14 มิถุนายน 2550 22:53 น.

ตามหา .."ยอดนักสืบ"

อัลมิตรา


ฉันชอบพี่สมัยศรี ที่ว่าชอบ ก็หมายถึงชื่นชอบ ชื่นชม
ไม่ได้หมายความว่าชอบแบบลักเพศนะ.
พี่สมัยศรีแต่งตัวเก๋ ผมซอยสั้นกับรูปร่างบาง 
ท่าทางเดินกระฉับกระเฉง ใครจะรู้อายุห้าสิบแล้ว
เวลาพี่สมัยศรีแวะมาหาฉันที่แผนก 
ฉันมักจะเรียกพี่สมัยศรีว่า "คุณนาย ไปไหนจ๊ะ" มาดให้จริงๆ

พี่สมัยศรีอยู่แผนกบูติค เป็นผู้จัดการใหญ่ แต่ก็ทำตัวสบาย ๆ
พูดจาติดฮาด้วยซ้ำไป คุยด้วยแล้ว..สบายใจดี
พี่สมัยศรีชอบทำบุญ ชอบสร้างส้วมให้กับวัด ที่รู้ ก็เพราะพี่สมัยศรีชวนบ่อย ๆ
ทำบุญแล้วหน้าตาผ่องใส ท่าจะจริง พี่สมัยศรี ยังใสปิ๊งอยู่เลย 
แต่ไหง๋ ไม่มีแฟน
พี่สมัยศรีบอกว่า " ข้าจะไปรู้เหรอะ นี่ก็รอให้รถตู้ดักฉุดอยู่เหมือนกัน"

เมื่อวานนี้ พี่สมัยศรีทำหน้าเซ็งสุดขีด
ถือว่าเป็นปรากฏการณ์ที่ผิดธรรมชาติอย่างมาก
กระเป๋าสะพายใบใหญ่ที่วางไว้ที่พนักพิงของเก้าอี้ประจำตำแหน่ง ... หาย
ไม่รู้ว่ามีมือเน่าที่ไหนบังอาจกล้าล้วงคอนางพญางูเห่า .. 
สงสัยไม่อยากมีเงาหัว

กระเป๋าหนังแท้อย่างดีเดินทางข้ามทวีปมาเชียว
แค่ราคากระเป๋าตัวเลขก็ปาไปหกหลักแล้ว
ไหนจะมีกระเป๋าเงินที่มีเงินเป็นหมื่นอีก ยังนะ ยังไม่หมด 
ซอกเล็กซอกน้อยยังมีเงินซุกบ้าง
อันนี้พี่สมัยศรีเขาเล่ามา ฉันไม่ได้ไปสำรวจกระเป๋าหรอก ..

เหตุคงเกิดเมื่อเที่ยง ..
ตามวิสัยของพี่สมัยศรี..พกเงินติดตัวไปนิดหน่อยสำหรับอาหารมื้อเที่ยง
ไงล่ะ .. พี่สมัยศรีฝากกระเป๋าสะพายไว้กับผีบ้านผีเรือนมั๊ง
ถึงได้ไม่เก็บให้เรียบร้อย
พอทานข้าวเที่ยงเสร็จ ก็รีบจรลีเข้าออฟฟิต
หวังจะนั่งตากเหงื่อผึ่งแอร์ซักหน่อย
ปรากฏว่า ช็อคสุดขีด !!! .......

ก็บอกแล้วไง พี่สมัยศรีเป็นคนว่องไว กระฉับกระเฉง มีรึ จะนั่งเงียบหงิมได้
ข่าวนี้กระฉ่อนข้ามตึก จนฉันที่อยู่อีกคนละฟากตึกยังพลอยตกอกตกใจไปด้วย
ที่ตกใจน่ะ ไม่ใช่ตกใจเพราะกระเป๋าสะพายของพี่สมัยศรีหาย
ตกใจที่พี่สมัยศรี ผละจากกระเป๋าสะพายไปได้ไง 
ทั้ง ๆ ที่มันเป็นคลังสมบัติย่อม ๆ

ลือกันให้แซ่ด เดากันให้มั่ว ..
ผู้ต้องสงสัย ที่ตกเป็นเป้าพิพากษาคือ แม่บ้าน .. ที่ทำความสะอาดช่วงเที่ยง
โดยปกติ แม่บ้านจะมาทำความสะอาดวันละ 2 รอบ คือ เที่ยงและเย็น
คนหนึ่งถือถุงดำใบใหญ่เทขยะแต่ละจุดลงไป อีกคนเช็ดโต๊ะ เช็ดหูโทรศัพท์
อีกคนกวาดบ้าน อีกคนใช้ม็อบถูพื้นไล่เลียงกันไปตามขบวน

และหลังจากเหตุการณ์น่าตระหนกผ่านไปได้ไม่นาน ราวบ่ายสามกระมัง
มีคนพบกระเป๋าสะพายของพี่สมัยศรี ที่ถังขยะ ห้องน้ำชาย
กระเป๋าเงินถูกฉกเงินไปเรียบร้อยแล้ว จำนวนเงินเฉียดหมื่น
บัตรต่าง ๆ อยู่ครบถ้วน และซอกที่ซุกเงินไว้ ยังไม่ถูกแตะต้องใด ๆ

พี่สมัยศรียังไม่หายฉุนเฉียว วันนี้มีตำรวจมาพิสูจน์หลักฐานลายนิ้วมือด้วย
ก็ไม่รู้ล่ะ ว่า.. สืบสวนสอบสวนแล้วจะได้ผลเป็นอย่างไร
แต่ฉันอยากให้พี่สมัยศรียิ้มได้ในวันพรุ่งนี้ และวันต่อ ๆ ไป
อารมณ์เสียสองวัน .. พอแล้ว .. 
ครั้นจะปรามว่าอย่าอารมณ์เสียเลย คงเป็นไปไม่ได้

ฉันเองก็มานั่งคิด .. คิดเล่น ๆ ถึงความน่าจะเป็น
ฉันไม่ได้มีวิสัยทัศน์เหมือนโคนันคุง ไม่งั้น ตั้งแต่เมื่อวานคงจับโจรได้แล้ว
นี่คิดเล่น ๆ คิดให้สมองในหัวเกิดการบริหารเสียบ้าง

** โจทย์มีอยู่ว่า ..
- ใครจะถือกระเป๋าสะพายได้โดยไม่มีพิรุธ หญิงหรือชาย
- ถุงดำใบใหญ่น่าจะเป็นเครื่องมือที่อำพรางได้ดี 
- น่าจะเป็นคนภายในสำนักงาน เพราะมุมโต๊ะทำงานอยู่ด้านใน
- คนที่จะเข้าห้องน้ำชายได้โดยที่ไม่ผิดแปลก ก็น่าจะมีแต่ผู้ชาย
- ถ้าแม่บ้านเข้าไปทำความสะอาดเข้าห้องน้ำผู้ชายไม่ถือว่าแปลก
- เวลาจะเดินไปห้องน้ำหญิง ต้องผ่านห้องน้ำชายก่อน 
- ใครบ้างที่รู้ว่า กล้องของโทรทัศน์วงจรปิด บังเอิญเสียพอดีในวันนั้น

ตอนนี้คนรับเคราะห์ถูกเพ่งเล็งมากที่สุด คงไม่พ้นแม่บ้าน
ทำไงได้ .. คนเขามองกันว่า แม่บ้านจัดเป็นคนเกรดต่ำกว่า
สงสารแม่บ้านเหมือนกันที่ตกที่นั่งลำบาก .. ก็เลยต้องคิด คิด คิด .. 

คิดไม่ออก .. ก็เลยเขียนเป็นเรื่องสั้น เผื่อคนอ่านจะช่วยคิด
ไม่รู้ล่ะ .. ใครอ่านแล้ว ไม่ช่วยคิด .. ท้องผูกเจ็ดวัน ไม่รู้ด้วยนะ

				
10 มิถุนายน 2550 23:44 น.

เธอคนนั้น กับเทศกาลบะจ่าง

อัลมิตรา


วันก่อน .. ที่สะพานข้ามคลองเล็ก ๆ 
อีกฝั่งของสะพาน พี่สาวกำลังจูงจักรยานข้ามมายังฝั่งที่ฉันยืน
นิด..สาวอารมณ์ดีจากบุรีรัมน์ เพื่อนร่วมโรงงานเดียวกับพี่สาวเอ่ยทักมา..
"จ่ายค่าผ่านทางก่อนน้อง"
"มีแต่มังคุดกับช็อคโกแล็ต"
"โทรหาแม่บ้างเปล่า เห็นบ่น ๆ อยู่น่ะ แม่เหงานะ" พี่สาวบอก
"ก็ตอนปลายเดือน ที่โอนเงินให้ คุยอยู่สองสามคำ"
"เสาร์หน้าจะไปบางบ่อ จะไปช่วยทำบะจ่าง ไปด้วยกันมั๊ย"
"น่าจะมีงานติดพันน่ะ อีกสองอาทิตย์จะไปบริจาคของ มีเรื่องต้องเตรียม"

ความจริงถึงฉันไปบางบ่อ ฉันก็ช่วยทำอะไรไม่ได้มาก ฉันไม่ถนัดงานครัว
จำได้เมื่อวันตรุษจีนที่ผ่านมา ฉันคลุกอยู่บ้านแม่ก่อนวันไหว้สองวัน เตรียมนั่นนี่
แต่ก็ไม่ถูกใจแม่ซักอย่าง แค่ถือมีดหั่นผัก ยังเก้กัง .. แม่บอกว่า ฉันเกะกะ

"ไหว้บะจ่างวันไหนเหรอ" ฉันถามพี่สาว
"อังคารที่ 19 แม่บอก ไหว้เสร็จจะหิ้วมานี่ ไม่อยากให้หิ้วมาก็เลยต้องไปเอาเอง"

ฉันไม่ค่อยรู้วันรู้ธรรมเนียมจีนสักเท่าไหร่ ไหว้เจ้าไม่เป็น จัดเครื่องเซ่นไม่ถูก
หลายปีก่อน แม่มาหาในวันไหว้บะจ่าง ขึ้นรถเมล์ 2 ทอด สองแถวอีก 1 ทอด
แม่มีบะจ่างมาหลายพวง ตอนนั้นฉันประชุม มีคนไปตามบอกว่า ญาติมา 
แม่เสียงดังตามเคย ตะโกนเรียกตั้งแต่ฉันเดินเลี้ยวออกจากตึก ให้มารับบะจ่าง

"แยะจัง มาไงเนี่ย" ทั้งมือซ้ายและมือขวา แม่ถือพวงบะจ่าง
"ไหว้เสร็จตอนเช้า ก็นั่งรถเมล์มาเรื่อย ๆ เดี๋ยวจะแวะหาอาซิ้มหน่อย"
"อาซิ้มไม่สบาย อยู่เลิดสิน ซ้อบอกว่าเป็นมะเร็งลำไส้" ฉันเล่าคร่าว ๆ
"รู้แล้ว เออนี่ แบ่งกันคนละ 3 พวงนะ เอ้า แล้วนี่ เอากรรไกรไป จะได้ตัดกิน"
"ทีหลังไม่ต้องเอามาแยะ หรือไม่ก็บอกให้เฮียไปเอา ..ไกล นั่งรถเมล์อีกต่างหาก"

แม่ยืนยันว่า..อยากมา อยากแวะมาเยี่ยมเยียนญาติ ๆบ้าง
ฉันเอาเงินให้แม่เพื่อที่ว่าจะได้นั่งแท๊กซี่ เย็นนั้นฉันลองโทรไปบ้านแม่ที่บางบ่อ
แม่รับสายไวตามเคย เหมือนว่าทุกเวลาแม่รอสายโทรศัพท์เสมอ
พอฉันถามว่า วันนี้ขากลับกลับรถอะไร .. แหม๊ แม่ดื้อ แม่กลับรถเมล์
ถัดจากนั้นก็เป็นอย่างนี้ทุกปี ..  ห้ามแม่ยังไง .. ก็ไม่เคยสำเร็จซักที

ปีนี้ค่อยเบาใจหน่อย พี่สาวจะไปช่วยแม่ทำบะจ่างในวันอาทิตย์และหิ้วมาด้วย
อย่างน้อย พี่สาวคงได้เรื่องได้ราวมากกว่าฉัน .. 
ฉันสิ ไปบางบ่อเพื่อไปช่วยงานทีไร แม่ให้พาหมาไปเดินเล่นทุกที
ลองเป็นแบบนี้ ไม่ต้องให้ใครบอก ก็รู้แก่ใจว่า .. 
งานบ้านงานเรื่อง ฝีมือฉัน ห่วยแตกสุด ๆ

วันนี้ช่วงสาย ฉันเดินโต๋เต๋แถวโลตัส 
ใครจะขู่วางระเบิดก็ช่างมัน ถึงเวลาอยู่ไหนก็ตาย
ฉันเดินฮัมเพลงไปเรื่อย หยิบโน่นนี่ ใส่รถเข็น .. 
ยังหัววัน คนยังน้อย เดินได้อย่างสบาย
กุนเชียงบ้านไผ่ หมูหยองบ้านไผ่ กะปิเมืองเพชร น้ำมันพืชองุ่น เห็ดหอม ... 
และอีกหลายอย่าง
เชื่อเถอะ ข้าวของที่ซื้อไป รับรองว่าถูกใจแม่แค่ครึ่ง 
อีกครึ่งต้องโดนบ่น .. หาว่าสิ้นเปลือง
และก็จริงตามที่คิด .. ซะด้วย

เที่ยงโทรไปหาแม่บอกแม่ว่าซื้อของเตรียมไว้ให้แล้ว ส่วนประกอบที่ทำบะจ่าง
แม่ถามถึงกะปิ กะปิเมืองเพชรที่แม่บอกว่าอร่อย ต้องแม่กิมไล้เท่านั้น
แม่ยังบอกอีกว่า ปีนี้บะจ่างจะอร่อยกว่าเดิม เครื่องเคราเพียบ .. 
ฉันยืนยันได้ว่า แม่ของฉันทำขนมเข่งอร่อย 
แต่ฉันไม่กล้ายืนยันว่าบะจ่างจะอร่อย
ปีก่อนแม่ได้แรงเชียร์จากลูกสะใภ้หนองคาย ถั่วอื้อเลย  เหมือนข้าวเหนียวห่อถั่ว
และครั้งโน้นอีก จากแรงยุของลูกสะใภ้ลำปาง .. กลายเป็นข้าวเหนียวห่อหมูซะงั้น
ตัวฉันรึ จะกล้าบอกแม่ .. ขืนบอกว่า ไม่อร่อยสิ .. แม่งอนข้ามชาติเชียวล่ะ

"ไม่ต้องทำแยะนะ เดี๋ยวจะเหนื่อย" ฉันบอกทางโทรศัพท์
"ลูกหลานตั้งมากมาย ทำอย่างน้อยก็ต้องสองร้อยลูกขึ้นไป" แม่บอกงั้น
"พวกนั้นเขาหากินเองได้ บะจ่างมีขายที่ตลาดเยอะแยะ" ฉันแย้งข้าง ๆ คู ๆ
"ปีนี้จะทำเผื่อป้าภา แล้วก็ยามที่ป้อมด้วย วันก่อนช่วยอุ้มหมาพาไปฉีดวัคซีน"
"ตามใจ .. ละกัน แต่บางอย่างถ้ายกไม่ไหว ก็ให้คนอื่นช่วยยกนะ "
"พวกมันจะทำอะไรเป็น ให้ห่อก็ห่อไม่สวย มาก็เกะกะ"
"นั่น..พูดอีกแล้ว เกะกะ .. เอางี้นะ วันเสาร์ซ้อมห่อ วันอาทิตย์ห่อจริง"
"อะไร ซ้อมห่อ ซ้อมห่ออะไร"
"ก็คนที่ไปบางบ่อวันเสาร์ตอนเย็น ก็ให้ซ้อมห่อไปก่อน เอาดินน้ำมันมาห่อก็ได้"
" ???? -/-@#($)&_%)%8 "
" โห เป็นชุด .. เอาน่า ทำอะไรก็ทำไปละกัน แต่อย่าหักโหมนะ"

ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อ (เหมือนชื่อเรื่องสั้นของบางคน) 
บรรดาลูกสาวของแม่ .. ไม่มีซักคนที่จะแบ่งเบาภาระงานเทศกาลได้เลย
เป็นลูกมือนิด ๆ หน่อย ๆ พอไหว .. ล้างโน่น หั่นนี่ .. 
แต่อย่าให้ปรุงเชียวนะ ฮาแน่ .. รับรองเหลือบานเบอะ ไม่มีใครเสี่ยงกิน
และแม่ก็บ่นทุกปี .. บ่นไปทำไป 
แม่บอกว่าอยากได้ลูกเขยเป็นพ่อครัว แม่จะได้สบาย ขำกลิ้ง..

"ตกลงจะเอาบะจ่างกี่ใบ" แม่ถาม แสดงว่าใกล้จะตัดบทวางสายแล้ว
" 6 ใบก็พอมั๊ง กินสองวัน มื้อละใบ "
"จะฝากไปให้ 3 พวง" แม่บอกเหมือนเป็นคำขาด .. โธ่ แล้วจะถามทำไมนะ
"ตั้ง 30 ใบ กินไม่หมดหรอก เพื่อนที่ทำงานเขาก็มีกินกันแล้ว ไหว้กันทั้งนั้น" 
"เอาไปแจก รปภ. หรือไม่ก็แม่บ้านก็ได้ ธรรมเนียมจีน ของไหว้ต้องแบ่ง"

หยวน 30 ใบ ก็ 30 ใบ .. ประกาศิตของแม่ ขืนขัด เดี๋ยวเมื่อยหู
รปภ. 10 ..  แม่บ้านที่ทำความสะอาดตึกอีก 10 .. เหลืออีก 10
10 ใบ สำหรับฉัน .. หวังว่า ฉันคงไม่จุกอกตายเพราะข้าวเหนียวซะก่อน..

				
4 มิถุนายน 2550 16:06 น.

โลกในกล่อง

อัลมิตรา


บ้านฉันอยู่ในกล่อง กล่องทรงสูงกลางใจเมืองหลวง
มากมายครอบครัวอยู่ในกล่องใบเดียวกันกับที่ฉันอยู่อาศัย
พวกเขา หลากหลายเชื้อชาติ ภาษา ศาสนา และความเป็นอยู่
ทั้งชาวตะวันตก ชาวตะวันออก ชาวเอเซีย สูง ต่ำ ดำ ขาว มีปะปน
ฉันนึกถึงไอศกรีมรวมรสขึ้นมาทันที  

บางครั้งฉันก็ออกไปเสวนาปราศรัยกับพวกเขา โดยใช้ภาษากลาง
แต่ก็บ่อยนะ ที่ใช้ภาษากลางแล้วไม่รู้เรื่อง ต้องใช้ภาษามือ ภาษาท่าทางแทน 
ฉันไม่ค่อยสนิทสนมกับพวกเขานักหรอก ต่างคนต่างอยู่มากกว่า

เมื่อใดที่มีกิจกรรมร่วมกัน นั่นแหล่ะ เป็นโอกาสที่ฉันกับพวกเขาได้รู้จักกันใกล้ชิดขึ้น
เช่น การซ้อมหนีไฟประจำปี งานปีใหม่ Family's Day
จบงานก็ต่างคนต่างอยู่เหมือนเดิม เดินสวนกันก็ยิ้มให้ พยักหน้าหงึก ๆ สองสามที  

การที่อยู่รวมกันในกล่องใหญ่ใบเดียวกัน มันเป็นอะไรที่ต้องปรับตัว 
ตราบใดที่ไม่ได้อยู่แยก ตราบนั้นจำต้องรับสภาพและสุขที่จะอยู่อย่างนั้น

ถ้ามองถึงสัดส่วนของกล่อง ที่ที่ฉันพำนักค่อนลงมาทางด้านล่าง 
เพราะฉันรู้ว่าความสามารถของบันไดรถดับเพลิงมีอยู่แค่นั้น 
อีกอย่าง เผื่อวันดีคืนดีลิฟท์เสีย ฉันจะได้ไม่เดินลิ้นห้อยน่องโป่งเพื่อกลับที่ส่วนตัว
จะว่าไปแล้ว คิดเผื่อไปงั้น ๆ เพราะตั้งแต่อยู่มาก็ไม่เคยแจ็คพ็อตซักที
แต่เรื่องการเดินขึ้นบันไดไปยังห้องส่วนตัว ทำบ่อย ๆ เดินไปก็ร้องเพลงไป
ประมาณว่าเอาเสียงเพลงเป็นเพื่อน ข่มความกลัวสักหน่อย
โธ่ .. ก็ตรงทางหนีไฟมันค่อนข้างเงียบสงัด วังเวงชอบกล
บรรยากาศสยึมกึ๋ยส์ .. คนน่ะ ไม่ค่อยกลัว .. ที่กลัว ไม่ใช่คน อ่ะ
มีข้อยกเว้นเหมือนกันนะ 
ช่วงไหนที่รู้ข่าวว่ามีคนร่วมอาศัยในกล่องเดดซามอเร่ ช่วงนั้นไม่ ไม่ ไม่ ไม่ เด็ดขาด..  				
3 มิถุนายน 2550 00:01 น.

my musics

อัลมิตรา


การที่ใครสักคนอยากให้ใครอีกคนรู้ซึ้งถึงตัวตนแท้จริงของเขา
ไม่จำเป็นเลย .. ที่จะต้องปรากฏรูปโฉมหรือส่งเสียงเพื่อให้ใครอีกคนสัมผัสได้

แล้วจะต้องทำอย่างไร ?
ฉันไม่มีข้อสรุปที่จะให้เป็นคำตอบแบบสูตรสำเร็จได้หรอก
ฉันรู้แต่เพียงว่า เขาพยายามที่จะพาฉันเข้าไปรู้จักกับตัวตนแท้ ๆ ของเขา

 ผมอยากส่งของบางอย่างให้คุณ คุณกรุณาแจ้งที่อยู่ให้ผมทราบได้ไหม 
 ได้สิ แต่พิลึกจัง มีโอกาสอันใดเป็นพิเศษหรือเปล่าคะ 
  ผมจะส่งDVDให้คุณครับ มีหลายชุดทีเดียว 

ฉันแจ้งที่อยู่ให้เขาทราบ เพราะเขาเป็นเพื่อนที่ฉันรู้จักมานาน
ฉันไม่ได้รู้จักเขาไปมากกว่าที่เขาอยากให้ฉันรู้จัก แต่ฉันก็ไว้ใจเขากว่าใคร
ทุกครั้งที่ฉันสุข ฉันรู้ว่าเขาก็สุขด้วยกันกับฉัน 
ทุกครั้งที่ฉันเศร้า ฉันรู้ว่าเขาไม่ได้อยู่ห่างจากฉันเลยแม้สักนิด 
ความห่วงใน ความอาทร และด้วยความหวังดีที่เขามีต่อฉันเสมอมา ฉันเข้าใจ ..
เขาทำให้ฉันรู้จักคำว่า  มิตรภาพ  ที่แท้จริง เป็นเช่นไร

สามวันถัดมา ฉันก็ได้รับพัสดุกล่องใหญ่ จ่าหน้าผู้รับคือฉัน
และที่น่าขำก็คือ ..
ผู้ส่งก็คือฉัน .. หากแต่ว่าสถานที่ส่งและสถานที่รับ คือ ที่ทำงานและที่บ้าน
เขามีมุขตลกมาให้ฉันแปลกใจเสมอ ฉันรู้ว่าในนัยนั้นคือ .. เขาไม่เผยตัว
ฉันเองก็ไม่ได้ให้ความสนใจ ไม่ได้รู้สึกใคร่รู้ว่าเขาคือใคร

ฉันนิ่งอยู่นาน จ้องพัสดุกล่องใหญ่ใบนั้น กล่องหนัก มีอะไรในนั้นกันนะ
ฉันยังไม่รีบเปิดพัสดุ ฉันรอเวลา .. 
ความจริงแล้วฉันตื่นเต้นมากกว่า เลยยังไม่กล้าเปิด
วันนั้นเขาเย้าฉันว่า อย่าลืมแนบหูฟังเสียงก่อนนะ 
หากเป็นเสียงคล้ายนาฬิกาเดิน อย่าเปิดเชียว และให้แจ้งตำรวจ
ฉันก็บ้าจี้ทำอย่างที่เขาเตือนไว้จริง ๆ แนบหูฟังที่กล่อง .. 
ฉันได้ยินเสียง.. ทว่าเป็นเสียงตุบ ๆ หัวใจของฉันเอง
พัสดุอยู่บนเตียงนอน และฉันก็พร้อมแล้วที่จะเปิด 
หัวเราะกับตัวเองอีกครั้งเมื่ออ่านชื่อผู้ส่งและผู้รับ .. ขำจัง ขำกลิ้ง 
แน่ล่ะ ฉันรู้ว่า เขาเองก็ต้องขำตอนที่เขียนไปอย่างนั้น 
เขานี่..สมแล้วกับที่ฉันให้ฉายาเขาว่า..กุนซือนักวางแผนจริง ๆ

DVD  .. ฉันนับได้ยี่สิบชุดพอดี โอ้โห .. ยี่สิบชุด
เขาคิดจะให้ฉันเปิดร้านให้เช่า DVD หรือไงนะ
มีทั้งการแสดงดนตรีของวงดนตรีที่ฉันชื่นชอบ มีภาพยนตร์สุดโปรดของฉันด้วย
หลายปีที่ผ่านมา เขาอ่านใจฉันได้ตลอด 
เขารู้ว่าฉันชอบอะไร นี่คือของขวัญชุดแรกที่เขามอบให้

คืนนั้นฉันรีบรายงานเขาทันทีที่เขาปรากฏตัวอักษรว่าฉันได้รับพัสดุแล้ว
  คุณชอบไหมครับ 
  คุณก็รู้คำตอบอยู่แล้วนี่ 
ไม่บอกก็รู้ว่าอีกด้านหนึ่งของสายเคเบิ้ล เขายิ้มแน่นอน .. 
  มีชุดหนึ่งพิเศษครับ คุณเปิดดูหรือยังครับ my musics 
  เห็นค่ะ เขียนหน้าปกว่า my musics ต้องรอก่อนนะคะ เครื่องเล่นที่บ้านเสีย 
  อ้าว !! 
  เดือนหน้าจะซื้อเครื่องใหม่อยู่พอดีค่ะ  ว่าแต่ว่า เปิดแผ่นไหนก่อนดี 
  แผ่นไหนก่อนก็ได้ครับ 

เมื่อวานฉันประเดิมเปิด DVD เรื่อง CITY OF ANGELS 
เพราะเป็นภาพยนตร์ที่ฉันอยากดูมาก อดใจ อดทนมาตั้งสามปี
อันที่จริงฉันเคยคิดจะเขียนร้อยกรองจากเพลงในภาพยนตร์เรื่องนี้นะ 
แต่ก็เป็นความคิดที่ค้างคามานาน ไม่ได้ลงมือบรรเลงเสียที
เป็นเพราะฉันได้อ่านแต่เรื่องเล่า กับคำวิจารณ์หนัง 
ทว่าฉันยังไม่มีโอกาสได้ดูกับตาของตัวเอง มั๊ง กลัวว่าจะนั่งเทียนเขียนไม่ออก
คราวนี้ ฉันอดใจไม่ไหวที่จะรีบเปิดเป็นชุดแรก .. อา จบไปแล้วหนึ่งเรื่อง

วันนี้หลังจากที่ฉันไปพันทิป ฉันใช้เวลาในยามบ่ายขณะทานอาหารเที่ยง
พร้อม ๆ กับเปิด CD .. my musics  .. ที่เขาบอกว่าเป็นชุดพิเศษสำหรับฉัน

เขาและฉัน หรือ ฉันและเขา .. มีความคล้ายกันในด้านสุนทรียภาพทางดนตรี
เขาเขียนที่หน้าแผ่นซีดีว่า my musics 
ฉันจัดแจงเขียนที่หน้าปกของกล่องซีดีว่า our musics
ซีดีแผ่นนี้เหมือนว่าเขาจะคัดสรรอย่างพิถีพิถันเลยทีเดียว 
แต่ละเพลงล้วนมีความหมายต่อฉัน และต่อเขาด้วย

เริ่มต้นจากเพลงแรกของวงแมงป่อง i wanted to cry
ทำเอาฉันอึ้งและดื่มด่ำไปกับเพลง
ฉันสนใจมือกีตาร์ คนที่สวมหมวกเหมือนคาวบอย 
เขาสวมสร้อยและห้อยเหรียญกลม ๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเหรียญอะไร ป้ายชื่อ ?
เพลงที่สองเขาร้องด้วยจังหวะดนตรีที่เร็วกว่าเดิม 
ภาพจับไปที่คนที่มาร่วมชมการแสดงของเขา ต่างก็มีอารมณ์คล้อยตาม 
เพลงที่สาม You & I เพลงนี้ทำให้ฉันต้องละจากอาหารตรงหน้า
นัยยะของเพลงนี้บ่งบอกถึงความบอบช้ำ 
ฉันเคยเขียนเป็นบทโคลง 6 บท  บทที่ 4 - 5 เขียนไว้ว่า

..๏ เธอและฉันสิ้นซึ่ง........ไมตรี  แล้วฤา 
คงแต่เพียงอดีตมี.................แค่นั้น 
พลัดพรากมิไยดี...................ตีจาก 
เกินข่มจิตปิดกั้น..................สิ่งเร้นในทรวง ฯ 

..๏ คำนึงถึงรักเบื้อง...............เพรงกาล 
เคยร่วมสมัครสมาน...............ชิดเชื้อ 
ไยด่วนตัดสวาทปาน- ...........แทงจิต  เราเฮย 
ฤๅหมดความรักเอื้อ................แห่งผู้เคยเคียง ฯ 

คล้ายฟื้นความรู้สึกที่เหมือนผ่านมานานและถูกลืมเลือน และยิ่งถูกตอกย้ำยิ่งขึ้น
ในเพลงถัดมา intro เปียโน อยู่นาน นานแล้วนานอีก
กว่าที่นักดนตรีที่สวมชุดแดงลายปักสีทองจะเปล่งเสียง
แรก ๆ ก็เดาไม่ได้ว่า นี่คือเพลงอะไร  
แต่เมื่อถึงจุดหนึ่งที่ได้ยินเสียงฟ้าร้องและแนวคีย์เปลี่ยนไป
ฉันรู้ทันทีเลยว่า นี่คือเพลง November Rain ฝนเดือนพฤศจิกา
กลอนที่มีความยาว 24 บท ดูเหมือนว่าฉันเพิ่งเขียนไปเมื่อวานนี้เอง

ด้วยตัวข้า ฯ ขณะนี้มีทุกข์แท้ 
อาจยอมแพ้เพราะเจ้าเฝ้านิ่งเฉย 
จำพลัดพรากจากผู้คู่ชิดเชย                
แล้วลงเอยเสมือนว่าผู้ปราชัย 

ฝนกระหน่ำย้ำเตือน  เดือนพฤศจิกา  
จนเหน็บหนาวร้าวอุรากว่าครั้งไหน 
ฤๅตัวเจ้าเฝ้าปรารถนาทุกคราไป 
ว่าหัวใจอยากอ้างว้างอย่างลำพัง ?

บางครั้งเจ้าเฝ้าปรารถนาทุกคราหรือ ?
อวสานคือความรักถูกกักขัง ?
แท้ที่สุดมนุษยชนคนเรายัง-
ต่างมุ่งหวังประสบสุขทุกผู้คน 

ฉันจบด้วยคำเขียนที่ว่า .. 

...เดือนพฤศจิกายน...
...อาจจะเป็นเพียงเดือนเดียวที่ผู้ประพันธ์เพลงถ่ายถอดความรู้สึกที่สุดเศร้า...
...แต่สำหรับอัลมิตรา...ทุก ๆเดือนอาจเทียบได้กับเดือนพฤศจิกา...
...และไม่ว่า ในโลกแห่งความจริง ฝนจะตกหรือไม่ก็ตาม...
...ทว่า อัลมิตรา ได้ยินเสียงพร่ำของสายฝนในหัวใจเสมอ...

...ได้แต่หวังว่าทุกท่าน...
...คงไม่เหน็บหนาวใจเหมือนตากฝนในเดือนพฤศจิกา...เช่นเดียวกับอัลมิตรา..

เพียงแค่สี่เพลงเริ่มต้นของซีดีชุดนี้ .. 
ทุกอย่างแทบจะพิสูจน์ได้ว่า เขารู้จักหัวใจของฉันดีพอประมาณ 
เขารู้ว่าฉันชอบอะไร หลงใหลอะไร 
ฉันเองก็รู้ว่า ในสิ่งที่เขารู้ เขาไม่ได้ฝืนใจเลยสักนิด

เพลงที่ห้า Bed of  Roses .. เสียงครวญของ Bon Jovi
เมื่อไม่นานมานี้เขาพูดถึงเพลงนี้บ่อย ๆ และถามฉันว่าเคยฟังไหม
เคยสิ .. เคยฟัง ไม่แน่นะ ฉันอาจจะลงมือกับเพลงนี้ก่อน city of angels
จากนั้นก็เป็นเสียงแหบ ๆ ของแมงป่องกับเพลง Always somewhere ..
ฉันสนใจนักดนตรีเครื่องสายที่เป็นสาวหน้าตาเหมือนชาวกรีก 
เธองามมาก กล้องจับที่เธอบ่อย ๆ 
เพลงนี้ผู้คนร้องตามกันจนกระหึ่ม .. อืมม ดนตรีมีชีวิตจริง ๆ ด้วย 
นี่เลย เคยเขียนเป็นกลอนไว้ว่า ..

เพียงชั่วคราวราวกับอาภัพนัก 
ได้ประจักษ์ความจริงอันยิ่งใหญ่
ว่าความรักหลุดลอยคล้อยจากไกล 
เกินฝันใฝ่สุดคว้ามาครอบครอง

ฤๅวันชื่นคืนสุขทุกสิ่งสรรพ 
นั้นล่วงลับร้างไกลไปทั้งผอง
แล้วคืนสู่สามัญตามครรลอง 
จำใจต้องยอมรับกับเหตุการณ์ 

เพลงที่เจ็ด ไม่อยากจะบอกเลยว่า เพลงนี้ถือว่าเป็นเพลงประจำตัวของฉันก็ว่าได้
หมู่นี้เวลาที่ถูกเชิญขึ้นบนเวทีร้องเพลง ก็อาศัยเพลงนี้ขัดตาทัพไปก่อนเสมอ ๆ 
เขาเคยร้องเพลงนี้ให้ฉันฟังนะ นานแล้ว นานมาก แต่ฉันก็จำเสียงของเขาได้
เพลงนี้เป็นเพลงโปรดของฉันหรือไม่ ก็คิดดูละกัน 
ขนาดที่ว่า ฉันลงมือเขียน สัทราฉันท์ ๒๑ ค่อย ๆ แงะ ผังฉันท์ 
พิลึกเนอะ ที่ดันเองเพลงฝรั่งมาถอดความให้เป็นฉันท์จนได้สิท่า
เพลงนี้ไง love will keep us alive

๏ กากากากากะกากา...................กะกะกะกะกะกะกา 
กากะกากา...................................กะกากา 

๏ ขอเพียงเธอวางวิตกลง..............ละอรติและพวง 
อย่างยะยรรยง..............................ผจงฉันท์ 
ยามฉันพบเธอมิจาบัลย์.................กวิสิบริพันธ์ 
เอ่ยวจีนั้น......................................นะขวัญเอ๋ย ๚

๏ หากยากจนทนหิวมิพลั้งเปรย-....วจนะกวิมิเผย 
ยังสิชิดเชย....................................นิรันดร์กาล 
คงรักตราบเมื่ออวิญญาณ...............สมฤติผิว์ประสาน 
ซึ่งทหัยนาน...................................และยืนยง  

กลับกลายเป็นว่า หลังจากดูซีดีจบ 
เท่ากับฉันได้กลับไปทบทวนงานเก่า ๆ ที่เคยเขียนไว้ด้วย 
ดีนะ ที่ซีดีบรรจุได้เพลงได้ไม่เยอะ หากเป็น DVD สงสัยจะยาวกว่านี้ ฮา..
ยังมีอีกหลายเพลงจัดได้ว่าเป็นเพลงสุดโปรดของฉัน Desperado เดิมพันรัก 
เพลงนี้ฉันเขียนเป็นกลอนยืดยาวเชียวล่ะ กะว่า อ่านจบเล่นโปกเกอร์ได้
ยังมี I'll be there for you .. โอ ถ้าใครมาร้องเพลงนี้ให้ฉันฟัง 
แล้วทำตาซึ้ง ๆ สักหน่อย ฉันก็คงมุดไปอยู่ในลิ้นชักเพราะความอายเป็นแน่ .. 
โธ่ บอกเผื่อไปงั้น มีจริงก็ดีสิ

ย้อนมาที่ You & I แบบอะคลูกติค 
อีกลีลาของท่วงทำนองดนตรี คราวนี้มาแบบเต็มชุดของออเกรตตร้า
คนเล่นเครื่องสายแต่ละคน น่าจะรุ่นคุณปู่คุณตา ชุดนี้ถือว่าอลังการมาก ๆ

ฉันคิดว่า Bon Jovi .. หน้าแก่เกินวัย เพราะเขาชอบตะเบ็งเสียงร้อง
แต่นี่หน้าตาเขายังไม่ได้ยับย่นเหมือนอย่างที่เห็นในปัจจุบันสักเท่าไหร่ .. 
เอ หรือว่าฉันจะตาฝาด มาดเขาเท่ห์ระเบิดไปเลย
การแสดงสดครั้งนั้นที่สนามฟุตบอล Wembley  stadium มหานครลอนดอน
เพลง Always .. ทำให้ฉันตื่นตัวสุด ๆ 
 ( อันที่จริงบ่ายคล้อยในวันหยุดคือเวลานอน )
ขึ้นต้นเพลงมาก็อุปมาอุปมัยซะ คนที่ฟังเพลงแทบจะขาดใจเชียว

This romeo is bleeding 
But you can't see his blood 
It's nothing but some feelings 
That this old dog kicked up 

..๏ โรมิโอหลั่งเลือดแล้ว......วายปราณ
คงมั่นตราบอวสาน...............รักแท้
หากมิอาจทัศนาการ.............โลหิต  พ่อเฮย
สาเหตุฤๅเลศนัยแล้..............เช่นนี้ดังกัน ฯ 
 
..๏ เพียงผองมโนภาพด้วย-....อุปมา
อันสุนัขตัวชรา-....................ขุดแล้ว
จินตภาพติดตามตา...............ตรึงจิต  ยิ่งแฮ
แฝงซึ่งความสอดแคล้ว..........บ่ได้ลืมเลือน ฯ 

อะไรจะหวานเศร้าสุดซึ้งปานนั้น .. รักของโรมิโอ + จูเลียต / สุนัขชรา
เป็นไปได้ยังไงก็ไม่รู้ ปีที่แล้วฉันถอดความเขียนเป็นโคลงได้ตั้ง 27 บท .. 
เชื่อสิ เป็นไปแล้ว
จากนั้นฉันก็ชมการแสดงสดอีก 2 เพลง แล้วก็หลับฝันหวานในตอนบ่ายสอง

ยังมี DVD อีกหลายชุด คงมีเรื่องมาเล่าอีก 
(ถ้าไม่ลืมและกลั่นอารมณ์ได้พอประมาณ)



มิตรภาพตราบสิ้นฟ้า

				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา