10 สิงหาคม 2545 02:12 น.

ในนามของ...

ตะวัน

ในนาม...ของความฝัน
ฉันจะกอบ เก็บคืนวัน อันหอมหวาน
จากนิทรา ฟากฟ้า ดาราธาร
จากขอบห้วง นรกานต์ มาสานเรียง

ในนาม...ของความรัก
ท่วงทำนอง จะร้องทัก ทุกสายเสียง
ทุกอารมณ์ จะสมยอม อย่างพร้อมเพรียง
ทุกคำร้อง จะร้อยเรียง และเรียงราย

ในนาม...ของความจริง
ฉันจะทิ้ง ทุกทุกสิ่ง ที่โหดร้าย
เก็บความจริง ที่โบยโบก แต่โลกนิยาย
ประสานเป็น เสียงง่ายง่าย ที่งดงาม

ในนาม...ของความคิด
เสียงดนตรี แห่งชีวิต จะหวานหวาม
สมบูรณ์พร้อม ทุกความหมาย ในนิยาม
เกินคำตอบ ของคำถาม จะคำนวณ

ลำนำนี้ เป็นของเธอ โลกที่รัก
ในนามของ การผ่อนพัก ที่ครบถ้วน
จงหลับใหล ในลำนำ ที่นุ่มนวล
ก่อนบทเพลง ที่คร่ำครวญ จะครืนคราง				
10 สิงหาคม 2545 01:49 น.

กวีกู

ตะวัน

(1) ใต้หน้ากาก

เพียงเรียงร้อยถ้อยคำฝันอันสุกงอม
มาเติมต่อหล่อหลอมพร้อมความฝัน
ถอดทั้งใจไปเฝ้ารอวันต่อวัน
ถึงวันนี้จากวันนั้น  ฉันคือกวี

ใช่ไหมที่รัก
เท่าที่ฉันรู้จักก็เท่านี้
มีสายลม มีท้องฟ้า มีราตรี
มีเดือนดาวที่แสนดีก็พอแล้ว
อาจเม็ดทรายหรือสายฝนปะปนบ้าง
อาจเอื้อนเพลงความเคว้งคว้างอย่างผ่าวแผ่ว
ให้สมบูรณ์ฉันทลักษณ์ตามหลักแนว
ก็พรั่งพร้อมเพียงพอแล้วจะเป็นกวี




(2) ถอดหน้ากาก

กูเบื่อ
อย่ายัดเยียดให้กูเชื่อเรื่องเหล่านี้
ฉันทลักษณ์  กูทะลักมานานปี
กูไร้สิทธิ์เป็นกวีหรืออย่างไร
กูไม่มีถ้อยคำฝันอันไหวหวาน
ไม่สอดคล้องความต้องการคนส่วนใหญ่
ใช่แหละกูหยาบคายบ้างจากข้างใน
แต่ใช่กูไม่ฝันใฝ่ไปเป็นกวี

กูนั่งเทียนเขียนความตามอยากเขียน
กูบั่นบากพากเพียรเปลี่ยนวิถี
กูไม่อยากจมปลักในหลักนี้
นี่แหละคือกวีในแบบกู
กวีกูไม่รู้เรื่องเมืองความฝัน
กูรู้แต่ ฝันกูนั้น ยังฝันอยู่
กวีกูอาจมีบ้าง  ข้างๆคูๆ
เปิดประตูให้กูบ้างจะเป็นไร
ให้เสรีที่จริงแท้แก่กูบ้าง
เผื่อทางแยกจะแตกต่างกับทางใหญ่
ปล่อยกล้าไม้ได้ผลิช่อก่อดอกใบ
กูอยากเป็นคลื่นลูกใหม่ในวงการ
กูเบื่อแล้วบทกวีที่ฉาบฉวย
เก็บเรื่องเก่ามาเล่าด้วยอย่างหน้าด้าน
แค่เส้นหมี่สำเร็จรูปที่พร้อมทาน
เพียงปรุงปรับแล้วขับขาน ก็เป็นกวี




(3) มองหน้ากาก

หน้ากากที่รัก
เถิดเรามาหยุดพักเพียงเท่านี้
ให้ความเงียบมาเรียบเรียงเสียงดนตรี
ในลำนำ บทกวี ที่ดื้อรั้น
อย่าเสาะหาความหมายอะไรเลย
มันก็แค่ความคุ้นเคยถูกขีดคั่น
จะเป็นกวี? เป็นทำไมเพื่อใครกัน
ก็ว่างเปล่า ก็เท่านั้น - ฉันไม่ใช่กวี				
23 กรกฎาคม 2545 02:25 น.

ลุงมั่น

ตะวัน

เอ้ก อี เอ้ก เอ้ก
เสียงเล็กไอ้โต้งโก่งคอขัน
สัญญาณม่านหมอกหยอกแสงตะวัน
ลุงมั่นผันตัวสู่หัวกระได
รวงข้าวโยกย้ายไล้สายหมอก
ลมพลิ้วริ้วระลอกดอกหญ้าไหว
กรูฝันพรมหว่านผ่านนาละไม
ก่อหวังครั้งใหม่ในวันนี้

ถึงเวลา ลุงมั่นกับท้องทุ่ง
คมเคียวหมายมุ่งประจำที่ 
เก็บเกี่ยวกอบฝันกันอีกที
ฝันฤดูแห่งฤดี ที่เฝ้ารอ
เปลี่ยนวัน ผันเดือน เคลื่อนไหว
แดดเลียลมไล้จนใจฝ่อ
จึงผลิเม็ดพวงเป็นรวงช่อ
กะดูคงพอมีกำไร

ฟ่อนฟางกลางลานคืบคลานแล้ว
ต่อยอดเป็นแนวดูสูงใหญ่
นวดเสร็จเมล็ดนั้นก็ทันใจ
เย้ายวนไฉไลเสียยิ่งนัก
แน่ะนั่น! พ่อค้ามาถึงแล้ว
แว่วแว่ว คนที่พอรู้จัก
เลียบเลียบ เคียงเคียง ด้วยเสียงทัก
ค่ำนี้ขอ ฉลองหนักด้วยสักคน

จบวันอันชื่นด้วยรื่นสุรา
ตามวิถี ที่มีมา อีกหนึ่งหน
ไม่เห็นต่าง จากคนเมือง อันวกวน
หาเรื่อง หาเหตุผล มาร่ำสุรา				
23 กรกฎาคม 2545 02:13 น.

เสรีที่ป่าช้า

ตะวัน

เสรีที่ป่าช้า..ชานเมือง
หลังฉากความรุ่งเรือง.ระอุร้อน
ปลดแอกจากทุกเรื่อง.ราวอื่น
เริงรื่นใต้เสียงสะท้อน.ยอกย้อนยั่วเย้า

    เสรีที่ป่าช้า                     เพียงหลับตาให้หลับฝัน
ขณะหนึ่งคงนิรันดร์               อย่างฝันหามาแสนนาน
    หนึ่งคนหนึ่งความคิด         หนึ่งชีวิตที่สืบสาน
หนึ่งสมองหนึ่งวิญญาณ         อุดมการณ์เพียงขายกิน
    อุดมการณ์ใต้ลิ้นชัก          ป่วยการทักให้เมื่อยลิ้น
ใช่มันเลี้ยงชีวิน                    อุดมกินยังไม่มี
    ปล่อยปล่อยเถิดความฝัน   จะดื้อรั้นก็ใช่ที่
จารีตประเพณี                      ตีกรอบแล้วทุกความคิด
    ลาตายเถิดเพื่อนรัก           มาหยุดพักทุกถูกผิด
ปลดแอกช่วงชีวิต                 จากอาทิตย์สู่จันทรา
    แว่วไหมลำนำนี้                ใช่แหละนี่คือป่าช้า
อิสระแห่งวิญญาณ์                อิสราอุดมการณ์
    ปล่อยร่างไว้บนนั้น            หอบแต่ฝันมาสืบสาน
ปล่อยเขาให้ไขลาน              ผ่านร่างไร้ความคิดนึก
    เถิดระบำเพลงป่าช้า          ร่ายอำลาความรู้สึก
ฆาตกรรมจิตสำนึก                หนีอยู่ลึกในป่าลับ				
23 กรกฎาคม 2545 01:42 น.

หนึ่งนักฝัน

ตะวัน

นานแล้วนานแสนนาน
ที่ความฝัน มันคืบคลาน ผ่านมุมเก่า
ในระนาบ ราบเรียบ และเงียบเหงา
ช่างอึมครึม ซึมเซา เสียนี่กระไร
หวังแต่ฟ้า ราตรีนี้ จะมีแสง
จากหลืบเร้น เส้นทแยง ดาวดวงใหม่
แต่เปล่าเลย ดาวยังเลย แล้วเลยไป
จะเดือนเก่า หรือดาวใหม่ ก็ไร้แนว
กระพริบตา ที่พร่าพรำ หยดน้ำตา
เพื่อร่ำลา วันเวลา ที่ลาแล้ว
จากครั้งหนึ่ง ซึ่งเคยประดับ  วับแวว
ถึงครั้งนี้ ที่ไหวแผ่ว ฝันเจ้าเอย

ได้แต่นิ่ง ประวิงวัน อันเคลื่อนไหว
ปล่อยน้ำตา ล้าไหล ไปเฉย-เฉย
ปล่อยให้หยาดหยดอุ่น ที่คุ้นเคย
มาเลี้ยงส่ง ความล่วงเลย ที่จำใจ
ยังคงเป็น คนหนึ่งคน บนโลกกว้าง
ยังสืบเท้า ก้าวย่าง  อย่างคนส่วนใหญ่
ติดก็แต่ ถูกสะกด ให้หมดไฟ
หนึ่งนักฝัน ผู้มั่นใจ ตายไปแล้ว				
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตะวัน