25 พฤศจิกายน 2547 23:50 น.

ผลิใบสู่วัยกล้า

วิจิตร ภู่เงิน

วิเวกแว่วแผ่วคำหอมในภวังค์
สกาวดั่งแสงสุกใสในฟากฟ้า
ร้อยดวงเดือนดวงดาวพราวศรัทธา
เป็นวาจาคำสอนอ่อนลาวัณย์

เอาผาหินหลอมหล่อให้ก่อเกิด
แกร่งกำเนิดหน่อเนื้อเชื้อสวรรค์
กล้าน้อยน้อยค่อยเติบโตในคืนวัน
เป็นเมล็ดพืชพันธุ์ของพงไพร

แตกพุ่มงามตามป่าเขาลำเนาถิ่น
ออกดอกยินยลงามตามไศล
เป็นอาหารให้ป่าดงได้อุ่นใจ
แผ่กิ่งใบเติบกล้าตามหน้าปี

หยั่งรากลึกลงดินถิ่นลำเนา
ให้ร่มเงาผู้อาศัยได้สุขศรี
แตกใบทั่วท้องทุ่งเขียวขจี
ให้ดินมีความอุดมด้วยร่มใบ

ในน้ำให้มีปลา ในนามีข้าว
ข้าวอยู่เต็มอู่เล้าหลังใหญ่
เฮือนชานอยู่ดีบ่มีภัย
ปลูกอะหยั๋งกะได้ผลงามงาม

ข้าพเจ้ารู้สึกเหมือนตัวเองเป็นเมล็ดพันธุ์
ที่เกิดกลางท้องนาอันแห้งโหย
เมื่อลมร้อนพัดมา
หยดน้ำตาได้หลั่งราดรด
และหยดเหงื่อ...
ข้าพเจ้าอาจเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ออกดอกผลเพียงครั้งฤดู
อาจเป็นไม้ใหญ่ที่หยั่งรากลึก ให้ร่มเงากลางท้องทุ่งอันแห้งโหย
หรืออาจเป็นเมล็ดพันธุ์ที่ฝ่อลีบเน่าเปื่อยไปในดิน  ก็ตามแต่
แต่ข้าพเจ้าจะคิดเสมอว่าผืนดินแห่งนั้นมีบุญคุณกับข้าพเจ้า
......



				
23 พฤศจิกายน 2547 14:38 น.

ลมลมแล้งแล้ง

วิจิตร ภู่เงิน

ระโอดโอยโหยครวญดั่งตรวนตรึง
ตอกติดขึงกลางใจให้ห่วงหา
ร้างร้างห่างไปลับตา
แต่เหมือนว่ายังอยู่เป็นชู้ใจ

วันวานว่าหวานปานน้ำผึ้ง
รำพึงรำพันสั่นไหว
กอดเก็บเจ็บช้ำแต่ห่วงใย
ใช่ฝันไกลให้เธอตริตรอง

รู้เขตเส้นกั้นกันถลำ
ไม่อยากล้ำแต่ใจไม่สนอง
จึงเจ็บจึงช้ำจำจอง
ร่ำร้องคร่ำครวญจวนวางวาย

ลมลมแล้งแล้งฝันเรื่อยเรื่อย
เย็นเฉื่อยฉ่ำชื่นรื่นร่าย
เฝ้าฝันวันคืนกลืนกลบกาย
จะได้ตายซบตักของเธอ


 				
22 พฤศจิกายน 2547 15:07 น.

เพียงลมพัดทุ่งข้าว

วิจิตร ภู่เงิน

แผ่วพลิ้วริ้วรวงข้าวระเนนคลื่น
ฟ้าเบิกตื่นตะวันยามรุ่งสราง
ทาทาบทั่วท้องทุ่งนารางราง
ก่องจะจางสีไปในเพลา
แดดเช้าเป่าปัดหยดน้ำค้าง
ลมพัดพร่างพุ่มโพนดินนา
ข้าวโอนอ่อนรวงพองามตา
ก่อศรัทธายั่งยืนในผืนดิน
กำเคี่ยวเกี่ยวรวงมิร่วงรา
คงวิญญาณ์ชาวนาผู้รักถิ่น
จะอยู่จะทนจนชีวิน
สูญลมสิ้นหมดไปในดินดอน				
21 พฤศจิกายน 2547 23:16 น.

เล่าความเหงา......ฝากถึงท้องนา

วิจิตร ภู่เงิน

แสงเดือนส่องท้องฟ้าย่างหน้าหนาว
เย็นดาวพราวสกาวสุกทั่วทุกถิ่น
อุ่นกองไฟให้คะนึงถึงผืนดิน
เคยอยู่กินต้องจากมาพารำพัน

แสงเดือนเย็นเห็นดาวสกาวสุก
อุ่นไฟลุกโหมแรงให้แข็งขัน
ออกทุ่งข้าวลับคมเคียวเกี่ยวช่วยกัน
พอค่ำวันเดินคันนาว่าลำเพลิน

ร้องขับขานครื้นเครงเป็นเพลงกล่อม
แสงดาวล้อมแสงเดือนสาดส่องทางเดิน
ยามมืดค่ำลำนำดาวพราวจำเริญ
แลฟ้าเกินกว้างไกลไปกับดาว

เปลี่ยวใจเหงายามเรามาไกลห่าง
ดาวสีจางหม่นเหงาเหงาใจหนาว
อุ่นแสงเดือนเคลื่อนลับดูพร่าพราว
จึงบอกกล่าวตามลมเล่าถึงนา

เล่าความเหงาถึงท้องนาว่าเมืองใหญ่
ความเป็นไปช่างสับสนคนแน่นหนา
เราเหมือนเป็นเช่นส่วนเกินไร้ราคา
เปรียบเยี่ยงกาสีดำ............ อยู่ต่ำชน				
20 พฤศจิกายน 2547 00:50 น.

ค่ำแล้วคืนเรือน

วิจิตร ภู่เงิน

คล้อยตะวันเคลื่อนลงตรงเหลี่ยมเขา
สายลมเบาพัดผ่านลำธารใส
ต้นข้าวเขียวเรียวลมลู่กิ่งใบ
เสียงเรไรร้องมาว่าค่ำแลง

ระดาดดาวพราวฟ้าทาทั่วถิ่น
เสียงนกบินลงกลบที่กลบแก่ง
ปลาฮุบเหยื่อดังมาจากนาแปลง
ดุเหว่าแกล้งร้องไล่ให้คืนเรือน

คันนาเปลี่ยวเทียวเดินเพลินทางกลับ
ดาวระยับส่องทางกลางถิ่นเถื่อน
ขับกล่อมเพลงบรรเลงให้เป็นเพื่อน
เอาแสงเดือนเป็นดวงตาพาย่ำเดิน

เด็ดใบข้าวมาเป่าเล่าเพลงป่า
ผืนพนาหน้านี้มิขาดเขิน
มีพอกินพอใช้ไม่ขาดเกิน
แลจำเริญเพลินตาหน้านาปี

จึ่งขับขานเพลงไปกล่อมไพรพฤกษ์
แลยามดึกมีดาวสกาวศรี
สาดแสงส่องทั่วท้องทุ่งขจี
ให้ทุ่งมีข้าวงามตามฤดู				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตร ภู่เงิน
Lovings  วิจิตร ภู่เงิน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตร ภู่เงิน
Lovings  วิจิตร ภู่เงิน เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตร ภู่เงิน
Lovings  วิจิตร ภู่เงิน เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวิจิตร ภู่เงิน