24 พฤศจิกายน 2549 07:41 น.

มั่นรัก

กวีปกรณ์

มาเถิดที่รัก
หากเหน็ดเหนื่อยนัก.....เพียงพักค่อยคิด
จับจูงมือฉัน..................คงมั่นแน่นสนิท
เรื่องร้ายคลายฤทธิ์.......ทุกทิศห่างหาย

หนึ่งน้อยหน่อยนิด
เพียงลองมองพิศ..........ใครคิดกล้ำกราย
ในอ้อมอกอุ่น...............ละมุนกรุ่นกาย
มิมีสิ้นสลาย..................แม้ตายจากกัน

คงอยู่คู่มาน
ทุกทิศทั่วสถาน..............แม้กาลจักกั้น
เธอยังคงอยู่...................ยอดชู้ชีวัน
นับจากนี้นั้น...................ยืนยันมั่นรัก

เธอคือดวงใจ
มิว่าอย่างไร	..................หรือใครเตือนตัก
มิมีแปรเปลี่ยน................จิตเจียนสลัก
มั่นคงจงภักดิ์.................แน่นหนักรักเธอ

แม้มิมีใคร
ขาดเขาเข้าใจ................ถามไถ่เพ้อเจ้อ
กล่าวหาว่าต่าง..............ไร้ทางพบเจอ
ช่างเขากล่าวเพ้อ............มองเหม่อเพียงกาย

คำอาจบาดคม
อุปสรรคถักปม...............จักบ่มทำลาย
เพียงเรามีเรา.................อย่าเฝ้าฟูมฟาย
ให้รักอธิบาย...................คลายทุกข์สุขสันต์

เมื่อพรหมท่านเพรียก
รักเราร้องเรียก...............สำเหนียกเสียงนั้น
ศรัทธากล้ารัก................อุปสรรคจักบั่น
ทานทนมนมั่น................ใครกัน...กั้นรัก
				
18 พฤศจิกายน 2549 18:01 น.

เหมันต์ธันวาฯ

กวีปกรณ์

กระดิ่งยังไหวไกวเสียง
	ครวญคร่ำสำเนียง
	ยังยินยามจินต์ถวิลหา

	หลากค่ำข้ายากข่มตา
	มนมาดปรารถนา
	คำนึงถึงนางห่างหวน

	เหมันต์ธันวาฯมาจวน 
	อกหวั่นเรรวน
	ลมหนาวคราวนี้มิไกล

	กริ๊งกริ๊งยิ่งดังกังวานใส 
	สะท้อนหัวใจ
	สะท้านอารมณ์คมบาง

	หนาวเนื้อเหลือทนจนคราง 
	แนบเนื้อนวลนาง
	หนาวนี้หนาวน้อย...น้อยลง

	แต่รักไร้ความยืนยง	
	รักมิมั่นคง
	มีรักมักพรากจากลา

	ลมหนาวร้าวใจจนชา	
	เหมันต์ธันวาฯ
	อกข้าเหว่ว้าเหลือทน

	ใกล้แล้วลมหวนจวนจน 
	วารวันผันวน
	ตามกฏเกณฑ์กาลฤดู

	กระดิ่งแว่วหวามวาบหู	
	แลดาวเดือนธนู
	ลมโถมโหมพัดกวัดไกว

	พฤศจิฯสิ้นแล้วหรือไร	
	มิทันเตรียมใจ
	ลมหนาวเหมันต์พลันมา
	
	
	๑๖ พฤศจิกายน ๒๕๔๙
	"เพียงคิดถึงเสี้ยวหนึ่งของความคำนึง
วูบหนึ่งแห่งเหมันต์ธันวาฯครานั้นหัวใจก็ร้าวเหลือทน"				
10 พฤศจิกายน 2549 09:15 น.

ไผ่

กวีปกรณ์

มนต์มารุตร่ายบรรเลงบทเพลงไผ่
กิ่งก้านไกวเสียดเสนาะเพราะผสาน
ว่าหวีดหวิวพลิ้วพรมอารมณ์สราญ
เกิดกวีกลอนกานท์ล้านทำนอง

บ้างเอนไหวโยกย้ายคล้ายระบำ
บ้างกระแทกกระทบทำจังหวะก้อง
ยามปลิดใบลานเหลืองเรืองดั่งทอง
ช่างชวนมองม่านงามตามลมปลิว

หลายหลากใบร่วงหล่นบนผืนน้ำ
คล้ายหลากลำเรือน้อยลอยพื้นผิว
จัดขบวนยุตยาตรวาดแถวทิว
ละแล่นลิ่วล่องไหลในธารา

จึงจารภาพพร้อมเสียงสำเนียงศิลป์
ครั้งเคยยินชมชื่นรื่นหนักหนา
ตราตรึงร้อยถ้อยคำพร่ำพรรณา
เพื่อรักษาสืบไว้ในรอยจำ				
30 ตุลาคม 2549 03:01 น.

ความจริงแท้...แล(ะ)ตัวตน

กวีปกรณ์

คืนผ่านคืนหลากคืนหลากฝัน
วันผ่านวันต่างวันหลากหลาย
วานอีกวานเช่นเพียงอดีตกลาย
พรุ่งกี่พรุ่งก็คล้ายอนาคตกาล

ความรู้สึกสัมผัสที่ประสบ
หลากอารมณ์เร้ารบไม่สิ้นผลาญ
ขัดกล่อมเกลากลั่นจินต์ในวิญญาณ
อีกเหตุการณ์ก่อร่างสร้างตัวตน

จึงยากบอกออกไปใครคือฉัน
เมื่อวานนี้ใครกันช่างฉงน
ความคิดแตกต่างกันเหมือนต่างคน
หรือฉันคืออดีตผลแห่งวานวัน

เพราะทุกสิ่งสร้างได้ไม่ยั่งยืน
เพียงผ่านคืนค่อยสูญสิ้นหรือบิ่นสั้น
บางอย่างกลับทดแทนได้เทียมทัน
มีหรือไม่สิ่งอนันต์มิผันแปร...

เมื่อไตร่ตรองลองคิดพินิจหา
คำตอบใดควรค่ามั่นคงแน่
กลับยากค้นสิ่งใดไม่เปลี่ยนแปร
รับรู้เพียงความจริงแท้เพียงแค่คำ
				
18 ตุลาคม 2549 13:03 น.

ระลึกค่ากวีนิพนธ์

กวีปกรณ์


เสนาะโสตสนองใจ........สดับได้ไสวมน
ชิวชื่นฤดีดล..................กวีชลชโลมมาน

คีตครวญเจริญจิต.........นิรมิตวิจิตรขาน
ชนะโศกวิโยกราน........ทวีผลาญสราญรมณ์

จรดปมประสมคำ...........ประณีตนำวจีคม
รจนากถาถม.................พะพร่างพรมผสมกานต์

ตวัดกรตลอดวรรค........กระยึกยักสลักสาส์น       
คติแทรกประสบการณ์...ประดับมานศิลธรรม

กรุณานิยมพิศ...............สติคิดพินิจซ้ำ
มนตรองสิลองทำ...........พิเคราะห์คำพจนา

เพราะกนกสนิทซ่อน......รสกลอนนะลวงตา
พิชิตมนต์และมายา........ระลึกค่ากวีนิพนธ์				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีปกรณ์