20 สิงหาคม 2547 13:27 น.

มือที่ไม่เคยห่างจากกัน

vaproud

ฉันเห็นภาพตัวเอง
ยืนอยู่บนถนนหน้าบ้านและกำลังมองเข้าไป
ดวงตาของฉันดูเศร้า

แต่ไม่มีใครเลยที่จะสนใจมองกลับมา
ฉันอาจรู้สึกเคว้งคว้าง
และพยายามจะมองหาใครสักคน...
แล้วอยู่ๆ  ก็มีคนหนึ่งคนเดินเข้ามา
ในความเลือนราง
เสียงทักทายแว่วมาจากด้านหลัง
เป็นความรู้สึกของคนที่ไม่เคยได้พบกัน
ช่างนานเนิ่นนาน
แล้วเราก็เดินไปด้วยกันบนถนนสายนั้น
ทางที่ดูเหมือนจะคุ้นเคยแต่แท้ที่จริงแล้ว
ฉันกลับไม่คุ้นเลย
ผู้คนแปลกหน้ากับภาพรอบด้านที่เลือนราง
เราพยายามเดินฝ่าผู้คนมากมายที่ฉันไม่รู้จัก
ดวงตาของผู้คนเหล่านั้น...  
อาจทำให้ฉันหวาดกลัวไม่มากก็น้อย
ภายใต้ความรู้สึกที่เกิดขึ้นในจิตใจ

ท่ามกลางผู้คน...เราเดินห่างกันออกไปช้าๆ
ฉันพยายามมองหาคนๆ  นั้นในทุกทาง
แต่แล้ว...เขาก็ปรากฏกายอยู่ข้างๆ
แล้วคว้ามือของฉันไว้
เราเดินเคียงข้างกันและกัน  
    
"จำไว้นะ...ในวันที่มองไม่เห็นใคร  
มือนี้จะอยู่กับเธอตลอดไป
แต่เมื่อใดที่เธอได้พบเจอใครแล้ว
มันจะหายไปในที่สุด..."
คนคนนั้นบอกกับฉันไว้
ขณะที่เรายังคงหลั่งไหลกับกระแสผู้คน
แล้วฉันรู้สึกว่าเขากำลังหายไป
เมื่อฉันพบเจอเพื่อนและใครที่ฉันรู้จักบนหนทางที่ชัดเจน
ฉันมองหาผู้คนแปลกหน้าเมื่อสักครู่  
พวกคนเหล่านั้นไกลออกไปแล้ว
     
เหมือนเขากำลังจะบอกอะไรบางอย่างให้ฉันรู้
จากดวงตาสีจางๆ
ฉันคงไม่ได้เดินบนหนทางเส้นนี้
กับความรู้สึกที่เดียวดายอีกต่อไป
ฉันมีเพื่อน  มีคนมากมายที่เขาสามารถฝากฉันไว้
แล้วมือของเขาก็เลือนหาย
หายไปจากฉันจริงๆ
ฉันอยากจะตามหาอีกครั้ง
ฉันกลัวว่าหากเราปล่อยมืออกจากกันแล้ว     
ความเคว้งคว้าง  ความสับสน  ทุกสิ่ง...
จะกลับคืนสู่สภาพเดิม
แต่นั่นคงไม่สำคัญไปกว่า
การที่ฉันจะไม่มีโอกาสได้พบเจอคนคนนี้อีก...

วันนี้ฉันปลุกตัวเองตื่นขึ้นมา
วันที่ฉันรู้กว่าตัวเองอ่อนแอ
มันผ่านมาหลายเดือนกับภาพความฝัน
ไม่มีสิ่งใดลบเลือนไปจากความทรงจำเลย
แม้นับจากวันนั้นฉันจะไม่เคยฝันถึงอีก
แต่คำที่บอกไว้
คอยเตือนฉันเสมอว่าเราไม่เคยห่างไกล

"จำไว้นะ...ในวันที่มองไม่เห็นใคร  
มือนี้จะอยู่กับเธอตลอดไป
แต่เมื่อใดที่เธอได้พบเจอใครแล้ว
มันจะหายไปในที่สุด..."

เวลานี้ฉันอยากหลับตา 
แล้วหลับไปชั่วนิรันดร์
เผื่อจะทำให้พบเจอกันอีกครั้ง...

วาพราว.				
9 กรกฎาคม 2547 09:35 น.

ถึงเพื่อน

vaproud

เก็บน้ำตาเอาไว้
ความสุขนั้นไม่ใช่ของเรา
เมื่อเธอเองพยายามวิ่งหนีความทุกข์
จนลืมไปเสียว่า
ความจริงกำลังรอคอยอยู่เบื้องหน้า

เธอเอ่ยถามกับฉัน
ขณะที่ความรู้สึกโบยบิน
อย่างไร้จุดหมาย
"ทำไมความรักของเธอจึงจบลง?"
ฉันทำได้เพียงแต่
ออกปากชวนเธอไปนั่งวาดรูปเล่น
ในบ่ายของวันที่ฝนใกล้ตก
.....................

บนกระดาษสีขาว
ฉันระบายสีเขียวให้ทุ่งหญ้า  
สีฟ้าให้กับท้องทะเล
ส่วนเธอ
ระบายน้ำตาลงบนกระดาษสีหม่น
ฉันเงียบฟัง
เผื่อหัวใจของเธอต้องการจะพูดอะไร
ฉันเงียบฟัง

ดูสิ!
สายฝนเทลงมาแล้ว
เต้นรำอยู่รายล้อมเรา

ดูสิ!
ทุ่งหญ้าและท้องทะเลของฉัน
ละลายไหลเป็นทาง
หายไปกับสายฝน
น้ำตาของเธอก็เช่นเดียวกัน

รู้ไหม
ฉันเสียใจและเสียดายแค่ไหน
กับเวลาที่ทุ่มเทให้ภาพๆ  นี้
ฉันวาดด้วยความตั้งใจ
ฉันอาจจะรู้สึกโกรธเคืองฟ้า
ที่บันดาลให้ฝนตกลงมา
แต่ฉันก็คงห้ามฟ้าไม่ได้
หากฝนจะตก

ทำไมความรักของเธอจึงจบลง?
ฉันได้ตอบคำถามแล้ว...
_______________________

หากเธอยังวิ่งหนีความเป็นจริง  
ซึ่งทำให้เธอทุกข์ใจอย่างสาหัส
เธอจะไม่มีวันรู้เลยว่า...
ความสุขที่แท้จริงนั้น  คือ สิ่งใด

      
     
วาพราว.				
7 มิถุนายน 2547 13:02 น.

วันนั้นกับหญิงชราข้างทางรถไฟ

vaproud

เคลื่อนไหว...ทุกสิ่งดูคล้ายจะเคลื่อนไหว  ประตู  บานหน้าต่าง  โคมไฟหรือแม้แต่ดินสอสีที่สามารถคว้างลอยกลางอากาศได้ภายในหนึ่งวินาที  ของทุกสิ่งเป็นไปตามจังหวะการสั่นสะเทือนอย่างรวดเร็วเพียงเสี้ยวพริบตาหนึ่ง  ฉันต้องปลุกตัวเองตื่นจากภาพฝัน  ก่อนที่บางสิ่งจะเคลื่อนไหวอีกครั้ง 

          ยามสายของเช้านี้  ฟากฝั่งฟ้าตะวันออกถูกเคลือบคลุมไปด้วยเมฆคล้ำหม่นหนา  ฉันกวาดสายตาข้ามไปยังฝั่งฟ้าตะวันตก  บางสิ่งกำลังเดินทางไปอย่างเงียบเชียบที่สุด  โดยไร้ทิศทาง  ไร้จุดหมาย  แล้วความเยียบเย็นจึงแทรกตัวผ่านเข้ามาทักทาย  ฉันสัมผัสได้ถึงละอองใสที่ทิ้งตัวอย่างเป็นอิสระลงบนพื้นดิน  เวลานี้ภายนอกบานหน้าต่างกลายเป็นเพียงหมอกม่านสีขาวขุ่นไม่ว่าจะมองไปทางไหน  นิ่งเงียบฟังเสียงสายฝน  กว่าจะรู้ตัว   ภาพบางภาพได้เคลื่อนไหวปรากฏในมุมหนึ่งของความทรงจำ... 

          การเดินทางของคนเราไม่เคยหยุดนิ่ง  ตราบเท่าที่ลมหายใจและพลังแห่งความฝันจะเหลืออยู่  เฉกเช่นเดียวกับวันที่ฉันก้าวผ่านออกจากประตูบ้าน  โลกใบใหญ่กำลังรอคอยให้เติมแต่งสิ่งสวยงามและเกี่ยวเก็บประสบการณ์อยู่เสมอ  ฉันเก็บภาพของเมือง  วิถีชีวิตของผู้คน   ธรรมชาติ  และสิ่งที่พบเจอ  ภาพสุดท้ายที่ยังคงตรึงอยู่ในความรู้สึกของฉันก็คือ  ภาพของหญิงชราที่พนมมือไหว้ก้มกราบผู้คน  ที่สัญจรผ่านไปมาอยู่ริมทางรถไฟ  ภายในดวงตาสีโศกคู่นั้น  ได้สะท้อนถึงเรื่องราวมากมายของชีวิตที่มีค่ามากกว่า   จำนวนเหรียญในขันน้ำใบเก่าๆ ที่ตั้งวางอยู่ตรงหน้า  ทำให้นึกย้อนภาพกลับไปตอนที่ได้เดินทางไปหาพี่ทิกิ (Tiki)  ที่คอนโด  รอยยิ้มและน้ำใจอันงดงามส่งผ่านมาให้ได้สัมผัสทุกครั้งที่เยี่ยมเยือน  มิตรภาพระหว่างเราไม่เคยมีคำใดมาขีดขั้นหรือจำกัด  พี่ทิกิพาไปบ้านคุณยาย (แม่ของพี่ทิกิ)  เราออกเดินทางไปด้วยกันบนสายถนนที่มีความเคลื่อนไหว  ไม่คาดคิดมาก่อนว่า  การที่ได้เดินทางมาเยี่ยมคุณแม่ของพี่ทิกิในวันนั้นจะเป็นภาพความทรงจำที่หยั่งลึกลงในความรู้สึกของฉันได้ 

          คุณยาย  พี่ทิกิ  และฉันนั่งร่วมรับประทานอาหารเย็นด้วยกันท่ามกลางบรรยากาศที่เป็นกันเองและสีเขียวของใบไม้   บทสนทนาเริ่มต้นคุยกันอย่างสนุกสนาน   เรื่องราวเก่าๆ   ถูกหยิบยกขึ้นมาเล่าผ่านความทรงจำของคุณยาย  ย้อนกลับไปเมื่อครั้งอดีตที่สวยงาม  พี่ทิกิให้ฉันอ่านบทโคลงและงานกวีมากมายให้คุณยายได้ฟัง    อ่านถูกอ่านผิดบ้างเป็นบางจังหวะ   คุณยายจะหัวเราะชอบใจทุกครั้งใบหน้าที่เปื้อนยิ้มนั้นกำลังเล่าเรื่องแห่งความสุขใจ   

          ช่วงเวลาแห่งความสุขมักจะวิ่งผ่านไปอย่างรวดเร็วเสมอ  เราเพียงได้แต่เก็บความทรงจำดีๆ  เหล่านั้นไว้เพียงภาพๆ      หนึ่งในกล่องความทรงจำ  แววตาที่พี่ทิกิมองคุณแม่ด้วยความรัก  ความเข้าใจ  อ้อมกอด  คำถามไถ่   ในฐานะคนภายนอกอย่างฉันได้เพียงแต่ยิ้มและเก็บความรู้สึกดีๆ  เอาไว้    ตื้นตันที่เป็นส่วนเล็กๆ  ส่วนหนึ่งในภาพความทรงจำนี้... 

          ฉันอยากเปลี่ยนดวงตาสีโศกของหญิงชราคนนั้น    ภายในจิตใจก่อเกิดคำถามนานาสารพันว่า   ลูกหลานของเขาอยู่หนใดหนอ  ถึงได้ทิ้งคว้างดวงใจดวงหนึ่งอย่างไม่เห็นคุณค่าไว้ริมทางเช่นนี้  พวกเขาจะรู้บ้างไหมดวงใจกำลังเปื้อนฝุ่น  เปียกปอนกับสายฝนเหน็บหนาว  และจะรู้ไหมหากว่าดวงใจหวงนี้กำลังจะดับสูญไปสักวัน  ในมุมหนึ่งมุมใดของเมือง...

          ปู๊น...ปู๊น...เสียงหวูดรถไฟส่งสัญญาณแผดดังมายังโสตประสาท  ฉันสะดุ้งตกใจ  สายตาเหม่อลอยคืนสภาพปกติเรียกสติกลับคืนอีกครั้ง  ภาพสุดท้ายร่วงหายไปในเม็ดฝน  แตกกระจายไหลรวมลงสู่ท่อระบายน้ำ   แล้วบางสิ่งจึงเริ่มเคลื่อนไหว...ประตู   บานหน้าต่าง โคมไฟหรือแม้แต่ดินสอสีที่สามารถคว้างลอยกลางอากาศได้ภายในหนึ่งวินาที   
          โครม......!!!
          ........................................................
  



___________________________

ขอบคุณพี่ทิกิค่ะ  
ที่ให้เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในภาพความทรงจำวันนั้น...
ความรักของพี่ทิกิกับคุณแม่ยิ่งใหญ่มาก  
สะท้อนภาพและเป็นแบบอย่างดีๆให้ 
คิดถึงคุณยายค่ะ...วันนี้เราห่างไกล
แต่ความห่างไกลก่อกั้นก็แค่ระยะทาง
เดี๋ยวนั่งรถไฟหน้าบ้านไปเลย
ปู๊น...ปู๊น 

ภาพ : ป๋าแก่ - วาพราว				
10 กันยายน 2546 11:54 น.

บางวัน...บางครั้ง...บนสายถนนแห่งนี้

vaproud

บางวัน... 
ณ ถนนสายเก่าแห่งนี้ 
อึงคะนึงไปด้วยเสียงความวุ่นวายของผู้สัญจร 
ผ่านเข้ามาแล้วจากไป... 
บ้างเป็นคนใกล้ 
บ้างเป็นคนไกล 
บ้างเป็นคนแปลกหน้า 
และบ้างเป็นคนคุ้นเคย 

บางวัน... 
ณ ถนนสายเก่าแห่งนี้ 
เงียบเหงา เปล่าดาย ไร้เสียงความวุ่นวายเช่นวันวาน 
ฉันคือ ผู้สัญจรผ่านเข้ามาแล้วจากไป 
บางครั้ง... 
ฉันเป็นคนใกล้ 
และบางครั้งก็เป็นคนไกล 
เป็นคนแปลกหน้า 
ในขณะบางเวลาฉันกลับคุ้นเคย 

ฉันเก็บดอกลั่นทม ขึ้นมาจากพื้นถนน 
สีขาวที่ร่วงหล่นกราวตามสายลมพรั่งพรู 
ผลิดอก ดอกใบ แล้วโรยราตามกระแสกาล 

ดวงใจฉันไม่ต่างกับกาลเวลาที่ยังคงย่ำจร 
บางครั้งสุข 
บางคราวทุกข์ ปนเป 
ผลิความงดงามแล้วร่วงโรย... 
ฉันคือ ผู้สัญจรที่ผ่านเข้ามาแล้วก้าวผ่านออกไป 
บางวัน...
บางครั้ง...
ฉันเก็บดอกลั่นทมสีขาวพราว ณ ที่เดิม 
พร้อมกับบันทึกเรื่องราวบนสายถนนแห่งนี้อย่างเงียบเหงา				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟvaproud
Lovings  vaproud เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟvaproud
Lovings  vaproud เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟvaproud
Lovings  vaproud เลิฟ 0 คน
  vaproud
ไม่มีข้อความส่งถึงvaproud