25 กุมภาพันธ์ 2553 22:29 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ ชีวิตเหมือนเลือนลางในทางเปลี่ยว
อาจลดเลี้ยวอ้างว้างร้างสับสน
ท่องเที่ยวมาหารักเพียงสักคน
ฝ่าสายฝนอ่อนระโหยโดยลำพัง
  ๐ หนทางไกลทดท้อฝืนต่อสู้
เหนื่อยหนักรู้รักเป็นเช่นความหวัง
เพียงพบพลันคลับคล้ายให้พลัง
ไม่รอรั้งสื่อหมายผ่านสายตา
  ๐ หวังเราสองครองใจไม่ไหวหวั่น
เมื่อมีกันและกันคงหรรษา
คอยเคียงข้างอิงแนบแอบอุรา
แม้นภัยมาส่งใจให้แก่กัน
  ๐ จับมือมั่นปลอบปลุกในทุกที่
มอบชีวีเปี่ยมหทัยแห่งไฟฝัน
หากใครล้มฉุดรั้งทุกครั้งครัน
สานรักมั่นประคองสองดวงใจ
  ๐ ต่อแต่นี้คงมิมีที่หมองหม่น
เพราะต่างคนช่วยสร้างทางสดใส
แม้นหนทางข้างหน้าจะแสนไกล
หนักเพียงใดไม่เกี่ยงเพียงมีกัน...
.................
คนกุลา
ต้นคิมหันต์
  ๐ ชีวิตเหมือนเลือนลางในทางเปลี่ยว
อาจลดเลี้ยวอ้างว้างร้างสับสน
ท่องเที่ยวมาหารักเพียงสักคน
ฝ่าสายฝนอ่อนระโหยโดยลำพัง
  ๐ หนทางไกลทดท้อฝืนต่อสู้
เหนื่อยหนักรู้รักเป็นเช่นความหวัง
เพียงพบพลันคลับคล้ายให้พลัง
ไม่รอรั้งสื่อหมายผ่านสายตา
  ๐ หวังเราสองครองใจไม่ไหวหวั่น
เมื่อมีกันและกันคงหรรษา
คอยเคียงข้างอิงแนบแอบอุรา
แม้นภัยมาส่งใจให้แก่กัน
  ๐ จับมือมั่นปลอบปลุกในทุกที่
มอบชีวีเปี่ยมหทัยแห่งไฟฝัน
หากใครล้มฉุดรั้งทุกครั้งครัน
สานรักมั่นประคองสองดวงใจ
  ๐ ต่อแต่นี้คงมิมีที่หมองหม่น
เพราะต่างคนช่วยสร้างทางสดใส
แม้นหนทางข้างหน้าจะแสนไกล
หนักเพียงใดไม่เกี่ยงเพียงมีกัน...
.................
คนกุลา
ต้นคิมหันต์
 

 
				
			 
			
				4 กุมภาพันธ์ 2553 12:51 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐  พาออกวิ่งเหยาะเหยาะเลาะชายหาด
ด้วยหวังวาดขาแกร่งหยัดแรงฝืน
ปรนน้ำท่ามารอก่อไฟฟืน
แม้ดึกดื่นเฝ้าถนอมมิยอมรา
   ๐ เขาโก่งงามวามวาวราวมีดแหลม
สีโหนดแกมเหลืองเข้มเต็มหนอกหนา
ชนทุกครั้งชนะไปในทุกครา
โคไหนหวาเกินแกร่งสู้แรงเพรียง
   ๐ พรุ้งนี้เช้าเจ้าต้องสู้กู้หน้าถิ่น
เขาเหยียบดินแอบหลบกลบชื่อเสียง
งำเก่งกาจมาดแม้นแดนข้างเคียง
มิกล้าเสี่ยงท้าชนจนรู้กัน
  ๐ เมื่อโคดีนำมาหาถึงที่
หรือมิมีโคใดใครกล้าฝัน
ต้องถึงคราว"ชาวโนด"ส่ง"โหนดจันทร์"
ลงเดิมพันกองสู้ดูสักคราว
  ๐ วันชนจริงยิ่งใจให้ตื่นเต้น
รอจนเย็นฝนปรอยคอยจนหนาว
เพรียงจนขาดหลายครั้งยังสู้ยาว
เขาหันก้าวเข้าสู้ดูไม่เกรง
  ๐ ครั้งสุดท้ายได้เพรียงเข้าเคียง"เปาะ"
ถึงคราวเคราะห์เขาแกร่งแทงถูกเผง
เลือดไหลรินเกือบสิ้นใจไปตามเพลง
ฝ่ายครื้นเครงลิงโลดถือ"โหนดจันทร์"
 ๐ ชนจนเฒ่าคราวชราในหน้าที่
ทุกนาทีมีมาคอยล่าฝัน
ไม่ใช่ทำเพราะโกรธหมายโทษทัณฑ์
หากเพราะนั่นคือวิถีที่ต้อง"ชน"
.
.............
คนกุลา
ปลายเหมันต์
"""""""""""""""""
เขียนจากความทรงจำเก่าๆ ของตำนาน"วัวชน"ในท้องทุ่ง
อ.ระโนด จ.สงขลา ประมาณปี 2503-05
เพรียง หรือ กินเพรียง เป็นกลยุทธชนิดหนึ่งของวัวชน ในการต่อสู้
เพื่อเอาชนะอีกฝ่าย
เปาะ คือ รั้วล้อมแยก เพื่อบริเวณ ที่วัวชนกัน ออกจากคนดู
ชาวโนด เป็นคำปักษ์ใต้ใช้เรียกชาวอำเภอระโนด จ.สงขลา
โคโหนดจันทร์ ชื่อวัวชน ที่มีชื่อเสียงมากแถบอำเภอระโนด 
จ.สงขลา ประมาณ ปี 2503-05
 
   ๐  พาออกวิ่งเหยาะเหยาะเลาะชายหาด
ด้วยหวังวาดขาแกร่งหยัดแรงฝืน
ปรนน้ำท่ามารอก่อไฟฟืน
แม้ดึกดื่นเฝ้าถนอมมิยอมรา
   ๐ เขาโก่งงามวามวาวราวมีดแหลม
สีโหนดแกมเหลืองเข้มเต็มหนอกหนา
ชนทุกครั้งชนะไปในทุกครา
โคไหนหวาเกินแกร่งสู้แรงเพรียง
   ๐ พรุ้งนี้เช้าเจ้าต้องสู้กู้หน้าถิ่น
เขาเหยียบดินแอบหลบกลบชื่อเสียง
งำเก่งกาจมาดแม้นแดนข้างเคียง
มิกล้าเสี่ยงท้าชนจนรู้กัน
  ๐ เมื่อโคดีนำมาหาถึงที่
หรือมิมีโคใดใครกล้าฝัน
ต้องถึงคราว"ชาวโนด"ส่ง"โหนดจันทร์"
ลงเดิมพันกองสู้ดูสักคราว
  ๐ วันชนจริงยิ่งใจให้ตื่นเต้น
รอจนเย็นฝนปรอยคอยจนหนาว
เพรียงจนขาดหลายครั้งยังสู้ยาว
เขาหันก้าวเข้าสู้ดูไม่เกรง
  ๐ ครั้งสุดท้ายได้เพรียงเข้าเคียง"เปาะ"
ถึงคราวเคราะห์เขาแกร่งแทงถูกเผง
เลือดไหลรินเกือบสิ้นใจไปตามเพลง
ฝ่ายครื้นเครงลิงโลดถือ"โหนดจันทร์"
 ๐ ชนจนเฒ่าคราวชราในหน้าที่
ทุกนาทีมีมาคอยล่าฝัน
ไม่ใช่ทำเพราะโกรธหมายโทษทัณฑ์
หากเพราะนั่นคือวิถีที่ต้อง"ชน"
.
.............
คนกุลา
ปลายเหมันต์
"""""""""""""""""
เขียนจากความทรงจำเก่าๆ ของตำนาน"วัวชน"ในท้องทุ่ง
อ.ระโนด จ.สงขลา ประมาณปี 2503-05
เพรียง หรือ กินเพรียง เป็นกลยุทธชนิดหนึ่งของวัวชน ในการต่อสู้
เพื่อเอาชนะอีกฝ่าย
เปาะ คือ รั้วล้อมแยก เพื่อบริเวณ ที่วัวชนกัน ออกจากคนดู
ชาวโนด เป็นคำปักษ์ใต้ใช้เรียกชาวอำเภอระโนด จ.สงขลา
โคโหนดจันทร์ ชื่อวัวชน ที่มีชื่อเสียงมากแถบอำเภอระโนด 
จ.สงขลา ประมาณ ปี 2503-05
 


 
				
			 
			
				3 กุมภาพันธ์ 2553 11:06 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ ในฟ้าค่ำพรำฝนมาหล่นแทรก
เหมือนรักแรกแปลกจังมิหวังสอย
ว่าเธอเป็นเช่นเดือนที่เลื่อนลอย
มัวเฝ้าคอยคงยากหากคิดปอง
 ๐ เพียงชื่นชมพรมพักตร์เกินจักใฝ่
ห้ามหัวใจไม่หวังเราทั้งสอง
เมื่อหัวใจไหวหวามตามทำนอง
สร้างครรลองมองเห็นให้เป็นไป
 ๐ เมื่อคลายเหงาเงาฝันวันเธอโศก
เหมือนเป็นโชคช่วยชูดูสดใส
คล้ายวันเริ่มเติมสานสัมพันธ์ใจ
สื่อความนัยซุกซ่อนแต่ก่อนมา
 ๐ เกิดฐานก่อต่อไต่สายใยรัก
ยิ่งประจักษ์หมายใจให้รักษา
โปรดดูแลแก่กันนะขวัญตา
รอเวลาคราฝันนั้นเป็นจริง
 ๐ ในฟ้าค่ำพรำฝนมาหล่นแทรก
เหมือนรักแรกแปลกใจในทุกสิ่ง
ว่าสุดห่วงห้วงรักหมายพักพิง
มอบภักดิ์ยิ่งมิ่งขวัญในวันรอ..ฯ
กลางฝนพรำในเหมันต์
คนกุลา
 ๐ ในฟ้าค่ำพรำฝนมาหล่นแทรก
เหมือนรักแรกแปลกจังมิหวังสอย
ว่าเธอเป็นเช่นเดือนที่เลื่อนลอย
มัวเฝ้าคอยคงยากหากคิดปอง
 ๐ เพียงชื่นชมพรมพักตร์เกินจักใฝ่
ห้ามหัวใจไม่หวังเราทั้งสอง
เมื่อหัวใจไหวหวามตามทำนอง
สร้างครรลองมองเห็นให้เป็นไป
 ๐ เมื่อคลายเหงาเงาฝันวันเธอโศก
เหมือนเป็นโชคช่วยชูดูสดใส
คล้ายวันเริ่มเติมสานสัมพันธ์ใจ
สื่อความนัยซุกซ่อนแต่ก่อนมา
 ๐ เกิดฐานก่อต่อไต่สายใยรัก
ยิ่งประจักษ์หมายใจให้รักษา
โปรดดูแลแก่กันนะขวัญตา
รอเวลาคราฝันนั้นเป็นจริง
 ๐ ในฟ้าค่ำพรำฝนมาหล่นแทรก
เหมือนรักแรกแปลกใจในทุกสิ่ง
ว่าสุดห่วงห้วงรักหมายพักพิง
มอบภักดิ์ยิ่งมิ่งขวัญในวันรอ..ฯ
กลางฝนพรำในเหมันต์
คนกุลา
 


 
				
			 
			
				2 กุมภาพันธ์ 2553 11:41 น.
				
												
				
								คนกุลา
		
					
				
 ๐ หุบกรงเล็บเก็บงำกำบังหน
เสกพยนต์มนต์ดำพร่ำคุณไสย
เสือสมิงทิ้งแถวย่านแนวไพร
จนใครใครลืมนามเคยขามกลัว
  ๐ โนนเนินป่าพร่าป่นถูกกร่นถาง
ตะแบกยางยืนเหงาสิ้นเงาหัว
ม่านหมอกควุ้งควันไฟไหวระรัว
เสันทางทั่วตัดแผ่นดินแดนดง
  ๐ หมู่มวลไม้ใหญ่น้อยก็ค่อยหมด
ไม่พอทดแทนหวังดังประสงค์
สร้างตู้ตั้งตั่งเตียงโค่นเรียงลง
หมู่พฤกษ์พงศ์สูญสลายไม่เหลือตอ
 ๐ คราป่าร้างสางเสืออยู่เพื่อสูญ
ดงเกื้อกูลบังกายมลายหนอ
ลบหมดลายคล้ายย้ำกำมะลอ
เที่ยวซอมซ่อรอลักเศษซากกิน...ฯ
คนกุลา
ในเหมันต์
 
 ๐ หุบกรงเล็บเก็บงำกำบังหน
เสกพยนต์มนต์ดำพร่ำคุณไสย
เสือสมิงทิ้งแถวย่านแนวไพร
จนใครใครลืมนามเคยขามกลัว
  ๐ โนนเนินป่าพร่าป่นถูกกร่นถาง
ตะแบกยางยืนเหงาสิ้นเงาหัว
ม่านหมอกควุ้งควันไฟไหวระรัว
เสันทางทั่วตัดแผ่นดินแดนดง
  ๐ หมู่มวลไม้ใหญ่น้อยก็ค่อยหมด
ไม่พอทดแทนหวังดังประสงค์
สร้างตู้ตั้งตั่งเตียงโค่นเรียงลง
หมู่พฤกษ์พงศ์สูญสลายไม่เหลือตอ
 ๐ คราป่าร้างสางเสืออยู่เพื่อสูญ
ดงเกื้อกูลบังกายมลายหนอ
ลบหมดลายคล้ายย้ำกำมะลอ
เที่ยวซอมซ่อรอลักเศษซากกิน...ฯ
คนกุลา
ในเหมันต์
