13 สิงหาคม 2554 22:58 น.

รุ้งหลังฝน

คนกรุงศรี

พายุจัด พัดพา ฟ้ามืดมิด
ทั่วทุกทิศ เมฆิน รินหลั่งไหล
เป็นหยดหยาด น้ำลม พรมทั่วไป
อีกเท่าใด จะผ่าน ม่านเมฆี

               พอฝนซา ฟ้าโปร่ง โล่งเรืองแสง
               ตะวันแรง ส่องสาด วาดแถบสี
               สะพานรุ้ง พุ่งสอด ยอดคิรี
               เห็นรุจี ทอประกาย สุดสายตา

สีสดใส แพรวพราว เข้าเรียงแถว
พาดเป็นแนว โค้งลด จดขอบหล้า
ฝนขาดเม็ด เก็จแก้ว เพริศแพร้วพา
ชื่นอุรา แลแสงรุ้ง พุ่งกระจาย

ถ้าอาทิตย์ อัสดง ลงแล้วเล่า
              ก็หงอยเหงา ชีวา ฟากฟ้าหาย
              คงไม่เห็น แสงทอง ของรุ้งพราย
              ความมืดกราย กลืนกลบ ลบตะวัน

ชีวิตคน บนโลก ทุกข์โศกสุข
เข้าเคล้าคลุก รวมอยู่ ดูน่าขัน
มรสุม รุมเร้า เฝ้าฝ่าฟัน
กว่าจะผัน รอดพ้น สุดทนทาน

              ชีวิตถูก มรสุม แสนกลุ้มเศร้า
              เวลาเท่า ใดจะ ชนะผ่าน
              เกรงไม่เห็น รุ้งชีวิต วิจิตมาน
              เพราะเนิ่นนาน กว่าที่ สุรีย์รอ
				
13 สิงหาคม 2554 22:38 น.

จากลูกที่แดนไกล

คนกรุงศรี

แม้ห่างไกล ใจยัง ฝังระลึก
ด้วยสำนึก พระคุณ การุณย์ยิ่ง
ทั้งน้ำใจ แม่หลาก แสนมากจริง
สุดหาสิ่ง ใดเทียบ หรือเปรียบปาน

 แต่ภาระ หน้าที่ ลูกนี้มาก
 ยังลำบาก ทุกข์ทั้ง หวังสืบสาน
  อยู่ถิ่นไกล ในแคว้น แดนกันดาร
  เวลากาล ผ่านไป ไม่บ่อยพบ

แต่ตัวเรา ลืมท่าน นั้นมิใช่ 
ละทิ้งไป ได้ดี แล้วหนีหลบ
ทุกครานั้น มั่นใน ใจเคารพ
นอบน้อมนพ ตลอดกาล ที่ผ่านมา

 อยากกราบเท้า ของแม่ แต่โอกาส
                   มักเคลื่อนคลาด ใจจึง ถึงโหยหา
                   ก็หมองหม่น ทนเหงา เศร้าวิญญาณ์
                   มีเวลา เมื่อไร จะไปกัน

รู้ว่าท่าน อยู่ดี และมีสุข
จึงคลายทุกข์  วิโยค หายโศกศัลย์
ใช่เจ้าเล่ห์ เสแสร้ง แกล้งรำพัน
ทุกวี่วัน ท่านอยู่ คู่ใจเรา

 เมื่อวันแม่ มาบรรจบ มิพบท่าน
                  จึงกราบผ่าน ฟากฟ้า หาแม่เฒ่า
                  ขอจงเป็น มิ่งขวัญ จนนานเนา
                  ปีนี้เศร้า สุดซึ้ง..คิดถึงจัง
				
2 สิงหาคม 2554 23:01 น.

ด้วยวิญญาณ

คนกรุงศรี

ตาชะแล แก่ชรา อายุเยอะ
เดินงกเงอะ บางครั้ง ยังมิไหว
สังขารแย่ แพ้พิษ ผิดกับใจ
ที่สดใส แสนดี มีคารม

ด้วยโรคภัย ไข้เจ็บ มาเหน็บแหนบ
เหมือนปวดแสบ ทนทุกข์ มิสุขสม
อีกทั้งข้อ แขนขา ซาระบม
จะลุกก้ม ลมตี มีอาการ

จึงห่างหาย ลายสือ เคยสื่อถ้อย
อยากเรียงร้อย แต่แย่ แพ้สังขาร
เมื่อหวนคิด ผิดกัน กับวันวาน
เคยสืบสาน ขีดลาก ปลายปากกา

ด้วยวิญญาณ การกลอน เหมือนหลอนหลอก
กระซิบบอก ตอกย้ำ คำกล่าวหา
ฤๅแสงไฟ ไม่กรุ่น แล้วคุณตา
ทิ้งภาษา สู่ดิน ดั่งสิ้นมนต์

เขาเยียวยา มาก็ พอเบาบ้าง
เมื่อไข้สร่าง ทรงกาย ก็ได้ผล
ดินสอดำ กำใส่ ในมือตน
ขีดเขียนบน กระดาษ วาดวจี

อย่างเขาว่า ลาห่าง ทางอักษร
คารมกลอน กร่อนหาย มันหน่ายหนี
สมองทึบ อึบอับ ขับวลี
หากมิดี ตาก็ขออภัย

ขรัวตา
				
2 สิงหาคม 2554 22:45 น.

วันนี้เมื่อปีก่อน

คนกรุงศรี

จากวันนั้น ถึงวันนี้ หลายปีพ้น	
ดวงกมล สู้ข่ม ความขมขื่น
เพราะฤทัย ใสพิสุทธิ์ มีจุดยืน
แม้กล้ำกลืน ทุกข์ตรม ก็ข่มเอา

เพราะความหลัง ฝังใจ มิวายคิด
เหมือนสถิตย์ อยู่ท่าม กลางความศร้า
ทุกข์หรือสุข อยู่เคียง เพียงสองเรา
บางครั้งหนัก บ้างเบา ก็เข้าใจ

ณ.วันนี้ พี่อยู่ คู่กับเจ็บ
แม้หนาวเหน็บ ทนอยู่ เธอรู้ไหม
ต้องโดดเดี่ยว เอกา สุดอาลัย
ด้วยเธอไป ไกลลับ มิกลับคืน

เมื่อวันนี้ ปีเก่า เรามีสุข
คอยปลอบปลุก แรงใจ ให้สดชื่น
แต่วันนี้ พี่ซ้ำ สุดกล้ำกลืน
วันสดขื่น ครั้งหลัง ยังฝังจำ

หนาวลมเหนือ เมื่อสาง ช่างสับสน
เคยกังวล ห่วงเจ้า เฝ้าพูดพร่ำ
สิ่งใดถูก ใดดี ช่วยชี้นำ
ทุกถ้อยคำ ย้ำอย่าง ผู้หวังดี

ไม่กังวล ไม่ห่วงใย ไม่ไต่ถาม
เหลือเพียงความ หงอยเหงา เศร้าสุดที่
กับคิดถึง สุขเก่า เราเคยมี
อีกกี่ปี จะคลาย หายอาดูร				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี