15 พฤษภาคม 2547 23:56 น.

..๏ จินตนาการของพรานไพร ตอน พลัดพราก

อัลมิตรา

 
..๏ หลับตาย้อนคำนึงถึงวันเก่า
เป็นเรื่องเล่าท่องไป ณ ไพรสณฑ์
ท่ามกลางแสงดาวเดือนเกลื่อนสกล
ดั่งเทพดลเราสองครองรักกัน

แต่ละวันแต่ละคืนชื่นสนอง
ร่วมประคองสมานใจให้สุขสันต์
เห็นเงือกไพรบินผ่านขานรำพัน
รักเรานั้นจะเสถียรมิเพี้ยนลวง

เปรียบเราเป็นนกเงือกเลือกรักแท้
มิปรวนแปรดวงจิตให้คิดห่วง
จะรักมั่นครั้นว่าสุดาดวง -
ชีพลับล่วงร่างสลายไปกับกาล

ถ้อยรำพันสัญญาคราเห็นนก
ใช่เพ้อพกเพียงกล่าวเล่าบทขาน
รักมันนั้นใหญ่ยิ่งอิงตำนาน
อธิษฐานขอเป็นเช่นนกไพร 

วันที่ต้องจากไปให้ขื่นขม
ทุกข์ระทมซ่อนสะอื้นยากฝืนไหว
เสียงกระซิบเครือสั่นดุจคว้านใจ
แม้นจากไกลจงจำคำสัญญา 

ตาต่อตาสบนิ่งยิ่งหม่นหมอง
เหมือนร่ำร้องวันชื่นให้คืนหา
ยามพลัดพรากจากกันหวั่นอุรา
ดุจชีวาแตกสลายมลายจินต์

สองมือโอบกุมกระชับกับหัตถ์น้อง
จูบประคองสองปรางพลางถวิล
รอยจารึกจารใจให้ยุพิน
อย่าสร่างสิ้นเสน่หาเมื่อลาจร

ปฏิญาณสัตย์เช่นเป็นดั่งนก
มิเพ้อพกถ้อยคำย้ำสมร
แม้นไกลกันกานดาอย่าอาวรณ์
รักจักย้อนตามไปในนิรันดร์ 

ขอนวลจงอย่าโศกวิโยคหวน
สุขทั้งมวลใช่หายกลายแปรผัน
แม้พลัดพรากครานี้ย่อมมีวัน
จะสานฝันสืบไปหัวใจครอง

แม้นจันทราสุรีย์หลบลี้หาย
มิคลอนคลายภักดีพี่สนอง
เฉกนกเงือกมั่นรักประจักษ์ปอง
หัวใจพ้องดั่งเราเคล้าคู่เอย ๚ะ๛


 				
12 พฤษภาคม 2547 23:06 น.

..๏ เริงลม

อัลมิตรา



..๏ ปลิดปลิวเพลินพริ้วร่อน................กลางหาว
หมุนเปลี่ยนแปลงแรงราว..............ร่อนคว้าง
เรียงรายหลากลักษณ์คราว..............คราเคลื่อน-  คลาดแฮ
ลดหลั่นแข่งขันร้าง........................เลื่อนคล้อยลอยลม  ๚

..๏ สูงเด่นเทียมเทียบชั้น..............เมฆา
ผลผลิตพันธุ์พฤกษา.....................ใหญ่น้อย
คราวสุกลูกยางนา..........................ดูดาษ-  ดื่นแฮ
บ้างเบียดเสียดขั้วห้อย-...................ติดก้านกิ่งโต  ๚

..๏ ลมแผ่วพลอยโยกย้าย...............สั่นคลอน
กระโชกโกรกบั่นทอน...................พรากต้น
หมุนติ้วลิ่วล่องสลอน.....................แซงสลับ  
บ้างห่างเหินเพลินพ้น...................ผ่านพริ้วทิวแถว  ๚

..๏ ลอยสูงยังมุ่งพลิ้ว......................เริงลม
ปานแข่งขันเชยชม.......................ฟากฟ้า
สายลมพัดเพลินสม-......................หมายมั่น
พลัดพรากต้นจนล้า.......................หล่นพื้นธรณิน  ๚

..๏ ลูกไม้ไกลจากต้น...................เคยอา-  ศัยเฮย
พลัดถิ่นฐานโรยลา.......................แหล่งเหย้า
ลืมต้นเติบโตมา...........................คราก่อน  แลฤา
ลมพัดผลักเร่งเร้า..........................ขาดขั้วจรลี  ๚

..๏ สูงเยี่ยมเทียมเมฆแม้น-..........เมืองสวรรค์
อาจร่วงหล่นโดยพลัน..................เกลือกพื้น
ลูกยางดั่งเดียวกัน........................ดังอุป-  มาแฮ
สูงต่ำสุขทุกข์มลื้น........................เปลี่ยนได้กลายเสมอ  ๚

..๏ เริงลมชมฟากฟ้า.....................นภาลัย
ชมหมู่ลูกยางไพร.........................ผ่านต้น
ตกดินถิ่นแดนใด..........................คงเติบ-  โตนา
ผ่านขวบจวบปีพ้น........................เด่นสล้างข้างกัน  ๚

..๏ อุกอาจมาดมั่นคล้าย................ลูกยาง
หมายมุ่งด้นดั้นพลาง....................แยกย้าย
คงเด็ดเดี่ยวเดินทาง......................แสวงสิ่ง-  ใดนอ
จงบุกบั่นดุจคล้าย.........................ลูกไม้เริงลม  ๚ะ๛				
11 พฤษภาคม 2547 16:35 น.

..๏ จินตนาการของพรานไพร

อัลมิตรา

..๏ คืนที่เพ็ญสุกสกาวดาวพร่างฟ้า
ช่างงามตาสวยสมภิรมย์ผอง
จึงวาดจินตนาการขานทำนอง
ร่ายกลอนพ้องตอบคำลำนำกวี

วสันต์สวาทมาตรว่าครารำลึก
ยังตราตรึกความทรงจำย้ำวิถี
ลมลู่ไม้แกว่งกวัดกระหวัดฤดี
นึกย้อนที่เคยเป็นเช่นก่อนกาล

ท่ามพนา..เราสองครองสุขสม
ต่างชี้ชมเพ็ญดาราคราผสาน
แสงเดือนส่องยวนใจให้เบิกบาน
เกินจักต้านอารมณ์ข่มภายใน

หนาวน้ำค้างพร่างพรมประโลมร่าง
พี่เคียงข้างกกกอดพลอดชิดใกล้
เย็นยะเยือกพระพายพัดคราใด
อบอุ่นไซร้ด้วยกายคล้ายแอบอิง

แว่วนกไพรขันคูคู่ขับเสียง
แจ้วจำเรียงดุจหยอกบอกนัยหญิง
แลหิ่งห้อยกระพริบแสงแข่งจันทร์จริง
สุขใจยิ่งยามเราเคล้าเคลียคลอ

ครั้นเมื่อถึงริมธารสนานสรง
พี่บรรจงอาบให้สุขใจหนอ
ผะแผ่วไล้เรือนร่างพลางพนอ
เชยชิดคลอชื่นชมดมเนื้อนวล

หอมผกาอื่นใดในโลกหล้า
เจ้าหอมกว่าพรรณใดใคร่คิดหวน
เนียนกว่าเนื้อนุ่มใดหมายรัญจวน
เจ้าเนียนล้วนละมุนกรุ่นทั้งกาย

เห็นเดือนยิ้มพริ้มพราวสกาวพร่าง
ดาวรายทางยังหยอกบอกแสงสาย
เรื่อเรืองฟ้างามผ่องพ้องจันทร์พราย
แลคลับคล้ายแอบมองคู่ครองเคียง

เฉกกินรีคนธรรพ์ประสานสอง
ร่วมประคองขับพิณศิลปะเสียง
บรรเลงคีตรักจักจำเรียง
กล่อมขวัญเยี่ยงห้องหอคลอพงไพร

ครั้งรุ่งสางรังสิมันตุ์สิฉายฉาน
คงตระการนวลอนงค์พี่หลงใหล
อยากเชยชิดสนิทน้องปองหทัย
เป็นคู่ไซร้ทุกภพสบชาติครอง  ๚ะ๛				
8 พฤษภาคม 2547 23:20 น.

๏ สวาทวสันต์..

อัลมิตรา


๏ กลิ่นกรุ่นละมุนฝน............และระคนธุลีดิน 
เพรียกแผ่วพระพายยิล...........อุระสิ้นระทมตรอม 
แว่วเสียงวสันต์พรำ................สิกระหน่ำและขับกล่อม 
ดุจเพลงระบำพร้อม...............จิตย่อมระเริงตาม ๚

๏ ฟ้าฝนกมลชื่น...................ชระมื่นประพันธ์ความ 
ร่ายฉันท์กวีงาม....................ดุจร่ำระบือไป 
หวังเพียงนิพนธ์นี้.................ดรุณีสิเข้าใจ 
ร่วมภักดิ์สมัครใน-................รติใกล้นิรันดร์กาล ๚

๏ ขับกล่อมถนอมนวล...........สุรสรวลสนุกนาน
ยินฝนและยลกานท์..............อุระซ่านภิรมย์จริง
อิงแอบและแนบเนื้อ..............มิจะเบื่อสิอ้างอิง
ดอกไม้ไสวกิ่ง.......................ผิว์กระดิ่งระงมดัง ๚

๏ แล้วพร่ำวจีอ้อน..................ขณะตอนพิรุณยัง
แซกเสียงกวีดัง......................สติตั้งกระจ่างใจ
เอื้อนเอ่ยเฉลยพจน์................มธุรสบุราณไทย
หวังน้องสิผ่องใส....................และสบายหทัยนาน ๚ะ๛   				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา