8 เมษายน 2547 20:18 น.

พ่อของทั้งเขาและผม

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ปีนี้ทางโรงเรียนให้นักเรียนเตรียมงานวันวิทยาศาสตร์ เพื่อจัดกิจกรรมในวันที่ 18 สิงหาคม เหมือนทุกปี แต่ปีนี้พิเศษตรงที่ผู้ปกครองจะได้รับเชิญมาชมงานทุกคน ทางโรงเรียนจะถือโอกาสประกาศผลการดำเนินงานของโรงเรียนให้ผู้ปกครองทราบ              

ผมได้รับมอบหมายจากครูที่ปรึกษาให้ดูแลนิทรรศการเกี่ยวกับความก้าวหน้าทางวิทยาศาสตร์พันธุกรรม ซึ่งงานในส่วนนี้ของผมก้าวหน้าไปแล้วประมาณ 90 เปอร์เซ็นต์ ผมไม่ห่วงมากนัก ห่วงแต่พ่อเท่านั้น   ว่า  จะมาตามหนังสือเชิญไหม ซึ่ง  ปีที่แล้วพ่อไม่มาดูงาน ทั้งที่รับปากว่าจะมา ข้ออ้างของพ่อคืองานยุ่งนักต้องรีบทำส่งนาย
                     ส่วนหนึ่งของนิทรรศการของผมที่หลายคนชอบคือ การตรวจว่าตัวเองมีหมู่เลือดอะไร เป็นหมู่เอ หมู่บี หมู่โอ หรือหมู่เอบี ซึ่งหมู่เลือดแต่ละหมู่ก็จะมีคำทายเกี่ยวกับนิสัยใจคอ คู่รัก การงานที่เหมาะสม และอะไรอีกหลายอย่างที่สนุก ค่าตรวจก็ไม่กี่ตังค์บางครั้งทำให้ฟรี ๆ ถ้าสนิทกัน หมู่เลือดของผมเป็นหมู่เอครับ น้องทั้งสองคนของผมรวมทั้งแม่ด้วยต่างก็เป็นหมู่โอ มีพ่อคนเดียวที่เป็นหมู่ เอ

                     ผมเป็นลูกคนโตของพ่อ อายุย่างสิบห้าปี เพศที่แท้จริงเป็นเพศหญิง ผมมีประจำเดือนมาแล้วหลายปีแล้ว น้องสาวของผมอายุ*งจากผมกันคนละสองปี ผมไม่ได้คับข้องใจเรื่องเพศอะไรหรอกครับ ผมอยากเป็นผู้ชายก็เพื่อจะได้ปกป้องแม่ ก็เท่านั้น

                    พ่อของผมรับราชการ โดยย้ายจากกรุงเทพฯมาทำงานจังหวัดชายแดนภาคอีสานได้สามปีเศษ ๆ แล้ว เราย้ายที่ย้ายถิ่นมาแล้วหลายหน จนผมไม่แน่ใจว่าตัวเองเป็นคนภาคไหน แต่ไม่ว่าไปอยู่ที่ไหน ๆ พ่อก็เป็นคนเหมือนเก่า คือออกจากบ้านแต่เช้ากลับบ้านเอามืดค่ำ เราไม่ค่อยได้คุยกับพ่อ บางทีเสาร์อาทิตย์พ่อก็ไม่มีเวลาให้เรา ก็มีแต่โล่ข้าราชการดีเด่นหลังตู้เย็นเท่านั้นที่เราเจอทุกครั้งยามหิวน้ำเดินเข้าไปเปิดเอาขวดน้ำมาดับความกระหาย


แม่คะ พ่อไปไหน น้องเล็กถาม
ไปทำงาน
งานอะไร ห้าทุ่มก็ยังไม่กลับ ตัวผอมคนเดิมพูด
อย่ามาซักไซ้ โน่น ไปดูทีวีโน่น

                      หลัง ๆ มานี้ แม่อารมณ์เสียเสมอเมื่อถามถึงพ่อ แต่ผมรู้ ว่าแม่รักพ่อแค่ไหน ในวันที่เหงา ๆ ผมคิดอยากมีพ่อแม่เหมือนคนบ้านข้าง ๆ เรา เขาดูยากจนก็จริงแต่ทุกคนก็อยู่พร้อมหน้า มีอะไรก็กินกัน บางครั้งเขายังมีน้ำใจแบ่งของกินพวกแกงเห็ดป่า แกงหน่อไม้ น้ำพริกแย้อะไรเทือกนั้นให้เราด้วย    ผมคิดว่าคนจนพวกนั้นมีน้ำใจกับเรามากและบ่อย ส่วนเราแบ่งอะไรให้เขา ก็มีบ้างแต่นับครั้งได้น้อย

                       ทุกครั้งที่พ่อกลับมาดึก ๆ แม่จะยกสำรับข้าวมารอที่โต๊ะ ส่วนพ่อจะรีบเข้าห้องน้ำอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า มานั่งกินข้าวคนเดียวเงียบ ๆ พ่อกับแม่แทบไม่คุยกันถึงแม้จะอยู่*งกันแค่ครึ่งศอก และเป็นแบบนี้มาตั้งแต่แม่เริ่มรู้ว่าพ่อมีใจกับผู้หญิงคนอื่น 

แม่รู้เรื่องนี้เพราะมีคนกระซิบบอก 
และแม่ก็คงเห็นกับตาแล้วว่าพ่อกับเพื่อนในที่ทำงานของพ่อมีอะไรกันจริงตามที่คนบอกหรือไม่

                        หลายคืนแล้วที่ผมนอนครุ่นคิด   ตีสองแล้วก็ไม่ยอมหลับ ถึงแม้จะไม่ได้ยินเสียงกรนของพ่อก็ตาม ผมคิดหาคำตอบยังไงก็ไม่ออก ว่าแม่ด้อยกว่าผู้หญิงคนนั้นตรงไหน รูปร่างหน้าตาของแม่สวยกว่าคนนั้นตั้งเยอะ แม่เอาใจใส่ทุกคนในบ้านไม่มีที่ติ ขาดเพียงอย่างเดียวตรงที่ไม่ได้เรียนสูง ถึงกระนั้นแม่ก็จบการศึกษาผู้ใหญ่ และวิชาชีพตัดเย็บเสื้อผ้ามีรายได้จุนเจือครอบครัวช่วยพ่อด้วย

                        วันที่ 18 สิงหาคม มาถึง พ่อบอกว่ามีธุระราชการด่วน ให้ลูกนั่งรถโดยสารไปโรงเรียนกันเอง ถ้าเสร็จธุระแล้วพ่ออาจจะแวะไปชมนิทรรศการ เราไปโรงเรียนแต่เช้าโดยคาดหวังพ่ออยู่เต็มหัวใจว่าพ่อจะแวะไป จะได้ไม่อายเพื่อน ๆ ที่มีพ่อกับแม่อยู่เคียงข้างให้กำลังใจ 
                       พิธีเปิดเริ่มแล้ว คนมาชมงานมากตามคาดหมาย และจากที่แสดงนิทรรศการของผมซึ่งอยู่ห่างจากทางเข้าโรงเรียนไม่มากนักสามารถมองเห็นคนเดินหรือรถราที่เข้าออกขวักไขว่ จากเช้าเป็นสายผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของพ่อหรือรถของพ่อ

                     อร นายชักจะใจลอยใหญ่แล้วนะ น้อง ๆ เขาอยากได้สารเคมีตรวจเลือดเพิ่มอีก
นายเบิกอาจารย์ให้หน่อย 

                      เพื่อนเรียกผมหลายครั้งแต่ผมก็ไม่ได้ยินเพราะมัวแต่คิดเรื่องพ่อ

                    อ้อ ขอโทษ ๆ เดี๋ยวเราเอามาให้

                      ผมหันหลังออกมาจากตรงนั้น แต่ก็ไม่วายที่จะมองไปที่ทางเข้าโรงเรียน
                       นาทีนั้นเองรถเก๋งสีแดงเหมือนรถพ่อก็แล่นชะลอ ๆ เข้ามาู รถหยุดเลยประตูมาไม่มากนัก          คนที่ก้าวลงมาคนแรกเป็นผู้หญิงผิวขาวผอมบางร่างเล็ก สีหน้ายิ้มแย้มมีความสุข คนที่ก้าวตามลงมาเป็นเด็กชายวัยเดียวกับน้องสาวคนเล็กของผม ผู้หญิงคนนั้นจูงเด็กชายเดินตามถนนเข้ามาได้สองก้าวก็หันหลังกลับไปเหมือนลืมอะไรบางอย่าง คนที่อยู่ในรถหมุนกระจกติดฟีล์มลงและโผล่หน้าออกมาเล็กน้อย เพียงเท่านั้นผมก็จำได้ ..

                       พ่อ 

                      เสียงเรียกของผมจุกอยู่ที่คออันแห้งผาก
เมื่อผู้หญิงคนนั้นเดินกลับมา คนขับรถมองตามแล้วก็หมุนกระจกขึ้น และค่อย ๆ กลับรถออกจากโรงเรียนไป วันนั้นหัวใจของผมเต้นแทบไม่เป็นจังหวะ วูบคิดถึงแม่ รักแม่ขึ้นมาอย่างประหลาดจับจิตจับใจ
สิ่งที่ผมไม่คิดว่าจะรู้ก็ได้รู้

อะไรหรือครับ

ผู้หญิงคนนั้นพาลูกมาชมนิทรรศการของเรา น้อง ๆ ในกลุ่มของผมคะยั้นคะยอให้แม่และเขาตรวจเลือด โดยโฆษณายกแม่น้ำทั้งห้ามาหว่านล้อมจนเธอใจอ่อน หรือไม่แน่ เธออาจจะอยากได้ของที่ระลึกชิ้นสุดท้ายของโรงเรียนเราก็ได้ เธอมีหมู่เลือดบี ลูกชายของเธอมีหมู่เลือดเอบี และเมื่อปีที่แล้วผมก็ยังจำได้ เพราะตรวจเลือดด้วยตัวเองให้กับผู้ชายที่เด็กชายคนนั้นเรียกพ่อ ได้ว่า เขามีหมู่เลือดโอ

               ผมไม่อยากคิดอกตัญญูกับพ่อเลยว่า
คนที่แม่ของผมรักมาก
คือพ่อของทั้งผมและเขา

ณ วินาทีนี้ความรู้สึกเป็นผู้ชายของผมมันพุ่งขึ้นรุนแรงจนนึกอยากจะเตะต้นกล้วยให้ขาดไปซักสองท่อน

ผมไม่อยากให้พ่อของผม
เป็นพ่อของใครอื่นทั้งนั้น .				
7 เมษายน 2547 23:15 น.

คนละฝั่งฝัน

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

เล็กชอบเพลงพวกนี้หรือ
เขาพลิกหน้าหนังสือเพลงค่ายอาสาพัฒนาชนบทที่วางอยู่ตรงหน้า
ชอบเกือบทุกเพลงค่ะ
และเล็กก็เล่นเพลงพวกนี้ได้
ค่ะ

ดวงจันทร์กลมโตพ้นปลายไม้ด้านตะวันออกราวสองคืบสาดกระจ่างทั่วชานบ้านด้านไม่มุงหลังคาแลเห็นกระถางดอกไม้ป่าแจ่มชัด กระนั้นแสงเทียนก็ยังทำหน้าที่ขับความมืดหม่นตรงหน้าระหว่างคนสองคนอยู่อย่างซื่อตรงและเป็นผล
บ้านหลังนี้ชาวบ้านสร้างเป็นบ้านพักครูหลังแรกของโรงเรียนป่าเต็งวิทยา ส่วนหลังที่สองที่อยู่ถัดไปเป็นบ้านพักครูจากงบประมาณของรัฐ บ้านหลังที่สองดูสวยงามต่างจากหลังที่หนึ่งลิบลับ แต่กนกวรรณก็เลือกบ้านหลังแรกแม้ครูอีกคนในโรงเรียนเสนอให้เธออยู่บ้านพักหลังที่ดีกว่า
พิษณุนั่งเอนหลังพิงหมอนสามเหลี่ยมที่วางอยู่ชิดเสาหันหน้าไปทางเหนือ กนกวรรณยังประคองกีตาร์นิ่งคล้ายเหม่อมองจันทร์แต่ไม่ใช่ เธอยังไม่ขยับนิ้วเล่นสายใด ๆ ในความนิ่งงันชั่วครู่มีแต่เสียงน้ำตกที่ห่างออกไปไม่เกินห้าสิบเมตรได้ยินเสียงซ่าซ่าซู่ซู่อยู่อย่างนั้น ชายหนุ่มเดินทางมาที่นี่ตั้งแต่เมื่อวานตอนเย็น ระยะทางเกือบสองร้อยกิโลเมตรห่างจากตัวจังหวัดอาจดูไม่ไกลสำหรับเขากับโฟวีลไดรฟ์สีเข้มที่จอดอยู่หน้าบ้านพัก แต่มันก็ทุลักทุเลเอาการเพราะต้องไต่มาตามทางชันแคบ ๆ ร่วมสิบสามกิโลเมตรกว่าจะถึงโรงเรียนบ้านป่าเต็งวิทยา
ทั้งพิษณุและกนกวรรณต่างเป็นเพื่อนร่วมคณะแต่ต่างสาขา ของมหาวิทยาลัยในภูมิภาค ฝ่ายชายเลือกที่จะทำงานกับบริษัทเอกชน แต่ฝ่ายหญิงเลือกที่จะเป็นครูตามความใฝ่ฝันวัยเด็ก
เล็กไม่คิดเปลี่ยนใจหรือ
ก็ไม่แน่ค่ะ อาจจะเปลี่ยนเร็ว ๆ นี้ก็ได้
เธอตอบออกไปอย่างนั้น แต่ความจริงเธอยังรู้สึกห่วงใยแววตาแป๋วแสนซื่อของเด็กบ้านป่าลูกศิษย์ของเธอ
ไปทำงานกับผมไหม มีตำแหน่งโปรโมตขึ้นใหม่ คิดว่าเหมาะกับเล็กมาก
เป็นยังไงคะ
เป็นงานฝ่ายอบรมและพัฒนาบุคลากร ก็เหมือนกับที่เล็กทำตอนนี้ เพียงแต่เป็นทำกับผู้ใหญ่เท่านั้นเอง เงินเดือนมากพอที่เล็กจะออกรถสบาย ๆ ในหนึ่งปี
หรือคะ
หญิงสาวเริ่มเกาสายกีตาร์ เป็นบทเพลงเปลี่ยวเหงาแห่งค่ำคืนของคนที่พลัดหลงไปบนเส้นทางอันไม่คุ้นเคย คนฟังไม่รู้จักเพลงนั้น ถ้าเธอเล่นเพลงสากลเก่า ๆ ยังจะรู้จักดีกว่า
ถ้าเล็กตัดสินใจ พรุ่งนี้ผมจะเข้าไปติดต่อเดินเรื่องย้ายให้ ผมมีญาติที่อยู่ข้างในและรู้จักกับนักการเมืองด้วย
เขาพูดแทรกเสียงจากสายคีย์ไมเนอร์ ส่วนหญิงสาวยังไม่ตอบรับและปฏิเสธ ความอึดอัดจึงเริ่มแผ่คลุมหัวใจเขา แต่ในใจของเล็กนั้นก็ยากที่ใครจะรู้ เธออาจอยากได้ยินถ้อยคำอย่างหนึ่งอย่างใดให้ชัดเจน หรืออาจอยากให้คืนนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว หรือสว่างเสียที เพื่อทีจะได้กลับไปอยู่กับแววตาซื่อ ๆ ของเด็กน้อย
ณุคะ เล็กขอคิดดูก่อนได้ไหมซักเดือนนึง แล้วเล็กจะเขียนไปบอก
นั่นเป็นคำพูดสั้น ๆ ที่ให้ความหวังเล็ก ๆ น้อย ๆ แก่หนุ่มหล่อมีอนาคตในการที่เขาบากบั่นเข้ามาเยี่ยมเพื่อนสาวหนแรกนี้
รุ่งเช้าฝุ่นแดงทิ้งตัวลงแล้วหยุดนิ่งหลังจากรถขับเคลื่อนสี่ล้อจากไปไม่นาน

ครูคะ แฟนของครูมาเยี่ยมหรือคะ เด็กน้อยท่าทางฉลาดที่สุดในห้องถามซื่อ ๆ
เพื่อนของครูจ้ะ เขาแวะมาเยี่ยม
เขาทำงานอะไรคะ ดูโก้จัง
เขาทำงานในบริษัท
พวกเรากลัวครูจะจากพวกเราไป
ไม่หรอกจ้ะ ครูจะอยู่กับพวกหนูที่นี่
เด็กน้อยแย้มยิ้มดีใจ น้ำตาเอ่อไหลยินดี

? ? ?

สมปอง เป็นครูสอนอยู่ที่นี่ก่อนหน้ากนกวรรณไม่นานนัก ก่อนหน้านี้เขาพักอยู่กับชาวบ้าน พอหญิงสาวเดินทางมาบรรจุทำงานที่นี่เขาก็เข้ามาอยู่บ้านพักด้วยความเป็นห่วงเธอ ถึงแม้ว่าบ้านพักครูกับบ้านชาวบ้านจะห่างกันไม่มากนักแต่หญิงสาวก็เป็นคนตัวคนเดียวจากต่างถิ่น
แถมไม่อยากเข้าไปพักกับชาวบ้านตามคำขอของผู้ใหญ่บ้านเสียด้วย เธอกลัวว่าจะเป็นการรบกวนสร้างความยุ่งยากให้ชาวบ้านนั่นเอง
สมปองยังไม่แต่งงานด้วยเหตุผลง่าย ๆ คือยังไม่พร้อม แม้ว่าจะมีสาวชาวบ้านหน้าตาดีมาแสดงความสนใจใยดีมากมายอย่างไรก็ตาม เขาว่าเขาต่ำต้อยเกินจะเอ่ยคำว่ารักกับใคร ชายหนุ่มจึงมีแต่ท่าทีสงบเสงี่ยมเจียมตัว ในขณะที่หญิงสาวในหมู่บ้านหลายคนกล่าวหาว่าเขาเย่อหยิ่งถือตัว เขาได้ยินก็ยิ้มแล้วปล่อยให้ผ่านเลย หนุ่มโสดไร้พันธะจึงขึ้นเขาลงห้วยไปไร่ไปสวนกับชาวบ้านได้อย่างเสรี
พี่สมปอง กลับบ้านบ้างหรือเปล่า ตั้งแต่หนูมาเห็นพี่ไปโน่นไปนี่กับชาวบ้าน ไม่เห็นพี่เข้าเมืองเลย
ครูหนุ่มสาวคุยกันระหว่างอาหารมื้อเที่ยงที่เพิงกินข้าวข้างอาคารเรียน
พี่เพิ่งกลับไปเยี่ยมบ้านเมื่อสองเดือนนี่เอง พ่อกับแม่ว่าพี่แก่ดำคล้ำไปเยอะ
เขาหัวเราะหึ ๆ หญิงสาวก็พลอยยิ้มกว้างไปด้วย เด็กที่กินข้าวอยู่ใกล้ ๆ มองครูของพวกเขาอย่างชื่นชม
หนูอยากใช้ชีวิตอย่างพี่จัง ทำโน่นทำนี่คงไม่เหงา
ก็ไม่ใช่พี่ไม่เหงานะ เวลาว่าง ๆ มันก็มีบ้าง แต่ส่วนใหญ่พี่ก็ไม่ให้มันว่าง ออกไปคุยกับคนเฒ่าคนแก่ เก็บเกี่ยวประสบการณ์ที่เราไม่ต้องปลูก ที่สนุกกว่านั้นคือลงไปลุยกับเขา ขึ้นเขาลงห้วย หาปูหาปลา ทำไร่ทำนาอะไรก็ว่าไป มีอะไรที่เรายังไม่ได้เรียนรู้อีกมาก
หนูเพิ่งรู้จักชาวบ้านไม่กี่คนเลย
ก็ไม่เป็นไร ถ้าอยากเรียนรู้ก็เริ่มจากคนที่เราสนิทสนมรู้จักและไว้ใจก็ได้ น้องอยากไปช่วยเขาเกี่ยวข้าวขนข้าวไหมล่ะ
อืม น่าสนใจ ถ้าพี่ไปชวนหนูได้ไหมคะ
เดี๋ยวพี่จะบอกนะ
ขอบคุณค่ะ

สมปองกับกนกวรรณสอนนักเรียนคนละ 3 ชั้น ครูใหญ่ช่วยบ้างเป็นบางครั้ง ก่อนหน้านี้โรงเรียนป่าเต็งวิทยามีครูหลายคนแต่ก็ย้ายเข้าเมืองกันหมด ครูใหญ่เป็นครูที่พักอยู่ต่างหมู่บ้านออกไป เขาเข้ามาโรงเรียนสลับกับออกไปข้างนอกอยู่เสมอ ครูในบ้านพักครูจึงต้องอยู่กันอย่างเอื้อเฟื้อเอื้ออาทรทั้งชั่วโมงสอนและการใช้ชีวิต
ปีนี้ชาวบ้านป่าเต็งปลูกข้าวได้ผลดีเพราะน้ำท่าอุดม พวกเขาลงแขกเกี่ยวข้าวจนแล้วเสร็จและกำลังขนขึ้นลานเพื่อนวดก่อนขนขึ้นยุ้ง สมปองกับกนกวรรณมาช่วยชาวบ้านขนข้าวขึ้นลาน ชาวบ้านซึ่งเป็นผู้ปกครองของนักเรียนในชั้นที่กนกวรรณสอนปลื้มอกปลื้มใจมากคาดไม่ถึงว่าครูทั้งสองจะมาช่วย
อาหารบ้านป่าอร่อยไหมครับแม่ครู
เจ้าของลานนวดข้าวเอ่ยถามขณะล้อมวงกินข้าวเที่ยงกันใต้ร่มไม้ใหญ่
อร่อยมากค่ะ
อาหารมื้อเที่ยงที่รสชาติไม่เผ็ดร้อนจนเกินไปนักคือยำไข่มดแดง นอกนั้นเผ็ดร้อนทั้งนั้นไม่ว่าจะเป็นผัดเผ็ดปูหินพริกไทยอ่อน , คั่วอ่อมตะกวดหนุ่ม , ต้มยำปลากั้ง เผ็ดจนเหงื่อเม็ดโป้งๆผุดและย้อยเปียกชื้นไรผม
หาเกลือมาให้แม่ครูหน่อย แม่
เจ้าของนาหันไปบอกภรรยาของเขา เพราะรู้ว่าเกลือจะช่วยให้ครูไม่รู้สุกเผ็ดร้อนทรมานเกินไป
ครูสมปองกับแม่ครู อยู่ด้วยกันที่นี่เถิดนะ ได้ไหม พวกเราจะยกที่ดินให้ซักห้าสิบไร่กับปลูกบ้านหลังใหญ่ๆให้อยู่
แหม เล่นจีบกันดื้อ ๆ แบบนี้หนูก็เขินอายแย่ซิคะ แต่ว่าที่ดินที่ดอนยังมีเหลืออยู่เยอะขนาดนั้นหรือคะ เห็นครูสมปองบอกว่าแถวนี้เป็นป่าสงวน
เขามาสงวนกันตอนหลังนี้ดอกแม่ครู พวกเราตั้งหมู่บ้านอยู่ที่นี่มาตั้งแต่แปดสิบปีที่แล้ว โรงเรียนหมู่บ้านและวัดวามันอยู่ในที่สงวนหมดแหละถ้าจะว่าตามนั้น แต่ว่าแม่ครูก็ยังไม่ตอบคำถามของพวกเราอยู่ดี
ให้เวลาหนูคิดดูก่อน นะคะ
ไม่เป็นไรครับ ตามใจแม่ครูก็แล้วกัน พวกเรายินดีมากที่ครูมาสอนลูกหลานพวกเราที่นี่ พวกเขาจะได้ฉลาดทันเล่ห์เหลี่ยมคนในเมืองบ้าง
เย็นย่ำและค่ำนั้นหลังจากสมปองกับกนกวรรณกลับบ้านพักอาบน้ำอาบท่าแล้วต่างคนต่างม่อยหลับไปง่ายดายด้วยความเหน็ดเหนื่อยแต่เป็นสุขบนบ้านพักของแต่ละคน


? ? ?


ไม่ถึงเดือนพิษณุก็กลับมาอีกครั้งตอนสาย ๆ พร้อมกับรถคันใหญ่ที่ยกสูงขึ้นใหม่ เขาเปิดเพลงเสียงทุ้มกระแทกดังมาแต่ไกล ยิ่งใกล้เข้ามายิ่งก้องสะท้อนแปลกแยกกับหุบผาและป่าเขา เมื่อรถจอดที่หน้าบ้านพักหลังแรกเครื่องเสียงกระหึ่มจึงสงบลงได้ เขาขึ้นบ้านไปพบหญิงสาวที่นิ่งเงียบอยู่บนนั้น เสียงพูดคุยกันหลายประโยคแต่น้ำเสียงดูไม่แจ่มใสนัก
ครูสมปองเดินมาชะโงกหน้าถามหญิงสาว
ครูเล็กอยากได้อะไรไหมวันนี้พี่จะออกไปอำเภอกับผู้ใหญ่บ้าน
ยังหรอกค่ะ เอาไว้คราวหน้าก็แล้วกัน ขอบคุณมากนะคะ
เมื่อสมปองเดินห่างไป พิษณุจึงเริ่มสนทนา
เล็กไม่ไปกับผม เพราะไอ้หมอนั่นใช่ไหม
ณุไม่มีสิทธิ์ว่าอะไรเขาแบบนั้นนะ และเหนืออื่นใดเล็กก็มีสิทธิ์ที่จะตัดสินใจอะไรเอง เห็นไหมคะก็รู้แล้วว่าในความพร้อมของณุ มันเป็นคนละอย่างกับความพร้อมของเล็ก
หญิงสาวพูดแล้วก็นิ่ง ปล่อยให้ความอึดอัดดำเนินไปตามสภาพของมัน

แล้วขุนเขาลำเนาป่าก็กลับคืนสู่ความเงียบสงบอีกครั้ง หลังจากรถเสียงดังคันนั้นจากไปแล้วในตอนเที่ยงวัน ครูสาวมีสีหน้าเหงาปนว้าวุ่น ในใจของเธอนั้นบอกไม่ถูกว่าเป็นอย่างไรแน่ เวลาผ่านไปเร็วแต่เหมือนช้านัก เย็นย่ำค่ำแล้ว ครูสมปองยังไม่กลับมา 
ส่วนเธอยังคงนิ่งและเงียบ
กอดกีตาร์ตัวนั้นไม่เล่นเพลงใด ๆ

&				
7 เมษายน 2547 06:11 น.

ปาล์ม ดร.โม งานเรื่องสั้น ของก่อพงษ์

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

แม้สมมติฐานยังพิสูจน์ไม่เสร็จ แต่เขาก็ได้ปาล์มต้นแบบแล้ว 1 เครื่อง
ประสิทธิภาพเบื้องต้น เป็นดังนี้
1. สแกนความคิดได้คราวละ 1 คน
2. แสดงความคิดเป็นภาษาต่าง ๆ ได้อย่างน้อย 3 ภาษา ( อังกฤษ , ไทย และเขมร )
3. เข้ารหัสป้องกันการแฮ็กส์ ได้อย่างน้อย 5 ชั้น

ดร.โม เฮงวัน คักเชาว์ โดยส่วนตัวเป็นกวี แต่งานในหน้าที่คือนักคิดต้นแบบอุปกรณ์สื่อสารของบริษัท แซ็ดไอเอส อินโฟเซอร์วิส ( ประเทศธัย) จำกัด มหาชน ประวัติสั้น ๆ ของเขา ( จากโฮมเพจของบริษัท ) ระบุว่าเป็นคนสัญชาติธัย อายุประมาณ 40 เศษ ๆ ชอบเขียนกลอนแบบบรรทัดละคำ ซึ่งได้รับความสนใจติดตามอ่านเป็นอย่างมากในเวบบอร์ดเกี่ยวกับกวี
สมมติฐานที่เป็นที่มาของปาล์มต้นแบบ คือ ความคิดของคนเป็นคลื่นแม่เหล็กไฟฟ้าที่อ่อนและซับซ้อนเป็นรูปแบบเฉพาะ ต้องใช้อุปกรณ์ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษตัดสัญญาณรบกวนออกให้เหลือเฉพาะคลื่นความคิดแล้วใช้เทคโนโลยีนาโนคอมพิวเตอร์แสดงผลออกมาเป็นภาษาต่าง ๆ
ดร.โม เคยพูดไว้ว่า มันค่อนข้างหมิ่นเหม่ต่อศีลธรรมของมนุษยชาติแต่นั่นแหละแม้เขาไม่คิด คนอื่นก็จะคิดเจ้าเครื่องที่ว่านี้ออกมาจนได้
ดร.โมได้ทดลองสแกนความคิดของเด็ก (ลูกชายของเขาเอง) โดยไม่บอกให้ทราบ ทั้งได้พิสูจน์ว่าเด็กคิดเช่นนั้นตามที่เครื่องบอกหรือไม่ โดยวิธีการต่าง ๆ เป็นเวลาร่วม 3 ปีเศษ ๆ แล้ว
นอกจากลองใช้ปาล์มนี้กับลูก เขายังได้ลองใช้กับภรรยาสาวคนเดียวของเขาโดยยังปิดบังเอาไว้อยู่ตลอด 3 ปีที่ผ่านมา
ที่สำคัญเขาได้ลองให้เครื่องสแกนความคิดของตัวเอง ในสถานการณ์ต่าง ๆ เช่น
1. คลิกเข้าไปในอินเตอร์เน็ตที่มีแต่ภาพนู้ด
2. นั่งฟังธรรมะ และเมื่อกำหนดจิตบางรูปแบบ
3. เมื่อฟังนักการเมืองพูด
4. เมื่อพูดกับภรรยาสาว
ฯลฯ
ปาล์มต้นแบบระบุได้เกือบตรงกับที่เขาคิดหรือรู้สึก แต่ก็มีบางอย่างที่ตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง แต่เครื่องระบุว่าเป็นความคิดของเขาด้วย
เมื่อนำปาล์มต้นแบบไปลองใช้กับเพื่อนร่วมงานอายุน้อย ในสถานการณ์สมมติแบบต่าง ๆ ก็ได้ผลเป็นที่สนุกสนานครึกครื้น ดร.โมบอกว่าตอนนี้ทำเล่นเอาสนุกก่อนส่วนการพัฒนาเพื่อเข้าสู่ตลาดค่อยคิดอีกที
ดร.โม ใช้เวลาช่วงพักเขียนบทกวี หาคำตอบที่ค้างคาใจ ว่าไฉนอีกส่วนหนึ่งที่เครื่องระบุว่าเป็นความคิดของเขา เขากลับคิดว่าไม่ใช่
เช่น เมื่อคลิกดูภาพดาราเปลือย เขารู้สึกชอบ เครื่องก็บอกว่าเขาชอบ อันนี้เขาไม่โต้แย้ง แต่เครื่องก็ระบุอีกว่าเขาไม่ชอบด้วย ถ้ารันให้เครื่องคำนวณเปอร์เซ็นต์ส่วนแรกกับส่วนหลังมันต่างกันอยู่ถึง 70 ต่อ 20 ( อีก 10 error )
หรือเมื่อฟังธรรมะ และกำหนดจิตบางแบบ เขารู้สึกว่าดี เป็นทางที่จะช่วยให้หลุดพ้นได้ง่าย เครื่องก็ระบุเช่นนั้น แต่ก็ระบุขัดแย้งอีกด้วยว่า เขาเห็นว่าไม่ดี มีแต่จะทำให้ละและวางทุกอย่างไป สัดส่วนเป็นถึง 60 : 30 ( อีก 10 error )
หรือเมื่อฟังนักการเมืองพูด เขารู้สึกว่าเป็นแนวคิดที่ดี เป็นไปได้ในทางปฏิบัติ คนพูดพูดออกมาจากใจที่เต็มไปด้วยอุดมคติ ที่เห็นแก่ส่วนรวมแท้จริง และน่าจะได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่ายไม่ว่าอยู่ซีกฝ่ายค้านหรือฝ่ายรัฐบาล หรือในองค์กรตรวจสอบอื่น ๆ เครื่องก็ระบุอย่างนั้น รวมทั้งระบุขัดแย้งว่าเขาไม่เห็นด้วยด้วย คำพูดนั้นเป็นมายา แท้จริงความคิดและการกระทำนั้นแฝงด้วยเล่ห์กลอันหมายผลประโยชน์เอื้อให้เครือข่ายของตน ไม่มีทางที่จะได้รับความร่วมมือจากฝ่ายตรงกันข้ามรวมทั้งองค์กรตรวจสอบอื่น สัดส่วนเป็นถึง 50 :40 ( อีก 10 error )
หรือเมื่อเขาพูดกับภรรยาสาวและภรรยาสาวพูดกับเขา เขารู้สึกว่าเขาพูดกับเธออย่างจริงใจที่สุด คิดอย่างซื่อสัตย์กับเธอที่สุด เครื่องก็ระบุเช่นนั้น แต่ก็ยังระบุแย้งอีกว่า เขาไม่ได้จริงใจและซื่อสัตย์อย่างที่สุด สัดส่วนเป็นถึง 40 : 50 ( อีก 10 error )
สถานการณ์อื่น ๆ ก็ให้ผลในทำนองเดียวกัน คือมีทั้งส่วนที่ขัดและไม่ขัดความต่อความรู้สึกของเขา

ปัญหาเวลานี้คือ เจ้าเครื่องนี้จะเชื่อถือได้แค่ไหน
ไม่ใช่ปัญหาว่าจะขายได้หรือไม่

เพราะการขายได้ หรือไม่ได้ อยู่ที่กลยุทธการตลาดและทุนโฆษณา

ในขณะที่ ดร.โมกำลังหาคำตอบเป็นวันที่ 5 บริษัทคู่แข่ง ที่แย่งส่วนแบ่งการตลาดกันมาโดยตลอดก็ออกปาล์มรุ่นใหม่ รูปร่างหน้าตาเหมือนต้นแบบของเขาเป๊ะ แต่มีประสิทธิภาพสูงกว่า ถึง 3 เท่า
ดร.โมจ้องหน้าจอทีวีดูการแถลงข่าวเปิดตัวตาไม่กระพริบ

ผู้สื่อข่าวระบุว่า
ปาล์มของบริษัทดังกล่าวเป็นขีดสุดของความชาญฉลาดของมนุษย์ เพราะสามารถที่จะบอกได้ว่าคนแต่ละคนคิดอย่างไร โดยไม่จำเป็นต้องอาศัยความเพียรใด ๆ เพื่อให้มีญาณวิเศษตามคำสอนในบางศาสนา ที่สำคัญคือ เครื่องนี้สามารถอัพเกรดได้อย่างไร้ขีดจำกัด ให้สามารถล่วงรู้ความคิดของสัตว์ ( ถ้ามี ) หรือสื่อสารกับสัตว์ได้
ราคาของเครื่อง เริ่มต้นที่ 1,XXX,XXX บาท
ตัวเลขจำนวนผู้สั่งจองเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ ทุก ๆ นาที
เมื่อแยกประเภทผู้สั่งจองจะพบว่าคนในวงสังคมชั้นสูงเป็นกลุ่มที่ให้ความสนใจสั่งจองและซื้อมากที่สุด รองลงมาคือวงการนักบวช , นักการเมือง และวงการบันเทิง

ดร.โมถอนหายใจเฮือกใหญ่ เมื่อรู้ว่าเพื่อนร่วมงานอายุน้อยที่ร่วมทดลองเครื่องต้นแบบกับเขาโดนซื้อตัวไปอยู่กับบริษัทที่กำลังแถลงข่าวอยู่ตอนนี้

แต่นั่นก็ไม่เป็นปัญหาหรอก
ปัญหามันบีบลงมาตรงที่ เขาจะทำอย่างไรดีกับตัวเอง
เมื่อรู้ว่าภรรยาสาวของเขาไม่ได้ซื่อสัตว์ต่อเขาเสียแล้ว .				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์