25 เมษายน 2550 20:55 น.

ผีกินปลา

ฤทธิ์ ศรีดวง

คืนนั้นใน คลองนา มืดสนิท
มีแสงไฟ นิดนิด อยู่บนฝั่ง
ลุงแกพาย เรือมา ตามลำพัง
ตะเกียงรั้ว แกตั้ง ไว้หัวเรือ

น้ำนั้นเต็ม คลองนา หน้าน้ำหลาก
ปลาก็มาก เพราะมา จากน้ำเหนือ
กู้เบ็ดราว ริมฝั่ง ไม่ห่างเรือ
มาดูเหยื่อ หายไป ก็ใส่คืน

ถ้าเบ็ดราว บางที่ มีปลาติด
แกจะปลิด ปลาใส่ ไว้ใต้พื้น
แกเพลินปลด ปลาช่อน อยู่ค่อนคืน
เสียงกินกลืน บางอย่าง อยู่หลังแก

ลุงค่อยหัน หน้าไป อย่างช้าช้า
มีเศษปลา เสียงบ่น เหมือนคนแก่
นั่งยองยอง กินปลา ต่อหน้าแก
ลุงแกแน่ ใจได้ ไม่ใช่คน

ฟันแหลมแหลม หน้าเสี้ยม ตัวเหม็นอับ
เริ่มขยับ มองมา ตาถลน
แสยะยิ้ม แลบลิ้น กลิ่นชอบกล
แล้วกระโจน หล่นหาย ไปในคลอง				
24 เมษายน 2550 17:41 น.

การเติบโตของต้นมะยม

ฤทธิ์ ศรีดวง

ใบมะยมถมทับลงกับพื้น
จนอับชื้นหื่นเหม็นย่อยเป็นปุ๋ย
ดินแห้งผากยากพรวนยังร่วนซุย
ด้วยเศษยุ่ยใบเน่าที่เคล้าดิน

ดูซิ! ผลหล่นร่วงจากพวงแก่
มาจมแช่เนื้อเล่าก็เฉาสิ้น
แล้วฟีบฝ่ออนิจจาเชื้อรากิน
จนเกิดกลิ่นเปรี้ยวบูดถ้าสูดดม

เหลือเมล็ดร้างใบแหละไร้เนื้อ
กระทั่งเมื่อฝนหลั่งลงสั่งสม
จึงค่อยแย้มยอดเผยให้เชยชม
ต้นมะยมต้นใหม่แตกใบโต

ชอนรากไชดานดินตามกลิ่นฝน
ขณะต้นเริ่มใหญ่ผลิใบโผล่
แมลงน้อยตัวย่อมที่ผอมโซ
ก็เผ่นโผหลีกเร้นมาเล่นใบ

ช่วงกิ่งกางระยางแตกและแยกยื่น
แค่ข้ามคืน..นี่ซิ! คงมิใช่
ต้องผ่านร้าวหนาวร้อนแต่อ่อนวัย
ต้องอาศัยรากฐานเป็นก้านแจว

ต่อให้ลมแรงร้ายด้วยหมายข่ม
ก็โค่นล้มลงยากเพราะรากแก้ว
ต่อให้กิ่งก้านหลักนั้นหักแล้ว
ใช่หมดแววเริ่มต้นอีกหนครั้ง

จะแตกกิ่งมากมายอีกหลายกิ่ง
เรื่องหยุดนิ่งยอมตายอย่าได้หวัง
เพราะรากลึกล้วนล่ำด้วยกำลัง
จึงสะพรั่งอีกคราอย่างท้าทาย

๖ สิงหาคม ๒๕๕๒				
22 เมษายน 2550 12:21 น.

เพลง

ฤทธิ์ ศรีดวง

แม่น้ำสายนี้เคยสีเลือด
แห้งเหือดทุกปีมากี่หน
ในช่วงหนึ่งชั่วชีวิตคน
เห็นจนสองตาข้าฝ้าฟาง

กีต้าร์เก่าถือด้วยมือซ้าย
ขึ้นสายด้วยนิ้วแกร่งกระด้าง
เพลงคือบันทึกการเดินทาง
ข้าสร้างโน้ตคีย์จากชีวิต

เอ็นโปนโหนเสียงจนแหบพร่า
ปวดปร่าไปถึงก้นบึ้งจิต
หลับเถิดเจ้าหญิงผู้มิ่งมิตร
อัศวินศักดิ์สิทธิ์จะดูแล

ข้ามโพ้นควันเพลิงแห่งภูเขา
กรุ่นเถ้าปะทุในพุแร่
ลาวาพุ่งพุเป็นเพลิงแพ
ไหลแผ่กลืนดินด้วยหินร้อน

เพราะพลอยสีเพลิงอยู่เวิ้งหน้า
ศิลาเป็นเกราะกำบังซ่อน
เขาจึงดึงดาบปราบมังกร
คว้าก้อนพลอยพรรณกำนัลนาง

สู่แดนพิศวงในพงป่า
ถือพร้าคว้าคราดมาปาดถาง
ก่อนก่อกระท่อมในอ้อมฟาง
ริมทางที่ท่านนั้นผ่านเลย..

นับนานเหลือเกินใต้เนินหญ้า
หลับตาแสนเศร้าเถิดเจ้าเอ๋ย
ฟังเพลงอบอุ่นที่คุ้นเคย
ชดเชยให้แล้วอย่างแผ่วเบา

ยินไหมเพลงเก้อที่เธอรัก
ฉันจักร้องซ้ำทุกค่ำเช้า
มีเพียงลมวูบไร้รูปเงา
ฉันเหลือใครเล่าที่เข้าใจ
.............................................


ขอโทษท่านทั้งมวลอย่างถ้วนหน้า
หากเพลงข้ามันเก่าไม่เอาไหน
มิคาดหวังท่านเห็นประเด็นใด
ข้าร้องให้ภรรยาที่ข้ารัก

๓๑ ธันวาคม ๒๕๕๒				
21 เมษายน 2550 23:19 น.

ผีที่เกาะพงัน

ฤทธิ์ ศรีดวง

วันนั้นไปเกาะพงันตอนทานข้าว
เวลาราวทุ่มกว่าน่าจะได้
ก็คุยโน่นนี่นั่นว่ากันไป
เรื่องส่วนใหญ่คือผีที่เจอมา

สี่ทุ่มขอลาทีกลับที่พัก
มันเหนื่อยนักหลับค้างลืมล้างหน้า
ลืมกระทั่งสวดมนต์ภาวนา
ตีสามกว่า..หมาใครวิ่งไล่กัน
  
มันเริ่มเห่า..จากเห่ากลายเป็นหอน
หน้าห้องนอนปลายเตียงมีเสียงลั่น
บังกาโลไม้ไผ่ใต้แสงจันทร์
ขนาดนั้นไร้เสียงแขกน่าแปลกใจ

นอนหลับตารอกว่าหมาสงบ
มีเสียงตบดังอยู่ประตูไม้
ใต้ประตูมีช่องมองเห็นไฟ
แต่ไม่มีเงาใครอยู่ใต้บาน

บังเอิญอ่านหนังสือหลวงพ่อบอก
ผีที่หลอกนั้นคงน่าสงสาร
รู้ว่าใครบุญพอจะขอทาน
จึงสื่อสารมาแจ้งใช่แกล้งเอา

จงตั้งจิตอุทิศบุญนิดหนึ่ง
บุญจะถึงถ้วนทั่วถึงตัวเขา
กุศลใช่เกิดแต่เพียงแค่เรา
จะเกิดเท่าเทียมกันเมื่อปันบุญ				
21 เมษายน 2550 10:11 น.

ฝนตกปรอยปรอย

ฤทธิ์ ศรีดวง

ฟ้ามืดครึ้มคำรามจนข้ามโลก
ลมกรรโชกฟาดใส่ต้นไม้หัก
เม็ดฝนใหญ่เท่าใหญ่ไหลทะลัก
ท่อนซุงยักษ์พุ่งแหวกป่าแหลกลาญ

น้ำกระแทกดินจนโคลนถล่ม
กูจะฝังให้จมทั้งหมู่บ้าน
มาจากเขาสูงพ้นเกินต้นตาล
กระชากผ่านฉับพลันก็บรรลัย

เสียงหวีดร้องอื้ออึงคนถึงฆาต
ไม่อาจหลบหลีกหนีไปที่ไหน
หุบเขาพรืดมืดลับและอับไฟ
คลื่นโคลนใส่โถมเถือไม่เหลือคน

เมื่อฝนซาฟ้าหมองก็ส่องใส
มองออกไปเวิ้งว้างร้างถนน
ไม่มีแม้ทางทิศชีวิตปน
เป็นเวิ้งว้างวังวนทะเลน้ำ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤทธิ์ ศรีดวง