27 มิถุนายน 2553 15:09 น.

กาลเวลา อดีต อนาคต

คนกรุงศรี

เป็นนักกลอน อ่อนวัย ใจเข้มแข็ง
บทเรียนแพง เพียบรู้ กว่าครูสอน
มีทั้งจำ ท่องจด ทุกบทตอน
ใจร้าวรอน เรียนจบ ครบวิชา

หลักสูตรเจาะ เฉพาะตน  ของคนนั้น
บทประพันธ์ ยอดกวี ที่มีค่า
สรรหาคำ เกินจะ  คณนา
เมื่อเอามา เปรียบเรา มิเท่าทัน

ใช่ว่าเขา เรานี้ คงมีผิด
เพราะลิขิต จากฟ้า พาผกผัน
สิ่งที่แล้ว ผ่านไป ไม่ว่ากัน
จึงณ.วัน นี้หนอ ต่อสู้ไป

ถามหาฝัน วันใด จะได้พบ
วันที่สบ ตากัน นั้นมีไหม
ระยะทาง พิสูจน์ม้า ว่าเป็นไง
กาลเวลา พิสูจน์ได้ นะใจคน

มิอยากหวัง สิ่งใด ไกลเกินฝัน
อย่าแกล้งกัน ก่อให้ ใจสับสน
ไมตรีมอบ มากมาย ได้เยี่ยมยล
ก็ส่งผล หม่นเหงา ค่อยเบาบาง

ทุกสิ่งอย่าง ดั่งคิด อาจผิดหมด
ไม่เหมือนบท กวี มี่สรรสร้าง
อนิจจัง ฟังคำ พระนำทาง
ยังมิวาง ใจใคร ....กว่าใจตน				
27 มิถุนายน 2553 14:11 น.

เพลงรัก ในราตรี

คนกรุงศรี

ฟังเสียงขลุ่ย บรรเลง บทเพลงพลิ้ว
ยอดไผ่ปลิว ลู่ล้ม พราะลมผ่าน
ค่ำคืนนี้ หงอยเหงา เศร้าดวงมาน
บทเพลงหวาน ไห้หวล ใครครวญมา

สายลมเย็น หนาวใจ ขาดไออุ่น
เคยนอนหนุน ตักนาง ช่างหรรษา
ชมดวงดาว พราวพร่าง กลางนภา
เมื่อจันทรา เกเร หลบเมฆินทร์

น้ำค้างหยาด หยดไหล จากใบหญ้า
เดือนจากลา ลับไกล ใจถวิล
จิ้งหรีดร้อง เสียงใส แว่วได้ยิน
หอมกรุ่นกลิ่น ราตรี ที่ริมทาง

เพลงขลุ่ยสิ้น สงบ จบเพลงเศร้า
ความเงียบเหงา เข้าเรียง มาเคียงข้าง
แต่เรไร ร้องดัง ยังมิจาง
หนาวน้ำค้าง จิงหนอ ใจพ้อครวญ


อีกราตรี ที่เรา ต้องเศราสร้อย
อยู่กับรอย ความหลัง ครั้งคิดหวน
มองนภา คราใด ใจรัญจวน
คิดถึงนวล คนดี ที่จากไป				
20 มิถุนายน 2553 23:48 น.

กวางไพร

คนกรุงศรี

นิทานเก่า เล่ามา ตาจำได้
เรื่องเกิดที่ พงไพร ณ ชายเขา
พืชชอุ่ม พุ่มไสว ให้ร่มเงา
แหล่งรวมเหล่า สัตว์ป่า บรรดามี
         แล้วนายพราน ผู้หา ของป่าขาย
       ชอบย่างกราย บุกป่า มาถึงนี่
       เที่ยวล่าสัตว์ สมุนไพร สิ่งใดดี
       จึงวันนี้ พบกวาง ช่างถูกใจ
เขาติดตาม หมายล่า เป็นอาหาร
กวางทะยาน วิ่งห้อ พรานก็ไล่
รักชีวิต จวนตัว กลัวเพศภัย
พุ่มไม้ใกล้ นี้หนอ ขอพึ่งพา
         กลางพุ่มไม้ กวางซ่อน นอนสงบ
       ถ้าค่ำพลบ เมื่อไร ไร้ปัญหา
       พรานเดินเทียว เที่ยวค้น จนปัญญา
       แหมเสียท่า สุดแสน แค้นใจจริง
พรานผ่านไป กวางรอด ปลอดภัยแน่
น่ากินแท้ ใบอ่อน มินอนนิ่ง
กวางก็เล็ม ยอดไม้ ไม่ประวิง
ทุกทุกกิ่ง เกลี้ยงไป ไม่เหลือเลย
         พรานวนอยู่ ดูท่า ว่าหมดหวัง
       จึงกลับหลัง ย้อนมา นิจจาเอ๋ย
       เห็นพุ่มไม้ ปรุโปร่ง โล่งจริงเอย
       มิอยู่เฉย ยกหน้าไม้ ใส่บ่าเล็ง				
20 มิถุนายน 2553 23:18 น.

ฝากใจไว้กับจันทร์

คนกรุงศรี

อยากเขียนกลอน อ้อนออด เจ้ายอดสร้อย
ความรู้น้อย คอยหัด คัดอักษร
จัดคำหวาน สานถ้อย ร้อยเป็นกลอน
แต่ยังอ่อน คารม ไม่คมคาย
      เขียนเท่าไร ไม่ดี ดั่งที่คิด
       กลอนไม่ติด ตรึงใจ ไร้ความหมาย
       เธอทิ้งลง ตะกร้า น่าเสียดาย
       ช่างใจร้าย จริงแท้ แม่คนงาม
อยากเป็นเพื่อน เป็นพี่ เป็นที่รัก
คงต้องหัก ห้ามจิต คิดคำถาม
อยากรู้จริง สิ่งใด ในนิยาม
แจ้งถึงความ ในใจ ได้ไหมเอย
       ฟ้าลิขิต ขีดมา ให้อาภัพ
       อยู่กันกับ ความเหงา เศร้าเหลือเอ่ย
       มีความหม่น เป็นเพื่อน เหมือนเช่นเคย
       ยากเฉลย ความนัย ให้ใครฟัง
ขาดเยื่อใย ไมตรี มิมีให้
มองการณ์ไกล อนาคต คงหมดหวัง
ความรู้สึก ดีดี นั้นจีรัง
จงรู้ว่า คนข้างหลัง ยังภักดี
       ความในใจ ใคร่ปล่อย ลอยล่องฟ้า
        ฝากนภา รับไว้ ได้ไหมนี่
        แม้คืนใด ดูว่า จันทรามี
        บอกข้านี้ ฝากใจ ....ไว้สักดวง				
13 มิถุนายน 2553 22:49 น.

หญิงชรา ตาบอด

คนกรุงศรี

นิทานขรัวตา

นิทานกลอน สอนใจ เล่าไว้ว่า
หญิงชรา อาศัย ใกล้กรุงศรี
อยู่คนเดียว แต่ว่า ฐานะดี
ปัญหามี ที่นัยตา แกฝ้ามัว

      ทิ้งอยู่นาน พาลให้ มองไม่เห็น
      มิใจเย็น หมอเก่ง เร่งหาทั่ว
      พบหมอหนึ่ง บอกว่า ยายอย่ากลัว
      ฉันตรวจทั่ว มีทางหาย ใช้เวลา

เอาน้ำฝน ธรรมดา มาหยอดให้
ตอนกลับไป ฉวยเงินทอง ของมีค่า
หลายสิ่งอย่าง มีอยู่ ดูบางตา
เพราะหมอยา ลักไป ไว้บ้านตน

      พอทรัพย์สิน หมดไป ไม่เหลือหรอ
      จึงพ่อหมอ เปลี่ยนยาใหม่ ที่ให้ผล
      ยาถูกโรค ยายหาย ไม่ทุกข์ทน
      เมื่อครายล ชัดเจน เห็นได้ไกล

พ่อหมอบอก ขอต่า รักษาด้วย
ยายจงช่วย รีบหา เงินมาให้
ยายคิดดู รู้เห็น ความเป็นไป
แกจึงได้ ปฏิเสธ เหตุผลมี

      บอกนัยตา ข้านั้น มันไม่หาย
      ก่อนนั้นเห็น มากมาย ของข้านี่
      เจ้ารักษา เท่าไร ก็ไม่ดี
      มองไม่เห็น ของที่ มีอยู่เลย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี