23 กันยายน 2552 22:38 น.

นาฬิกาทราย

ตะวัน

เรียงเกล็ดเม็ดทรายจากสายน้ำ
หลอมหล่อก่อความตามรู้สึก
เพาะปลูกถูกผิด จิตสำนึก
ใส่ผลึกแก้วบางระหว่างฝัน
เม็ดทรายรายเรียงสายเสียงทราย
เป็นละอองความหมายผ่านสายกั้น
เป็นฉากจากวันไปสู่วัน
เป็นกรอบขอบฝันที่ฉันมี
หลอดแก้วสีฟ้า นาฬิกาทราย
ฉันเพียงเรียงรายสายวิถี
บ่มเพาะเจาะความตามวิธี
จนถึงจุดนี้ที่ต้องการ

มองตะวันผ่านวันไปอีกวัน
วันนี้ความฝันมันเริ่มด้าน
ในโลกเสรีที่เบ่งบาน
ความฝันอันตรธานผ่านเสรี
ในช่องร่องผาป่าคอนกรีต
มารยาจารีตได้ฉีดสี
ทับฉากรากเหง้าเป็นเถ้าธุลี
ผัดเปลี่ยนเวียนสีดรรชนีวัด
ลอยลมล่องไล้ในแสงสี
หลิ่วตาตามวิถีที่ปฏิบัติ
เรื่อยเปื่อย..เรื่อย..เรื่อย..เลื้อยเลาะลัด
ไปตามวิวัฒน์ที่พัฒนา

ดื้อรั้นดิ้นรนจนสะใจ
เบื่อแล้ว..แสงไฟในป่าช้า
จากมุมเหม็นอับขอกลับมา
สู่ฝันกลั่นค่าปัญญาชน
กลับมาหลอมใจไปกับฝัน
ตามเส้นแวง แสะตะวันที่หลั่นหล่น
ตามนิยาม ความฝันบรรพชน
ตามทรายสายชลวนเวลา
เปิดช่องกล่องครอบหากรอบแก้ว
เพื่อใช้เป็นแนวตามประสา
เม็ดทรายไหลเลื่อนเหมือนเลือนตา
มันหายกลายค่าแค่อากาศ
เหมือนฉันต่อฝันฉันไม่ติด
ในราวก้าวทิศที่ผิดพลาด
เวลาของฉันช่วงมันขาด
ความเดิมที่วาดขาดเส้นใย

จบแล้ว..วันนี้ไม่มีฝัน
ไม่มีปัจุบันให้เริ่มใหม่
นาฬิกาทรายมันหายไป
เวลา..ที่สร้างไว้..หายไปแล้ว  				
20 เมษายน 2551 04:20 น.

ก็มีบ้าง...

ตะวัน

ก็มีบ้าง..บางทีที่ชีวิต
ปล่อยความคิดลอยลมไปไร้แก่นสาร
ในบางวันมันสมองมันต้องการ
มองสสารแค่ผ่านไปโดยไม่คิด

ก็มีบ้าง..บางวันฝันมันด้าน
อุดมการณ์ที่มีมันบี้บิด
เกิดคำถามว่าแค่นี้หรือชีวิต
มันวิเศษวิศิษฏ์ที่ตรงไหน

ก็มีบ้าง..บางทีดีมันแตก
อยากเหลวแหลกแหกกฏกรอบที่ครอบไว้
อยากทะยานผ่านตะแกรงสู่แสงไฟ
ถาไถลไปกับชั่วที่ยั่วเย้า

ก็มีบ้าง..บางเวลาล้าจนท้อ
เส้นรอยหยักจึงเริ่มฝ่อก่อความเขลา
ถ้อยคุณค่าปัญญาชนโดนชำเรา
ในรากเหง้าสมองมีแต่ขี้เลื่อย

ก็มีบ้าง..บางวันมันมีบ้าง
เกิดอาการต่างๆไปเรื่อยเปื่อย
แต่สุดท้ายก็ปล่อยวางอย่างเนือยๆ
แม้แสนเหนื่อยแต่พรุ่งนี้..ก็มีชีวิต 
 
  
				
29 ตุลาคม 2550 12:45 น.

กวีกู

ตะวัน

(1) ใต้หน้ากาก

เพียงเรียงร้อยถ้อยคำฝันอันสุกงอม
มาเติมต่อหล่อหลอมพร้อมความฝัน
ถอดทั้งใจไปเฝ้ารอวันต่อวัน
ถึงวันนี้จากวันนั้น  ฉันคือกวี

ใช่ไหมที่รัก
เท่าที่ฉันรู้จักก็เท่านี้
มีสายลม มีท้องฟ้า มีราตรี
มีเดือนดาวที่แสนดีก็พอแล้ว
อาจเม็ดทรายหรือสายฝนปะปนบ้าง
อาจเอื้อนเพลงความเคว้งคว้างอย่างผ่าวแผ่ว
ให้สมบูรณ์ฉันทลักษณ์ตามหลักแนว
ก็พรั่งพร้อมเพียงพอแล้วจะเป็นกวี




(2) ถอดหน้ากาก

กูเบื่อ
อย่ายัดเยียดให้กูเชื่อเรื่องเหล่านี้
ฉันทลักษณ์  กูทะลักมานานปี
กูไร้สิทธิ์เป็นกวีหรืออย่างไร
กูไม่มีถ้อยคำฝันอันไหวหวาน
ไม่สอดคล้องความต้องการคนส่วนใหญ่
ใช่แหละกูหยาบคายบ้างจากข้างใน
แต่ใช่กูไม่ฝันใฝ่ไปเป็นกวี

