17 ตุลาคม 2549 17:08 น.

วันที่โลกหมุนช้าๆ

เจ้าขาว

สี่ทุ่มครึ่ง เสียงโทรศัพท์มือถือดังขึ้นทำลายความเงียบของห้องโดยสาร 
ต้นสายคือเจ้าของเสียงที่ผมปรารถนาอยากได้ยินมาตลอด 3 เดือน 
เรื่องที่ผมได้ยินจากเธอ เป็นเรื่องที่หากผมประกาศออกไปคงทำให้ทุกคนบนรถทัวร์ไม่ได้นอนตลอดเส้นทางคืนนั้น 
แต่ผมอยากหลับ หลับให้ผ่านพ้นค่ำคืนนี้ไปให้ไวไว 

10 โมงกว่าแล้ว แต่ร้านค้าในสยามดิสฯยังเปิดไม่หมด 
บางร้านปิดป้ายว่าหยุดทำการ รวมถึงร้านเป้าหมายของผมด้วย โปรแกรมวันนี้จึงลดลงไปหนึ่งอย่าง 
ผมเดินผ่านหน้าทหารสองสามนายที่ยืนอยู่ข้างทางเท้า ข้ามถนนมาโรงหนังสกาล่า ซื้อตั๋วรอบเที่ยงแล้วเดินเข้าโรงหนังทันที 

ในโรงมีคนอยู่ 6 คน สองคนสวมเสื้อนอกสีเหลืองบ่งบอกว่าเป็นคนเก็บตั๋ว 
หลังจากงีบหลับไปชั่วครู่ หนังก็เริ่มฉาย 
ผมจำชื่อของชายผู้นั้นได้ คนที่เกือบจะได้เป็นประธานาธิบดีสหรัฐฯ 
ทำให้อดนึกถึงไม่ได้ว่าใครจะเป็นนายกฯคนต่อไป 
แต่ความคิดนั้นก็อยู่ไม่นาน เมื่อภาพที่ฉายตรงหน้าลากผมเข้าสู่อีกห้วงมิติๆที่การรัฐประหารเป็นเพียงวาบแสงของหิ่งห้อยในจักรวาล 

เย็นวันถัดมาผมนั่งขดอยู่ท้ายรถตู้ มุ่งหน้าสู่ภูสอยดาว 
คืนนั้นไม่มีเสียงโทรศัพท์ มีเพียงเสียงกรนเบาๆของเพื่อนร่วมทางที่กล่อมผมจนเคลิ้มไป 

กว่า 6ชั่วโมงที่ค่อยๆก้าวเท้าทีละก้าวขึ้นสู่ลานสน 
เป็นระยะเวลาที่ต่ำกว่ามาตรฐานอยู่สักหน่อย 
แต่เมื่อคิดว่าร่างกายผมไม่ได้ทำงานหนักขนาดนี้มาเกือบ 5 ปี ผมก็นึกขอบใจมันอยู่ไม่น้อย 
และคืนนั้นผมก็หลับลงอีกครั้งท่ามกลางทุ่งดอกไม้สีรุ้ง และแสงดาวนับไม่ถ้วน 
ตอนนั้น ผมอยากจะโทรศัพท์บอกใครสักคนเล่าให้ฟังถึงสื่งที่ผมมองเห็นอยู่ตรงหน้า 
ผมรู้สึกราวกับว่าความมหัศจรรย์เกิดขึ้นได้ง่ายๆ 
ถ้าเธอได้มาอยู่ตรงนั้นกับผม 
ถ้าอดีตนายกฯได้มาเห็นทุ่งดอกไม้พวกนี้ 
ถ้านักการเมืองทั้งโลกได้มานอนท่ามกลางดวงดาวเหล่านี้ 

บางวันผมรู้สึกว่าโลกมันหมุนเร็วเกินไป 
จนกระทั่งเราไม่อาจเหลือเวลาค้นพบสิ่งที่ยิ่งใหญ่ 
ทั้งที่บางทีมันก็ล่องลอยอยู่เบื้องหน้า 
ภาพผีเสื้อที่ถ่ายมาจากภูสอยดาว หลายตัวในนั้นเคยบินอยู่ในสวนหน้าบ้าน 
แต่ผมไม่เคยแม้แต่จะหยุดดู 

หนึ่งวันที่ประเทศเราหยุดหายใจไปชั่วขณะ ทุกคนหวังว่าจะเป็นโอกาสในการเปลี่ยนแปลงไปสู่สิ่งที่ดีๆ 
แต่ผมรู้ว่ามันไม่ง่ายอย่างนั้น 
แม้แต่ในวินาทีนี้ ชั้นบรรยากาศก็ยังบางลงเรื่อยๆ 
โลกกำลังร้อนขึ้น และร้อนขึ้น 
จริงๆมันกำลังอ่อนระโหยโรยแรง และได้ส่งเสียงร้องบอกเรามาหลายครั้งแล้ว 
สิ่งดีๆไม่เคยเกิดขึ้นจากการเอาแต่เฝ้ารอ 

ผมกำลังกดเบอร์โทรศัพท์หาเธอ 
และขอให้ทุกคนมีวันที่โลกหมุนช้าๆบ้าง				
25 เมษายน 2549 09:57 น.

สิ่งที่ซ่อนอยู่ในอากาศ

เจ้าขาว


 
เคยอ่านเจอว่า "คาราโอเกะ" นั้นเป็นภาษาญี่ปุ่นที่เพี้ยนมาจากคำว่า ออเครสต้า 

ซึ่งหมายถึงเพลงที่ไม่มีเสียงร้อง 


นักดนตรีในวงออเครสต้าคงต้องพยายามกันอย่างหนัก 
เพื่อจะส่งเนื้อร้องที่ไม่ได้เขียนไว้ออกไปในอากาศ 
และหวังจะสื่อสารถ้อยคำมากมายนั้นแก่ผู้ฟัง โดยไร้ถ้อยคำ! 

ถึงแม้ว่าตอนนี้บทเพลงมากมายบนโลกจะมีคำร้อง 
แต่การจะร้องเพื่อสื่อความรุ้สึกได้อย่างที่นักประพันธ์ประสงค์ ก็มิใช่สิ่งง่ายดาย 
และผู้ที่ทำอย่างนั้นได้ดี ก็คู่ควรแก่การยอมรับ 
ในฐานะผู้ที่เสกมนต์วิเศษให้กับอากาศที่ว่างเปล่า 
จนมันมีอำนาจ แทรกผ่านไปสัมผัสหัวใจของผู้คนได้ 

แต่แล้ว

เพื่อจะให้คนอื่นได้มีโอกาสถ่ายทอดบทเพลงนั้นในแบบของตนเองบ้าง 

เพลงที่มีเนื้อร้องจึงถูกทำให้ไม่มีเสียงร้อง 


ก็อย่างทีรู้กันดี 
ไม่ใช่ทุกคนที่สามารถทำให้อากาศมีมนต์วิเศษ 
อย่าว่าแต่ร้องเพลงเลย 

บางครั้ง 

เพียงจะร้องไห้ บางครั้งเราต่างก็ยังลืมเนื้อ 
ต้องอดทนอยู่กับท่วงทำนองแสนรันทดอยู่อย่างนั้น 
และหวังว่าสักวันจะมีใครสักคนมาร่ายบทเพลงแสนวิเศษ 
เพื่อขับไล่ความมืดในใจให้หมดไป 

แต่ถึงจะรออย่างไร

ลงท้ายก็เหลือแต่ความเงียบที่ค่อยๆทำให้ใจมืดมนลงช้าๆ 
ทางออกที่ดีที่สุด  ก็คงไม่พ้นที่เราต่างต้องหัดร้องมันด้วยตัวเอง 
ไม่ว่าจะเป็นร้องไห้ รึว่าร้องเพลง 
ไม่ว่าจะเป็นมนต์วิเศษ หรือไม่ใช่ก็ตาม 
แต่เพียงแค่หัวใจได้หัดเปล่งเสียงพูดออกมา 
แล้วเราพยายามฟังมันอย่างตั้งใจ 
สุดท้าย

มันอาจจะเป็นทำนองที่ไพเราะที่สุดเท่าที่เคยมีมาก็ได้ 

ตอนนี้ 
เธอได้ยินเสียงจังหวะที่ฉันเคาะไหม 
 
				
18 ธันวาคม 2548 22:21 น.

เรื่องของจดหมายรัก

เจ้าขาว

บ่อยๆที่การกดเบอร์ถึงบางคนคล้ายกับการส่งข้อความชิงโชค
ต้องคอยลุ้นด้วยใจระทึกว่าคนนั้นจะรับหรือไม่
ครั้นเมื่อรับแล้ว ก็กลายเป็นคุยเรื่องอื่นมากมาย
สุดท้ายสิ่งที่อยากบอกนั้นก็ถูกเก็บงำเช่นเดิม

เมื่อความคิดถึงเคลื่อนไหว 
ใจพยายามหาทางออก
มือก็เริ่มเคลื่อนไหวร่ายตัวอักษรลงบนกระดาษ

จริงอยู่ที่ความยาวของหน้ากระดาษไม่อาจวัดปริมาณความคิดถึงได้
แต่ความตั้งใจนั้นย่อมถูกถ่ายทอดออกไปแน่นอน
ถึงอย่างนั้น
บางครั้ง 
ข้อความสั้นๆ ก็สามารถเดินลึกเข้าไปเคาะประตูหัวใจของผู้อ่าน
และหลายครั้ง ถึงพยายามจะเขียนให้สั้นก็กลับยืดยาว
คล้ายว่าเรื่องราวและความรู้สึกช่างมากมาย
มากเกินจะถ่ายทอดลงบนกระดาษ
แต่ที่น่าหนักใจก็คือ สิ่งที่เขียนนั้นห่างไกลจากความรู้สึกจริงๆเหลือเกิน
สุดท้ายก็กลายเป็น จดหมายที่ไม่ได้ส่ง
แต่ก็อาจจะยังดีกว่า จดหมายที่เขียนไม่จบ 
บ้างก็ค้างไว้เพียงแค่คำทักทายว่า สวัสดี  
แล้วก็ยอมจำนนด้วยทักษะภาษาอันอ่อนด้อย ซึ่งคงเป็นข้ออ้างหนึ่งมากกว่า
แม้จะเป็นเรื่องจริงที่ว่า ไม่เคยมีครบรรจุการเขียนจดหมายรักไว้ในการเรียนการสอน
แต่นั่นไม่น่าจะเป็นอุปสรรคของความตั้งใจจริง
จดหมายกว่าครึ่งถูกเขียนขึ้นใหม่ครั้งแล้วครั้งเล่า
ราวกับมีบรรณาธิการสุดโหดมาคอยคุมทุกตัวอักษร
บางทีก็รู้สึกว่า 
ซากกระดาษที่กองเกลื่อนพื้นห้องนั้นอาจจะบ่งบอกอะไรได้ลึกซึ้งกว่า

เป็นเรื่องน่ายินดีไม่น้อย ถ้ามีสักฉบับที่เขียนออกมาได้ดั่งใจ
แต่ถึงอย่างนั้นกว่าจะตัดสินใจหยอดลงตู้ได้ก็ใช้เวลาไม่น้อย
เคยคิดเล่นๆว่าความกลัวคงสิงอยู่ในตู้ไปรษณีย์สีแดงนั้น
ทั้งที่จริงๆแล้วมันอยู่ในใจแดงๆของเรานี่เอง

เมื่อตัดสินใจส่งแล้ว
ก็ต้องคอยเตือนหัวใจว่าอย่าได้หวังว่าจะมีอะไรตอบกลับมา
แล้วก็อย่าลืมเตือนขาของตัวเองด้วย
เพราะมันจะคอยเดินไปที่ตู้จดหมายหน้าบ้านทุกครั้งที่มีเสียงมอเตอร์ไซด์ผ่าน
ถ้าโชคดี
อาจจะมีจดหมายแจ้งค่าน้ำค่าไฟมาให้แกะอ่านแก้ขัดไปก่อน

ในยุคที่ใครๆก็มีอีเมล์
จดหมายรักที่เขียนด้วยลายมือก็ยังไม่น่าจะหมดไปง่ายๆ
ความสุขยามที่ค่อยๆเลือกกระดาษและซองจดหมาย
ถ้อยคำที่คล้ายกับลอกมาจากนิยาย
สอดใส่ซอง บรรจงติดแสตมป์ดวงน้อยอย่างปราณีต
ทั้งหมดก็เพียงเพื่อจะสื่อความรู้สึกเดียว

ความรู้สึกนั้น
ที่อาจเขียนออกมาเป็นคำหนึ่งคำ
และเมื่อจะเขียนคำนั้น  
ทุกคนก็ได้แต่หวังว่ามันจะเป็นคำพิเศษสำหรับคนที่ได้รับ
เช่นเดียวกับที่เป็นคำพิเศษของผู้เขียน
คำๆนั้น
คำที่ไม่จำเป็นต้องเขียน คนรับก็ได้อ่าน
คำที่ไม่จำเป็นต้องอ่านก็ได้ยิน และถึงจะหลับตาก็ยังรับรู้

น่ามหัศจรรย์ไหมที่ความรู้สึกยิ่งใหญ่นี้
ส่งถึงกันได้ด้วยแสตมป์เพียงสามบาท
และถึงจะพยายามแปะแสตมป์ลงไปเป็นร้อยเป็นพัน
ก็คงไม่มีประโยชน์อันใด
ยกเว้นอย่างเดียว
คุณกำลังหลงรักนักสะสมแสตมป์

/(-_-)				
6 พฤศจิกายน 2548 01:34 น.

คนเมืองที่ข้าพเจ้ารู้จัก#5: จำไว้เธอชื่อ “สมศรี”

เจ้าขาว

(1)
หลังจากนำนิ้วแตะไปตามจุดต่างๆบนหัวผมจนทั่ว  หมอก็บอกว่าความจำผมไม่ค่อยดี  และแนะนำให้ผมทานอาหารให้เข้ากับหมู่เลือดเพื่อบำบัด  จากนั้นก็หันไปตรวจให้สมศรีที่ขยับขึ้นไปนอนรอบนเตียง
คงจริงอย่างที่หมอบอก  เพราะผมจำไม่ได้ว่าผมรู้จักกับสมศรีตอน ม.1 หรือว่าม.2กันแน่  แต่ที่แน่ๆ 10ปีที่ผ่านมา ผมไม่เคยเรียกชื่อจริงหรือชื่อเล่นของเธอเลย   สมศรีเป็นชื่อที่ผมและเพื่อนๆตั้งขึ้นมาเพื่อล้อเลียนอาการของเธอ  อาการแบบเดียวกับหุ่นยนต์ในหนังเรื่องสมศรี 422R เราเรียกชื่อนี้จนลืมไปแล้วด้วยซ้ำว่าสมศรีชื่อจริงว่าอะไร
ท่าทางที่ดูนิ่ง แต่แฝงไปด้วยอันตราย  
ผมไม่สามารถจำเรื่องราวในอดีตได้ดี(อย่างที่หมอได้บอกไว้)  ผมจะขอเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อไม่นานมานี้แทน
เลี้ยงรุ่นเมื่อตอนต้นปีที่ร้านคาราโอเกะแถวถนนเกษตร-นวมินทร์ ขณะสมศรีเอื้อมไปหยิบจานกับข้าว  กล้องดิจิตอลที่แขวนไว้ที่คอเหวี่ยงไปชนแก้วแตก 1 ใบ  มูลค่าความเสียหาย สี่พันบาท 
แก้วไม่ได้แพงขนาดนั้นหรอกครับ  แต่มือถือของเพื่อนอีกคนที่วางอยู่ใกล้ๆนั้นไม่สามารถกู้ชีพกลับมาได้อีกแล้ว
เลี้ยงรับปริญญาโทเพื่อนสนิทอีก 2 เดือนถัดมา  เพื่อนอีกคนแจ้งว่าสมศรีนั่งทับหูฟังไร้สายรุ่นล่าสุดของตนหัก  สมศรีรีบประท้วงว่าไม่ได้นั่งทับ เธอไม่ได้ประท้วงเงียบๆ  มือเธอกวาดแก้วน้ำตกแตกไปอีก 1 ใบ  คำประท้วงตกไปทันที  และเมื่อเดือนที่แล้วในร้านคาราโอเกะแถววังหิน  สมศรีทำแฮททริคแก้วแตก 3 ใบในคืนเดียว
(2)
การทรงตัวไม่ค่อยดีนะ หมอพูดเรื่องนี้ขึ้นมาตอนที่กำลังคลำแถวๆเข่าของสมศรี  นั่นทำให้ผมนึกถึงวีรกรรมในต่างแดนของเธอ
ในหลุมดินนั้น ทหาร 3 นายกำลังเก็บกู้กับระเบิด  ที่ปากหลุม มีนักท่องเที่ยวยืนถ่ายรูปกันอยู่โดยรอบ   ที่ไหนๆๆๆ เมื่อสมศรีได้ยินเรื่องการกู้ระเบิดเธอก็ออกอาการตื่นเต้น  แล้ววิ่งไปทางกลุ่มคนที่มุงอยู่  ก้าวสุดท้ายนั้นเอง  เธอสะดุดก้อนหินล้มลง  ร่มในมือที่กางอยู่ก็กระเด็นลอยข้ามหัวใครต่อใครหล่นลงไปในหลุม  พรึบ! ราวกับนัดไว้  ไทมุงทุกคนวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตรวมถึงทหารทั้ง 3 นายนั้นด้วย  โชคดี ระเบิดยังนอนสงบอยู่ที่ก้นหลุม  นอกจากสมศรีซึ่งได้แผลถลอกแล้ววันนั้นไม่มีใครเป็นอะไร 
(3)
	ปัจจุบัน สมศรีเป็นคนตรวจเช็คสต็อคสินค้า ถ้าคุณลองเรียกชื่อคนตรวจสต็อคของคุณว่าสมศรีแล้วเธอหันมาล่ะก็ ผมขอแนะนำว่า  ทำใจซะเถอะครับ
				
4 มิถุนายน 2548 01:40 น.

โลกของเธอกลมรึว่าแบน?

เจ้าขาว

ที่รัก

โลกของเธอกลมรึว่าแบน?

สมัยที่คนส่วนใหญ่เชื่อว่าโลกแบน  ยังมีเหล่านักฝันที่เดินทางมุ่งหน้าสู่โลกใหม่ด้วยเรือ
พลังอะไรที่ผลักดันเรือลำนั้นไปถึงอีกฝั่งหนึ่งของโลกได้
แค่เชื่อว่าโลกกลมเท่านั้นหรือ

ยามนี้ที่คนส่วนใหญ่รับรู้ว่าโลกกลม
แต่คนมิได้หาญเผชิญต่อโลกยิ่งขึ้น
ยังมีขอบเหวอยู่ ณ สุดขอบฟ้าเสมอ สำหรับหลายๆคน
คนที่ยังมีโลกแบน และขอบโลกที่พร้อมจะดักจมทุกความฝัน

ที่รัก
อะไรที่ทำให้โลกกลมรึแบน

ผู้เดินทางตามฝันยังมีอยู่เสมอ  ผู้ที่ปรารถนาจะไปถึงดินแดนแห่งใหม่ภายในตน
ผู้ที่ไม่เกรงต่อขอบเหวของโลก
สำหรับพวกเค้า คำถามเดียวที่เราจะได้ยินคือ เราจะข้าม(ขอบ)ไปอย่างไร
เพราะจุดหมายนั้นแจ่มชัดอยู่ในใจของพวกเค้าอยู่แล้ว
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจ้าขาว
Lovings  เจ้าขาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจ้าขาว
Lovings  เจ้าขาว เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟเจ้าขาว
Lovings  เจ้าขาว เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงเจ้าขาว