15 สิงหาคม 2554 14:35 น.

ภวาลัย (เข้ารอบสุดท้ายรางวัลพานแว่นฟ้า 2554)

กระบี่ใบไม้

๑๑๘ - สรรพสิทธิ์  
ก่อนไตรรงค์เคยสถิตอยู่ที่นี่
เหนือบริเวณของแผ่นผา เป้ยตาดี 
คงเหลือเพียง...เวลานี้...แค่ฐานธง...

.................................................

ศีรศิขเรศวร อันควรค่า
ผู้ยิ่งใหญ่แห่งภูผาซึ่งงามระหงส์
เพชรมงกุฎแห่งพนาผู้อ่าองค์
ภวาลัยของเผ่าพงศ์...เจ้าวรมัน


เสียงปืนใหญ่ดังร้าวเลื่อนสะเทือนฟ้า
เทวราชแห่งราชาผู้ครองสวรรค์
ท่านคงทอดพระเนตรมาจากหน้าบัน
เจริญ-เสื่อม,เกิด-ดับ นั้นมิผันแปร

ท่ามกลางเสียงของกลองศึกระทึก - พราก -
ล้านเศษซากกองก่ายกันดุจร่างแห
อดีตกาลผันผ่านไป...ไทย-ขะแมร์
ไม่เคยเรียนรู้ธาตุแท้แห่งสงคราม

เบื้องหลังโคอุศุภราช...ท่านอาจเห็น
สายเลือดไทยไหลกระเซ็นมิอาจห้าม
ฤาหยดเลือดกัมพูชาไม่ไหลตาม?
เซ่นเหล็กในฝรั่งทรามผู้เคยชนะ

เขาผู้เคยก่อความหลังอีกฝั่งโลก
คงหัวเราะจนฟันโยกอยู่ทุกขณะ
ทุกครั้งที่เสียงปืนดัง ณ ฝั่งปะทะ
ที่ไหลนองปริ่มแก้มชะคือน้ำตา

.................................................


๑๑๘ - สรรพสิทธิ์ 
ธงไตรรงค์เคยสถิตเบื้องแผ่นผา
แต่ไม่ว่าธงไทยหรือกัมพูชา
ต่างก็คลุม...ศพทหารกล้า...เทียมเท่ากัน








บทขยายความเพิ่มเติม

ภวาลัย เป็นบริเวณสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ ซึ่งกษัตริย์ชัยวรมันที่ 2 ได้ทรงกำหนดเขตบริเวณนี้ขึ้นเพื่อทรงมอบแก่เจ้าเมืองที่ครองพื้นที่ในแถบนั้น ซึ่งอยู่ในตระกูล "พระนางกัมพูชาลักษมี" พระมเหสีของพระองค์เอง 
๑๑๘  สรรพสิทธิ   รอยสักในพระหัตย์ของสมเด็จพระเจ้าน้องยาเธอ กรมหลวงสรรพสิทธิประสงค์ ณ ชะง่อนผา เป้ยตาดี ปัจจุบันได้ถูกกะเทาะออกไปแล้ว
เป้ยตาดี เป้ย เป็นภาษาเขมร แปลว่า ชะง่อนผาหรือโพงผา ตามตำนานเล่าว่ามีพระภิกษุชรารูปหนึ่งชื่อ "ดี" จาริกมาปลูกเพิงพำนักอยู่ที่นี่จนมรณภาพไป ชาวบ้านจึงเรียกลานหินนี้ว่า "เป้ยตาดี" หากมองมายังข้างล่างของผาจะมองเห็นตัวปราสาทพระวิหารเหมือนวิมานสวรรค์ลอยอยู่บนฟากฟ้า
ศีรศิขเรศวร นามของปราสาทพระวิหารตามที่ปรากฏในศิลาจารึกเป็นภาษาสันสกฤตแปลว่า ภูเขาแห่งพระอิศวร
โคอุศุภราช พระราชพาหนะแห่งองค์พระศิวะ				
8 กรกฎาคม 2554 16:13 น.

นกอินทรีกับฝูงไก่

กระบี่ใบไม้

กาลครั้งหนึ่ง...มีชาวนา

เก็บไข่นกอินทรีมาก็เลี้ยงไว้

หย่อนไข่ลงที่ในตะกร้าก่อนจากไป

ฝากกับแม่ไก่ไว้ให้ฟูมฟัก


อินทรีน้อยโตขึ้นไปไม่หัดบิน

ฟ้าแสนไกลใต้ดวงจินตน์ไม่รู้จัก

อยู่กับไก่โตกับไก่ด้วยใจภักดิ์

มองท้องฟ้ากว้างขวางนักอยู่เบื้องบน


โน่นแน่ะนกอินทรีทองผู้ท่องฟ้า

ผู้ยิ่งใหญ่แห่งเวหาทุกแห่งหน

สง่างามท่ามกลางฟ้า...อย่างน่ายล

ชีวิตนี้ข้าบินพ้นถึงถิ่นใด?


เพื่อนไก่ที่อยู่ข้างข้างต่างร้องว่า

ไก่เคยอยู่บนท้องฟ้าแต่ครั้งไหน?

เกิดกับดินตายกับดินจนสิ้นใจ

เจ้าจงเจียมตนเอาไว้...อย่าเหิมตน


.......................................


ภาพอินทรีลับขอบฟ้า...พ้นตาแล้ว

ลูกอินทรีเริ่มหม่นแววหมองปลายขน

แก่อย่างไก่ ตายอย่างไก่ ไร้ดิ้นรน

เพราะในห้วงดวงกมล...ไม่เหิรบิน






ดัดแปลงจากเรื่อง นกอินทรี โดย ศ.นพ.ประสาน  ต่างใจ เวบ Google				
18 มิถุนายน 2554 14:56 น.

ลำนำจอมยุทธ์ ตอน สุราขุ่น – สุราดี

กระบี่ใบไม้

มองสุราเหลืองขุ่นในจอกน้อย

กลับไม่เคยขมกร่อยยามสุขสันต์

เหล้าจากมือมิตรสหายน้อมกำนัล

ดื่มนับพันพันจอกไม่เลิกรา


สุราดียามขมขื่นสะอื้นหวน

คิดทบทวนยิ่งระทมขื่นขมปร่า

เหล้าจอกเดียวเมื่อยามเหงาเศร้าวิญญา

เมายิ่งกว่าเหล้าพันไห...ในจอกเดิม				
18 มิถุนายน 2554 14:46 น.

นิทานเซ็น ตอน นักหมากรุกผู้แสวงหา

กระบี่ใบไม้

ชายหนุ่มเดินไปหาพระอาจารย์

บอก ต้องการบรรลุธรรมจะได้ไหม

อาจารย์ถามว่า ถนัดในสิ่งใด

ชั่วชีวิตของข้าฯไซร้ไม่มีดี


ชีวิตข้าฯเกิดในครอบครัวร่ำรวย

ทุกสิ่งล้วนเอื้ออำนวยให้สุขี

ไม่ต้องทำงานหนักเพียงเลี้ยงชีวี

หากยังมีความถนัด...คงเรื่องเดียว


ข้าฯเป็นนักหมากรุกผู้เชี่ยวชาญ

ซุ่มฝึกปรืออยู่ช้านานการขับเคี่ยว

อาจารย์เรียกพระรูปหนึ่ง อย่าช้าเชียว

ถือกระดาน,หมากลดเลี้ยวรีบหอบพา


หยิบดาบขึ้นชี้ช่องว่างที่กลางกระดาน

จงเดินหมากตามต้องการอย่าชักช้า

ถ้าพระแพ้พระก็ต้องเสียหัวมา

หากท่านแพ้เราก็ฆ่าท่านเช่นกัน


ชายหนุ่มเดินหมากยากเหลือเหงื่อโทรมกาย

ชีวิตแขวนบนเส้นด้ายยิ่งเสียขวัญ

ขณะที่หมากบรรเลงเพ่งโรมรัน

มองเห็นพระเริ่มคับขันค่อยเสียที


พระยังเดินหมากนั้นอย่างสงบ

แววจริงใจไม่รานรบเหนือหมากนี้

ท่ามรอยยิ้มสุดเมตตาแสนปราณี

หนึ่งชีวิตของเรามีค่าเพียงใด


เนื้อนาบุญแห่งพระธรรมชี้นำโลก

สมควรพบวิปโยคก็หาไม่

ชายหนุ่มนั้นพลันรู้ตัวตัดสินใจ

ราข้อหมากละชิงชัยต่อสู้พลัน


ขณะที่เพลงหมากนั้นไม่ทันจบ

อาจารย์ก็พลิกตลบกระดานนั่น

บอกว่า หมากสองท่านนี้เสมอกัน

ไม่มีใครถูกฆ่าฟันเลือดไหลนอง


ไม่ต้องการชนะใดจากใจท่าน

สรรพสัตว์มีชีวันเที่ยวลอยท่อง

สมณะถือปราณีเป็นครรลอง

ส่งเวไนย์สัตว์ทั้งผองสู่ทางธรรม


ชายหนุ่มยิ้มอย่างเต็มตื้นและตื่นรู้

กระดานหมากไร้ศัตรูให้เหยียบย่ำ

ทุกชีวิตถูกลิขิตด้วยมือกรรม

ใต้กระดานหมากพลิกคว่ำ...มีหนทาง				
17 มิถุนายน 2554 14:36 น.

สุนทรภู่ อมตะกวีผู้อยู่เหนือกาลเวลา

กระบี่ใบไม้

เสียงเพลงปี่พระอภัยไหวเพริศพริ้ง

งดงามยิ่งถ้อยบรรเลงดั่งเพลงสวรรค์

ผู้ขานขับอักษราเข้าฝ่าฟัน

จารึกทุกถ้อยคำนั้นสู่โลกา


สถิตทุกถ้อยคำไว้ที่ในโลก

ขีดทุกสุขเขียนทุกข์โศกในแหล่งหล้า

จารถ้อยคำดังของขวัญจากชั้นฟ้า

สู่พิภพแห่งโลกา...มหากวี


สะท้านในทุกนิยามความรู้สึก

อึกทึกมิ่งมโนทุกถิ่นที่

สะท้อนเสียงทุกทิวาและราตรี

อ้อยอิ่งในห้วงฤดีนับกัปกาล


น้อมคำนับ...ถึงวันนั้น...ท่านผู้นี้

ผู้สรรถ้อยร้อยวลีซึ้งแสนหวาน

ผู้หยัดอยู่ในหัวใจมาเนิ่นนาน

แก้วกวีก้องกังวานสะท้านไกล


เสียงเพลงปี่พระอภัยไหวเพริศพริ้ง

ถักทอยิ่งสร้อยมาลาภาษาไสว

หนึ่งในโลกแห่งบทกลอน...สะท้อนใจ

พลิกโลกไกวไหวโลกแกว่งด้วยแรงคำ









26 มิถุนายน ของทุกปี 
รำลึกถึงพระสุนทรโวหาร(สุนทรภู่) บุคคลสำคัญของโลกในด้านวรรณกรรม จากองค์การยูเนสโก้
สุดยอดกวีเอกแห่งสยามประเทศ ทั้งจากในอดีตจนถึงปัจจุบัน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระบี่ใบไม้