15 กันยายน 2553 19:16 น.

ตอ

กระบี่ใบไม้

เมื่อมาถึงครึ่งทางหว่างการขุด

งานเร่งรุดต้องสร้างต่อ-การก่อสร้าง

เจอหัวตอหัวหนึ่งเด่นกลางเส้นทาง

ถามใจช่างเดินต่อไปหรือไม่ดี


ถ้าเร่งขุดต่อไปเดินไม่หยุด

จำต้องขุดตอข้ามตามหน้าที่

ใจสะดุดตอหวั่นขึ้นทันที

จะเดินลี้หลีกรื้อหรือรีรอ


มีหน้าที่ขุดต้องทำจำต้องขุด

จะเร่งรุดกลบปิดงำหรือทำต่อ

แก่นกระพี้มีหัวหลักปักหัวตอ

จะระย่อเดชกระด้างหรือยางอาย


ถ้าคุณตัดสินใจเดินไม่หยุด

จำต้องขุดรากให้เห็นถึงเส้นสาย

คนข้างหลังไม่เผชิญเดินง่ายดาย

สู้จนหมดหยดสุดท้ายสายเลือดคุณ


แต่ถ้าคุณตัดสินใจจะไม่ขุด

ปล่อยให้คนเดินหลังสุดเขาหัวหมุน

ไม่เสียเหงื่อเลยสักหยาดให้ขาดทุน

คนหลังเพลินเดินกันวุ่นบรรลัยทาง


ในเมื่อมีสองทางกลางหน้าที่

ก็ย่อมมีงานให้เหนื่อยใจบ้าง

ถ้าไม่คิดจะฝ่าดงจงระวาง

อย่าทำครึ่งครึ่งกลางกลางระหว่างงาน


สรุปแล้วคุณว่าไงขุดไม่ขุด

จะเร่งรุดหลบข้างทางหรือล้างผลาญ

จะไม่ถามถึงสังคมอุดมการณ์

แต่จะถามถึงสันดานของตัวคุณ







เอากลอนเก่าๆมาฝากขอรับ...(คั่นเวลานิทานเซ็น)				
14 กันยายน 2553 21:52 น.

นิทานเซ็น ตอน สองขาเหยียดแข็งสองตาปิดสนิท

กระบี่ใบไม้

พระโพธิธรรมเดินทางสู่ทิศเหนือ

พบนกน้อยหนึ่งเศร้าเหลือในกรงขัง

ได้โปรดชี้แนะหนทางแห่งกำลัง

อิสรภาพข้ามุ่งหวังคือโผบิน


ขอให้ขาทั้งสองข้างจงเหยียดแข็ง

และให้สองตาที่แจ้งจงปิดสิ้น

แว่วคำสอนโพธิธรรมดังน้ำริน

เจ้านกก็หมดแล้วสิ้นความกังวล


เจ้าของนกหวนคืนทับกลับเคหา

มองดูนกที่เลี้ยงมาแต่เริ่มต้น

ขาเหยียดแข็งตาปิดไปไร้ดิ้นรน

จึงตกใจมากเหลือล้น...หรือมันตาย?


ทันทีที่หยิบนกลงจากกรงขัง

สองขาก็มีพลังดังหวังได้

สองตาลืมสู่โลกฝันอันท้าทาย

ยกร่างด้วยปีกสยาย...ก่อนโผบิน












พระโพธิธรรมหรือ ตะโมภิกขุ หรือ ตั๊กม้อ สันนิษฐานว่าเป็นเจ้าชายแห่งแคว้นคันธารราษฎร์ ประเทศอินเดียในสมัยโบราณ(ปัจจุบันคือประเทศอัฟกานิสถาน) เดินทางยาวไกลมาเผยแผ่ธรรมในประเทศจีน โดยได้มาจำวัดที่วัดเส้าหลิน โดยเป็นสังฆปรินายก องค์แรก ของจีนแผ่นดินใหญ่
สิ่งที่น่าสังเกตจากตำนานเรื่อง สองขาเหยียดแข็งสองตาปิดสนิท ของพระโพธิธรรมนี้ ก็คือทำไมท่านไม่ช่วยเหลือเปิดกรงให้นกตัวนั้นบินจากไปทั้งที่ท่านสามารถทำได้ เพราะปริศนาธรรมนี้ต้องการจะสอนให้รู้ว่า การช่วยเหลือที่ดีที่สุดนั้น ไม่ใช่การกระทำให้ แต่เป็นการ ชี้ทางแห่งปัญญา ให้สามารถหาทางแก้ปัญหาต่าง ๆ ได้ด้วยตนเองต่างหากจึงจะเป็นการช่วยเหลือที่เที่ยงแท้
เรื่องของพระอาจารย์ตั๊กม้อนี้ มีเรื่องเล่าเชิงอภินิหารมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือท่านสามารถเหยียบต้นอ้อข้ามแม่น้ำได้ ซึ่งก็คือการหลุดพ้นจากกองกิเลส และอยู่เหนือสายน้ำแห่งวัฏสงสารทั้งปวงนั่นเอง				
13 กันยายน 2553 08:22 น.

นิทานเซ็น ตอน พระพุทธรูปไม้

กระบี่ใบไม้

พระสองรูปเดินเข้าไปในวัดร้าง

กลางค่ำคืนแสนอ้างว้างและเหน็บหนาว

ไร้เศษฟืนต่อสู้กลางน้ำค้างพราว

เอาพระไม้ที่แตกร้าวแทนเชื้อไฟ


พระที่เดินร่วมทางกันนั้นแสนโกรธ

บอกว่า ท่าน...นั้นมีโทษอันยิ่งใหญ่

เผารูปพระพุทธองค์อย่างจงใจ

ท่านถือบวชได้อย่างไร...ไร้ศรัทธา


อาตมา...หาพระธาตุจากพระพุทธ

หวังค้นพบแก้วพิสุทธิ์กลางแสงจ้า

ท่านจะพบพระธาตุใดในแววตา

เมื่อสิ่งที่ท่านถือมาคือท่อนไม้


พระอีกรูปบอก ฉันใดก็ฉันนั้น

คนโง่เขลากอดหมอกควันเมื่อ-ยามสาย

หวังค้นพบพระนิพพานอย่างงมงาย

ตื่นเช้าขึ้นคงหนาวตาย...รับอรุณ				
12 กันยายน 2553 11:11 น.

นิทานเซ็น ตอน กระนั้นหรือ

กระบี่ใบไม้

สาวงามหนึ่งเกิดมีท้องไม่ต้องการ

บอกเป็นบุตรของอาจารย์ที่วัดนั่น

ท่ามกลางเสียงก่นด่าสารพัน

กระนั้นหรือคำเดียวนั้น...ท่าน...เอ่ยคำ


เสียงประณามหยามหมิ่นเริ่มฟุ้งเฟื่อง

ประชาชนทั่วทั้งเมืองล้วนเหยียบย่ำ

ตกเช้าขึ้นก็มีเด็กตาดำดำ

วางหน้าวัดที่ประจำ...ท่าน...บำเพ็ญ


ยามไร้นม...ไปขอนมจากเพื่อนบ้าน

คอยอุ้มชูอยู่ช้านานล้วนยากเข็ญ

หนึ่งปีก่อนที่เด็กนั้นจะพูดเป็น

ไม่บ่นคำว่า ลำเค็ญ แม้คำเดียว


สะท้อนในหัวอกเร้นผู้เป็นแม่

ลูกตัวเองแท้แท้ไม่แลเหลียว

ยิ่งหนาวในหัวใจสั่นกระชั้นเกลียว

ตกนรกแท้เทียวที่หลอกลวง


พ่อแม่จ๋า...ลูกขอสารภาพผิด

ลูกได้สร้างบาปชีวิตอย่างใหญ่หลวง

พ่อของเด็กที่ลูกรักดังแดดวง

คือคู่ควงคนขายปลาหน้าบ้านเรา


ทันทีที่ข่าวจริงแท้แพร่สะพัด

ประชาชนโดยรอบวัดก็ร้อนเร่า

ขอขมาลาโทษที่โฉดเบา

เป็นความผิดของพวกเราที่เขลาลือ


ในรอยยิ้มที่เต็มเปี่ยมเมตตานั้น

...ท่าน...กล่าวเพียงคำสั้นสั้น กระนั้นหรือ

หนึ่งชีวิตเด็กรอดมาด้วยน้ำมือ

กระนั้นหรือ ออกเสียงสั้น...แต่มันยาว






คำว่า...ท่าน...ในที่นี้หมายถึงพระอาจารย์ฮาคุอิน
พระอาจารย์ฮาคุอิน เป็นปรมาจารย์เซ็นสายรินไซ นาม ฮาคุอิน แปลว่า ห่อหุ้มด้วยสีขาว 
และสีขาวของท่านนั้นก็เป็นสีขาวที่สะอาด บริสุทธิ์ และสูงส่ง เกินกว่าคำประณามหยามหมิ่นจากความเข้าใจผิดใดๆ จะสามารถแทงทะลุเข้าไปได้... 
คำว่า กระนั้นหรือ ของท่านในครั้งนั้น จึงเป็นที่โจษขานต่อมาจนเท่าทุกวันนี้				
10 กันยายน 2553 18:46 น.

นิทานเซ็น ตอน เรื่องของความเชื่อฟัง

กระบี่ใบไม้

พระอาจารย์ผู้หนึ่งชื่อ เบ็งกะอี

เลื่องชื่อเรื่องเทศนาดีรู้กันทั่ว

พระนิกาย นิชิเรนหนึ่งเมามัว

จิตขลาดกลัว ริษยาอิจฉาธรรม


ประกาศกลางที่ประชุม - ชุมนุมว่า

หากว่าท่านนั้นเก่งกล้าดังคำพร่ำ

จงสอนสั่งข้านี้เพื่อเชื่อถือคำ

หากข้าเชื่อตามท่านนำ...ข้าขอยอม


พระอาจารย์ เบ็งกะอีกล่าว นี่ท่าน -

จะบอกให้รู้ทั่วกันว่าฉันพร้อม

มานี่สิ...หากท่านไซร้ใช่ของปลอม

พระใจมืดก็เดินอ้อมไปตามคำ


ท่านโปรดอ้อมมาทางขวาของฉันหน่อย

ฉันจะเริ่มกล่าวธรรมร้อยอันเลิศล้ำ

ที่ตรงนั้นมืดไป,ไม่กล่าวธรรม

พระใจบอด ไม่ต้องย้ำ ข้าไปเอง


พระอาจารย์บอก ทางขวาดีกว่าไหม

ดูตรงนี้สว่างไป,ใจร้อนเร่ง

อ๋อ...ได้เลยฉันไม่เคยจะหวั่นเกรง

ตอนนี้ท่านพร้อมบรรเลงได้หรือยัง...


พระอาจารย์ เบ็งกะอีจึงชี้ว่า

ท่านเชื่อฟังฉันแล้วหนา - ดูพร้อมพรั่ง

เมื่อท่านเดินตามสั่งแล้วก็จงฟัง

หลบตรงนี้หาที่นั่ง...อย่าบังคน!!!				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระบี่ใบไม้
Lovings  กระบี่ใบไม้ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระบี่ใบไม้