11 พฤษภาคม 2547 14:47 น.

ดารณี-นวพงษ์

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ดารณีและนวพงษ์
ด. หนูเฝ้ามองพี่และดูงานของพี่มานาน
น. พี่และงานของพี่เป็นไง ..... ดื่มสิ
ด. ไม่ค่ะ ขอบคุณค่ะ งานของพี่ดีมาก หนูปลื้มพี่มาก
น. ขอบใจ แต่พี่ดูตัวเองแล้ว พี่ว่าไม่มีอะไรเข้าท่า
ด. ไม่จริงหรอกค่ะ ก็เห็นไหมคะ ผลงานของพี่มีคนกล่าวขวัญถึงกันทั้งเมือง
น. มันเป็นเพียงรูปแบบแปลกใหม่ ในสาระเดิม ๆ น้องจะไม่ดื่มจริงๆหรือ
ด. น้องไม่ชอบเหล้าค่ะ...นั่นแหละค่ะ บางทีคนก็ต้องการแค่นั้น
น. ไม่ดื่มก็กินแกล้มแทนพี่แล้วกัน เออพี่ก็อาย ต่อคำยกยอปอปั้น
และมันก็คงไม่จริงใจด้วยมั้ง กับงานไม่จริงของพี่
ด. อะไรไม่จริงล่ะ เท่าที่หนูเห็น ก็เป็นอย่างที่เขาบอกไว้ทั้งนั้น
น. พี่รู้แก่ใจดี ว่าไม่ใช่
ด. แล้วพี่ไม่พอใจบ้างเลยหรือคะ ต่อยอดจำหน่ายและรายได้ที่เพิ่มขึ้นทุกวัน เมื่องานของพี่ตีพิมพ์ซ้ำแล้วซ้ำอีก
น. พี่ไม่ได้คาดหวัง พี่ยังชีพด้วยงานอย่างอื่น
ด. นี่แหละที่ทำให้หนูยิ่งชอบพี่
น. อย่าชอบพี่เลย
ด. ทำไม่ล่ะค่ะ
น. พี่มีเหตุผลของพี่
ด. งั้นหนูก็มีเหตุผลของหนู
น. ถ้างั้นบอกพี่ซิ ชอบพี่และงานของพี่ตรงไหน
ด. งานของพี่สื่อความเข้าอกเข้าใจ ใส่ใจ ห่วงใย แคร์กัน
อ่านแล้วรู้สึกเลยถึงความรักความอบอุ่น ในเยื่อใยไมตรีที่คนควรมีต่อกัน
ทำให้เห็นว่าความรักสวยงาม
น. พี่ไม่อยากพูดเลย มันเป็นการเสแสร้งเพื่อครอบงำและครอบครองเท่านั้น
ด. พี่ล้อเล่น
น. จริงๆ
ด. งั้นเสแสร้งว่ารักกันได้ไหมค่ะ มันใช่อย่างที่พี่พูดจริงไหม
น. ลองหรือ ? ลองเลิกสนใจมันเถิดครับ
ด. ถ้าให้เลิกคิดเลิกรู้สึก หนูว่าชีวิตหนูก็ไม่มีความหมาย
น. ไม่ตายหรอก พี่เลิกรู้สึกต่อมันมาร่วมยี่สิบปี ไม่เห็นเป็นไร
ด. หัวใจตายด้านไปแล้วมั้งคะ
น. ด้านหรือ ?! มันก็ปกติดี ไม่เจ็บปวดร้อนหนาวกับเจ้าความรักที่ว่านั่น
ด.เสียงโทรศัพท์..ของพี่ใช่ไหม
น.อืม..ใช่ ขอเวลาคุยแป๊บนึง
ด.คุยเถอะค่ะ
น. เฮ้ย ไงวะพวก เป็นไงมั่ง อ้าวจะแต่งแล้วเหรอ ไหนบอกว่าเป็นโสดสบายกว่า.....ม่ายๆ ยังไม่มาวเว้ย
อืม.สนุกกว่าหรือ? ไอ้นั่นก็สนุกหรอกแต่หลังจากนั้นสิ ทุกข์สนิท
เออเอาเถอะๆ ถ้ามีความสุขก็ทำไป
วันไหนนะอ๋อ.ได้ๆ ไปซีทำไมจะไม่ไปล่ะหือ.
จะให้ควงใครไปล่ะ.ควงไปหลอกเพื่อนหรือวะเฮ้ย
อ้ายเสี่ยว ศีลของข้าเกือบเท่าหลวงพ่อแล้วโว้ย
ถ้าเว้นสุราเมรัยได้อย่างเดียวก็เรียกว่านบได้ล่ะวู้ย
เออๆอ๋อ.กำลังนั่งดูแม่น้ำ ที่เก่าๆ นี่จะไม่แวะมาหรือ
ไม่เป็นไร.เตรียมงานของแกไปเถอะ
โชคดีเพียก
ด.เพื่อนของพี่จะแต่งงานหรือคะ
น.ช่าย อ้ายหมอนี่ก็เคยบอกจะไม่เอาเมีย มันเคยบวชอยู่ 2 ปี ไปจนมุมในผ้าเหลืองสึก
แทบไม่ทัน อ้าวผมขายเพื่อนซะแล้ว ขอโทษนะ แต่มันคงไม่สะดุ้งหรอก เอื้อก
ด.ไม่เป็นไรค่ะ แต่ว่าพี่ทำอะไรๆพวกนี้ไปเพื่ออะไรล่ะถ้าไม่ใช่เพื่อใครซักคน
น.อ้าวก็จะทำเพื่อใครอีกล่ะ คนทำเพื่อตัวเองทั้งนั้นนี่
ด.ในหนังสือของพี่ มันบอกได้ถึงอุดมคติ เพื่อทั้งตนและเพื่อนคนอื่นๆ
น.นั่นเป็นหนังสือ
ด.งั้นพี่ก็หลอกคนอื่น
น.นั่นไงนี่แหละที่พี่ว่าคำยกยอปอปั้นทั้งหลาย พี่ไม่ได้ซึ้งอะไรกับมัน
ด.เริ่มเข้าใจค่ะ แต่นี่ยิ่งทำให้หนูนิยมพี่
น.เฮ้อ.....จะนิยมพี่ไปทำมาย
ด.ก็รักไงค่ะ
น.อย่ามารักพี่ พี่ไม่ชอบความรัก มันจากพี่ไปนานแล้ว
อย่าเลยน้องเอ๋ย
ด.พี่เริ่มเมาแล้วนะคะ
น.พี่ไม่เมา พี่ไม่เคยมาว


นวพงษ์ขว้างหนังสือรางวัลเล่มล่าของตัวเองลงแม่น้ำ
ดารณีจะคว้าไว้ก็ไม่ทัน มันลอยไปตามแรงน้ำไหลครู่เดียวก็จมดิ่ง

ร้านจะปิดแล้วบริกรสาวเอาบิลมาให้ ดารณีรับมาดูและจ่ายแทนเขา
บริกรชายอีกสองคนมาช่วยหิ้วปีกนวพงษ์ไปที่รถอย่างคุ้นเคย เขาบอกจะนอนที่รถ ตื่นแล้วจึงจะกลับบ้าน
หญิงสาวจะขับไปส่ง เขาไม่ยอม
เขามาที่นี่บ่อยเพื่อเขียนหนังสือ

เหล้าในขวด ความจริงเป็นน้ำผลไม้ธรรมดา

บางทีถ้าน.ไม่ยอมแพ้ และยังทนมารับรู้ความว้าเหว่ในชีวิตนักเขียนของเขา

บางทีคุณผู้อ่านก็รู้ว่าเรื่องนี้จบอย่างไร				
2 พฤษภาคม 2547 06:34 น.

เขียนถึงพงษ์รำไพ ดวงทาทอน

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ครูให้กระดาษชาร์ตสีมาหลายแผ่น

พร้อมกับบอกว่า ให้พวกเธอทำแผ่นข่าวปิดไว้บนบอร์ดทุกสัปดาห์

ผมได้รับหน้าที่บรรณาธิการคุมการเขียนการจัดทำ

เพื่อนหลายคนได้รับหน้าที่นักเขียน

เธอเขียนเรื่อง ชีวิตนี่หนอ

รำพึงว่าชีวิตใยจึงเป็นเช่นนั้นเช่นนั้น

คนอื่น ๆ ก็เขียนเหมือนกัน แต่เขียนในมุมที่ต่างกันออกไป

ส่วนผมสัมภาษณ์เพื่อนบ้าง ครูบ้าง เอามาทำเป็นข่าว

ก็สนุกอ่านสนานเขียนกันพักใหญ่

ไม่นานเราเรียนจบ

แผ่นข่าวก็เป็นอันพับไว้

นานแล้วที่จากกัน อยากรู้ว่าเธอนั้นเขียนบ้างไหม

ผมเขียน แต่ไม่มีคนอ่าน

เขียนอยู่ทุกวัน ที่นี่ไง

ไม่ใช่ ยังไม่ใช่นักเขียน

เป็นแค่เพียงนักเรียน 

เรียนเขียนใจ



แทม แทม แถ่ม แท้ม แทม แถ่ม แท้ม แทม แถ่ม				
27 เมษายน 2547 14:19 น.

)))))))))เข้ามาเลย!(((((((((

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

เข้ามาเลย
ข้าไม่กลัวเจ้าดอก

ทำไมรึ

ก็อะไรเล่า ที่น่ากลัวจริง ๆ

ความตาย

เฮอะ ( ยักไหล่ )

นั่นข้าก็เคย
มันเป็นสิ่งน่าสัมผัสต่างหาก

เข้ามาสิเจ้าอุปสรรค
ถั่งและโถมเข้ามา

ชีวิตของข้า เป็นกำไรอยู่เต็มกำมือแล้ว

เพราะต้นทุนของชีวิต
ข้าใช้คืนคนอื่นหมดไปแล้ว ( ใช่ ! ดอกเบี้ยด้วย )

เฮอะ ( ยักไหล่หนที่สอง )

จริง ๆ แล้ว เจ้าเองนั่นแหละขี้ขลาด
พอข้าเอาจริง เผชิญหน้า เจ้าก็หยุด-หัวหด
ครั้นลับหลัง ก็ออกท่า จะโถมฟัน

ถ้าเจ้าแน่จริง
ถลาเข้ามาซิ

ข้าจะสวนด้วยเจ้าด้วยกำปั้น และ Teen ให้ยับคาทั้งมือและเท้า
มือและเท้าของข้าจะมีใครมัดหรือจองจำไว้ก็หาไม่

อย่าหลบหน้าข้าสิ ถ้าเจ้าแน่

เจ้าอุปสรรค .				
27 เมษายน 2547 04:55 น.

HHHHHต่างทางHHHHH

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ผมเห็นลูกชายของลุง
นั่งกลางแฮนด์มอเตอร์ไซด์
คันที่แกะฝาครอบออกจนเห็นแต่โครงเหล็ก
เขาขับรถเครื่องวนไปวนมารอบหมู่บ้าน
โดยเสียงรถแผดดังหนวกหู
จนชาวบ้านด่าทอสาปแช่งอยู่ทั้งใกล้และไกล
หากมีใครด่าให้เขาได้ยิน
คำพูดย้อนคืนจะพรั่งพรูออกจากปากของเขา
จนหูของผู้ได้ยินร้อนฉ่าแทบทนไม่ได้

ผมเห็นเขาทำ
ผมพูดกับเขาในวันหนึ่ง ว่า
ทำไมนายไม่ขี่ถอยหลัง
(ส่วนคำว่า ถ้านายแน่ ผมไม่ได้พูดออกไป)
เขาหัวเราะ และว่า
พี่ไม่รู้อะไร.
..

..
..

เขาพูดได้มาก
เขาพูดได้เรื่อย
เขาพูดไม่หยุด

แต่เมื่ออ้าปากเอ่ย
ทุกครั้งจะมีคำว่า
พี่ไม่รู้อะไร
พี่ไม่เข้าใจ
พี่ยังไม่เห็น

ผมฟังเขาพูด
ผมพยายามจับประเด็น
ผมพยายามทบทวนถ้อยคำเหล่านั้น ว่าปราชญ์ท่านใดเคยกล่าวไว้

ที่ผมคาดไว้ เป็นจริง
คำของเขา เป็นคำของปราชญ์ทั้งนั้น
แต่มันผสมปนเป จากเหล่าปราชญ์หลายสำนัก
ราวแกลบ ใบไม้ ขี้เถ้า ฟาง และมูลโค ในคอกปศุสัตว์
ที่หาได้มีเจตนาหมักบ่มเพื่อให้เกิดเป็นอณูธาตุบำรุงพืชพันธุ์แต่อย่างไรไม่

เมื่อคำสบถของเขาถี่ขึ้น
ผมจึงขอตัวจากมา

ผมว่า
ผมต่ำต้อยเกินกว่าที่จะเข้าใจสิ่งที่ลึกซึ้งเช่นนั้น

เขาว่า
ทางของผม
กับทางของเขา
เป็นคนละทาง

ทางของผม มันเป็นแบบพื้น ๆ
หายใจ
กิน
ทำงาน
เลี้ยงครอบครัว
รักษาตัวยามป่วยไข้
ฯลฯ

เขาว่า
ทางของเขาสูงส่งกว่า
และย้ำอีกว่า
พี่ไม่มีทางเข้าใจ

ที่สุดผมถอยออกมา
และว่า
ขอทางให้คนต่ำต้อยไป				
26 เมษายน 2547 15:12 น.

นายยังสบายดีไหม

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ยังสบายดี
------------------------------


เวลาผ่านไป 20 ปี
ผมได้กลับไปเยี่ยมโรงเรียนเก่า ในงานวันคืนสู่เหย้า
ได้พบเพื่อนฝูงเกือบทุกคน หลายคนแต่งงาน มีลูก บางคนมีหลานอีกด้วย
มีเพื่อนอยู่ 4  5 คน ยังไม่แต่งงาน
ผมถามเพื่อนว่า
เป็นไงบ้าง
เพื่อน ๆ ว่า สบายดี แต่มันเหงา ๆ ยังไงไม่รู้
เห็นเพื่อน ๆ มีครอบครัว มีลูกมีเต้า ท่าทางมีความสุข ก็อยากมีบ้าง

ผมพูดกับเพื่อนว่า
ชีวิตคนมีครอบครัว มันไม่ได้สุขและสบายนักหรอก
ความสุขก็เป็นความสุขปนทุกข์
ความทุกข์มันเกิดแต่การดิ้นรน เพื่อดูแลสมาชิกในครอบครัว
ไม่ให้เดือดร้อนจนเกินไป ซึ่งเราเรียกมันแบบไม่สนิทปากนักว่า ความสุข
แต่ก็ไม่แน่ใจ ผมว่าต่อ
นี่อาจเป็นรูปแบบที่คนโสดทั้งหลายปรารถนาอยากเป็นอยากมี



ถ้าย้อนกลับไปได้ ( พูดเป็นนิยาย )
ผมจะอยู่เป็นโสด มันสบายกว่า

แล้วไม่กลัวเหงาหรือ เพื่อนถาม

ความเหงาคือความกลัว ว่าจะไม่มีใครใส่ใจดูแล
เท่านั้นเองแหละ
ผมมองเห็นรูปแบบชีวิต ที่ไม่ต้องกลัวอะไรทั้งนั้น ไม่ว่ามันจะเป็นความเหงา หรือะไร ๆ เห็นหลายปีมาแล้ว
เวลานี้แม้อยากย้อนกลับไปเพียงไหน ก็กลับไปไม่ได้
เพราะอะไร
เพราะเคยกลัวความเหงา และหนีมันมาเสียไกลแล้วน่ะสิ

ดูเหมือนเราไม่เข้าใจ เพื่อนว่า

นายจำได้ไหม เพื่อนว่าต่อ นายเคยบอกรักเรา เมื่อ 20 ปีที่แล้ว

และนี่เป็นสาเหตุที่ทำให้เราไม่แต่งงานจนอายุปูนนี้

หา ( เสียงของผม )

แต่ไม่เป็นไรหรอก
เรายังคงรักนาย แต่บอกเราหน่อยซิ ว่า
รูปแบบชีวิตที่นายว่า น่ะ เป็นอย่างไร


 ถ้าให้เดา รูปแบบชีวิตที่นายว่าไม่ต้องกลัวสิ่งใด ๆ คือ การบวช -เพื่อนผมพูด
นายเดาแม่น -ผมว่า

เราก็เคยคิด แต่ไปติดตรงเพศ มันไม่สะดวกเอาเสียเลยสำหรับผู้หญิง
แต่ก็นั่นแหละ ดร. หรือคุณหญิงบางท่านก็ถือครองผ้าเป็นนักบวชได้งดงามนัก
อย่างที่หลายคนเห็นอยู่

-ผมพยักหน้ารับทราบ ด้วยได้เคยเห็นวัตรปฏิบัติของนักบวชเหล่านั้นบ้างแล้วเช่นกัน


เราหวังว่านายจะไม่ทิ้งครอบครัวไปบวชจริง ๆ

ไม่หรอก เพราะนั่นเป็นความเห็นแก่ตัวเกินไป
ลูกที่เกิดมา เขาต้องการให้พ่อแม่ใส่ใจดูแล จนเป็นผู้ใหญ่ที่สมบูรณ์
จริงอยู่สินทรัพย์ที่พ่อแม่หาไว้ให้อาจจะมากมายเกินพอต่อการดำรงชีวิต
แต่ชีวิตไม่ได้ต้องการเพียงปัจจัยซึ่งเงินแลกซื้อเอาได้เท่านั้น
ชีวิตต้องการความเอาใจใส่
ชีวิตต้องการความโอบเอื้อ ความอาทร
ชีวิตต้องการอีกหลายอย่างที่ละเอียดอ่อนเกินการกล่าวเป็นถ้อยคำ
สิ่งเหล่านี้ได้มาจากผู้เป็นพ่อแม่ก่อน
ถ้าพ่อแม่ให้เขาไม่ได้ ชีวิตของเขาจะเป็นชีวิตที่เรียกร้องโหยหาความรัก
โหยหาความเอื้ออาทรจากคนอื่นอยู่เสมอ แต่ให้คนอื่นไม่เป็น

เราดีใจที่นายพูดแบบนั้น ว่าแต่ว่าตอนนี้ นายยังรักเราอยู่ไหม - ดูเหมือนเธอจ้องเข้ามาในใจผม

นายต้องการคำตอบแบบไหนล่ะ  ผมถามแบบหยอกเย้าเพื่อนในวัยร่วมเรียน

เราก็ถามไปงั้น ๆ แหละ
คำตอบนั้น นายบอกเราไปแล้ว คือ จริง ๆ นายต้องการใช้ชีวิตแบบไม่ต้องกลัวอะไร ๆ ที่นายว่า มากกว่า การมีครอบครัวเป็นไหน ๆ - เธอว่า

ใช่นายเข้าใจถูก แต่เรายังรักนายเหมือนเดิมนะ พอใจไหมล่ะ -ผมพูดแล้วจิบไวน์ช้า ๆ

คืนนั้นผมกับเพื่อน ๆ ลาจากกันด้วยความรู้สึกดี ๆ เพื่อนกันก็เป็นแบบนี้ล่ะ
ไม่ได้ต้องการอะไรมากเลย เพียงอยากรู้ว่าเพื่อนคิดยังไงเท่านั้นหละ				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์