26 กันยายน 2548 17:35 น.

...ใบไม้ร่วง...

กวีปกรณ์

๐ ใบไม้ร่วงร่วงหล่นหล่นสู่พื้น
ผลิในอื่นอื่นแทรกแตกใบใหม่
ขึ้นทดแทนแทนที่ที่ล่วงไป
ใบเก่าสิ้นสิ้นขัยในเวลา

๐ ชราล่วงล่วงลับลับดับสิ้น
ต้องเอาดินดินกลบซบใบหน้า
บางคนยืนยืนร้องร้องไห้หา
อยากย้อนวันวันเวลาให้หวนคืน

๐ บ้างกระซิกกระซิกซาบสะอื้นไห้
บ้างกระอักกระอักอ่วนหวนสะอื้น
บ้างกมลหม่นหมองมองขมขื่น
บ้างกล้ำกลืนกลืนน้ำตาลาอาลัย

๐ ต้นไม้ผลิผลิใบใบไม้อ่อน
ใบเก่าร่อนร่อนกร่อนร่วงไม่สดใส
ต้นไม้โยกโบกสะบัดระบัดใบ
ใบเก่าสิ้นสิ้นสลายกลายเป็นดิน

๐ วัยเยาว์เขลาเขายังเยาเยาว์วัย
ต้องเฝ้ารักษ์รักไว้มิให้สิ้น
โอบกอดอุ้มอุ้มให้ไกลไกลเลือดริ้น
แล้วคอยเร่งเร่งทินทินกร

๐ บ้างหวีดร้องร้องไห้ไห้โหยหิว
บ้างเดินล้มล้มหน้านิ่วทำตาค้อน
บ้างจากจรจรจากลาลาอาวรณ์
บ้างยิ้มพริ้มพริ้มตาน้อยพลอยยินดี

๐ ใบไม้เก่าเก่าจากจากลาต้น
ดังชราชราชนใบหม่นสี
ต่างจากใบใบอ่อนอ่อนชีวี
ดังเด็กนี้เด็กน้อยค่อยเติบวัยย์

๐ ใบไม้ร่วงร่วงหล่นหล่นสู่พื้น
ผลิใบอื่นอื่นแทรกแตกใบใหม่
ต้นไม้โยกโบกสะบัดระบัดใบ
ใบเก่าสิ้นสิ้นสลายกลายเป็นดิน				
25 กันยายน 2548 16:58 น.

...วัน คืน...

กวีปกรณ์

๐  ยินคลื่นสาดรัญจวนครวญเพลงเศร้า    
พระอาทิตย์ร้อนเร่าร่วงหล่นหาย
สาดแสงส้มทอฟ้าพรรณราย                  
ก็กลับกลายมืดมิดสนิทพลัน

๐   เรือลำน้อยยังคว้างกลางทะเล              
ปะทะคลื่นซัดเซกลางความมืดนั้น
ยังมีแสงเรืองรองของพระจันทร์              
แสงเงินเย็นกว่าตะวันคอยนำทาง

๐   บางเพลาจันทราน้อยค่อยอับแสง       
ดาราเด่นขึ้นแสดงแสงสว่าง
บ้างกระพริบระยิบระยับบนฟ้ากว้าง       
งามกระจ่างนภาพร่างอำไพ

๐   ดังเทวาคว้าดวงแก้วมณี                      
วาดระวีสะบัดสีแต่งแต้มไว้
มิปล่อยฟ้ามืดมิดสนิทไป                          
สร้างสีสันแก่โลกไว้วันไร้จันทร์

๐   มินานสาดแสงยามเช้าเจ้าอาทิตย์        
ดวงกลมส้มแสดสนิทเรืองอร่าม
ปลุกสรรพสิ่งตื่นจากนิทรายาม                
เสียงสำเนียงไถ่ถามเรื่องวานวัน

๐   ภายหลังแสงสีทองสาดส่องฟ้า            
ดวงดาราพาลับกลับสวรรค์
เหล่าวิหคสกุณาเริงร่ากัน                            
ส่งสำเนียงเสียงขับขันแข่งระกา

๐   เมฆาครึ้มมืดดำเป็นเทาขาว                
น้ำค้างพราววะวาววับจับแสงจ้า
คล้ายเทวันโปรยเพชรเกล็ดรัตนา             
คล้ายดาราหล่นลู่สู่ผืนดิน
           
๐   เพียงโลกหมุนเวลาวันผันแปรเปลี่ยน      
ฟ้าถูกเขียนสีแต้มแซมสีสัน
จากฟ้าใสใหญ่กว้างสีครามครัน               
ลับตะวันจันทร์ขับกับดารา				
24 กันยายน 2548 16:05 น.

...ปลายทาง...

กวีปกรณ์

ปลายทางชีวิตลิขิตเอง
เหมือนดังบทเพลง
สุขทุกข์ปะปนชั่วดี

ปลายทางสุดท้ายชีวี
เฉกเช่นคำกวี
ขีดเขียนวาดคำทำนอง

ปลายทางชีวันดังคลอง
ไหลตามครรลอง
ล่องลู่ไหลสู่ทะเล

ชะตาไม่อาจคะเน
ดังพายุเก
พัดพลุ่งพล่านผันผ่านไป

ชีวิตจงอย่าสงสัย
จะจบเช่นไร
สุดท้ายคือเธอทำเอง

ชีพนาวีอาจโคลงเคลง
จงอย่าหวั่นเกรง
แล้วเธอจะผ่านมันไป

ดำเนินชีพอย่างระวังระไว
ประพฤติตามใจ
สุดท้ายอาจเสียน้ำตา

ประพฤติมัวเมากามา
มิยอมลืมตา
หลงใหลใฝ่รักอารมณ์

เพียงชั่วข้ามคืนสุขสม
อาจนั่งอกตรม
เพราะรักนั้นทำร้ายใจ

ปลายทางสุดอายุขัย
จะเป็นเช่นใด
เธอนั้นคือผู้วาดวาง

จงรีบขีดเขียนเส้นทาง
อุปสรรคจงถาง
เธอนั้นคือผู้กำชัย

คำถามที่มีมากมาย
คำตอบหลากหลาย
จะไหลลู่สู่ตัวเธอ

จงจำคำนี้ไว้เสมอ
รับรู้ตัวเธอ
ก่อนที่จะทำสิ่งใด

ใช้เหตุใช้ผลต่อไป
คิดทำสิ่งใด
ชีวิตอยู่ในกำมือ				
22 กันยายน 2548 02:36 น.

กระจกบานหนึ่ง

กวีปกรณ์

...กระจกบานหนึ่ง
ตั้งอยู่กลางห้อง
ฉันส่องเงาตน...

...กระจกหม่นมัว
ฉันส่องเงาตัว
ภาพสะท้อนมัวตาม...

...ภาพไม่ชัดเจน
ไม่เห็นใบหน้า
สร้างภาพหลอกตา
มายาหลอกใจ...

...กระจกสกปรก
สร้างความสงสัย
สะท้อนสิ่งใด
ได้ไม่ชัดเจน...

...ฉันขัดกระจก
ทั้งคิดและหวัง
เห็นภาพสดใส...

...ฉันส่องอีกครั้ง
หวังพบภาพใหม่
สดใสชัดเจน...

...ภาพใหม่หม่นมัว
หลงตัวเงาตน
ภาพแปลกปะปน
อคติภายใน (ใจ)...

...คนอื่นเห็นต่าง
สร้างความสงสัย
ความขุ่นมัวใด
ไม่เท่าใจตน...

...คิดใหม่ครั้งใหม่
ขัดใจของตน
ตั้งตนฝึกฝน
ลบมายาใจ...

...ไม่มองด้วยตา
เพียงมองด้วยใจ
แม้กระจกใส
ก็ใช่สำคัญ...

...เห็นตนด้วยตน
รู้ตนด้วยใจ
ไม่ต้องพึ่งใคร
สิ่งใดส่องตน...				
22 กันยายน 2548 01:42 น.

โคลง...วอนฟ้าจันทราแดง...

กวีปกรณ์

....................เดือนแดงเด่นเดี่ยวแสง.........ส่องฟ้า
คืนมืดไร้ดารา...........................................ส่องฉาย
อ้างว้างดั่งใจข้า.........................................มืดมิด  ไร้คู่
เดือนยิ้มแย้มเราะร้าย................................ข้าไห้   ข้ามคืน
.....................ฤา  ฟ้ายิ้มเคราะห์ข้า.............ไร้คู่
ขาดเจ้ามาสมสู่.........................................สมสอง
ลมหนาวละลิ่วลู่.........................................ขาดชู้  อยู่เคียง
กายสั่นสะเทือนต้อง..................................จิตข้า  สะท้าน
.....................ตะวันสาดทอแสง.................ส่องหล้า
อุ่นแสงบ่ถึงข้า...........................................ใจหวิว
จิตเพ้อจนจวนบ้า.......................................จับจ้อง  คอยคู่
บ่ ต้องแสงทองพลิ้ว...................................กายร้อน จิตระทม
.....................หวังชมแสงคู่เจ้า...................เดือนฉาย
ปะทะลมหนาวกาย.....................................กอดเกี่ยว	
ชมตะวันลับผืนทราย..................................เคียงคู่	
ดั่งน้ำชะชื่นเชี่ยว........................................ชุ่มข้า  สองใจ
.....................สักวันจากยิ้มเย้ย..................ยิ้มเยาะ
เป็นจันทร์เปื้อนหัวเราะ..............................สุขสม
เดือนโปรดบรรเทาเคราะห์.........................ให้ข้า สมคิด
บ่ ต้องลิ้มความขม.....................................ขื่นค้าง คาคลาย
.....................สักวันอาทิตย์โน้ม.................แสงอ่อน
กายจิต บ่ คิดร้อน......................................ห่อนหาย
ขับน้ำตาข้าจร	..........................................จากหน้า
ส่องทางคู่ชู้แจ้ง........................................จบพบสบกัน
......................หากจริงดังข้าขอ.................ขอข้า
ยกเว้นพรากกายา......................................จิตม้วย
เพิ่งพบ บ่  ให้ลา........................................ลับจาก บ่ดี
ข้าขอสัญญาด้วย......................................ชีพนี้ ชีวา
.....................ได้โปรดอย่ากลั่นแกล้ง.......มนุษย์
สิ่งใดเกินแรงสุด......................................ข้าขอ
ดั่งร้อยกรองบุษ-.......................................บาบาน ดารา
คุณตะวันจันทร์พ่อ....................................ข้าบ่  ลืมเลือน
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกวีปกรณ์
Lovings  กวีปกรณ์ เลิฟ 1 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกวีปกรณ์