่นึกระห่ำอยากจะออกเจซะดื้อๆ เพราะเห็นไก่ย่างอยู่บนเตาปิ้งอยู่ ... หอมฉุย

แต่ต้องหักใจไว้ และเตือนตัวเองไว้ว่า เราต้องกินเจให้ได้

อยากจะมีบางสิ่งให้ตนเองได้รู้สึกดี ... ว่าเราก็ทำได้นะ

อยากจะนับถือตัวเอง

ผิดคำพูดตนเองทั้งที่ตั้งใจไว้แล้วเป็นเรื่องที่เลวร้ายมากในความรู้สึกของเรา

ตั้งใจไว้แล้วล้มเลิกซะดื้อๆ ... อีกหน่อยจะทำอะไรได้เป็นชิ้นเป็นอันเล่า

ถือว่า การกินเจ เป็นบททดสอบอย่างหนึ่งของเราก็ว่าได้

ไม่กินเนื้อสัตว์สัก 10 วันจะเป็นไรไป ... ยังมีคนอีกหลายล้านคนในโลกที่ไม่มีโอกาสแม้จะได้กินน้ำซุปต้มกระดูกหมูสักช้อน ...

การกินเจทำให้ระบบขับถ่ายดี และผิวพรรณดี

จะมีข้อเสียตรงที่ กินแล้วอิ่มไม่นานเท่าใดนัก เวลาผ่านไปครู่หนึ่งจะเริ่มหิวอีก

แต่อย่างไร การกินเจ ก็มีข้อดีมากกว่าข้อเสียแน่นอน

การกินเจจึงได้เป็นธรรมเนียม+ประเพณีปฏิบัติจนมาถึงทุกวันนี้

... ... ...

ชั้นอยากจะนับถือตัวเองที่ชั้น --- ก็ทำได้นะ ---				
6 ตุลาคม 2547 14:53 น.

สิ่งล้ำค่ากับเวลาที่ไม่หวนคืน

Completely

สิ่งใดที่จบสิ้นลงไปแล้ว น้อยครั้งนักที่จะเรียกกลับมาได้อีกครั้ง

น้อยเหลือเกินที่กลับมาแล้วจะเป็นเหมือนเดิม

หากเรานำจิตใจไปผูกพันกับมัน

ทั้งที่มันเป็นเพียงเงาของอดีตเท่านั้น

คนที่เจ็บปวดที่สุด คือ ตัวเอง

ผ่านมาแล้วผ่านไป

เป็นสัจธรรมของสรรพสิ่งในโลก

บางครั้งก็มีเรื่องมหัศจรรย์เกิดขึ้น คือผ่านมาแล้วอยู่ตลอดไป 

นั่นคือสิ่งที่ล้ำค่าที่สุด หากสิ่งๆนั้นเป็นสิ่งที่ทำให้ทุกๆวันของเราเป็นวันที่สวยงาม

รักษามันไว้ให้ดี

แต่เมื่อสิ่งใดๆผ่านมาแล้วจากไป

ทำอย่างไร เราก็เรียกมันกลับมาไม่ได้สักที

ตัดใจเสียเถอะ

สิ่งๆนั้นไม่ได้ถือกำเนิดมาเพื่อเป็นสิ่งของเรา 

คิดเสียว่า สิ่งนั้นไม่เหมาะกับเรา

แล้วจะทุกข์น้อยลง

เปรียบดังก้อนหินที่ปาลงไปในน้ำ แล้วเกิดวงของน้ำกระเพื่อมกระจายออกไป

วงน้ำไม่มีวันหวนกลับมายังจุดที่มันถือกำเนิดขึ้น

หมุนเป็นวงออกไปเรื่อยๆจนจบตลิ่ง ... แล้วจางหายไปกับตา

หายไปแล้ว ... เป็นเช่นนั้นเอง 

เปล่าประโยชน์ที่จะคร่ำครวญถึงสิ่งที่จากไปอย่างไม่มีวันกลับ

มองไปข้างหน้า

หยิบก้อนหินขึ้นมา แล้วปาออกไป

คุณสามารถทำวงน้ำให้กระเพื่อมกระจายออกไปได้อีกครั้ง

... ... ...

หากมีสิ่งล้ำค่าอยู่ในมือ ก็กำสิ่งนั้นเอาไว้ให้แน่น

ใช้หัวใจอันบริสุทธิ์กระซิบบอกสิ่งนั้นเบาๆ

ว่าเธอมีค่ากับฉันมากสักเพียงไหน

แล้วโอบกอดกัน

... ... ...				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟCompletely
Lovings  Completely เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงCompletely