9 เมษายน 2547 06:26 น.

รักษ์ศิลป์ นิโรธศิลปิน

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


ความเรียงแนวทดลอง :
เขาเกิดและตายในความจน
เขียนจดหมายถึงตัวเอง#1
เริ่ม 9 เมษายน 2547
----------------------------------------------------------------------------------

รำลึกคุณรักษ์ศิลป์   นิโรธศิลปิน


---------------------------------------------------------------------------------------------


                 ยังจำเขาได้ไหม นายก.พ.
เจ้าของภาพที่นาย ต่อ เขาแสนเจ็ด
นายได้ภาพเขาได้ธรรมงามกว่าเพชร
เงินทุกเม็ดจากรายได้ถวายวัด

                  นำเงินทองที่ได้ถวายพระ
ผู้เพียรละด้วยวิถีปฏิบัติ
หวังหลุดพ้นจากเวิ้งวังสังสารวัฏ
อบรมจัดขัดเกลาเยาวชน

                    อ่านข้อเขียนของเขาเราเจ็บอึ้ง
มนุษย์หนึ่งพิการกายใจบ่หม่น
มนุษย์อื่นรวยล้นฟ้าเหนือกว่าคน
ใจอับจนคิดช่วยใครหาไม่มี

                    ฉ้อกับฉลใช้กลโกงทั้งตรงอ้อม
ประชาชนตรมตรอมทุกถิ่นที่
กรรมอยู่ไหนใยตามมาช้าสิ้นดี
โกงกลับมียศหรูคนบูชา

                     ใช้เล่ห์กุมอำนาจอวดบาตรใหญ่
ใช้เงินซื้อหัวใจมาเข่นฆ่า
กดขี่คนเยี่ยงทาสเย้ยอาชญา
คนต่ำต้อยคอยหลบตาและหลบตีน

                      แสร้งทำเป็นเห็นค่าอันประณีต
ของงานศิลป์โดยอัดฉีดประมูลสิ้น
แท้ก็อวดศักดาเย้ยฟ้าดิน
ไม่ได้ชิน-ชอบ-ชม-นิยมงาน

                        ดับลงแล้วลมหายใจหนึ่งดับแล้ว
พิการกายใจเกินแก้วประกายฉาน
วันที่ดับไร้ชั่วใดให้ประจาน
ต่างจากพาลในคราบหรูตุ๋นหมู่คน

                         ตายในโลงทองคำก็ต่ำช้า
คนจะขุดขึ้นมาแช่งชักป่น
รวยแต่เลวหรือมีค่าดีกว่าจน
สาธุชนตรองตามใจไปเถิดเอย.				
8 เมษายน 2547 21:07 น.

ปลัก ??

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


        เสมอไปไหมจมปลักต้องดักดาน
คลิกมาอ่านอย่าเพิ่งเคืองในเรื่องปลัก
ถ้อยที่เรียงแม้ไม่สวยแต่ด้วยรัก
หมายฟูมฟักดวงฤทัยให้หายเชย
-------------------------------------------------

..เราได้ส่วนแบ่งดินแมวดิ้นตาย
ปลูกกะหล่ำมะเขือขายเจ้านายเอ๋ย
จากยากจนขี้คอกก็งอกเงย
มีที่ดินปลูกเตยและปลูกแตง

         ขายแตงขายเตยเหมือนเคยทำ
จนเป็นล่ำเป็นสันกรรมมันแต่ง
กรรมคือกำทำด้วยใจไม่คลางแคลง
เอาเรี่ยวแรงผันเป็นเงินเจริญตา

       เก็บจากสิบเป็นร้อยคอยรวมเข้า
ก็ซื้อดินได้อีกเท่าทางหมาบ้า
คราวโดนไล่จากหัวไร่ถึงปลายนา
กรรมมันมาถี่เสียจังเกินตั้งตัว

       ที่ดินใหม่ยังเอียงกระเท่เร่
จ้างรถไถมาถมเทให้ราบทั่ว
ฝันถึงคลื่นใบข้าวคราวลมรัว
ยิ่งตื่นตัวตื่นใจหมายทำนา

        เร่งเวลานาทีให้มีฝน
จะตั้งต้นในวันดีวันมีค่า
จะปลูกข้าวงามระยับกับเลี้ยงปลา
อยากจะเป็นชาวนามาสุดใจ

        น้ำจากฟ้าหลั่งมาในหน้าฝน
หัวใจคนต่ำต้อยต้องคอยไหว
ไม่คอยฝนคนอย่างข้อยจะคอยใคร
มีฝนหลั่งดังเทพไท้ท่านให้พร

         กอบเอาข้าวจากยุ้งใส่ถุงย่าม 
ลูกค่อยตามพ่อไปพ่อไปก่อน
หว่านเมล็ดข้าวแลเห็นเป็นตอนตอน
เรามีข้าวกินแน่นอนขวัญอ่อนเอย

           โน่นมาแล้วลูกแก้วและเมียขวัญ
มาช่วยกันหว่านข้าวเถิดเจ้าเอ๋ย
นาของเราข้าวของเราอย่าเขลาเลย
เราไม่เคยมีนาก็มามี

           อดข้าวใช่ไหมเจ้าจึงร้าวล้า
อดปลาใช่ไหมเจ้าผอมราวผี
อดอะไรอย่าให้อดไมตรี
อิ่มอ้วนพีเพราะมีใจรู้ให้ปัน

           ไม่เป็นไรถ้าหว่านข้าวไม่เข้าทาง
ยังเก้งก้างทีท่าดูน่าขัน
ให้พ่อทำแทนลูกแก้วก็แล้วกัน
อยากนอนโคลนหรือปลักนั้นเชิญกันเลย

            เมื่อติดดินดินจึงคุ้มด้วยภูมิดิน
ภูมิต้านทานเคยได้ยินบ้างไหมเอ่ย
กายที่แกร่งแรงที่กรุ่นด้วยคุ้นเคย
การติดดินหรอกเจ้าเอ๋ยจงเคยจน

             เห็นเด็กน้อยของพ่อก่อหลุมปลัก
เอามือฟายเป็นพักพักจนคลั่กข้น
เกลือกในปลักผลักกันเล่นเป็นเหมือนคน
เคลือบด้วยผลฟักเน่าก็เบาใจ

             ว่าต่อไปภายหน้าแม้ว่าพ่อ
จะอยู่ต่อยืดชีวาหรือหาไม่
ลูกจะมีที่ยืนอย่างใครใคร
และสร้างทางของลูกไปไม่แร้นแค้น

              เสมอไปไหมจมปลักต้องดักดาน
ชีวิตจริงกับนิทานต่างกันแสน
แต่นิทานกับเรื่องจริงยิ่งร่วมแดน
มีแก่นแกนเดียวกัน???
เชิญปันคำ .
--------------------------------------------------------------

ว่าไงล่ะครับ คุณอาภาภัส

สวัสดีครับ  คุณเรน  คุณมัท  คุณตฤณ  คุณพู่กันของหูกวาง  คุณเจลใส
คุณผู้หญิงฯ ,  คุณนางฟ้าฯ ,  คุณหนึ่งนะ , คุณทิกิ  และทุกคน				
8 เมษายน 2547 05:27 น.

เรน มัท ต่อ ก้อง พิมพ์ อ้อ วัฒน์ Ora คนร่วมฝันกำลังออนไลน์

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์




เรน : สวัสดีสหาย ในไลน์ฝัน
มัท :  สวัสดีเหมือนกันคนฝันใฝ่
ต่อ : ยังมายิ้มแม้ว่ายิ้มไม่พิมพ์ใจ
ก้อง : ผมมาใหม่มาแจมยิ้มมาอิ่มทรวง
พิมพ์ : ใช่      เว็บนี้มีครบความอบอุ่น
อ้อ :  เหมือนคนคุ้น นับร้อยคอยห่วงหวง
วัฒน์ : เตือนด้วยรัก ทักด้วยใจไม่หลอกลวง
Orawana :  เราทั้งปวง   มีจิตใจ อิ่มไม่ตรี
เรน :  เช้าวันก่อน  เช้าเมื่อวาน หวานหรือขม
มัท:  ตามอารมณ์ด้วยครรลองของน้องพี่
ต่อ : เห็นภาพสวย      ก็ว่าสวยเห็นด้วยดี
ก้อง : เห็นเรื่องที่  ปวดร้าวอาจร้าวรอน
พิมพ์ :  เก็บเรื่องราว  ที่เราเห็นเขียนเป็นโคลง
อ้อ : ฉันท์  กาพย์    โตง-โตย   ผญา ว่าบ่ผ่อน
วัฒน์ : ร่าย  ตรง  ย้ำ   คำ  ความตามบทกลอน
Orawana : ร้อยแก้วเรียง     ก็แน่นอน ตรงคมความ
เรน : ที่เขียนอยู่ เพราะมีฝันของวันพรุ่ง
มัท : วาดเรียวรุ้ง แจ่มแท้ ใช่แค่พล่าม 
ต่อ :  ใช่แค่เพ้อในคืนวัน  อันเขลาทราม
ก้อง : ใช่แค่ถาม แล้วผ่านเลย แบบเฉยชิน
พิมพ์ : ถามหัวใจ    ตัวเอง ตอบตัวเอง
อ้อ : ก็ไม่เกรง ที่หัวใจใดจะหมิ่น
วัฒน์ : แปลกอันใดในเมื่อคนเกิดบนดิน
Orawana : ล้วนแต่กิน-ถ่ายไม่เห็น    เป็นทองคำ
เรน : เขียนเถิด  .   
มัท:  เขียนหัวใจของคุณเถิด
ต่อ : เว็บนี้เปิด  . 
ก้อง : น่านิยม  ทั้งขม-ขำ
พิมพ์ :  ตามแต่ใจ..  ไร้กงกรอบมาครอบงำ
อ้อ , วัฒน์ , Orawana  :   เมื่อหัวใจ   ไม่ใฝ่ต่ำ   เชิญฉ่ำ   จาร .				
7 เมษายน 2547 19:12 น.

ชวนหนีร้อน ไปนอนน้ำ

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


อากาศร้อนนะ
มามะจะพาไปว่ายน้ำ
ที่บ้านพี่มีสระว่ายประจำ
อยากผุดดำทำได้สบายดี

โน่นสระน้ำกว้างใหญ่เกือบไร่กว่า
ลึกถึงตาตื้นมีบ้างเป็นบางที่
น้ำเย้นเย็นเห็นยังรื่นชื่นชีวี
ปลาก็มีดูผุดว่ายสบายใจ

ไม่ต้องหรอกไม่ต้องนุ่งทูพี้ชหรอก
พี่เขินออกนั่งหรือเดินพี่เขินใหญ่
กระโจมอกด้วยผ้าถุงนุ่งว่ายไป
พอเพลินใจลืมร้อน ขวัญอ่อนเอย

ในช่วงเย็นพี่ชอบเล่นน้ำกับลูก
เอาแกลลอนมาผูก-เรียกลูกเอ๋ย-
มาเล่นน้ำหัดว่ายน้ำซิทรามเชย
จะได้เคยคุ้นน้ำไม่คร้ามกลัว

ผูกแกลลอนสองใบให้ชูชีพ
ร้อยยางลีบอย่างเข้มงวดตรวจดูทั่ว
ว่าปิดฝาแกลลอนได้ไม่หลวมชัวร์
ถึงไม่กลัวก็ควรรอบคอบสิเนาะ

พอได้แกลลอนคู่ไว้ชูชีพ
หนูก็รีบว่ายไปดูคล้ายเหาะ
ลูกก็ยิ้มพ่อก็แย้มแกมหัวเราะ
เราบ่มเพาะอารมณ์ขันแบ่งปันเกลอ

ว่ายเป็นไหม น้องว่ายน้ำเป็นไหม
ถ้ายังไม่ฯ ก็ลองที่พี่เสนอ
แกลลอนคู่ดูใช้ได้ไหมเล่าเออ
ผูกกับเอวว่ายไปเทอะบ่มีจม

พี่ว่ายฯเป็นอย่างบังเอิญไม่เขินกล่าว
ตอนเป็นเด็กตัวเล็กราวชั้นประถม
ไปวางเบ็ดที่ห้วยใหญ่ไถลโครม
ตกน้ำจมดิ่งบึ้งลึกรู้สึกคว้าง

โชคยังดีคว้าไขว่ได้เส้นหญ้า
พยุงตัวขึ้นมาง่ายขึ้นบ้าง
สองมือโบกเท้าขยับสลับทาง
น้ำชูร่างให้ปริ่มน้ำจำไม่ลืม

แต่กว่าจะผุดว่ายแบบไม่เหนื่อย
ต้องว่ายเรื่อยบอกตรงตรงพี่หลงดื่ม-
น้ำหลายอึกนึกแล้วขำแกล้งงำงึม
กว่าจะซึมซาบทางว่ายอย่างเป็น

น้องเคยยินใช่ไหม วลีว่า
ตกน้ำท่า ไม่จมตายเป็นได้เห็น
ว่าน้ำนั้นมีคุณค่ากว่าโคลนเลน
เพราะล้างเหม็นล้างหมองผุดผ่องนัก

อาบน้ำนั้นเย็นซ่าน้องว่าไหม
น้ำไม่ใสเท่าที่ควรอย่าด่วนผลัก-
ไสจนห่างอย่างใจที่ไร้รัก
ถึงขุ่นนักมีน้ำฝนล้างโคลนตม

น้องเหนื่อยไหมว่ายน้ำตามที่แนะ
คงเหนื่อยแหละและแกลลอนก็เทียวล่ม
หยุดถ้าเหนื่อยพักถ้าหน่ายคลายอารมณ์
อย่าจริงจังถึงจ่อมจมจมแจทุกข์

พี่มาใช้ชีวิตคิดแบบเด็ก
เพราะว่าลูกตัวเล็กทำให้ฉุก-
คิดว่าคนใยจึงเขลาให้ร้าวรุก-
รับแต่มันบ่เคยสุขจริงเสียที

ขึ้นจากน้ำเชิญขวัญใจไปอาบน้ำ
พี่จะทำอาหารทุ่งปรุงเต็มที่
งานกับแกล้มฝีมือพ่อก็พอมี
รสจะดีด้อยอย่างไรเอาใจพา

ปลาก็ได้จากข่ายที่สระยาว
ปลาสีขาวน้ำขุ่นคลั่กงามนักหนา
อาบน้ำนมก็เหมือนในโฆษณา
อย่าเพิ่งฮาที่หน้าพี่สีคล้ำนวล

อยากลิ้มลาบหรือทอดแบบสุกเกรียม
ยำมะม่วงพี่ก็เตรียมให้ราดด่วน
แฟนพี่ชาญอาหารนานะลำดวน
ทั้งหมดชวนด้วยไมตรีไม่มีกล

ในกรงกรุงยุ่งร้อนซ้อนกลเมือง
ประชาไทยซีดเหลืองทุกแห่งหน
แอกอาทรยังซ้อนทบทับไหล่คน
พี่ผู้จนขอหลบร้อน นอนน้ำเย็น				
7 เมษายน 2547 05:39 น.

คลิก.............เชื่อมใจ -จดหมายถึงเพื่อน

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



ถ้าเพื่อนเหงาในเช้าไม่ได้ทำงาน
คลิกมานี่มีเรื่องบ้านอ่านแก้เหงา
ฤดูนี้อาจแล้งไปทำใจเอา
แต่บ่เศร้าดอกนายสบายใจ

------------------

ปีนี้เราได้ข้าวมากเอาการ
และที่บ้านนายใช่ย่อยเป็นร้อยไร่
ข้าวเต็มยุ้ง หุงหรือจี่ข้ามปีไป
ก็ยังเหลือเชื่อไหมไม่เดือดร้อน

พ่อของนายขายปลาได้ห้าหมื่น
นายอย่าทำตาตื่นขอบอกก่อน
ปลามันชุกดุกกับหมอพอสะออน
แต่ไม่น่าออนซอนเท่าช่อนชุก

ขายหนึ่งบ่อเก็บไว้กินอีกหนึ่งบ่อ
รับรองพอเหลืออีกซีมีความสุข
สวนหมากไม้หมากทันก็ทันยุค
คนที่บุกเบิกหรือก็คือนาย

วัวของนายถึงรอบขายคงได้โข
ตัวโต๊โตชาโลเล่ย์เมื่อเทขาย
เกือบห้าหมื่นต่อตัวชัวร์แน่นาย
กลุ่มโคขุนขุนโคขายเป็นนายเงิน


เพื่อนของนายหลายคนบ่นคิดถึง
จำได้ไหมใครคนหนึ่งซึ่งเป๋อเปิ่น
เดี๋ยวนี้มีสี่พระหน่อเรียกพ่อเพลิน
น่าอิจฉามันเหลือเกินคนมีเมีย

เขาปลูกผักหมากไม้อยู่ใกล้เขา
บัดนี้เปิ่นของเราเขาเป็นเสี่ย
มีโรงงานผลไม้ดองนามซองเทีย
มักชวนเราถองเบียร์เป็นประจำ

ถามถึงนายว่ายาหยีมีกี่คน
เราก็ด้นเดาดะกะอย่างต่ำ
ว่าหนึ่งนั้นแน่แท้แกแฮนซัม
เป็นไงคำเราถูกใกล้ไหมเล่าเกลอ

ส่วนสมศรีคนที่ใจมีให้นาย
ตั้งมากมายนายเคยปลื้มลืมแล้วเหรอ
เพิ่งแต่งงานกลัวจะแก่แต่ใจเธอ
ก็ยังคงอยากพบเจอเพื่อปลอบใจ

นายอยู่เมืองบางกอกก็ออกดี
กันดูข่าวทางทีวีตอนปีใหม่
เศรษฐกิจขาขึ้นรื่นฤทัย
ซื้อแล้วขายหุ้นทำกำไรงาม

เมืองโสภาอ่าโอ่ใหญ่โตขึ้น
แต่กันมึนตรงถนนรถล้นหลาม
ยิ่งฟังข่าวอุบัติเหตุทั่วเขตคาม
ยิ่งกลัวยามอยากเดินทางตอนกลางคืน


กันเคยขี่รถที่ บ.ข.ส.
ฟังคนขับคุยแล้วก็ตกใจตื่น
คนเดียวขับจากเมื่อวานยันมะรืน
เขาแข็งขืนตาขยับปนหลับใน

มิน่าเล่าเมืองเราจึงมีเลข
เป็นหลักร้อยในแบบเบรกหาอยู่ไม่
รณรงค์ตรงจุดหรือตรงใจ
จะพูดไปก็เข้ากรอบอีหรอบเดียว

คือคนเรามักได้มักง่ายด้วย
คนอื่นซ-ย คนอื่นเสียเฮียไม่เกี่ยว
มันประกอบเข้าด้วยกันพันเป็นเกลียว
ปีนี้กันไม่กล้าเที่ยวที่ไหนเลย

ก็ไปทุ่งไปนาไปป่าเขา
ดูเรือกสวนนาเราแหละเกลอเอ๋ย
ดีใจตรงคงไมตรีดีเหมือนเคย
เออขอเปรยไว้เล่นเล่นเป็นแนวทาง

ปีหน้าจะหยุดเหงาอย่างเขาเพื่อน
อยากมีเหย้ามีเรือนเหมือนพวกบ้าง
แล้วจะส่งการ์ดมากับเวปกลาง
พร้อมแนบไฟล์ใบหน้านางเมื่อวางใจ

เอาล่ะนะวันนี้มีแต่ฝอย
วันพรุ่งนี้จึงค่อยพบกันใหม่
แต่อย่าคาดหวังเพิ่นจนเกินไป
มีหัวใจคิดถึงเพี่ยน จึงเขียนมา



จ.ม. ฉบับที่ 2

ไก่แจ้โก่งคออีเอ้กเอ้ก
ไก่โต้งแซงพระเอกหน่อยเถิดน่า
ส่วนไก่ชนคนให้เดินไปมา
เสาร์อาทิตย์คงจะพาเข้าสังเวียน

ทุกวันนี้คนรายรอบต่างชอบไก่
แต่หาใช่เพียงไก่ย่างอย่างยายเหมียน
มันกินดีตรงยี่ห้อใช่ล้อเลียน
อยากอาเจียนตรงที่มันหยันไก่ดอย

ดูเจ้าสัวตัวเขายังเข้าป่า
ไปเสาะหาไก่เชื่องไม่เซื่องหงอย
เพื่อเอาก่อต่อกันเป็นพันธุ์พลอย
แล้วรวยเละอีกล้านร้อยคอยดูเอา

ไก่ชนไก่ชนชนไก่
กีฬาไทยไทยท้องถิ่นบ้านเรา
สนุกจังเชียร์ดังไม่เบา
สนุกจังเชียร์ดังไม่เบา
ล้อมวงกันเข้ามาเชียร์ไก่ชน..

ไก่ต่อสู้คนต่อสู้เพื่ออยู่รอด
ใครก็บอกมาตลอดตั้งแต่ต้น
เลี้ยงไก่ตีมีไก่กินอย่าหมิ่นคน
รวยหรือจนก็ต่อใจหมายต่อธาร

ธารธรรมนำไปไกลความทุกข์
คนล้วนหวังความสุขมหาศาล
มิได้หวังให้ทุกข์ปนจนรำคาญ
กระแสนี้มีมานานคอยคาลใจ

แต่คงด้วยบุญทำหรือกรรมแต่ง
คนจึงแข่งวาสนาได้หาไม่
แต่เอาเถอะเพียงมีกินเลี้ยงกันไป
ก็ชื่นใจพอประมาณพอบรรเทา

ไก่ของนายยายขายไปหลายหน
เชื่อไหมว่าผู้คนอยากซื้อเหมา
แต่ยายบอกแบ่งกันกินอย่าโลภเมา
อยากได้ไก่อุ้มไก่เอามาแลกกัน

ข้าวนาปรังนาปีที่เหลือยุ้ง
เหลือจากกินลงพุงก็เอาผัน
มาเลี้ยงไก่ขายไก่ได้หลายพัน
เออแบบนี้สิมันค่อยดูดี

ราคาตกใยยังดันทุรังต่อ
แห่ไปขายได้ไม่พอแถมต่อหนี้
ตัดวงจรอุบาทว์ให้ได้ซักที
หน่อยเพื่อนผองน้องพี่หนีความจน

จนจนจนจนจนจนจนเจ็บ
เจ็บเจ็บเจ็บเจ็บจัดเพราะขัดสน
เขลาเขลาเขลาเขลาดังเป็นวังวน
โง่เจ็บจนจนเจ็บโง่ โอปวดใจ

จดหมายกันมันคงมาแบบน่าเบื่อ
เหม็นกลิ่นไพร่ได้กลิ่นเหงื่อเมื่ออยู่ใกล้
งั้นนายต้องมองกลางกลางถึงห่างไกล
แต่ว่าขอเขียนต่อไปได้ไหมนาย

จ.ม. ฉบับ ท้ายสุด

จบ จ.ม. ฉ.บ. นั้นกันโชคดี
ติดรถพี่ขึ้นบนเขาเหมาของขาย
พี่แกเป็นคนชอบค้ามาเยี่ยมยาย
ก่อนจะกลับคืนหนองคายคงหลายวัน

ชวนไปดูบนภูหลายหมู่บ้าน
ปิ๊งเลยเพื่อนเหมือนวิมานหรือกว่านั่น
นายเชื่อไหมใครเคยเห็นเป็นเหมือนกัน
คือรู้สึกเหมือนความฝันมันเป็นจริง

บนภูเขาเขาปลูกผลไม้ขาย
น้ำจากสายข้อต่อลดหยดติ๋งติ๋ง
น้ำจากท่อต่อจากเขาเขาพึ่งพิง
ธรรมชาติช่างเอื้อยิ่งยิ่งเอื้อเฟื้อ

ก็เคยไปบ้างหรอกภูดูดงดอย
ถามหาลานสาวคอยทางดอยเหนือ
ก็เคยเยือนก็เคยอยู่ที่ภูเรือ
ภูกระดึงเคยถึงเมื่อนานมาแล้ว

ทว่าภูหมู่นั้นมันก็ต่าง
จากภูเขาที่เราอ้างกับเพื่อนแก้ว
คนไปเยือนเหมือนแปลกหน้ามาแปลกแนว
พบกันแล้วแล้วกันไปไม่อาวรณ์



หรือว่าเราฟูมฟายมากมายไป
ยึดมั่นในตัวตนจนยากถอน
โหยหาแต่ใยเยื่อเอื้ออาทร
คิดแล้วถอนใจขำ นบคำพระ

ยังจำได้เมื่อปีกลายนายกลับบ้าน
ซื้อไวน์แดงออกรสหวานปานสละ
มาฝากกันกันติดรสไม่ลดละ
ยกไตรรัตน์ไว้ก่อนนะจะจิบนิด

ชาวบ้านโนนหัวช้างที่กลางภู
เปิดขวดหรูเหมือนไวน์ดังฝรั่งผลิต
รินให้จิบหยิบขวดไวน์ให้พินิจ
รสนั้นมิตรคุ้นสนิทเพราะติดชิน

รินลงแก้วแล้วก้มลงดมแก้ว
ยกขึ้นแล้วรินกลั้วชั่วแมวดิ้น
ให้รสไวน์ได้ชำแรกลงแทรกลิ้น
อย่าด่วนกินดื่มเกลี้ยงเพียงอยากเมา

เห็นไวน์ใสเห็นวัยสวยร่ำรวยภูมิ
เห็นช่วงตูมถึงช่วงบานผ่านช่วงเขลา
จิบเพื่อแจ้งแจ้งใจจิบเลือกหยิบเอา
จะเมาเหล้าหรือเมาใจเอาให้พอ

สิบหมื่น สิบหมื่น สิบหมื่น
ถึงยิ้มระรื่นต้องกลืนลงคอ
คุณพ่อครับผมแย่
คุณแม่ครับผมจน
สิบหมื่นผมเหลือทน
ไม่ขอดิ้นรนจนต้องขายลูกกิน
กราบลาแล้วขอแจวลาจร
ไม่ขออ้อนวอนง้องอนทั้งสิ้น
หากเป็นเขยคงขายผมกิน
ต้องดับแดดิ้นเพราะถูกกินถึงตาย
หากจะขายแม่ยายยังอยู่
จะให้น่าดูต้องมีแถมพ่อตา .. ( จำได้กระท่อนกระแท่น ชอบมากสมัยยังดูหนังมิตร ชัยบัญชา )

สิบหมื่นสิบหมื่นสิบหมื่น
ไวน์ของใครให้เอาคืนไปดีกว่า
หากจิบแล้ววุ่นหัวใจไม่รู้ลา
เชิญคุณมาจิบไวน์ใสจากไพรพง

เก็บผลไม้เอามาล้างอย่างสะอาด
ปั่นแล้วกรองเอารสชาติอันสูงส่ง
หมักกับยิสต์ผลิตLกฮลง
เก็บไว้ตรงที่นิ่งเย็นเป็นปีปี

คุณค่ามาแต่กาลเวลาด้วย
ถังไม้กล่อมเกลาช่วยทุกวันวี่
รสคงปร่าถ้าด่วนได้ไม่พอดี
จิบไวน์เย็นเห็นโลกนี้เป็นอย่างไร

ที่เอ่ยมาอย่าน้อยใจไปนะเพื่อน
ไวน์สีแดงรสชาติเหมือนสละใหม่
แม้นจะหนีบมาฝากบ้างจากทางไกล
ทางนี้ใจเต็มต่อการรอคอย

เพียงแค่อยากให้นายนั้นหายเหงา
กันจึงเอาเรื่องหมู่บ้านนั้นมาฝอย
มีอีกมากหากอยากฟังตั้งตาคอย
เบื่อบอกหน่อยกันจะจรไปนอนเปล

แขวนเปลนอนให้สบายใต้ต้นนุ่น
หลีกโลกวุ่นหินเหี้ยมด้วยเหลี่ยมเล่ห์
จิบเมรัยพอให้เพลินเดินไม่เซ
อ่านนิยายสบายเด สบายดี


คำ ใต้ต้นนุ่น หยิบมาจาก เปลยวนใต้ต้นนุ่น 
ของคุณชาติ กอบจิตติ- ขอบคุณครับ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์