14 พฤศจิกายน 2555 23:05 น.

ทวงศรัทธา

คนกรุงศรี

		
เมื่อวสันต์ สิ้นแล้ว กอแก้วเฉา		
เพราะสองเรา เง้างอน และอ่อนไหว
เหตุเพียงน้อย ด้อยนิด ถึงผิดใจ			
ปรับคลื่นใหม่ ให้รับ กับตรงกัน
		
เลิกฝันร้าย หายเคือง เรื่องเก่าก่อน		
มิคิดย้อน ตอนจิต ที่ผิดผัน
ประสานมือ ถือไว้ ให้สัมพันธ์			
มาสร้างสรรค์ กอแก้ว ให้แวววาว

ตัดกิ่งก้าน แก่เก่า ที่เฉาออก		
กวาดกลีบดอก โคนต้น ที่หล่นขาว
ปรับดินใหม่ ให้ร่วน พรวนอีกคราว			
พอพ้นหนาว พราวฝน ดูผลงาน
		
สิ้นเสียงครวญ หวนไห้ จากใจหวั่น		
เพียรจำนรรจ์ กลั่นคำ ที่ฉ่ำหวาน
ยิ้มมุมปาก จากเขา เราเบิกบาน			
คำไขขาน คิดถึง ตราตรึงใจ
		
รอดอกแก้ว กว่าบาน คงนานหนอ		
มาร่วมก่อ กอรัก สักต้นไหม
เก็บมะลิ ร้อยรวม ร่วมสายใย			
กุหลาบให้ ใส่ห้อย ร้อยที่ปลาย
		
นั่งเหม่อฝัน มั่นใจ หรือไม่หนอ	
จึงวอนขอ เทวา ว่ามุ่งหมาย
อยากได้ยิน ดินย้ำ คำภิปราย			
ว่าจะคลาย เกลียดชัง ...ยังศรัทธา

				
10 พฤศจิกายน 2555 22:10 น.

ไร้วิญญาณ

คนกรุงศรี

	
เธอรู้ไหม ใครเล่า เขาเฝ้าฝัน		
เธอรู้ไหม ใครนั้น เขามั่นหมาย
เธอรู้ไหม ใครหม่น จนเจียนตาย			
เธอรู้ไหม ใครพ่าย อายผู้คน

เพราะเธอเมิน เขาต้อง ทนหมองไหม้	
เพราะเธอเมิน เขาไป ไร้เหตุผล
เพราะเธอเมิน เขาช้ำ แต่จำทน			
เพราะเธอเมิน เขาหม่น จนอ่อนแอ

เพราะว่าเขา ใจอ่อน ตอนพบเห็น		
เพราะว่าเธอ นั้นเป็น เช่นดวงแข
เพราะว่าเขา เหมือนกระต่าย หมายตาแล		
เพราะว่าเธอ ไร้แม้ แต่ไมตรี

เขาจึงน้อย ในใจ ไม่อาจกล่าว		
เขาจึงร้าว หลบตา อายหน้าหนี
เขาจึงโทษ เทวา มิปรานี				
เขาจึงมี เพียงกาย ไร้วิญญาณ

				
7 พฤศจิกายน 2555 22:51 น.

ยอม

คนกรุงศรี

	
คงสุดไขว่ เกินคว้า ตามล่าฝัน		
เส้นทางนั้น มิบรรจบ พบกันแน่
เพราะไกลตา กว่าจ้อง สองตาแล			
เป็นเพียงแค่ เส้นขนาน อีกนานเนา
		
เคยเพ้อพร่ำ ร่ำหา ฟ้าดินช่วย		
ขออำนวย อวยพร ออดอ้อนเขา
ใช่ไร้บุญ กรรมยัง ปิดบังเงา			
หนอตัวเรา ท้อทด หมดแรงใจ
		
คงชาตินี้ มีบุญ หนุนเพียงนิด		
จึงหมดสิทธ์ คิดการ มิหาญใฝ่
เส้นทางฝัน นั้นเล่า แสนยาวไกล			
เรียกร้องใคร ไหนหนอ พอพึ่งพา
		
ไร้สำเนียง เสียงใจ ร่ำไห้หวน		
เก็บรัญจวน ซ่อนไว้ ไม่ออกหน้า
เหมือนปลงปลง ปลงเช่น เคยเป็นมา		
ในอุรา ทุกข์รวม จนท่วมมาน
		
หลังพิงฝา ตาหลับ คุยกับหม่น		
ต้องอดทน นะข้า จงกล้าหาญ
มาซึมซับ รับรส บทร้าวราญ		
ประสบการณ์ ซ้ำซาก มีมากมาย
		
มิแตกต่าง ห่างเช่น เป็นดินฟ้า		
ศักดินา ค่าเทียบ ก็เปรียบหมาย
เพียงอาภัพ อับผู้ คู่เคียงกาย			
ทนเดียวดาย เช่นเก่า ที่เราเคย

คนกรุงศรี ฯ
กลุ่มวรรณกวีศรีอยุธยา					

				
4 พฤศจิกายน 2555 10:13 น.

นิทาน วัวขาวขนดำ

คนกรุงศรี


นิทานเก่า เล่ามา ตาจำได้			
เรื่องเกิดใน ปางบรรพ เมื่อวันก่อน
มีลูกวัว ลูกควาย ในดงดอน			
ยังวัยอ่อน อยู่เหมือน เป็นเพื่อนกัน

ดูลูกวัว นั้นเล่า ขาวสะอาด		
แต่ประหลาด แตกต่าง ที่หางนั่น
เพราะตรงปลาย ดำสนิท ผิดแผกพันธุ์	
ถูกเย้ยหยัน จากควาย สหายตน

ทั้งตัวเจ้า ขาวขน จนสดใส	
เหตุอันใด ปลายหาง ช่างหมองหม่่น
ไม่น่านะ จะมี สีดำปน				
เมื่อเยี่ยมยล มิงาม ตามตำรา

ทุกวันเฝ้า เซ้าซี้  เรื่องสีหาง		
แล้วมันช่าง สงสัย กระไรหนา
วัวรำคาญ ครั้นพบ หลบทุกครา			
ยังตามมา ค่อนขอด ตลอดทาง

ลูกวัวกล่าว เจ้าควาย สหายข้า		
ไยจึงมา มองแต่ แค่สีหาง
ทั้งตัวข้า ขนขาว เจ้าละวาง			
ที่แตกต่าง จากเจ้า มิเข้าใจ

จงหันมอง ตัวเจ้า เอาสักหน่อย	
พบสีขาว สักน้อย นั้นหาไม่
ดูสิ่งที่ ดีบ้าง เป็นอย่างไร				
เมื่อมองใคร ให้คิด สักนิดนึง

ขรัวตา

				
2 พฤศจิกายน 2555 22:31 น.

ธุลีดิน

คนกรุงศรี

	
หัวใจคน ขื่นขม นั่งก้มหน้า		
ฝากดินฟ้า หาใคร ไหนสงสาร
สักเสี้ยวเศษ เมตตา หาผลทาน			
รักษามาน ไหม้หม่น ของคนตรม

พบผิดผิด ผิดหวัง บ่อยครั้งนัก		
เอ่ยเรื่องรัก แล้วใจ ให้ขื่นขม
วาสนา ค่าด้อย น้อยคนชม			
ความภิรมย์ สุขสันต์ นั้นมิเคย

เพียรฝากใจ ไหว้วาน รอขานไข		
เขาก็ไม่ ไยดี ที่เฉลย
ยังเพิ่มคำ ช้ำให้ ไม่เสบย				
นะเราเอ๋ย อาภัพ กว่าอับจน

ถามใจหนอ ท้อไหม หรือไร้หวัง		
ตอบว่ายัง ยิ้มรับ กับเหตุผล
เฝ้าหวังหวัง หวังไว้ ใครสักคน			
อยากเยี่ยมยล เยียวยา รักษาใจ

แม้มิหมาย คล้ายฟ้า มากลั่นแกล้ง	
หรือกฎแห่ง ปางบรรพ จัดสรรให้
จึงผิดหวัง นั่งช้ำ อยู่รำไป				
ทำกระไร เล่าถึง จึงปรานี

เพราะฝากฟ้า ฝากดิน ทั้งสิ้นแล้ว		
ยังไร้แวว แผ้วถาง ทางทุกที่
เถอะคงขอ รอรอ ขออีกที				
หวังว่าดิน ยังมี ธุลีใจ

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี