10 กันยายน 2549 12:31 น.

..๏ “๕ ปี อาศรมชาวโคลง : ลงแขก งานบุญ แต่งบ้าน มหากวี”

อัลมิตรา


..๏ ใครเป็นใครอาจดูไม่รู้จัก
ถ้ามาทักเรานี้ไม่มีเขิน
ใกล้ลุงแก้วสนทนาแสนพาเพลิน
มากเพื่อนฝูงหยอกเอินยิ้มเชิญชวน

อีกคนโน้นคนนี้ปรี่ไหว้ครบ
กระทั่งศพข้างศาลาพาไห้หวน
จวบพระท่านฉันเพลเราเร้นจวน
เห็นสมควรเยือนกุฏีศรีบรมครู

พบคุณลุงใจดีมีเมตตา
ยังอุตส่าห์บอกกล่าวให้เรารู้
เมื่ออดีตท่านภู่ที่เฟื่องฟู
ท่านกินอยู่อย่างไรได้ชี้แจง

ทั้งข้าวของห้องหับสำรับโถ
เปิดออกโชว์ทุกชิ้นมิหมิ่นแผลง
มีกระดานเขียนถ้อยพลอยแสดง
ล้วนตบแต่งสมถะดุจละวาง

จากกุฏิท่านภู่เร่ดูอื่น
เราระรื่นหัวใจไม่หมองหมาง
กับพรรคพวกพกกล้องส่องเส้นทาง
แล้วเยื้องย่างสู่อีกโบสถ์เขาโจษจัน

อลังการยิ่งแท้บุญแผ่เอื้อ
จนอยากเผื่อบางใครที่ใฝ่ฝัน
ภิกษุณีห้าสิบสองงามผ่องพรรณ
ทองทั้งนั้นอร่ามตาพาตะลึง

แต่ละองค์เรียงแถวตามแนวฐาน
พักตร์เบิกบานงามสง่าท่าผายผึ่ง
เทพธิดาแปลงเงาเรารำพึง
แลอีกหนึ่งขัดสมาธิวิลาสวิไล

ภิกษุณีละไว้ใครเคยบอก
แหม !! ...มาหลอกลิงงงจนสงสัย
หลักฐานเห็นกับตาจะว่าไง
เฮ้ย !!..คนไหนอยากแย้งตะแบงแปร ?

เราอิ่มเอิบหัวใจได้เปี่ยมสุข
จนลืมทุกข์ที่คล้ายหลายกระแส
จวบพยาธิ์ในท้องร้องงอแง
จำเป็นแก้ความหิวต้องลิ่วจร

กลับศาลาธรรมวิลาสอย่างรีบเร่ง
ท้องตึงเต็งทำท่าหนังตาหย่อน
ทั้งอาศรมอร่อยร่วมรวมบ้านกลอน
เสร็จสรรพตอนบ่ายกว่าจึงคลาไคล

อาทิวาชักชวนทุกถ้วนหน้า
คนเดินช้าก็ถาม..จะไปไหน..
..ลิงหนอลิงมิจำทำได้ไง..
..ฮ่วย !!.. แล้วไผสมองทดทุกบทความ..

เดินคล้อยหลังหน้าง้ำเหมือนช้ำอก
แดดนรกผ่าวผิวร้อนล้นหลาม
เหงื่อหยดติ๋งเสื้อผ้าพาเปียกลาม
ต้วมเตี้ยมตามพรรคพวกซวกซวกเดิน

ก้าวต่อก้าวจนถึงซึ่งวิหาร
เมื่อเช้าผ่านเราก้มกราบสรรเสริญ
แลบุษบกรองพระพาจำเริญ
เขากล่าวเกริ่นฝีมือช่างอย่างเทวดา

เบื้องเพดานโชติช่วงพุ่มดวงไฟ
ช่างวิไลรอยสลักงามหนักหนา
บานประตูทองลงองค์เทวา
เทพเกลื่อนตาใจเต้นตึกระทึกแท้

ต่างล้อมวงเสวนากันหนาแน่น
คุณสุจิตต์บรรยายแก่นอกแอ่นแอ้
สุนทรภู่ : ประวัติศาสตร์ชาติไทยแปร 
ท่านตีแผ่คือผู้ดีศรีเมืองกรุง

ยกตัวอย่าง โอ้โฮ!!.. สุโขทัย
ย้อนตั้งไกลหลักศิลาพาเกี่ยวยุ่ง
วกมาถึงพระนเรศวรล้วนปรับปรุง
ตอนรบพุ่งกับเจ้าพี่อุปราชา

โม้ออกนอกบรรยายหลายคุ้งแคว
แล้วฉีกแนวถึงผู้ดีศรีภาษา
บ้านอยู่ไหน เอ๊ะ !!..ระยอง ของใครนา ?
ท่านกังขาแล้วตีขลุม  กระฎุมพี 

มีอาเพศเหตุใดจึงได้บวช
ฤๅเพราะอวดอัตตาศิลป์ศักดิ์ศรี
พ่ออยู่หัวฯหมั่นไส้ไม่ปรานี
เหม็นขี้หน้าเต็มทีจึงลี้ไกล

พระอภัยมณีที่ท่านคิด
คำประดิษฐ์ฉากเรือใครเอื้อให้ ?
สุนทรภู่บรรยายภาพทราบได้ไง ?
ทุกทุกอย่างเป็นไปกระจ่างจริง

ล้วนประโยชน์มากมายในความรู้
เหมือนมีครูสอนสั่งนั่งสุงสิง
สอดแทรกมุขหลอกล่อราวล้อลิง
หัวร่อกลิ้งยิ้มหัวทั่วทุกคน

เสร็จจากงานบรรยายขายหนังสือ
ประมูลซื้อแข่งราคาน่าสับสน
เล็งสามก๊กหมายมั่นแต่ดันจน
สองพันค้นกระเป๋าเราไม่มี

โถ !! .. อาจารย์ทองแถมโปรดสงสาร
หนูทำงานเก็บเงินไม่เพลินหนี้
ป้ายสองพันหนูสลดช่วยลดที
พันห้านี้พอไหวอยากได้จัง 

เฝ้าเมียงมองอยู่นานจนพาลท้อ
มิกล้าต่อจนใจไร้เงินถัง
ยาจกเฉกเรานี้ฤๅมีตังค์
กลับมานั่งสะท้อนอกสามก๊กซึม

จวบบ่ายสี่ที่ลานสาธารณะ
จึงปล่อยปละความรู้สึกเพราะนึกขรึม
เห็นพวกพ้องเพื่อนกวีมาเต็มตรึม
ไม่กลัวบึ๊มปักหลักใกล้นักเขียน

สามซีไรท์งานนี้โชว์ทีเด็ด
ล้วนบอกเคล็ดแนวกวีที่เสถียร
แม้ต่างยุคต่างสมัยหากได้เรียน
คงไม่เพี้ยนจบสิ้นศิลป์ศาสตร์ไทย

แต่ละท่านปราดเปรื่องเรื่องแนวคิด
เราซึ้งจิต ณ บุญคุณที่หนุนให้
คำแนะนำดุจพี่น้องเกี่ยวคล้องใจ
พี่ฝากไว้น้องจะสานผลงานทำ

แดดอ่อนอ่อนลมพัดเย็นผิวกาย
แสนสบายจวบสนธยาเพลาค่ำ
คิดหยุดห้วงเวลาน่าจองจำ
อยากอิ่มหนำกับอรรถรสบทกวี

แต่ปราศผู้สามารถบังอาจรุด
ร่ายเวทย์ฉุดจันทราเพื่อพาหนี
เพื่อราชรถแห่งไฟไม่จรลี
ฟ้าเปลี่ยนสีครอบคลุมทุกมุมเมือง

เสียงดุเหว่าเร่าร้องฟังพ้องว่า
ถึงเวลายามพลบขอจบเรื่อง
หากอักษรยวนใครอย่าได้เคือง
มิเปล่าเปลืองโม้อ้างอย่างเคยชิน

รำลึกคุณท่านภู่ครูอาลักษณ์
ด้วยรู้จักท่านเกริกไกรในเชิงศิลป์
ขอบพระคุณเหล่าซีไรท์หากได้ยิน
มิลืมสิ้นคำสอนสั่งหยั่งรู้ความ

ขอบพระคุณครูกวีที่เคารพ
ท่านเจนจบเป็นมณีศรีสยาม
ต่างถ่องแท้ล้ำเลิศบรรเจิดตาม
คงนิยามกวีไทยใจดำรง

ขอบพระคุณอาศรมชมรมรักษ์
เราประจักษ์ความจริงคราวลิงหลง
เหล่าฤาษีจับมือสอนค่อนบรรจง
จากเคยงงก็พอแย้มกล้อมแกล้มคลำ

ขอบพระคุณอาทิวา,ศาลาไทย
จากหัวใจด้วยปลื้มและดื่มด่ำ
งานสืบสานบ้านมหากวีที่จัดทำ
เราอิ่มหนำบุญเจตนาน่ายินดี

สหายโคลงสหายกลอนสลอนหน้า
เชิญทัศนาให้ประจักษ์เป็นสักขี
ภาพลงแขกแต่งบ้านมหากวี
เท่าที่มีเพียงกึ่งของครึ่งงาน

กิจกรรมอย่างนี้พี่น้องมอบ
ไมตรีตอบเอื้อกันพลันสนาน
ไม่ปรากฏบุคคลฉ้อฉลพาล
มิตรภาพคือตำนานที่ขานจริง

ประดิษฐ์ประดอยร้อยคำลำนำเล่า
แต่ตัวเราปราศแจ้งทุกแหล่งสิ่ง
หากผิดพลาดประการใดให้ท้วงติง
จะดียิ่งกว่าสาดโคลนโยนผิดมา

อีกสักถ้อยร้อยพจน์ก่อนบทจบ
แม้นติดลบเราอภัยไม่ถือสา
ด้วยอักษรพร่ำเพรื่ออาจเบื่อตา
ราวกับว่าเราบรรยายนัยล่อลวง

เพราะเจตนาของเราเราย่อมรู้
หาได้กู่ประกาศก้องดั่งฆ้องร่วง
ใครกระทำกรรมใดได้ทั้งปวง
อย่าจาบจ้วงพลิกลิ้นเหมือนหมิ่นกัน

สุนทรภู่ รัตนกวีศรีสยาม
ผู้เรืองนามจากแผ่นดินถึงถิ่นสวรรค์
เราศิษย์โง่คิดเขียนเพี้ยนรำพัน
เพื่อรังสรรค์ทั้งหมดเป็นบทกลอน 

จบเรื่องราวเพียงนี้ที่สุดท้าย
ฝากสหายทวนคราวฉาวกระฉ่อน
เทียบกับงานมหากวีศรีสุนทร
ทุกอย่างสะท้อนภาพจริงในสิ่งทำ ๚ะ๛
 

 
ประการหนึ่งซึ่งคำจะดำรัส
ดำรงสัตย์ซื่อสุทธิ์ไม่มุสา
หนึ่งผู้ผิดมิตรญาติและอาตมา
จงตรึกตราตัดสินความตามสัจจัง
(พระอภัยมณี)

				
5 กันยายน 2549 17:30 น.

..๏ เงื่อนงำ ๒

อัลมิตรา


..๏ ซ่อนเงื่อนงำอะไรในความคิด
ถูกหรือผิด,ชี้แจง,แสดงผล
สมมุติฐานข้ออ้างอำพรางกล
สืบ,เสาะ,ค้นหรือเปล่ามิเข้าใจ ?

ยังคงยืนเสมือนมั่นกระนั้นหรือ ?
แค่ข่าวลือยังวิตกอกสั่นไหว
พวกหัวหมอนั่งเทียนเที่ยวเขียนไป
แต่งเรื่องเสริมยุใส่ให้ยุ่งเกิน

บนความคิดแปลกแยกจึงแตกต่าง
หว่างเส้นทางขี้ประติ๋วยามผิวเผิน
คนหนึ่งถูกลดค่าคราประเมิน
เกียรติยับเยินจากผู้ไม่รู้จริง

เพียงอวดโอ่อาตมันนั้นจบแจ้ง
แล้วตะแบงเชิญชวนให้ป่วนยิ่ง
เพื่ออะไรกันหนอขอท้วงติง
หรือคาดหวังบางสิ่งจึงยิ่งทำ ๚ะ๛
				
1 กันยายน 2549 18:19 น.

..๏ ความหวังของคนจน

อัลมิตรา

..๏ เพราะตัวเราขัดสนยากจนนัก
คนเคยรักห่างเหินแล้วเดินหนี
เราแร้นแค้นแสนอนาถชาติกุลี
ไกลจากเกียรติเศรษฐีผู้ดีดัง

เนื้อตัวก็มอมแมมเหม็นเหงื่อไคล
หัว-หูดูสกปรกไปเหมือนไอ้งั่ง
เป็นกรรมกรก่อสร้างอย่างเซซัง
หมายเก็บตังค์สักก้อนก่อนผละกรุง

สู้อุตส่าห์อดออมยอมท้องกิ่ว
ยามโหยหิวอร่อยลิ้นกินแกงถุง
แต่บางครั้งกลืนกล้ำน้ำลูบพุง
ปราศข้าวหุงก้นหม้อสุดท้อใจ

เพียงค่าแรงขั้นต่ำกรรมกร
แค่กิน-นอนยังลำบากยากสดใส
เรานั้นอยากรวยบ้างเหมือนบางใคร
มีบ้านใหญ่มีรถขับนับแบงค์เพลิน

หวังถูกหวยรวยลัดขจัดจน
ยอมอดทนเจียดอัฐไม่ขัดเขิน
เผื่อคราวนี้โชคชะตาพาจำเริญ
ออกเลขเบิ้ลอีกทีอาจมีเฮง  ๚ะ๛				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา