26 เมษายน 2547 21:39 น.

ละมุดออกลูกเป็นฟัก?!

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


จะเป็นไปได้ อย่างไรกัน
ละมุดมันมีกิ่งใบแบบไหนเล่า
ส่วนฟักเขียวฟักหอมลูกย่อมเยา
ก็เกือบเท่าโหนกวัวเท่าหัวลิง

ถ้าเป็นได้ก้านใบคงหักราน
ไม่อาจทานแรงถ่วงที่หน่วงกิ่ง
ฟังแล้วเหมือนเพ้อพกตลกจริง
ครั้นจะนิ่งก็ระแวงคลางแคลงใจ

คนที่พูดรุ่นราวคงคราวน้า
เดาน้ำเสียงและสีหน้า  มาไม้ไหน
สวนของแกห่างบ้านเราไม่เท่าใด
คืบเท้าไปก็คิดพรางต่างต่างนานา

จะเอายอดมาเปลี่ยนยอดก็ต่างเยื่อ
หากเปลี่ยนได้ก็จะเชื่อบ้างหรอกว่า
ละมุดออกลูกเป็นฟักประจักษ์ตา
และอาจออกลูกเป็นหมากับเป็นแมว

พอไปถึงจึงร้องอ๋อหัวงอหาย
ฟักออกลูกมากมายเป็นทิวแถว
บนต้นของต้นละมุดจนสุดแนว
เห็นความจริงเข้าแล้วจึงแจ่มใจ




เมื่อราคาของละมุดฉุดไม่อยู่
คนปลูกมากก็ตกลู่ลงไปใหญ่
ด้วยแรงแค้นความขัดสนจะบ่นไป
กลัวขัดใจนายเมืองมีเรื่องราวราว

จึงประชดเทวาและฟ้าดิน
เอาละมุดเพียงไว้กินเป็นกับข้าว
คาดไม่ถึงแค่นิดเดียวก็เกรียวกราว
เมื่อฟักเขียวใหญ่ยาวขึ้นเยอะแยะ

เมื่อละมุดกลับมาราคาดี
น้าก็มีละมุดใหญ่ขายอีกแหละ
เออแบบนี้ก็เข้าทีดูดีแฮะ
ไม่ได้แนะเพียงแต่นึกขำนิดนิด

ว่าน้านึกขึ้นได้อย่างไรกัน
เกษตรกรตอนนั้นต่างเสพติด
การรอคอยราคาประกันอันยอดฮิต
ไม่ได้คิดทางอื่นไหนเป็นไทยตัว

เมื่อละมุดออกลูกมาเป็นหมา
ได้พันธุ์ดีมีราคามิใช่ชั่ว
ลูกน้าจึงไม่จนตรอกกับคอกงัว
เพราะพ่อเขาเป็นดอกบัวพ้นน้ำบาน

สติและปัญญา เป็นของดี
ยิ่งหา ยิ่งมี ทุกสถาน
มีแล้วใช้กอปรกิจการงาน
จะให้ผลหอมหวานสำราญเอย .				
26 เมษายน 2547 12:08 น.

อยากเจอคนจริงใจ มีไหมแถวนี้...

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



ชื่อเรื่อง ผมยกมาจากเพลงลูกทุ่งทั้งดุ้น
แน่นอนผมกำลังจะพูดถึงเรื่องความรัก
ขอพูดถึงบ้างเถอะน่า
คุณพูดถึงความรักแล้วคนติด กัน..          ตรึม!!
--------------------------------------------------
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
21 กุมภาพันธ์ 2547




นี่เลยวันแห่งความรักมานานแร้ว(ล.ลิงหายไป-อัสนีและวสันต์ว่า)
แต่ความรักก็บ่แคล้วทำใจไหว(ไม่ได้คิดว่าจะทำใจในเรื่องรัก-เพราะรักนั้นทำให้หวามเสมอ)
รักนั้นหวานว่าปานอ้อยก็น้อยไป(หวานมากดูที่ยิ้ม)
รักเติมใจอยู่บ่จางอยู่ข้างรัก(ใช่-ผมเลือกที่จะอยู่ไม่ใช่หันหลังจาก)

ก็ด้วยรักก่อรูปที่ละน้อย(เธอก็คงจำได้วันแรกที่เราเริ่ม- มันไม่ใช่รักแรกพบ มันเป็นความใส่ใจกันตามที่ควรจะเป็นของคน)
แล้วรักค่อยแน่นแฟ้นแล้วแน่นหนัก
จนเมื่อคุยเรื่องหัวใจให้ชัดคัก
จึงเอ่ยถึงเรื่องหลักเรื่องรักเรา


ว่าจะเริ่มครอบครัวกันอย่างไร
เพื่อจะไม่แยกทางเหมือนอย่างเขา
เพื่อจะอยู่ครองกันอย่างนานเนา
จนแก่เฒ่าเบาใจไม่รุ่มร้อน

แล้วก็ทำตามนั้นตามสัญญา
ความรักจึงมีค่าขึ้นกว่าก่อน
รับผิดชอบหัวใจไม่แคลนคลอน
รับผิดชอบตอบย้อนไม่คลอนแคลน

หวานอย่างไรก็ไม่ทิ้งสิ่งควรทำ
แม้นต้องช้ำขมขื่นเป็นหมื่นแสน
เมื่ออยู่ในโลกทุกข์-สุขแกนแกน
ก็หาแผนที่ใจไว้ดูทาง

น้อยก็อดทนเอาหาเข้าออม
ไปก็เตรียมให้พร้อมไว้ทุกอย่าง
อยู่ก็สรรค์วันดีด้วยที่ทาง
คิดถึงวันพรุ่งพลางแม้คางยาน

เตรียมสิ่งใดไว้ให้คนรุ่นโหลน
ไม่ใช่มากแต่ซากโขนกับสุสาน
คิดไกลไกลไม่ใช่รักแบบดักดาน
คิดถึงบ้านเมืองด้วยช่วยให้ดี

ให้พวกเขาเนาเย็นเป็นคนสุข
ไม่ใชคนทนทุกข์ทุกถิ่นที่
ให้เขาได้ให้เขาเห็นสิ่งเด่นดี
คุณภาพชีวีมิแร้นแค้น

ทำการใหญ่ทำได้ไหมในการเล็ก
ทำเพื่อเด็กในดงอื่นอีกหมื่นแสน
ดงน้ำครำดงผู้ดีดงต่างแดน
ที่ขาดรักก็บ่แม่นจะนิดน้อย

อยากเจอคนจริงใจมีไหมแถวนี้
อยากเจอคนดีดี-ก็คงเจอแถวนี้บ่อย
ดีเพื่อตนแล้วเพื่อคนอีกหลายร้อย
หวังจิ๊บจ๊อยเท่านี้มีไหมเออ 


--------------------------------------------------

หวังจิ๊บจ๊อยแค่นี้ดีไหมเออ				
26 เมษายน 2547 06:57 น.

รับขวัญลมตะวัน-พี่ของปานตะเว็น

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


รับขวัญลมตะวันผู้กลับมาสู่อ้อมอกพ่อ
ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
-----------------------



มาล้อมวงเถิดพี่น้องร้องเรียกขวัญ
ลมตะวันแก้วตาลูกยาเอ๋ย
จากเถื่อนเขาลำเนาไพรไม่คุ้นเคย
มาเนาเชยแนบชิดสนิททรวง

กินข้าวผีให้เจ้าฮากสำรากพลัน
หมากผีมันเล่ห์แรงแสลงหลวง
คายคำหมากอันพวกสางมันสร้างลวง
เพื่อหลอกดวงใจจ้อยไปต่อยตี

เมื่อเจ้าไปใครเขาก็เหงาหงอย
ลุงป้าคอยแก้วตาอย่าเบือนหนี
สู่อ้อมอกอย่าตกใจกับไมตรี
ความใยดีคือความหมายสายสัมพันธ์

เจ้ากับน้องต่อไปก็ใหญ่โต
ส่วนพ่อโซเสื่อมไปในธาตุขันธ์
ปานตะเว็นเป็นน้องลมตะวัน
จงรู้จักรักกันปันอาทร

ผูกข้อมือความหมายคือคลายเบา
จากความทุกข์ความเศร้าในคราวก่อน
กับผูกจิตสนิทสนมสุขสมพร
พ่อเรียกขวัญเป็นกลอนเป็นตอนไป

ลมตะวันอย่าขวัญเสียละเหี่ยโหย
อย่าโอดโอยว่าใยหนอพ่อผลักไส
ไปเรือนปู่อยู่ต่างบางอยู่ทางไกล
พ่อจนใจกับมีกรรมมันจำเป็น

เมื่อเข็ญข้นปนร้าวมันเบาลง
พ่อก็ตรงมารับเจ้าไวเท่าเห็น
ปู่กับย่ารักเรามากเห็นยากเย็น
ดูแลเจ้าตั้งแต่เป็นเด็กอมมือ

ลมตะวันขวัญตาอย่าเคืองพ่อ
ปานตะเว็นนั้นก็อย่าดึงดื้อ
มีอะไรให้ปรึกษาและหารือ
พี่ชายคือหัวแหวนแทนบิดา

	วันวานคือวันช้ำเราลำบาก
เมื่อตกยากบางคนเห็นเราเป็นหมา
เพราะข้าวสารกรอกหม้อต้องขอมา
แอบกินข้าวกับน้ำตาในซอกครัว

	 วันนั้นหม่นหมองเกือบร้องไห้
มาวันนี้ ดีใจได้ยิ้มหัว
ลมตะวันหันมาอย่าหวาดกลัว
ยามคืนรั้วเรือนเราคราวมีกิน

	ญาติพี่น้องล้อมวงอยู่ตรงหน้า
อาอาวป้าลุงใหญ่ไม่เคยหมิ่น
ให้พริกเขือเกลือปลาร้าเป็นอาจิณ
มีใจรินความการุณอุ่นกมล
	
	เสียงร้องรับเรียกขวัญวันบายศรี
เธอจงมีความฝันอันออกผล
คือกล้าแกร่งเป็นแสงชัยให้หมู่ชน
เราทุกคนล้วนนิยมชื่นชมเธอ




-------------------------------------------------
to be  continue				
25 เมษายน 2547 23:54 น.

คำโพะ+ คำเบ๊ะ

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์



เขาค้นคุ้ยถังขยะได้ขนม
เศษลูกอมคนบ้วนทิ้งที่ก้นถัง
หยิบมาเคี้ยวกลืนให้ได้กำลัง
ต่อชีวิตบุโรทั่งไปอีกวัน


เขาร่อนเร่พเนจรเขาจรจัด
เพื่อนฝูงพลัดหลงหายในความฝัน
ลืมถามหาเพื่อนแท้อาทรกัน
ลืมคืนวันเดือนปีที่ผ่านมา


เขาอีกคนมีกะลาวณิพก
ขับบทเพลงตลกแนวสามช่า
ได้เศษเงินจากคนที่มีเมตตา
เพื่อยังชีพไปจนกว่าจะสิ้นใจ


มีอีกมากยากจนเป็นคนจร
ไร้ที่ซุกหัวนอนบ่อนอาศัย
บ้างไส้กิ่วหิวโหยเสี่ยงโพยภัย
แต่เขายังอยู่ได้ไม่ทุกข์ร้อน


ส่วนเราเป็นคนดีมีแขนขา
สมประกอบบ่บอดบ้ามาแต่ก่อน
ใยทุกข์ท้อเสียจนเหมือนคนจร
ควรหยัดยืนขึ้นก่อนจะสายเกิน


อยากจะทำสิ่งใดให้รีบทำ
อย่าไปรอฟังคำพร่ำสรรเสริญ
สิ่งเหล่านั้นเป็นมายามายอเยิน
ใครลุ่มหลงเป็นได้เดินหลงอบาย


ค้นหาความสามารถของตนเอง
แล้วบรรเลงเป็นคุณค่าขึ้นให้ได้
พรสวรรค์นั้นยังซ่อนอยู่มากมาย
พรแสวงจักเปิดผายให้เห็นชัด


ถึงเวลาเหมาะสมจะถึงสุข
แม้กระนั้นความทุกข์ยังขบกัด
เหมือนริ้นเหลือบทากบ้าในป่าชัฏ
ต้องฉลาดหาทางจัดการกับมัน


ทั้งหมดล้วนแต่ต้องใช้ปัญญา
ถ้าอ่อนเขลาเข้าเสาะหาอย่าเห็นขัน
ทางใดดีก้าวไวไปทางนั้น
ทางใดชั่วหลีกมันไปไกลไกล .				
25 เมษายน 2547 09:56 น.

ฝังความหลัง?

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์


 หรือห่างไกลใครล้วนฝังความหลังเสีย
ยามมีทุกข์ท่วมในใจอ่อนเพลีย
ได้แต่ห่อเหี่ยวเปลี้ยเพียงเดียวดาย

มองหนไหนก็พบเข้าแต่เขาอื่น
แม้มากหมื่นแต่ไร้ฝันอันร่วมหมาย
จึงเคว้งคว้างสับสนทุรนทุราย
เก็บกรวดดินหินทรายหมายซบทรวง

บางครั้งแสนหวั่นไหวหัวใจท้อ
ด้วยตีต่ออุปสรรคอย่างหนักหน่วง
แล้วพบกับการแพ้พังลงทั้งปวง
สรุปโลกว่าหลอกลวงแล้วร้าวราน

ลืมความหลังฝังความฝันในวันเก่า
ลืมครั้งเราอาบหมอกพร่างกลางหมู่บ้าน
และแบ่งใจออกเอื้ออยากเจือจาน
ปันแรงใจมาตราบนานก่อนวันนี้

หรือห่างไกลใครล้วนฝังความหลังเสีย
เก็บหัวใจอันอ่อนเพลียอยู่ที่นี่
ในโลกใหม่ใจเก่าเขลาเต็มที
 
ลืมนึกถึงสิ่งดีดี ของวันเดิม .


-----------------------------------------------				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์