1 มิถุนายน 2549 22:30 น.

::ความมืดอันสว่างไสว::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



1.   พ่อหลับตาเล่นเพลงนี้ได้นะ

2.   ก็คงเหมือนอีริก แคล็ปตั้น  เวลาแกหลีด แกหลับตาปี๋

3.   ไม่รู้ว่าแก่ทรมาน หรือแกมีความสุข

1.    พ่อว่า   เป็นการดำดิ่งเข้าไปภายใน ไม่น่าจะเป็นความทุกข์ทรมาน

2.    กว่าจะทำอย่างนั้นได้  เขาฝึกนานไหม

1.     น่าจะนานนะ   เคยอ่านที่ว่า   นักกีตาร์ ฉายากีตาร์ปืน  เฉพาะซ้อม
        ก็วันละ 8 ชั่วโมง

3.     ไม่ฝึก  ก็ไม่เก่ง

1.      ช่าย

2.     พ่อว่าผมจะเล่นแบบนั้นได้ไหม

1.     แล้วหนูเชื่อว่าจะได้ไหม

2.      ผมว่าต้องได้แน่  เพราะกลับมาจากโรงเรียน ผมจับมันทุกวัน

1.     ลูกทบทวนดูซิ   วันแรกที่พ่อเอากีตาร์มาให้   
        หนูดีดมีเสียงทึบหรือใส

2.    ทึบ

3.    ขณะที่วันนี้ไม่ใช่แค่ใส
       มันเป็นท่อนหนึ่งของเพลงเลยแหละ ใช่ไหมพ่อ

1.     ฮื่อ...เพลงอะไรนะ

2.     ชะตาชีวิตครับ

3.      พ่อลองเล่นแบบหลับตาอีกซักรอบซิครับ

1.     ได้ซี



         "นกน้อยคล้อยบินมาเดียวดาย...............

				
31 พฤษภาคม 2549 01:10 น.

::ข้าพเจ้าถามข้าพเจ้า::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



   ถ้าถามว่า..
   คนควรเกิดมาเพื่อพ่ายแพ้หรือไม่


    ข้าพเจ้าคิดว่าไม่


    ตั้งแต่เริ่มต้นแล้ว  ทุกคนคือผู้ชนะ


    ชนะอุปสรรคของการเกิด

    ชนะความยาก ความลำบากของการดำรงอยู่


    
    การฝ่าฟัน
    น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเดินทางของชีวิต
    ของผู้ชนะทั้งมวล
    


    


    จริงหรือไม่ว่า..
    สิ่งที่บรรดาผู้ไปถึงฝั่งทั้งหลายต่อสู้อย่างเอาเป็นเอาตาย
    และได้มาคือ

    ความเป็นไทต่อหัวใจตน



    

    				
28 พฤษภาคม 2549 17:49 น.

::ทะเลซุงทะเลฉล::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์




ทะลักทะเลซุง...............
คราวน้ำพุ่งทำนบพัง

อันเรืองที่เบื้องหลัง........
คือการฉลบังฉากฉาย

โน่นนี่กี่กลุ่มก้อน..........
อุบาทว์ซ้อนแฝงโอบาย

น้ำมาจึงพาพ่าย.............
บ อาจซ่อนอันแอบเอา



				
27 พฤษภาคม 2549 02:45 น.

::ภาพธรรมน้ำมิตร::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



1.  ผมตื่นขึ้นมาตอน 0:45 น.
     เพราะหมาเห่าคนที่เดินผ่านหน้าบ้านมา

     นาทีที่ผมนิ่งสังเกต
     ผมเห็นคนผู้นั้นพูดโทรศัพท์ 
     แสงเรืองจากหน้าปัทม์มือถือ ระบุตำแหน่งและการทรงตัวยืน
     ของเขาว่าเกือบซวนเซ

     และอีกไม่กี่อึดใจ
     เสียงรถเครื่องขับช้าจากท้ายซอยก็ดังใกล้มายังจุดที่เขายืน

     
2.   แวบหนึ่งระหว่างดูการณ์อันเป็นไป
      ผ่านช่องหน้าต่าง  ผมได้เหลือบเห็นดาวระยิบเต็มฟ้าเหนือยอดไม้
      ที่ผมลืมเกือบสนิทตลอดหลายวันที่ผ่านมา
      ว่าฟ้ายังมีดาวแขวนเกลื่อน
      


3.   แสงไฟของรถเครื่องที่ใกล้เข้ามา
      ฉายให้เห็นจังหวะขยับเคลื่อนของคนที่ปากซอย
      
      ซึ่งยืนยันว่า สายตาและการคาดเดาของผมถูกต้องพอใช้


      เมื่อรถหยุดตรงปากซอย  ผมก็จับรายละเอียดได้ว่า
      คนขี่รถเครื่องน่าจะเป็นใครและคนที่ยืนเกือบโงนเงนอยู่ตรงนั้นเป็นใคร



      ไม่นาน  รถเครื่องก็เคลื่อนออกไปจากตรงนั้น
      และอีกไม่นานนักรถคันเดิมก็ย้อนกลับเข้ามาในซอย
      ไปหยุดที่ท้ายซอยดังเดิม


      
       ณ  ช่วงหลายนาทีนั้น  ผมได้แวบนึกย้อนไปถึงเรื่องคุณธรรมน้ำมิตร
      ในหนังสือเล่มใหม่ที่เพิ่งได้มาและอ่านไปแล้วครึ่งเล่มเมื่อตอนกลางวัน

       
     

       อืม..
    
       คืนนี้ผมโชคดี
       ที่ได้ตื่นขึ้นมาทันเห็นบางสิ่งบางอย่างที่ผมนึกว่า
       มันได้จางหายไปจากจิตใจของใครต่อใครหลายคนแล้ว
       ในสังคมอันแก่งแย่งข้นเข้มนี้



       
      
      
     				
15 พฤษภาคม 2549 20:37 น.

::ระหว่างจิบไวน์รอจันทร์::

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


     สองวันมานี้   ข้าพเจ้ารู้สึกเหงาอย่างบอกไม่ถูก
      
      ความรู้สึกเช่นนี้ทำให้อ่านหนังสือได้น้อยมาก

      และหัวใจก็ไม่นิ่งพอที่จะรับรสของถ้อยคำใดๆ 

      

      เมื่อหันไปหาดนตรี

      ข้าพเจ้าก็คาดหวังว่า  

      สำเนียงและสัมผัสระหว่างใจกับเส้นสายของเครื่องดนตรีนั้น

      จะช่วยบรรเทาความรู้สึกเปลี่ยวคว้างลงได้บ้าง

      แต่การณ์ก็หาได้เป็นเช่นที่คาดหวังไม่


      ยิ่งเล่นข้าพเจ้ายิ่งรู้สึก  ล้า    
 
       ล้าในส่วนลึกของห้วงใจ


       อาจเป็นเพราะเวลานี้ 
 
       ข้าพเจ้าได้สูญเสียที่ซ่อนอันปลอดภัยของตนไปแล้ว

        และไม่มีที่หมายอื่นใดที่จะหลีกเร้นไปหลบซ่อนหัวใจดวงเขลาด้วย



         บัดนี้..

         เมื่อกาลเวลาสำหรับความขลาดไม่มีอีกต่อไป

         และเวทีสำหรับผู้อ่อนไหวก็ไม่มีอีกแล้วเช่นกัน



         
          เช่นนั้น

          จึงคงถึงเวลาแล้วที่ข้าพเจ้าจะละออกมาจากโลกของจินตนาการ
          ที่ข้าพเจ้าเคยซ่อนตัวโดยรู้สึกว่าปลอดภัยอย่างที่สุด

          มาสู่โลกจริง ๆ
          

          บางที
          อาจเป็นเพราะข้าพเจ้ากลัวเจ็บ


          ข้าพเจ้าจึงไม่ได้ร่องรอยแผลเป็น
          อันทำให้หัวใจแกร่งและกร้านได้เสียที


     
      

      				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์