กูนั่งเทียนเขียนความตามอยากเขียน
กูบั่นบากพากเพียรเปลี่ยนวิถี
กูไม่อยากจมปลักในหลักนี้
นี่แหละคือกวีในแบบกู
กวีกูไม่รู้เรื่องเมืองความฝัน
กูรู้แต่ ฝันกูนั้น ยังฝันอยู่
กวีกูอาจมีบ้าง  ข้างๆคูๆ
เปิดประตูให้กูบ้างจะเป็นไร
ให้เสรีที่จริงแท้แก่กูบ้าง
เผื่อทางแยกจะแตกต่างกับทางใหญ่
ปล่อยกล้าไม้ได้ผลิช่อก่อดอกใบ
กูอยากเป็นคลื่นลูกใหม่ในวงการ
กูเบื่อแล้วบทกวีที่ฉาบฉวย
เก็บเรื่องเก่ามาเล่าด้วยอย่างหน้าด้าน
แค่เส้นหมี่สำเร็จรูปที่พร้อมทาน
เพียงปรุงปรับแล้วขับขาน ก็เป็นกวี




(3) มองหน้ากาก

หน้ากากที่รัก
เถิดเรามาหยุดพักเพียงเท่านี้
ให้ความเงียบมาเรียบเรียงเสียงดนตรี
ในลำนำ บทกวี ที่ดื้อรั้น
อย่าเสาะหาความหมายอะไรเลย
มันก็แค่ความคุ้นเคยถูกขีดคั่น
จะเป็นกวี? เป็นทำไมเพื่อใครกัน
ก็ว่างเปล่า ก็เท่านั้น - ฉันไม่ใช่กวี 				
19 ตุลาคม 2550 01:01 น.

มือกระบี่ที่หนึ่งแห่งแผ่นดิน

ตะวัน

ฟ้ากว้าง...
หญ้าไล้ฝนคนไร้ทางอยู่กลางป่า
หนึ่งกระบี่สิ้นแสงแรงศรัทธา
หนึ่งจอมยุทธเหม่อสุดฟ้าสุดล้ารอน
 
กระบี่ไกว...
จิตใจไหวไร้ชีวีกระบี่อ่อน
เสียงสายน้ำความเงียบเหงาเฝ้าเว้าวอน
ทุกอารมณ์ล้มตัวนอนเกลือกก้อนดิน
 
ผนึกลมปราณ...
กลับผิดแผกแตกซ่านไม่สุดสิ้น
ใครกันเล่าจะเข้าใจในเสียงพิณ
ที่บรรเลงเพลงโศกศิลป์อยู่ตอนนี้
 
ทุกจอกสุรา...
มีรสชาติของน้ำตามาแทนที่
มือกระบี่อันดับหนึ่งแห่งปฐพี
รู้จักแล้ววันนี้ที่อ่อนแอ
 
ยิ่งสูงยิ่งหนาว...
ดุจคมมีดกรีดกร้าวร้าวบาดแผล
ไม่มีผู้ใด - เข้าใจลึกซึ้ง - เป็นหนึ่งมิตรแท้
ไม่มีแม้หนึ่งศัตรูผู้รู้ใจ
 
แม้เหยียบหิมะไร้รอย....
มิอาจข้ามความเศร้าสร้อย - ร่องรอยนี้ได้
ปล่อยตัวตามความงามงด - ของรสเมรัย
ยุติแล้วความยิ่งใหญ่ในห้วงกาล
 
กระบี่อยู่ที่ใจ...
หยิบก้านหญ้ากิ่งไผ่ก็ไร้ต้าน
แม้ไร้ต้านแต่ความทุกข์ยังรุกราน
อันดับหนึ่งซึ่งเรียกขานไม่ช่วยอะไร!  				
5 กันยายน 2550 12:33 น.

จากมุมมที่มอง...

ตะวัน


จากมุมที่มอง...
สัมผัสเพียงเสียงร่ำร้องที่โหยหวน
ครื้นและครึ้มคร่ำและครางอย่างครืนครวญ
การแรมรอนยังเรรวนอย่างร้างไร้
อันที่จริง...อันที่ฝันยังชุ่มชื้น
ดาวไกลลิบยังหยิบยื่นคืนนี้ให้
บางองศายังกล้าแรงด้วยแสงไฟ
เพียงแต่ฝันมันอยู่ไหนยังไม่รู้
ความล่องลอยจึงหลอกลวงอย่างลึกซึ้ง
จินตนาการ แม้เพียงครึ่งไม่เหลืออยู่
ความว่างเปล่ายังยวนเย้าการเฝ้าดู
ห้วงอารมณ์แห่งนักสู้ไม่เหลือแล้ว
ร่องรอยหยักที่ฟักตัวในหัวสมอง
กลายเป็นเพียงเศษละอองที่ไหวแผ่ว
จากครรลองที่มองเห็นเป็นเส้นแนว
เหลือเพียงทางที่ร้างแววและอ้างว้าง
ความอึมครึมคืบเข้าคลุมทุกขุมขน
ความแปลกปลอมหลอมปะปนบนทุกอย่าง
กลับไม่ได้ ไปไม่ถึง สักหนึ่งทาง
ราวถูกตรึง ครึ่งครึ่งกลางกลาง อยู่อย่างนี้
ความอ่อนแอแผ่ขยายมารายเรียง
รับรู้เพียงเสียงกระซิบที่ริบหรี่
จบภาพฝันอันอิดโรย แต่โดยดี
เข้าสู่โลกแห่งหน้าที่ ที่โอบล้อม 
 				
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟตะวัน
Lovings  ตะวัน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงตะวัน