25 มีนาคม 2552 12:13 น.

เช้าชื่น..ชีพฉ่ำ..!

สาวบ้านนา

1182567934.jpga056_4.jpg002660.jpgkonghlongb.jpg
เช้าชื่น
ปลุกสาวนาตื่นจากหลับฝัน
ริมหน้าต่างลั่นทมพรางแสงตะวัน
นกเขาขันคูก้องพร้องเสียงสาลิกา

เจ้าลาแล้งร้องครางอยู่ในคอก
ฟ้าบ้านนอกเงียบงามยามอุษา
เด็ดมะลิริมรั้วลอยล้างหน้า
กระซิบเมฆบนฟ้ารับวันพร

ตรงหน้าใต้ฟ้ากว้าง
เวิ้งว้างทะเลทองคำสลอน
ทุ่งทิพย์เรียวรวงโอนอ่อน
เว้าวอนลมโลมอาบอวล

ดอกเลาพริ้งเพราเหนือพงหญ้า
ตะแบกบานเหว่ว้ารออ้ายหวน
ผักบุ้งพรายพันพ้อทบทวน
อย่าเรรวนแรมร้างห่างสาวนา

พุดซ้อนซ่อนดวงดอกอรชร
การะเวกร่วงรอนปรารถนา
บัวบึงชูช่อรอบูชา
มะลิลาลาแล้วแก้วกลางใจ....!



เช้าชื่น...
ดวงดอกบานชื่น ดาวเรือง   
บานเรื่อเรืองอยู่ในสายแสงแดดสีทอง
ที่โลม ลอมฟาง กระท่อมไม้ไผ่
ให้ดวงใจสาวนาแสนละไมละมุน

ดวงดอกมะลิลา...โมกยังหอมพราย
อวลมากับสายลมร้อน
หอม หอมข้าวใหม่
ฟุ้งไปทั่วลานลอม

ผักบุ้งนาทอดยอดไสวในบึงบัว
วัวควายยังอยู่ในคอกโย้เย้
หาก...
คงมิเหว่ว้าเพราะพวกเขาคงรู้ว่า
สาวนารักเขาราวเพื่อนใจก็ไม่ปาน
ประมาณนั้น

วันนี้หัวใจสาวนาแสนซึมซึ้ง
ตื้นตันเพราะ
ได้ฟังข่าวจากเจ้าวิทยุธาณินท์เพื่อนแท้
ว่าบัดนี้*รอยไถจักไม่แปรแล้ว*
ด้วย..
หยาดน้ำหระราชหฤทัย
แห่งพระพ่อหลวงแห่งปวงชนชาวไทย
ที่ทรงพระราชดำริให้มี
ธนาคารโคและกระบือมานานช้า
หากผองชนคนไทยเพิ่งหันกลับมาให้ความสนใจ
อีกคราครั้ง หลังน้ำมันกำลังจะหมดจากโลก


ดั่ง
ที่พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว 
ทรงมีพระบรมราโชวาท
ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ
พระราชทานแก่สมาชิกกลุ่มเกษตรกรทั่วประเทศ
ณ บริเวณโครงการส่วนพระองค์สวนจิตรลดา
 เมื่อวันพืชมงคล 14 พฤษภาคม 2523
เกี่ยวกับโครงการธนาคารโค
และกระบือตามพระราชดำริ..ไว้ว่า

"...ธนาคารโคและกระบือ 
ก็คือ การรวบรวมโคและกระบือ 
โดยมีบัญชี ควบคุม ดูแล รักษา แจกจ่าย ให้ยืม 
เพื่อใช้ประโยชน์ในการเกษตร 
และ
เพิ่มปริมาณโคและกระบือ 
ตามหลักการของธนาคาร ธนาคารโคและ กระบือ

 เป็นเรื่องใหม่ของโลกที่มีความจำเป็นเกิดขึ้น 
เพราะปัจจุบันมีความคิดแต่จะใช้เครื่องกลไก
เป็น เครื่องทุ่นแรงในกิจการเกษตร 

แต่เมื่อราคาน้ำมันเชื้อเพลิงแพงขึ้น
ความก้าวหน้าในการใช้เครื่องกลไก เสียไป 
จำเป็นต้องหันมาพึ่งแรงงานจากสัตว์
ที่เคยใช้อยู่ก่อน

 เมื่อหันกลับมาก็ปรากฏว่ามีปัญหามาก 
เพราะ.....
ชาวนาไม่มีเงินซื้อโคและกระบือมาเลี้ยงเพื่อใช้งาน
        
ธนาคารโคและกระบือ 
พอจะอนุโลมใช้ได้เหมือนกับธนาคาร
ที่ดำเนินการเกี่ยวกับการเงิน 
เพราะ
โดยความหมายทั่วไป 
ธนาคารก็ดำเนินกิจการเกี่ยวกับ
สิ่งมีค่ามีประโยชน์

 การตั้งธนาคารโคและกระบือ
ก็มิใช่ว่าตั้งโรงขึ้นมาเก็บโคหรือกระบือ 
เพียงแต่มีศูนย์กลางขึ้นมา 
เช่น อาจจัดให้กรมปศุสัตว์เป็นศูนย์รวม

ใครจะสมทบธนาคารโคกระบือ 
ก็ไม่จำเป็นต้องนำโคหรือกระบือไปมอบให้
อาจบริจาคในรูปของเงิน..."

สาวนา ซึ้งซาบใจที่วิถีไท วิถีทุ่ง
กำลังจะคืนกลับมา
ให้ผู้คนได้เรียนรู้ค่าว่า
แท้ที่จริงแล้ว....
ไม่ว่าโลกจะหมุนวนไปทางไหน
แต่ในที่สุด...
ทุกคนก็จักค้นพบสัจจธรรมแห่งความจริงว่า
ทุกเทคโนโลยี่นั้น มีวันที่ทรัพยากรธรรมชาติจะหมดไป
เราต้องอาศัยวิถีธรรมชาติ แบบโอบเอื้อพึ่งพิงพึ่งพา

รู้รักษาดิน น้ำฟ้า  ป่าพงไพร
รู้ไม่ใช้ปุ๋ยเคมี สารพิษใดใดมาทำลาย
เพราะในที่สุดก็จะว่ายวนกลับมาทำร้ายร่างกายเรา
ในที่สุด....
ที่น่าเศร้าคือตอนนี้ต้องมาฝึกวัวควาย
ให้ไถนากันใหม่

หลังจากเราหลงลืมวิถีไท วิถีนา
พากันไปพึ่งพาเทคโนโลยี่รถไถ
จนเกือบจะสายไป
จนเกือบลืมคราดไถ
ลืมรอยไถแปรเสียแล้ว


สาวนา..ได้ข่าวว่า
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 
ทรงเปิดโรงเรียน กาสรกสิวิทย์
เพื่อทรงสอนวัวควายไทย
ที่สาวนาอ่านพบในข่าวว่า...

 พระเทพฯเสด็จฯไปทรงเปิด"กาสรกสิวิทย์"
โรงเรียนมูลนิธิชัยพัฒนา 
บ่มเพาะความรู้และอนุรักษ์กระบือไทยแห่งแรก 
เพื่อผลิตกระบือที่มีความสามารถ
ในการทำเกษตรกรรมได้อย่างมีประสิทธิภาพ 
และ
ให้เกษตรกรได้เรียนรู้
การใช้ชีวิตอย่างพอเพียงตามแนวพระราชดำริ 
พร้อมทรงประทับบนรูปปั้นกระบือเพื่อฉายพระรูป 
ก่อนทรงรถอีแต๋น 
ทอดพระเนตรการฝึกไถนา 
และ
ทรงทดลองการเกี่ยวข้าวแบบพันกำ 
 

เมื่อเวลา 15.20 น. วันที่ 10 มี.ค. 
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี 
เสด็จพระราชดำเนินทรงเปิด
โรงเรียนกาสรกสิวิทย์ 

ซึ่งทรงพระกรุณาฯให้มูลนิธิชัยพัฒนา สร้างขึ้น 
ณ ต.ศาลาลำดวน อ.เมือง จ.สระแก้ว

หลังจากทรงเปิดป้ายโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ 
โดยทรงประกอบตัวอักษรชื่อโรงเรียนบนป้าย 
จากนั้นทรงประทับบนรูปปั้นกระบือ
ที่ตั้งบริเวณทางเข้าโรงเรียนเพื่อทรงฉายพระรูป 


แล้วทรงขับรถอีแต๋น
ไปยังห้องปฏิบัติการทางวิทยาศาสตร์
และ....
ประทับรถยนต์พระที่นั่งไปยังบ้านพักผู้ดูแล 
กระบือผู้เรียนรู้
ต่อด้วยการทอดพระเนตรบ่อก๊าซชีวภาพ
 
การเสด็จฯทรงเปิดโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ ครั้งนี้
สมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารีเ
สด็จพระราชทานหญ้าแก่กระบือที่คอกกระบือ
 และ....
ทอดพระเนตรการไถนาของ กระบือ
บริเวณแปลงนาสาธิต 
ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปราย
พร้อม
ทอดพระเนตรการสาธิตการเกี่ยวข้าวแบบพันกำ 


และ
ทรงเยี่ยมราษฎรและทอดพระเนตร
รถแห่ประเพณีทำขวัญข้าว
ที่ชนะเลิศการประกวด
ในงานสืบสานวัฒนธรรมเบื้องบูรพา
ของกลุ่มเกษตรกรบ้านพวงนิมิตร ต.เขาสิบสาม 
อ.เขาฉกรรจ์ จ.สระแก้ว 


จากนั้นเสด็จฯ ยังท่าน้ำ ริมสระมะรุมล้อมรัก 
เพื่อพระราชทานอาหารปลาและทรงปล่อยปลา 9 ชนิด
 และ....
ประทับเรือมาดเสด็จฯทางน้ำ
ไปยังกลุ่มบ้านพักผู้เข้ารับการอบรม 
ที่บ้านดิน 

ในการนี้
ทรงใช้เวลาทอดพระเนตรบ้านดินจำนวน 7 หลัง 
และเสด็จฯ กลับ
 

สำหรับโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ 
เป็นโรง เรียนฝึกกระบือ
และ
ให้เกษตรกรใช้ชีวิตที่เกี่ยวข้องกับกระบือ
เพื่องานเกษตรกรรม 
เกิดจากการดำเนินการ
ของมูลนิธิชัยพัฒนา
และ
ความร่วมมือของหน่วยงานต่าง ๆ 
ทั้ง จ.สระแก้ว กรมปศุสัตว์ 
กรมการข้าว กรมชลประทาน 
กรมพัฒนาที่ดิน กรมส่งเสริมการเกษตร 
กรมประมง และทางหลวงชนบท 


ตลอดจนการสร้างเครือข่าย
ความร่วมมือกันระหว่างโครงการพระราชดำริ  
โดยได้นำราษฎร
ในพื้นที่โครงการพัฒนาดอยตุง (พื้นที่ทรงงาน) 
อันเนื่องมาจากพระราชดำริ 
เข้ามาถ่ายทอดความรู้ระดับท้องถิ่นสู่ท้องถิ่น
เป็นการแลกเปลี่ยนความรู้
และ
ภูมิปัญญาในระดับชาวบ้านด้วยกัน 
  

เพื่อให้เป็นไปตามพระราชประสงค์
ที่จะให้มีที่ผลิตกระบือ
ที่มีความสามารถในการทำเกษตรกรรมได้อย่างดี 
รวมถึง
ให้เกษตรกรที่รับกระบือจากโรงเรียนไป 
สามารถใช้กระบือดังกล่าวทำการเกษตร
ได้อย่างมีประสิทธิภาพ


 และ....
เกษตรกรจะได้เรียนรู้
การใช้ชีวิตแบบพึ่งพาตนเอง
และการอยู่อย่างพอเพียง
ตามแนวพระราชดำริ 
เพื่อนำไปประยุกต์ใช้ในชีวิต 
ดูแลสภาพแวดล้อม และรักษาธรรมชาติ 
สามารถอยู่ร่วมกันเกื้อกูลกันได้สืบต่อไป 
  

โดยโรงเรียนกาสรกสิวิทย์ 
มีกระบือทั้งหมด 26 ตัว
เป็นกระบือทรงเลี้ยงที่มีผู้น้อมเกล้าฯ ถวาย 
ในจำนวนนี้ มีกระบือผู้ให้ความรู้ 17 ตัว 
กระบือผู้เรียนรู้นั้น
จะเป็นกระบือจากธนาคารโคกระบือ
เพื่อเกษตรกรตาม พระราชดำริ 
ในปีแรกจะทำการฝึกจำนวนรุ่นละ 5 ตัว 
ปีละ 10 รุ่น


 ใน 1 ปี จะมีกระบือ
ผ่านการอบรมรวม 50 ตัว 
และ
จะเพิ่มจำนวนกระบือผู้เรียนรู้ 
เมื่อการฝึกได้ผลเป็นที่น่าพอใจ

................................
 

และ..
นี่คือ เช้าชื่น  ชีพชื่น
ยามที่สาวนายังมีลมหายใจตื่นขึ้นมา
พบ..ความจริงว่า
ใต้ร่มรัตน์ฉัตรเพชรบนผืนแผ่นดินแม่
*ภูมิพุทธพสุธา*ใต้ฟ้าไท ทุกดวงใจยังอยู่ในร่มเงา
แห่งความงดงามเรียบง่าย   สมถะพอเพียง    เพียงพอ

แม้นกงล้อโลกจะฝากโศกมากกว่าสุข
แด่ทุกผู้บุกรุกทำลาย


หากใต้เบื้องพระบรมพระโพธิสมภาร
ช่างงดงามแสนดีที่เราทุกดวงชีวี
ได้เกิดมา..เป็นธุลีหล้าข้าพระบาท
พระผู้ทรงทศพิธราชธรรม
ที่ทรงเสียสละ
*หยาดพระเสโทร่วงพราวราวหยาดเพชรพลี*
เพื่อ...
พสุธาไทนี้แลผองชนในแผ่นดินนี้
ที่เราควรซาบซึ้งค่า
และ
กราบกตเวทิตาแทบเบื้องพระยุคลบาท
ด้วยหยาดน้ำตาหลั่งริน
อย่างมิสิ้นสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ  ...!


Lotus558.jpg79077907.jpg0004411_0.jpg				
6 มีนาคม 2552 16:30 น.

ดอกตะแบกริมนาบานว้าเหว่.....แบกรักเร่แรมร้างผิดทางที่.....

สาวบ้านนา

20071230-0316456.jpgtunghk3.jpgRtu5.jpgRtu12.jpg
สาวนานอนเอนกายริมชายทุ่ง
ใกล้กระท่อมมุงหลังคาจากงามเรียบง่าย
ลมชายนาพัดโชยมาให้หนาวกาย
ดวงดอกหญ้าพรายร่ายฟ้อนอ้อนตะวัน

อ้ายจากไปหลงแสงสีกี่ปีแล้ว
นวลกลีบแก้วผลิรอคืนสู่ขวัญ
จำได้ไหมริมลอมฟางกลางแสงจันทร์
กระซิบมั่นคำสัญญาอ้างฟ้าดิน

ท่ามแสงทองแสงดาวทองกวาวบาน
เดือนปีผ่านสงกรานต์เศร้าเฝ้าถวิล
กราบหลวงพ่อในโบสถ์น้ำตาริน
ให้หมดสิ้นวิบากรักเสียสักที

ดอกตะแบกริมนาบานว้าเหว่
แบกรักเร่แรมร้างผิดทางที่
กลับมาสู่อ้อมรักเก่านะคนดี
มากอบกำดวงชีวีสาวบ้านนาอย่าให้ตรอม..!


204003-3.jpg				
3 กุมภาพันธ์ 2552 13:31 น.

ทรุดจูบดิน..อันหอมอุ่นละมุนละไม...กระซิบว่าลูกเข้าใจ..แล้วชีวิต...!

สาวบ้านนา

4-20.jpgkelimutu-ricefield-3.jpgRiceField_2.jpg
อาทิตย์ดวงแดงแห่งฤดูหนาว
ฉายแสงพราวพรายพร่างประดับฟ้า
เริ่มรุ่งใหม่รัศมีรุ้งงามจับตา
ดูราวว่าวันนี้ฟ้าสีทอง

ทายทักท้องนาอย่าเหงาโศก
อยู่กับโลกสงบสุขสิ้นทุกข์ผอง
พสุธาไทใต้ร่มรัตน์ฉัตรเรืองรอง
ทั้งบึงคลองยังมีปลานาอุดม

นั่น..ดูตาลยืนต้นดูว้าเหว่
รอลมเห่ดนตรีไพรผสานผสม
ภาคภูมิแผ่นดินนี้ดินน้ำลม
ยังธำรงร่มรัตน์กษัตรา

ฟ้าที่ไหนจะงามเท่าเจ้ารู้ไหม
เท่าฟ้าไทยเอื้อโอบมานานช้า
ดินที่ไหนให้เจ้าหยัดยืนอย่างอิสรา
ยังสายใจเจ้าพระยาไหลระริน

รักกระท่อมดินดงกระถินงามชูช่อ
ตำลึงเลื้อยคลอให้เก็บกินมิรู้สิ้น
ทั้งฟักแฟงแตงกวาทรัพย์ในดิน
รอเจ้าคืนถิ่นบ้านนารู้ค่าชีวิต

อยู่กับดินกับดาวในทุ่งกว้าง
กับอรุณเรื่อรางสว่างจิต
หอมข้าวใหม่มะลิไพรโมกดอกนิด
ราวฝันทิพย์ฝนทองครองเนื้อใจ

รอสายฝนปราดโปรยให้ชื่นฉ่ำ
รวงระบำร่ายฟ้อนอ้อนฟ้าใส
ทรุดจูบดินอันหอมอุ่นละมุนละไม
กระซิบว่าลูกเข้าใจ..แล้วชีวิต...!

...........................


http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song3102.html

มนต์รักลูกทุ่ง 
ละครทีวี 
หอมเอยหอมดอกกระถิน
รวยระรินเคล้ากลิ่นกองฟาง
เห็ดตับเต่าขึ้นอยู่ริมเถาหญ้านาง
มองเห็นบัวสล้างลอยปริ่มริมบึง
อยากจะเด็ดมาดอมหอมหน่อย
ลองเอื้อมมือค่อยค่อย
ก็เอื้อมไม่ถึง
อยากจะแปลงร่างเป็นแมลงภู่ผึ้ง
แปลงได้จะบินไปคลึงเคล้าเจ้า
บัวตูมบัวบาน

หอมดินเคล้ากลิ่นไอฝน
อวลระคนธ์หอมแก้มนงคราญ
ขลุ่ยเป่าแผ่ว
พริ้วผ่านทิวแถวต้นตาล
มนต์รักเพลงชาวบ้านลูกทุ่งแผ่วมา
ได้คันเบ็ดสักคันพร้อมเหยื่อ
มีน้องนางแก้มเรื่อนั่งเคียงตกปลา
ทุ่งรวงทองของเรานี้มีคุณค่า
มนต์รักลูกทุ่งบ้านนา
หวานแว่วแผ่วดังกังวาน
โอ้เจ้าช่อนกยูง
แว่วเสียงเพลงมนต์รักลูกทุ่ง
ซ้ำหอมน้ำปรุงที่แก้มนงคราญ... 
 


q_4965.jpg610x.jpg				
4 ธันวาคม 2551 13:26 น.

พระมิ่งมงคล..กมลดั่งเพชรพร่าง...!

สาวบ้านนา

64-3-1069794314.jpgking04.jpg1150385771.jpg376222100929141yl3.jpg
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html
http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html
แผ่นดินของเรา..บ้านของเรา)


จุดเทียนทองบูชาพระพ่อหลวง
พร่างดวงเด่นพรายทั่วหล้า
พสุธาไทสงบงามอีกครา
ด้วยเมตตาพระมหาบารมีจักรีวงศ์

ดั่งอัญมณีรุ้งจากฟ้า
เสด็จมาจากแดนเทพสูงส่ง
สละหยาดน้ำพระทัยให้ไทธำรง
คงไว้ซึ่งแผ่นดินทองเสรี

หยาดพระเสโทร่วงพราว
ลบเหน็บหนาวยากไร้ทุกถิ่นที่
ดำรงธรรมสอนสัจจทำความดี
เพียรพลีฝากไว้สอนใจ

รัตนมณีหนึ่งเดียวในโลกหล้า
เกินกว่าจักจารด้วยคำไหน
หยดหมึกสิ้นทั่วมหาสมุทรใด
คงไม่เทียบเท่าพระมหากรุณาธิคุณ...


.........................................

โลกวันนี้สีชมพูผ่องพราว
คืนเหน็บหนาวทั้งพสุธาไทยหายสิ้น
ไทยทั้งชาติปิติกราบแทบเบื้องพระยุคลบาทน้ำตาริน
เจ้าแผ่นดินผู้ครองใจไทยทั้งปวง

คือพระมิ่งมงคลกมลดั่งเพชรพร่าง
ทุกก้าวย่างสอนสัจจธรรมดำเนินล่วง
หยาดพระเสโทร่วงพราวราวหยาดเพชรสู่เรียวรวง
เพื่อให้ปวงพสกนิกร..มีกิน..

หยาดน้ำใจใสงามประดุจดั่งน้ำค้างฟ้า
ระรินหล้าทุกหนแห่งดับแล้งสิ้น
รักห่วงใยแก้ไขปัญหาให้ทั้งแผ่นดิน
ไททุกชีวินตามรอยบาททุกชาติภพ

ขอมอบกายถวายมโนชีวีธุลีหล้า
แด่ชาติศาสนาตราบดินกลบ
ทำความดีตามรอยพ่อจิตน้อมนบ
เพียรอธิษฐานขอพบ..พระมิ่งขวัญนิรันดร์กาล...!






ในคืนที่ฟ้านวลพราว
ด้วยดวงดาวดาริกาดารารายนับหมื่นพัน

หาก..ไยเล่า...!
ที่ดูยังพ่ายแสง
เมื่อเทียบกับแรงรัศมีแห่งความ
จงรักภักดีทั่วแคว้นอาณาเขตประเทศไทย*แดนสุวรรณภูมิพุทธ*
ที่..
พลีพร้อมใจกันน้อมศิระกรานกราบแทบเบื้องธุลีพระบาท
พระผ่านฟ้าผ่านหล้า 
เพื่อเทิดพระเกียรติ..ถวายพระพรชัย..
แด่พระพ่อหลวงแห่งปวงชนชาวไทย


เป็นคืน..
ที่แสนน่าอัศจรรย์ใจด้วยพลังพลานุภาพ
ที่อาบเอิบไปทั่วทั้งสกนธ์
จากเหนือจรดใต้
ที่ฉาบไล้ฉายด้วยพลังรัศมีสีทองจากแสงเทียนผ่องพราว
นับหลายสิบล้านดวง


ภาพผู้คนในแดนดินแห่งพุทธภูมิ
ที่ต่างร่วมกันจุดเทียนถวายพระพรชัย
และ..
ต่างหลอมรวมใจกันเป็นหนึ่งเดียวเพื่อเกี่ยวร้อย
แสดงความสมานสามัคคี
ที่..
มาจากจิตวิญญาณ
แห่งความสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณ..ดั่งหยาดน้ำฟ้า
ดับแล้งไร้ทุกหย่อมหญ้า
ให้..
โลกหล้า..สิ้น..ทั้งฟ้าดินสิ้นอินทร์พรหม..ได้ทรงสดับ..
รับรู้ถึงความกตัญญุตา
อันเกินกว่าจะหาสิ่งใดมาเปรียบประมาณ..


สาวนา...
นั่งสมาธิตั้งแต่ย่ำรุ่ง
เพื่อน้อมจิตมุ่งเพียรอธิษฐานจิต
ให้...ทุก...
ลมหายใจปัจจุบันแห่งชีวาชีวิตนิดน้อยหนึ่งนี้ที่ยังมี


ได้รวมพลังเพื่อตั้งมั่น สร้างคุณธรรม ทำความดี
ตามรอยพระบาท..ตามรอยพระบรมศาสดา
ที่..
สาวนาคนหัวใจซื่อ เชื่อมั่นเทิดศรัทธาไว้เหนือหัว
ว่าคือสิ่งที่ล้ำค่าเกินกว่าสิ่งใดในหล้าโลกนี้แล้ว 


ราวมีดวงแก้วณ..กลางใจ
ราวมีดวงเพชรไสวลอยนำทาง
ที่แสนพร่างพรายประกายเจิดจรัสเหนือฟ้าไทย
ด้วยรัศมีใสฉ่ำเย็น โชติช่วง
ดั่งดวงแสงทองส่องแสงธรรม
ให้..
พบเส้นทางแสนงามล้ำแสนสะอาดสว่างสงบสมถะ..


และ..
เราคนไทยทุกดวงใจ..
แสนโชคดี สักเท่าไรแล้ว
ที่...
ได้เกิดมาพบทั้ง..ร่มฉัตรและร่มพระรัตนตรัย
ที่..ทั้งกางกั้นทั้งกายใจและจิตวิญญาณ
มิให้หลงทาง มิให้หลงผิด 
ใช้ชีวิตสูญเปล่าไปกับกาลเวลา
ที่คงมิรอท่าเรา ...

นอกเสียจาก..ต้องเริ่มทำทุกสิ่งด้วยความเพียรพลี
ราวกับทุกเวลานาทีแห่งความตายอยู่ใกล้แค่เอื้อม 
เพื่อเตือนใจมิประมาท


สาวนา..
หมอบกราบ..รับฟังพระราชดำรัส
ที่ทรงตรัส เพื่อสร้างมิ่งขวัญ
กำลังใจแด่ทุกหมู่พสกนิกรไทย 
ในค่ำคืนที่ผ่านมา
ด้วยหยาดน้ำตาแห่งความปิติเกษม

พร้อมสัญญากับใจตัวเองว่า
จะทำความดีพลีถวายตราบชีพนี้จะสิ้น
อย่างข้าแผ่นดิน อย่างรู้จงรักภักดี
ให้สมกับที่ได้เกิดมา 
ในแผ่นดินอันแสนสงบร่มเย็นเป็นสุข
มาแสนช้านาน ...


และ...
เพื่อให้ผืนดินอันแสนอุดมด้วยข้าว
ในนาราวรวงทองรวงเพชรพราวยังคงประดับหล้า
ได้หล่อเลี้ยงผู้คน..มิใช่เพียงคนไทยเพียงนั้น
หาก..
ยังได้ส่งไปเลี้ยงผู้คนทั่วโลก ให้มิอดตาย..
ด้วยพลังแห่งหยาดเหงื่อเลือดเนื้อน้ำตา..แห่งภูมิปัญญาไท
คนที่..
ใครบางคนคิดว่าไม่ศิวิไลซ์
และ...กับแรงควายไทยที่นับวันจะสูญพันธุ์


และ..
หาก..วันหนึ่ง...น้ำมันหมดแผ่นดิน
คนคงหันมาตระหนักชัด ...ซึ่งก็อาจจะสายเกิน..!
ฉะนั้น..
จงร่วมด้วยช่วยกันขวยขวาย
อย่างที่พระองค์ท่านทรงฝากไว้ว่า
*ให้เพียรหาพลังงาน
จากน้ำมันปาล์มมารอทดแทน*
ให้..
อย่างน้อยแผ่นดินไทย
ไม่ขาดแคลนลำบากอย่างนานาอารยะชาติ
หาก...เราเพียรพยายามเริ่มต้น ..


และ..
นี่คือ..
พระราชปณิธาณที่มากล้นคุณค่า 
ที่ทุกดวงใจทุกจิตวิญญาณไทย
ควรจักสำนึกว่า ช่างทรงมีพระปรีชามองการณ์ไกล
และ..
คือพระมหากษัตริย์ไทย ที่ทรงมากล้นน้ำพระทัย
ที่มิเคยทรงท้อแท้ยอมแพ้พ่ายยอมพลีพระวรกาย
เพื่อทรงทำสงครามกับความยากจน มาตลอดพระชนม์ชีพ..


สาวนา...
ซึ่งเปรียบประดุจดั่งธุลีหล้า
จึงได้เพียง...
สวดมนต์ภาวนาทุกค่ำคืน

ให้ผืนแผ่นดินไทยแผ่นดินทองแห่งผองเรานี้
ได้ครองสงบสุข พ้นทุกข์วิปโยคจากผองภัยนานา
ให้..
ผองชน คนไทยทั้งหล้าได้หันหน้ามาปรองดองกัน


ได้รู้ธรรม รักธรรมชาติ
ฉลาดมีสติปัญญาที่จะใช้ชีวิต
ให้ได้สถิตพึ่งพาพึ่งพิงอิงโอบเอื้อกันไปตราบจนกัลปวสานต์
เ
พื่อ..
ให้ลูกหลานเหลนโหลนไทยภายหน้า
ยังได้มีฟ้าธรรม ฟ้าไท..
คุ้มใจคุ้มร่าง อย่างแสนน่าภาคภูมิใจ...
เมื่อเอ่ยถึงบรรพบุรุษไทย..อันมิเคยสิ้นสุดยอมพลีเลือดหลั่งทา
เพื่อรักษาผืนมาตุภูมิอิสรา นี้...เอาไว้ได้ ... เอาไว้ให้....!!!!!
..................





http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song510.html
แผ่นดินของเรา สันติ ลุนเผ่

แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
ใกล้ไกล
ย่อมเป็น ของเรา ชาติไทย
เลือดไทยไหลโลม ลงดิน
ใครหมิ่น ศักดิ์ศรี คนไทย
ย่อมมีวัน สักวัน ให้ไทย
ล้างใจ อัปรีย์
แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน

แผ่นดิน ของเรา
ย่อมเป็น ของเรา อยู่ดี
ที่ใด ย่อมเป็นของไทย อยู่ดี
หากเชือดเฉือนไป คราใด
ย่อมแสน หวั่นไหว ชีวี
ปฐพี แหลมทอง ช่วยกัน
คุ้มครองป้องกัน
สัก วันต้องคืนกลับมา
มั่นใจ เถิดหนา
ขอพลี ชีวารักษาชาติไทย
ชาติไทยคู่ฟ้า
เลือดทา แผ่นดิน...







http://www.thaipoem.com/forever/ipage/song314.html
บ้านเรา สุเทพ วงศ์กำแหง

บ้าน เรา แสน สุขใจ
แม้จะอยู่ ที่ไหน
ไม่สุขใจ เหมือนบ้านเรา
คำ ว่าไท ซึ้งใจ เพราะใช่ ทาสเขา
ด้วยพระบารมีล้นเกล้า
คุ้มเรา ร่มเย็น สุขสันต์
รุ่ง ทิพย์ ฟ้า ขลิบทอง
พริ้วแดดส่อง สดใส
งามจับใจ มิใช่ฝัน
ปวง สตรี สมเป็นศรีชาติ เฉิดฉัน
ดอก ไม้ชาติไทยยึดมั่น
หอมทุกวัน ระบือ ไกล
บุญ นำพา กลับมาถึงถิ่น
ทรุดกายลงจูบดิน ไม่ถวิลอายใคร
หัว ใจฉัน ใครรับฝาก เอาไว้
จาก กัน แสน ไกล ยังเก็บไว้ หรือเปล่า
เมฆ จ๋า ฉัน ว้า เหว่ ใจ
ขอวานหน่อยได้ไหม
ลอยล่องไป ยังบ้านเขา
จง หยุดพัก แล้วครวญรับฝาก กับสาว
ว่าฉันคืนมาบ้านเก่า
ขอยึดเอา ไว้เป็น เรือน ตาย





ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อม   ขอเดชะ

ข้าพระพุทธเจ้า "สาวบ้านนา"
                      * ๔ ธันวาคม ๒๕๕๑ * 



Img0804001523.jpg				
12 มิถุนายน 2551 08:54 น.

กระท่อมเดียวดาย..

สาวบ้านนา

014-RiceField.JPGrice-field-girl-615.jpg0920_C47.jpg
ระย้าช่อจากกอเขียว
รวงเรียวสุกปลั่งไสว
ราวผืนพรมทองทาสุดตาไกล
ด้วยหยาดเหงื่อน้ำใจชาวนา

แก้มเหี่ยวยับย่นทนแดด
แผดเผาไหม้เกรียมใต้ฟ้า
อัญมณีใจจากดินเลอค่า
เลี้ยงผองหล้าไทยอิ่มท้อง

หนีนากว้างเดือนแจ่มดงกระถิน
ทิ้งถิ่นวัวควายบึงหนอง
ดอกผักบุ้งริมนาน้ำตานอง
คลองว่ายท่องไปหลงแสงสีศิวิไลซ์

เสียงขลุ่ยกองฟืนลอมฟาง
เดือนพร่างดาวเต็มทุ่งฟ้าไสว
อกอุ่นหนุนแขนฝันไกล
หลอมใจรวมร่างสร้างรังรัก

กระท่อมไพรร้างไร้
ร่างอ้ายคนดีที่ภักดิ์
สัญญากับสาวนาแน่นหนัก
จะรักตราบสิ้นดินฟ้า

ลั่นทมระย้าชายคาฝัน
สาวนาหวั่นหวั่นเหว่ว้า
ฟังเสียงฝนหล่นพรากจากลา
น้ำตาฟ้าร่ำไห้สังเวย...ภักดิ์...!

.......................................................

99559-004.jpghiketobanna.JPGกระท่อมลั่นทม..


หลายวันมานี้
ฟ้าฝนดูมัวหม่นเทาทึมมาแทบทุกทิศทาง
และพระพิรุณก็โปรยปรายฉ่ำชื่นแทบทุกคืนค่ำ
ทำให้หัวใจสาวนาเลยพลอยเหงาเศร้า
หนาวๆในอกในใจอย่างไรก็ไม่รู้


สาวนา..คนขยันเลยรีบ
ทำงานในนาแต่วัน
และงานจิปาถะ
ให้แล้วเสร็จก่อนตะวันลา


และ
พอยามค่ำ
ก็จะได้มานอนฟังเสียงสายฝนรินร่ำ
ยามตะวันโพล้เพล้
อย่างแสนมีความสุข


ได้จุดตะเกียงอ่านหนังสือ
ธรรมะดีดีที่ยืมมาจากวัด

บางคืนก็ต้องตกใจ
ด้วยความกลัว
ว่ากระท่อมโย้เย้จะพังลงมาใส่หัว
และ
กลัวลมพายุจะมาพัดหอบปลิวไป
เพราะว่า
ลมพายุมาแรงมาก
จนจำปี..ลำดวน หางนกยูงต้นใหญ่
ตรงทางเข้ากระท่อมไหวโอนเอนๆ


ไหน
สาวนายังต้องรีบไปดูแลวัวในคอก
ไม่ให้หลุดออกไป
และยังจะมีงานอื่นๆอีกมากมาย
ที่ต้องระดมรับมือ
เช่นปีนขึ้นไปเปลี่ยนหลังคาจาก
ที่มุงไว้ให้วัวไม่ต้องเปียกฝนทนหนาว
ตามประสายาก


วันนี้สาวนาจัดกระท่อมใหม่
ทั้งๆที่ในกระท่อม
ก็ว่างโล่งแทบไม่มีสมบัติอะไรให้จัดแล้ว


สาวนาเพียงเก็บกวาดให้สะอาดสะอ้าน
ล้างโอ่งดินเผาที่มีมากมายหลายใบริมชายคา
ที่สำหรับเก็บน้ำไว้ใช้
ทั้งไว้ต้มดื่มกิน

และทั้งไว้ใช้ประกอบกิจสาระพัด
ที่สาวนาจะจัดแยกประเภทไป


โอ่งไหนไว้ทำกับข้าว
โอ่งไหนไว้ล้างหน้า
โอ่งไหนไว้ดื่มกิน..
โอ่งไหนไว้รับแขก


สำหรับโอ่งน้ำดื่มไว้รับแขกนั้น
เป็นโอ่งโบราณสีเขียวไข่กา
ที่วางไว้ริมชานกระท่อม


ทั้งนี้ทั้งนั้น
ก็เพราะสาวนาถูกอบรมมาแบบโบราณจากคุณยายว่า
ต้องมีน้ำดื่มไว้ให้แขกผู้ผ่านมาและกระหายหิวน้ำ
ตามคำที่ว่าใครมาถึงเรือนชานต้องต้อนรับ


สาวนาจัดแยกเก็บข้าวของตามประเภท
ไม่ให้ปะปนรกรุงรัง
เสื้อผ้า
ก็เช่นกันจะชุดนอนชุดไปเที่ยวไปวัด
ก็ต้องจัดแยกไว้ให้งาม
จัดพับอย่างสวยแล้วอบร่ำด้วยกลิ่นดอกไม้แห้ง
รายรอบกระท่อม


ที่สาวนาดัดแปลงทำเองแทนน้ำหอมน้ำอบ
เพราะชอบกลิ่นมากกว่า
หากทว่าก่อนจะเก็บต้องตากแห้งเสียก่อน
แล้ว


ค่อยๆห่อกับกระดาษสาซับเก็บไว้
แล้วถึงซุกไว้กลางกองผ้า
จะหอมหวนชวนดม
ด้วยกลิ่นดวงดอกไม้ไทยงามๆ
แยกหอมตามกลิ่นของดวงดอกไม้นั้นๆ
เช่นกลิ่นจำปี จำปา กระดังงา ลีลาวดี 
หรือลั่นทมพุดซ้อน
กลิ่นมะลิลา มะลิซ้อน ลำดวนดง


ที่สาวนามิต้องพะวง
ไปสิ้นเปลืองซื้อน้ำหอมแบบผสมสารเคมี
มาใส่มาอบร่ำ
ซึ่งบางทีก็ทำให้ร่างกายต้องรับสารพิษเป็นผื่นแพ้คัน
และก็จะได้หอมแผกมากกว่า
เป็นกลิ่นร่ำตามธรรมชาติไทยๆ


หัวใจสาวนานั้นรักการใช้ชีวิตแบบโบราณ
เพราะว่าไม่ว่ายุคสมัย
จะผ่านพ้นไปนานสักเท่าไร
ค่านิยมในความงามอย่างละเมียดละมุน
อย่างกุลสตรีไทย


ที่มีวิถีใจดวงงามอันรู้อ่อนหวานอ่อนโยน
ช่างปรนนิบัติเอาใจก็หาได้ตกยุคสมัยไม่
หากเราเรียนรู้จักนำมาสอดใส่ผสานผสม
ห่มหอมเพื่อเพิ่มเสน่ห์มัดใจ
แบบที่โบราณว่าไว้ให้มีน้ำสามเรือนสี่
จะดีแก่ตัวเองเป็นยิ่งนัก
ให้ใครๆที่มีโอกาสชิดใกล้
ได้ชื่นชมยิ่งหลงยิ่งรัก
ในน้ำใจแสนดีมีเมตตา


แม้นว่ากาลเวลาและโลกนี้
จะเปลี่ยนแปลงไป
และ
ผู้ชายสมัยนี้คงไม่เรียกร้องต้องการมากมายนัก
หากเราแค่เพียงยึดหลักความละมุนละม่อม
รู้ถนอมใจรู้กาละเทศะ
สร้างโลกครอบครัวโลกแห่งรักให้หอมกรุ่นอบอุ่นเข้าไว้


ร่ายมนตราแห่งความดีงามน่าเสน่หา
ก็ใช่ว่าเสียเวลาอะไร
แต่จริงๆบางครั้งสาวนาก็สับสน
ที่ไยอ้ายยังไปหลงแสงสีเนื้อหนังมังสาอวบอึ่ม
ของสาวชาวกรุง


ก็ช่างเถอะนะหัวใจกับส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม
สาวนาฟังเพลงนี้แล้วก็ปลงได้เลย
หากเขาไม่รักเราแล้ว
ก็ช่างต้องปล่อยเขาไปปล่อยเขาไป
..............................



http://www.thaipoem.com/web/songshow.php?id=495
ส่วนแบ่งที่ไม่เป็นธรรม 
 
ส่วน ของ หัวใจ
ที่คุณแบ่งให้
มัน น้อย เกิน ไป สำหรับใจฉัน
คุณ ให้ ไม่ ถึง เศษหนึ่งส่วนพัน
รัก เรา จึง สั้น สิ้นสุดกัน แค่นื้
สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที
ส่วน ความ ช้ำ ชอก 
ที่คุณตอกย้ำ
มาก เกิน จด จำ ลึกล้ำเหลือดี
ย่อย ยับ แค่ ไหน ใยไม่ปราณี
หวัง เพียง ข-ยี้ ให้ฉันนี่ แดดิ้น
สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที
วันนี้มันสาย เกินไป
สายเกินไปกว่า
จะมาเริ่มรักกันใหม่
ป่วยการหลอกกัน ต่อไป
มันจบเกมส์แล้ว จนใจ
สิ้นสุดไม่เหลือตั้งแต่เมื่อวาน
ส่วน ของ หัวใจ
ที่คุณแบ่งให้
เชิญ รับ คืน ไป ฉันไม่ต้องการ
คุณ ให้ ฉัน น้อย
น้อยเหลือประมาณ
รัก จึง ตาย ด้าน
สิ้นสุดกันแค่นี้ 
สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที

วันนี้มันสาย เกินไป
สายเกินไปกว่า
จะมาเริ่มรักกันใหม่
ป่วยการหลอกกัน ต่อไป
มันจบเกมส์แล้ว จนใจ
สิ้นสุดไม่เหลือตั้งแต่เมื่อวาน
ส่วน ของ หัวใจ
ที่คุณแบ่งให้
เชิญ รับ คืน ไป ฉันไม่ต้องการ
คุณ ให้ ฉัน น้อย
น้อยเหลือประมาณ
รัก จึง ตาย ด้าน
สิ้นสุดกันแค่นี้ 
สิ้นสุดกันที สิ้นสุดกันที...

......................


สาวนาจะไม่เสียใจอะไรนาน
เพราะสาวนา
มีหัวใจดวงใสดวงธรรมล้ำค่า


ที่ทุกครั้ง
ที่ไปวัดได้ฟังธรรมที่หลวงพ่อเทศน์
กิเลสรักของสาวนา
ก็ลดลงจนแทบอยากปลงผมบวชชี
หนีทุกข์ทุกรักเข้าวัดเข้าวารักษาศีลภาวนาเสียมากกว่า


เพราะเบื่อชีวิตว่ายวนเหลือทน
เมื่อยิ่งหันมาพิจารณามรณานุสติ
ก็จะยิ่งเห็นชัด
กับวิบากเก่าวิบากรรมที่ย้ำรอยในทุกผู้คน
ที่หนีอย่างไรก็ไม่พ้นรอยกรรมราวรอยเกวียน
หากมิตั้งจิตอธิษฐานเพียรภาวนา
อย่างมิยอมท้อแท้แพ้พ่ายทางโลกย์เสียก่อน


และ
ไม่ว่าจะหันไปดูคู่ไหน
ไม่ช้านานรักที่แสนหวานก็พานขมปี๋
เหลือรักที่จะจีรัง
ก็คือคนพวกทีฉลาดล้ำ
แปรรักเนื้อหนังเสน่หา

มาเป็น
มิ่งมิตรสนิทแบบฉันท์เพื่อน
ไว้พึ่งพาพึ่งพิงยามชราแก่เฒ่า
ได้หามกันเข้าวัดหรือไม่ก็เข้าโรงพยาบาล


และ..
ไม่นานมานี้
สาวนา..ได้มีโอกาสรู้จัก....
พี่ชายคนดีที่ชื่อวิน
มิตรธรรมคนยาก
ที่พบกันแทบทุกครั้งที่วัด


พี่วิน
เป็นม่ายเพราะเมียตายด้วยโรคร้าย
เลยหาที่พึ่งทางใจ
และ
ด้วยอยากมาทำบุญ
สร้างกุศลทานผ่านไปให้ภรรยา
เลยเพียรมาวัดบ่อยๆ 


ทั้งๆที่ไม่รู้ดอกนะ
ว่าจะฝากกุศลผลบุญ
ส่งไปถึงหรือไม่
แต่พี่วินก็บอกว่า
แสนจะรู้สึกดีมีความสุขสงบ
รู้รำงับใจ
สบายใจอิ่มใจยังไงก็ไม่รู้


ตั้งแต่ได้ย่างกราย
มาชิดใกล้ชายผ้าเหลือง
ที่มีหลวงพ่อที่น่าเคารพศรัทธา 
ไม่หากินกับญาติโยม
ไม่หลอกให้เชื่อในทางที่ขัดกับพระธรรม
พยายามเพียรน้อมนำคำสอนมาสอนอย่างมีเหตุมีผล


ว่าคนเรานั้น
ชีวิตที่ดีต้องมีการพยายามรักษาศีลให้สะอาด
ให้ทานเพื่อสละออกอย่าให้ขาด
และที่สำคัญราวหัวใจศาสนาพุทธเลย
คือให้จิตจับกับปัจจุบันขณะ


ให้รู้เพียรภาวนาสมาธิจะได้
มีปัญญาพาพบทางแห่งความว่างสะอาดสงบ
ตลอดไปทุกภพชาติ


และนี่คือผู้ชายคนดีพี่ชายคนดี
ที่สาวนายอมพลีใจอีกครั้ง

ที่จะได้ทำความรู้จัก
เพื่อแลกความคิดทางจิตทางธรรม
เสมือนเพื่อนพึ่งพากันและกัน
อย่างกัลยาณมิตรเรื่อยมา


สาวนา
จึงมีความสุขมาก
กับชีวิตสงบสุขสมถะเรียบง่ายลำพังนี้
ที่แม้นจะดายเดียวสักเท่าไร

หากทว่าหัวใจก็ผ่องแผ้วราวไร้พันธนา
ไม่ต้องมีบ่วงห่วงรัก
ไม่พักต้องลากใคร
มาร่วมรับบ่วงห่วงโซ่กรรมร่วมกัน
จนกว่าจะตายกันไปข้างหนึ่ง


ทุกคืนค่ำสาวนา..ผู้มีศรัทธาแรงกล้า
จึงพยายามจัดเรือนลีลาวดีหรือเรือนลั่นทม
ที่ราวกับกระท่อมไพร
แสนหวานระทม
แสนงามเศร้า


ที่สาวนา
ปลูกแยกออกมาจากกระท่อมทับอาศัย
และแฝงในร่มเงาดงดวงดอกลั่นทม
หลากสีสรร
ทั้งขาว แดงชมพู เหลืองอมส้ม 
ที่มากมายหลายหลากพันธุ์
ถึงกว่าสามร้อยชนิด


ที่สาวนาแสนหลงใหล
แสนรักมานานนักหนาแล้ว

จนเร้าใจให้เพียรศึกษานำมาเพาะปลูก
จนเป็นดง
ให้ใครๆพากันมาหลงใหลชื่นชม
ในดวงดอกงามทุกยามเย็น
ที่นะบัดนี้กำลังบานสะพรั่ง
ส่งกลิ่นระรินร่ำอวดอกดกชูช่อ
พ้อสายฝนและลมเย็น

และ
บางวัน
ในยามตะวันลา
สาวนาจะมานอนเล่น
หรือไม่ก็มาร้อยมาลีมาลัยลีลาวดี
ไปพลีถวายเป็นพุทธบูชา
ยามนั่งสมาธิภาวนา
และ


และทุกยาม
ที่ดวงดอกงามเศร้า
ถึงเวลาร่วงโรยโปรยปลิด
ลงเกลื่อนพื้นพสุธา 
ยามนั้น
สาวนาจะมีความสุขมาก
ที่ได้นอนแหงนเงยดู
และ
แอบขนานให้นิยามลานฝันนั้นว่า
*ลานลั่นทม


และบัดนี้มีกระท่อมลั่นทม
เป็นดั่งเรือนใจเรือนภาวนาเรือนสมาธิ
ที่แสนดีแสนงาม
แสนสงบสุขสมถะ
ของสาวนาแล้ว



และ...
ราตรีนี้
สาวนาก็เลยไปเด็ดดวงดอกกระดังงา
และร้อยมาลัยลีลาวดีมาลัยลั่นทม
มาถวายเพื่อเป็นพุทธพลีบูชา
หน้าพระพักตร์พระพุทธ 


และ....
ยามที่สาวนาจุดเทียนทอง
แสงเทียนจะส่องพร่างพรายจะจับดวงดอกไม้
ราวพาให้สาวนาได้ระลึกตระหนักรู้ว่า


ความทุกข์ระทมนั้นมันอยู่ใกล้เรานี่เอง
หากเราเพียงไม่ยึดมั่นถือมั่น..แล้ววางมันไว้
ราวดวงดอกไม้นามลั่นทม


เราก็จะไม่ตรมไม่ตรอม
กลับให้หอมห่มในห้วงจิต
ได้สถิตเป็นดั่งรักนิรันดร์


เฉกเช่นเดียวกับไม้ทุกพรรณ
ที่ให้หอมงามกำนัลแด่โลกแล้วปลิดกลีบโรยรา
เหมือนชีวิตจิตทุกดวง
ที่รู้ว่ากาลเวลารอลอยลาร่วงลงสู่พื้นพสุธา
หาช้านานไม่ หาจีรังไม่..
..............................................................


บนลานลั่นทม   

แดนดินใด ไม่แม้นแดนลานลั่นทม
ดุจดั่งสวรรค์แดนพรหม สวยสุดสมคำชมได้
ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ทิว เขียว ลิ่วไกล เพลินมองไป
เสียงลมไกวกิ่งไหวดังซู่
ทิ้ง ขั้ว หล่นปลิว ลั่นทมพริ้วโชยร่วงพรู
แม้น ดังพรม ลาดปู ดุจทางสู่
สุดสวรรค์ เทวัญ

ลมรำเพย ความหอมชวนดอมลั่นทม
สูดกลิ่นถวิลเชยชม แสนสุขสมอารมณ์มั่น
ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ ฮือ
ใจ หวน ตื้นตัน เกินจำนรรจ์
เพ้อรำพันว่าหอมใดเท่า
หอม ชื่น ลั่นทม เมื่อลมพริ้วมาเบาเบา
ล้าง สิ่งตรม อกเรา ให้คลายเศร้า
ที่คอยเผา โทรมใจ...

 
  
 


http://www.lilavadee.com/download_p01.html
ลีลาวดี (Frangipani)

เป็นไม้ยืนต้นขนาดเล็กถึงขนาดกลาง 
ใบมีสีเขียว โตและหนา มียางมาก 
ดอกมีสีขาว-เหลือง ขาว-แดง
ส่วนที่ใช้ ทั้งต้น เปลือกต้น ดอก 
เนื้อไม้ ยางจากต้น และเปลือกราก

สรรพคุณ 
ทั้งต้น ใช้ปรุงเป็นยารักษาโรคลำไส้พิการของม้า
ใบ เอาใบแห้งมาชงน้ำร้อนใช้รักษาโรคหอบหืด 
หรือ
นำใบสดมาลนไฟให้ร้อนแก้ปวดบวม
เปลือกราก ใช้เป็นยารักษาโรคหนองใน 
เป็นยาถ่าย แก้โรคไขข้ออักเสบ ขับลม
เปลือกต้น นำมาต้มเป็นยาถ่าย ขับฤดู แก้ไข้ 
แก้โรคโกโนเรีย 
หรือ..
ให้ผสมกับน้ำมันมะพร้าว ข้าวและมันเนย 
ซึ่งจะเป็นยาแก้ท้องเดิน ยาถ่าย ขับปัสสาวะ

ดอก ใช้ทำธูป 
แต่..
ถ้าใช้ผสมกับพลูเป็นยาแก้ไข้ แก้ไข้มาลาเรีย
เนื้อไม้ เป็นยาแก้ไอ 
ในประเทศเขมร ใช้เป็นยาถ่าย ขับพยาธิ
ยางจากต้น เป็นยาถ่าย 
รักษาโรคไขข้ออักเสบ ทำให้เกิดผื่นแดง 
ถ้าใช้ผสมกับไม้จันทร์และการบูร
เป็นยาแก้คัน แก้ปวดฟัน..

................................


Paddy_field_near_Amol_Mazandaran_provinc				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสาวบ้านนา
Lovings  สาวบ้านนา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสาวบ้านนา