30 กันยายน 2545 07:27 น.
				
												
				
								อัลมิตรา
		
					
				
(๑)
สายฝนหลั่งพรั่งฟ้าวสันต์กาล
ผ่านเนิ่นนานพลันฉ่ำชื้นยามสาย 
เจิดตะวันพรรณพร่างกระจ่างพราย
ไป่มลื้นดุจคล้ายหทัยบาน 
(๒)
มวลวิหกนกน้อยคอยเคียงติด
พินิจคิดเพียงเยี่ยงเย้าเรียงขาน 
ขับสำเนียงเสียงส่งบ่งแลนาน
ดุจเพลงกานท์เฝ้าหมั่น  เร้าราวโสดม* 
(๓)
รุ้งทอแสงแหล่งหล้า ณ นภาเพริศ
ยิ่งบรรเจิดหาเลิศใกล้เฉิดโฉม 
กัลยาหาสิ่งอิงแม่โพยม
พร่างพราวโสมไล้จ่ม*ใว้ชมเชย 
(๔)
ทุกทิวาว่าใว้ไป่หลงจิต
แน่วพินิจคงชิดเชื้อคิดเอ่ย 
เนื่องอนงค์ตรงไฝ่บ่งเปรียบเอย
สบถเอ่ย  เปรยเอื้อเพื่อ  ใกล้เนื้อนวล ฯ				
			 
			
				30 กันยายน 2545 07:23 น.
				
												
				
								อัลมิตรา
		
					
				
(๑)
.....สายฝนหลั่งพรั่งฟ้า.............วสันต์ 
กาลผ่านเนิ่นนานพลัน................ฉ่ำชื้น 
ยามสายเจิดตะวัน.....................พรรณพร่าง 
กระจ่างพรายไป่มลื้น*...............ดุจ*คล้ายหทัยบาน ฯ 
(๒)
.....มวลวิหกนกน้อย.................คอยเคียง 
ติดพินิจคิดเพียง.....................เยี่ยงเย้า 
เรียงขานขับสำเนียง.................เสียงส่ง  บ่งแล 
นานดุจเพลงกานท์เฝ้า...............หมั่นเร้าราวโสดม* ฯ 
(๓)
.....รุ้งทอแสงแหล่งหล้า............ณ  นภา 
เพริศยิ่งบรรเจิดหา..................เลิศใกล้ 
เฉิดโฉมกัลยา*........................หาสิ่ง  อิงแม่ 
โพยมพร่างพราวโสมไล้............จ่มใว้ชมเชย ฯ 
(๔)
.....ทุกทิวาว่าใว้.......................ไป่หลง 
จิตแน่วพินิจคง.......................ชิดเชื้อ 
คิดเอ่ยเนื่องอนงค์ตรง............ใฝ่บ่ง  เปรียบเอย 
สบถเอ่ยเปรยเอื้อ....................เพื่อใกล้เนื้อนวล ฯ				
			 
			
				27 กันยายน 2545 07:21 น.
				
												
				
								อัลมิตรา
		
					
				
(๑)
.....น้ำ.....บ่านาล่มแล้ว.........................เรียมเอย
ท่วม.....ทุ่งสูงลิบเลย..........................ดอกหญ้า
น้ำ.....หลากหากเปรียบเปรย.................จิตพี่
ใจ.....หม่นจนอ่อนล้า..........................กว่าข้าวรวงเขียว ฯ
(๒)
.....น้ำ.....ไหลใจสั่นซ้ำ........................โศกทรวง
ท่วม.....ทั่วกลัวทิวรวง........................ร่วงร้าง
น้ำ.....พัดพรากยากทวง......................ถามไถ่-  คืนนอ
ใจ.....ร่ำไรใยคว้าง............................อย่างน้ำคำครวญ ฯ
(๓)
.....น้ำ.....นองมองแผ่นฟ้า..................คราวสันต์  แม่เอย
ท่วม.....เท่าราวลงทัณฑ์......................มั่นแท้
น้ำ.....ชลเชี่ยวโมหันธ์.........................หยันเหยียด  เราฤา
ใจ.....คร่ำครวญป่วนแล้.....................สั่งฟ้าแลฝน ฯ
(๔)
.....น้ำ.....เอยเคยมากด้วย..................คุณอนันต์
ท่วม.....ทบทวีมหันต์..........................หล่อเลี้ยง
น้ำ.....ขังคลั่งโกรธกัน........................กาลก่อน  แลฤา
ใจ.....มั่นผสานเพี้ยง.........................เขื่อนกั้นธารคนอง ฯ				
			 
			
				26 กันยายน 2545 07:34 น.
				
												
				
								อัลมิตรา
		
					
				
...๑...
.....เด็ดดอมหอมกลิ่นแก้ว.................กลีบขาว-  งามเฮย
ชมดอกออกเรียงราว........................แข่งแย้ม
ไฉไลใคร่หมายสาว..........................เยาวเรศ  แม่เอย
เปรียบดั่งศศางค์แฉล้ม.....................หยอกให้ใจหลง ฯ
...๒...
.....ไหวโยกลมโบกบ้าย....................กลีบบาน
เกรงหล่นเกลือกกลางลาน.................ย่านพื้น
หากเชยกลิ่นเผยวาร........................กาลเนิ่น  นานนา
ยังติดตรึงจิตฟื้น..............................ชื่นช้องผองสุคนธ์ ฯ
...๓...
.....ขาวนวลชวนกรีดนิ้ว.....................หวิวหวาม
กลีบเบ่งยังเกรงขาม..........................คร่ำกร้าน
ประคองผ่องคืนยาม..........................ค่ำล่วง  เลยนา
สูดกลิ่นระรินสอ้าน............................ปราศกลั้วมัวกมล ฯ
...๔...
.....หอมใดใครอื่นได้.........................หมายหอม
หาเปรียบเทียบอาจถนอม....................นาฏน้อง
แก้วอาจมาตรเด็ดดอม.......................หอมครู่  เดียวนา
หากพลัดนุชนาฏต้อง.........................ชอกช้ำอวสาน ฯ				
			 
			
				25 กันยายน 2545 09:35 น.
				
												
				
								อัลมิตรา
		
					
				
...โอ้โอ๋กระไรเลย.....................บมิเคย ณ ก่อนกาล 
พอเห็นก็ทราบซ่าน...................รติรักบหักหาย 
...ยิ่งยลวนิดา..........................ละก็ยิ่งจะร้อนคลาย 
เพลิงรุ่มประชุมกาย...................ณ  อุราบลาลด 
...พิศไหนบ่มิทราม....................วธุงามสง่าหมด 
จนสุดจะหาพจน์.......................สรเสริญเสมอใจ 
...องค์วิศวกรรมัน....................นิสิปั้นวธูไซร้ 
พอเสร็จก็เทพไท......................พิศรูปสุรางค์เพลิน 
...ยืนเพ่งและนั่งพิศ..................วรภักตร์บหมางเมิน 
งามใดบงามเกิน.......................กลยา*  ณ  โลกสาม 
...และวิศวกรรมัน.....................ผิวะปั้นวธูตาม 
แบบอีกก็มิงาม.........................ดุจ โฉมอนงค์นี้ ฯ