25 เมษายน 2547 10:15 น.

ยานเวลา -จินตนาการล้วน/

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

จินตนาการล้วน ๆ
-----------------------------------

ผมพูดว่าจินตนาการล้วน ๆ
ที่จริงมันมาจากประสบการณ์ทั้งนั้น
ประสบการณ์ในการอ่าน
ประสบการณ์ในการคิด
ประสบการณ์ที่ได้ฟัง
ประสบการณ์จากการดูและเห็น
ประสบการณ์ที่วาบขึ้นในความฝันแม้เพียงเสี้ยวนาที
ฯลฯ

เริ่มเลย

ผมขี่ยานเวลา
ไปตามลำพัง
เพื่อหาที่ใดสักแห่งลงจอด
พักหัวใจอ่อนล้าและเขลา

ที่นั่นผมจะปลูกบ้านหลังเล็กจากมือของผม
ผมจะปลูกข้าว ผัก และพืชพันธุ์สำหรับเป็นอาหาร
ผมจะผ่าฟืนเรียงกองไว้ก่อไฟหุงหาอาหารและคลายหนาว
เมื่ออุ่นและอิ่มแล้วผมจะลงมือเขียนหนังสือ


มีคนบอกผมว่า
โลกของนักเขียนเป็นโลกเหงา ๆ
ถึงผมเชื่อตามนั้นผมก็เลือกที่จะเป็น
ไม่เช่นนั้นผมก็ไม่ลงทุนขี่ยานเวลานี่มาเสียไกลแบบนี้หรอก


ยานเวลาของผม
เป็นยานสำหรับผมคนเดียว
ไปได้ทุกที่ที่ใจปรารถนา
ครั้นเร็วก็ดุจคิด
ครั้นนิ่งก็ดุจหลับ

เตรียมยานของคุณเถิดครับ
ถ้าอยากท่องโลกจินตนาการ
แต่เตือนกันไว้ก่อน
ยานนี้คุณไปได้คนเดียว

ความเหงาเป็นยิ่งกว่าเงา
ถ้าคุณกลัวความเหงา
จอดยานนี้ไว้เถิด
และเดินเข้าไปหาความจอแจแออัดดีกว่า


ไปก่อนล่ะ
ได้เวลาที่ผมต้องผ่าฟืน

---				
24 เมษายน 2547 05:04 น.

กินอะไร ๆ ฉบับไอ้บักHumน้อยของพ่อ/

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

กินอะไร กินอะไร ( แบบโฆษณาร้านขายสุกี้ฯ ในทีวี )
กินอะไร ไปกินตำบักฮุง ( ส้มตำ )
แซบนัวหัวใจ
ถูกรสอนามัยหนักหนา

กินอะไร ๆ
กินอะไร ไปกินตำบักฮุง
อิ่มรสทั่วไป
ถูกหลักอนามัยหนักหนา

( เก็บมาจากคำของไอ้บักหำน้อยทุกคำ)


ผมก็เห็นโฆษณาชิ้นที่ว่า แต่ก็ไม่ได้สนใจนัก
หนึ่งล่ะ ที่บ้านไม่มีร้านสุกี้
สอง ชอบอาหารชื่อนี้น้อยกว่าลาบงัว
สาม ผมไม่ค่อยชอบทีวีเท่าไหร่ ยกเว้นข่าวและสารคดีของบางช่อง

ผมไม่ได้ต่อต้านอะไรนะครับ
เพราะก็รับรู้และเคยเห็นว่า
เขาก็คืนกำไรให้สังคมเยอะแยะ โดยที่หลายคนไม่เห็น

แต่ตรงที่ผมอยากพูดเป็นจุดเล็ก ๆ เท่านั้น
คือผมสงสัยว่าไอ้บักหำน้อยแปลงเพลงกินอะไร ฯ ของเขา
มาเป็นเพลงกินอะไร ฯ ( ตำบังฮุง ) ของตัวเองได้อย่างไร

ผมไม่ได้ถามลูก ว่าเพื่อนพาร้อง หรือเขาคิดขึ้นมาเอง
เพราะบางทีคำถามมันก็ทำให้หัวใจน้อย ๆ ปวดร้าว
เหมือนครั้งหนึ่ง ครูบันทึกในสมุดการบ้าน
ในการแต่งกลอนแปดส่งครูของผมว่า
เธอแต่งเองหรือ ดี ถ้าแต่งเอง

ผมบอกตัวเองไม่ถูกว่าดีใจหรือเจ็บ
เพราะกลอนนั้นส่วนใหญ่ผมคิด
แต่บางวรรคผมก็อาศัยหัวของเพื่อน
แก้และเติมให้เนียน


เมื่อได้ยินเพลงกินอะไร ฯ ฉบับที่ลูกร้อง
ผมจึงขอให้เขาร้องให้ฟังชัด ๆ สองสามเที่ยว
ไม่ได้ถามว่าแต่งเองหรือไม่
แล้วจึงเขียนเป็นบันทึกนี้ไว้ ( ให้เขาอ่าน เมื่อเขาโต )

โฆษณาในทีวี มีอิทธิพลกับเด็กและทุกคน
บางที การที่เขาคิดและแปลงอะไรบางอย่าง
ก็น่าจะเป็นจุดเริ่มต้นที่ดี ในการมองอะไร ๆ แล้วพิจาณาตัดสิน (วิพากษ์) ด้วยสายตาของเขา

ไม่ใช่สักแต่ดู ๆ แล้วก็อยาก
อยากซื้อ อยากกิน อยากได้ แบบที่โฆษณามันปั่นกิเลสและตัณหา

ว่าเข้าไปนั่น !				
23 เมษายน 2547 10:15 น.

มามาโอะไวน์/

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ปอน : นี่เขาเรียกหมากเม่าใช่ไหมพ่อ

พ่อ : ใช่ครับ หมากเม่าเป็นไม้ยืนต้นสูงใหญ่ แต่ต้นเล็ก ๆ สูง 3-5 ศอกก็ออกลูกให้เราแล้ว

เปียว: นี่พ่อเอามาจากไหน

พ่อ : สวนของลุง เอ้า เร็ว มาช่วยกันล้าง พ่อจะพาทำไวน์

ปอน : ขอกินได้ไหมพ่อ หมากเม่านี่

พ่อ : กินได้เลย วิตามินซีมากนะ กินแล้วแข็งแรง
คุณครูสอนเรื่องวิตามินซีไหมล่ะ

ปอน : สอนครับ มันป้องกันเลือดออกตามไรฟัน

พ่อ : ถูกต้องแล้ว ลูกเลือกกินลูกสุกออกสีม่วง ๆนะจะหวานกว่าลูกสีแดงและขาว

เปียว : หวาน ๆ เปรี้ยว ๆ นะ ( เขารูดหมากเม่าเข้าปากเคี้ยว แล้วยิงฟัน เหมือนมันเปรี้ยวสุด ๆ )

พ่อ : กินเยอะ ทำให้ขี้แตกได้นะ

ปอน : เหรอครับ

เปียว : ไวน์นี่เมาใช่ไหมครับ

พ่อ : กินมากเมา จิบนิด ๆ ทำให้กินอาหารอร่อย สุขภาพดี

ปอน : เห็นเพื่อนว่า พ่อของเขากินไวน์ขวดล่ะหมื่น

พ่อ : ใช่ครับ บางยี่ห้อแพงมาก พวกนั้นเป็นไวน์จากองุ่นครับลูก

เปียว : อ๋อ องุ่นที่เป็นพวงๆ สีม่วง สีเขียว ใช่ไหมครับ

พ่อ : ใช่แล้ว เราไม่มีองุ่นเราก็เอาหมากเม่านี่แหละทำได้เหมือนกัน

เปียว : ล้างเสร็จแล้วครับพ่อ พ่อจะทำยังไงต่อ

พ่อ : พ่อจะปั่น คั้นเอาน้ำหมากเม่า ไปต้มกับน้ำตาล ทิ้งให้เย็นแล้วเติมยีสต์ มันก็จะกลายเป็นไวน์ในไม่นาน

ปอน : ไวน์ของพ่อขวดละกี่หมื่นครับ

พ่อ : เอาซัก 1 หมื่นดีไหม

เปียว : แพงไปพ่อ ไม่เห็นเราต้องจ่ายอะไรเท่าไหร่

พ่อ : 1 หมื่นสตางค์น่ะแพงหรือครับ

เปียว : แพงครับพ่อ

พ่อ : งั้นเราก็ไม่ต้องขาย พ่อเอาไว้กินเอง

ปอน : ดีครับ พ่อจะได้สุขภาพดี แข็งแรง

เปียว : เปียวว่าไม่ดีครับ กลัวพ่อตกบันได

ปอน: ทำไมล่ะเปียว

เปียว : ก็พ่ออร่อยไวนของ์ตัวเองจนเมาน่ะสิ

พ่อ : (หัวเราะ) ไม่หรอกครับ พ่อไม่ใช่คนขี้เมา
เอ้า เอางี้ ทั้งปอนกับเปียวไปเอาแก้วมาเตรียมไว้ พ่อจะต้มน้ำหมากเม่าคั้นใส่น้ำตาลให้ลูกดื่มกับน้ำแข็ง เขาเรียกสควอซ์หมากเม่า อร่อย พ่อรับรอง

เปียว : พ่อรับรองนะว่าสควอซ์ไม่เมา

พ่อ : ไม่หรอกครับ เรายังไม่ได้ใส่ยีสต์ซักหน่อย

ปอน : พ่อเก่งจังนะครับ พาเราทำโน่นทำนี่เยอะแยะ

พ่อ : เพราะพ่อรักลูกไง				
23 เมษายน 2547 02:45 น.

วันเกิดใครเอ่ย

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ตอนที่ครอบครัวของผมจนมาก ผมต้องฝากปู่ย่าดูแลลูก ส่วนผมกับภรรยาต้องออกไปทำงานนอกบ้านทั้งวัน  
           วันหนึ่งที่ข้างบ้านเขาจัดงานวันเกิดให้ลูกของเขา  เขาเชิญเราไปร่วม  งาน 
ลูกของผมตื่นเต้นมาก  และพ่อของเขาก็ไม่เคยจัดงานวันเกิดให้   
ตอนเขาจะเป่าเทียนตัดเค้ก  ลูกของผมก็จะเข้าไปเป่าด้วย  แกคงเห็นในทีวี  คนในวงร้องว่า เฮ้ยอย่า  ( เพราะไม่ใช่วันเกิดของแก)   เด็กน้อยหน้ามุ่ย   หงอเหงา   ผมเห็นแล้วก็เศร้าและสงสารลูกจับใจ   
สัญญาว่า  ตั้งแต่นี้ต่อไป   ผมต้องจัดงานวันเกิดให้ลูก   ก็เอาตามประสามีประสาจนแบบเรานี่แหละ


             งานชิ้นนี้ผมเขียนไว้ใน ปพส. ให้ชื่อว่า           วันเกิดใครเอ่ย
ความว่า




วันนี้เป็นวันคล้ายวันเกิดของลูก
และวันนี้ลูกก็ 9 ขวบแล้วซีเนาะ


พ่อรักลูกมาก
--------------------------------------------------

เมื่อเช้าลูกจำได้ไหม   พ่อเอาแกลลอนน้ำมันเครื่องเปล่า 2 ใบ
ร้อยด้วยยางในรถเครื่อง       คล้องเอวให้เจ้า  เพื่อจะได้ว่ายน้ำตามพ่อ
พ่อวางข่ายดักปลา
ในบ่อกลางทุ่งนา
ก็ปลาที่เราเลี้ยงเองทั้งบ่อ

ได้ปลานิลเป็นสิบ

ปลาหมออีกเป็นซาว

ให้แม่ทำกับข้าว

เอาให้อร่อยสะบัดช่อ

เพื่อให้วันนี้พิเศษ

พ่อไปหยิบแหมา

ทอดแหตรงมุมของบ่อปลา

ได้ปลาตัวใหญ่ห้าต่อ

ปลาติดแหกระตุกตึก

ปลานิลดอกไม่ใช่ปลาบึก

นึกแล้วสมหวังเลยนะพ่อ

แม่เจ้าจะเอานึ่ง

ฝีมือแม่ฉมัง

ทำน้ำพริกอร่อยจัง

อิ่มแล้วยังนั่งจ้อจ๋อ

ชวนคุณลุงคุณป้า

มาล้อมวงกินปลา

ชวนคุณยายเรามา

มากินปลาจากบ่อ

ความสุขแสนสามัญ

อยู่มีเยื่อใยกัน

มันก็ดีแล้วหนอ

ยิ้มหน่อยซิครับ

พ่อเป่าหัวรับขวัญ

ฟังเพลงขลุ่ยนะลมตะวัน(ชื่อของลูก)

พ่อจะดั้นเพียงออ

เปล่าเพลงฉลองรัก

ในคืนรักอบอุ่น

รักเอื้อจงเกื้อหนุน

ค้ำจุนใจเราเถิดหนอ

เติบโตจงกล้าแกร่ง

มีแรงมีปัญญา

แม้เจ้าเกิดจากนา

ก็จงอย่าสลดท้อ

เจ้าได้รักเต็มกำลัง

เจ้าได้หวังเต็มตื้น

จากวันนี้ไปมะรืน

เป็นวันชื่นสุขพอ

แม่เตรียมสวนไว้ให้เจ้า

พ่อเตรียมนาข้าวไวให้ด้วย

ยายเตรียมขวัญถุงกับกล้วย

เพื่อลมตะวันแหละหนอ

ยิ้มเถิดจงยิ้มเถิด

วันคล้ายวันเกิดคนดี

เสกคาถาเป่าสามที

ที่กระหม่อมจอมใจพ่อ

พ่อรักแม่ก็รัก

รักลูกเต็มหัวใจ

จากวันนี้ต่อไป

ลูกต้องเติบใหญ่ดีพอ


รักลูกมาก


จากพ่อ				
22 เมษายน 2547 12:37 น.

บนหลังไหล่ของพ่อ

ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์

ผมเขียนร้อยกรองไว้บทหนึ่ง ชื่อ         เพราะมีพ่อ 
ในนามบรรลุพร นามโนรินทร์ และพิมพ์ในสยามรัฐสัปดาหวิจารณ์ ฉบับปีใหม่ 2547    ไปแล้ว


  ความว่า


		ใครบ้าง   เกิดจากตอจากกอไผ่		
มิได้เกิดขึ้นมาในอ้อมอกพ่อ
ใครบ้างอาจ     เอ่ยวจีว่าดีพอ			
โดยไร้พ่ออบรมบ่มจรรยา

	   	ถึงไม่เด่นไม่ดังหรือมั่งมี
	แต่มั่งคั่งความดีก็มีค่า
	ตรงที่ใจเปี่ยมสุขทุกเวลา
	เลี้ยงชีวิตโสภาบ่สามานย์

		น้อยก็หนึ่งน้ำใสในโอ่งโอ
	ได้ดื่มกินเติบโตเตือนโหลนหลาน
	ทะเลใหญ่หากเค็มเหลือมีเกลือบาน
	กระหายเหลือก็เกินการเอาดื่มกิน

		เพราะมีพ่อจึงได้ต่อภูมิปัญญา
	จนเติบกล้ามีหัวใจให้ท้องถิ่น
	ฉลาดชาญจึงหาญเอื้อเพื่อแผ่นดิน
	ร่วมเป็นฝนหลั่งรินลงทุ่งแล้ง

		หัวใจพ่อแจ่มใสใหญ่และกว้าง
	จึงอาจสร้างความแจ่มใสไว้ทุกแห่ง
	ลูกขอรับใจเขษมไว้เต็มแรง
	เพื่อปันแบ่งและสานใจไหว้พ่อเอย .
	
---------------------------------------
	ผมรักพ่อ  ทั้งพ่อของแผ่นดินและพ่อผู้ก่อกายผม   
ผมรู้และซึ้ง  
ผมเห็นพ่อทุกคนทำงานหนัก และพ่อก็รักลูกด้วยหัวใจของพ่อ

	ในวัยเด็ก     ผมไปไหนต่อไหนกับพ่อ ราวเงา     พ่อให้เดินตามพ่อถ้าที่ ๆ
 ไป โล่งโปร่งปลอดภัย     แต่ถ้าหนใดไปในที่สุ่มเสี่ยง ดำหม่นจนอาจมีภัย  พ่อให้ขี่หลัง    
คุณเคยขี่หลังของพ่อไหมครับ


หน้าฝนปีที่ผมเรียนอยู่ชั้น ป.5  พ่อพาไปกั้นห้วยดักปลา  วิธีการก็ทำง่าย ๆ คือเอาไม้ไผ่มาจักและสานเป็นเฝือกแบบมูลี่บังตา แต่เน้นแข็งแรงเป็นสำคัญ เมื่อปักหลักไม้ลำเท่าขาของพ่อลงไปในลำห้วยถี่แค่คืบ มัดราวหลักด้วยไม้ไผ่ลำใหญ่ทั้งล่างกลางบนแล้ว  จึงเอาเฝือกไม้ไผ่มาประกอบ
เข้า  มัดด้วยเถาไม้แน่นหนา   เฝือกนี้น้ำไหลผ่านได้ แต่ปลาหาผ่านได้ไม่   พ่อเจาะช่องสำหรับใส่ไซเอาไว้ตรงกลาง พรางด้วยฟดไม้ล้มลุก 
ซึ่งก็ถอนเอาแถว ๆ นั้น  ในยามค่ำคืนปลาที่มาตามน้ำในห้วยจะเข้าไซของพ่อจนแน่นเต็ม   ผมเห็นภาพเหล่านั้นติดตา  จนเอาไปเขียนเป็นเรื่องสั้นได้เรื่องหนึ่ง   
แต่โยนทิ้งตะกร้าไปแล้วมั้ง ( อันนั้น บ.ก.ทำ) 

ปลาดุกเป็นปลาที่ผมไม่เคยเห็นมันดีดตัวข้ามเฝือกที่กั้นห้วย  แต่เห็นไต่ไปตามเนินดินลัดเลาะไปในที่พรางตาได้ดีนัก
 ช่วงแรกที่กั้นเฝือกใส่ไซปลาดุกติดไซอัดแอจน
ได้ยินเสียงแหง็บๆแหง็ดๆ
ของมันชัดเจน  ช่วงหลังมาปลานี้ไม่ติดไซซักตัว
 พ่อบอกว่ามันรู้ความแอบแถกเงี่ยงไปตามดินชื้นกลางกอไผ่    


แต่ไม่เป็นไร  เท่าที่เราจับได้ก็ทำปลาเค็มแล้ว 2-3 ไห

          ปลาช่อน   เจ้านี่โดดเก่ง  ดีดตัวตูม ๆ ข้ามเฝือก   
พ่อรู้ทางมันดี  เอาตาข่ายดักไว้หลังเฝือกมันข้ามไปไม่พ้น
ก็ติดแหง็กอยู่ตรงนั้น   ตัวโตมากนะครับ  ขนาดโคนขาของเด็ก ป.4 น่ะมีให้กินเยอะแยะ

        วิธีกินที่ง่ายที่สุดในทุ่งนาเวลากลางคืน คือโอบเกลือหมกถ่าน  ซึ่งปลาช่อนที่สดแบบนั้นเมื่อสุกแล้วกินกับแจ่วและข้าวเหนียวร้อน ๆ ที่ห่อมาจากบ้าน อร่อยจนไม่อยากหยุดเลยครับ
บางคืนผมกับพ่อต้องช่วยกับหาบคอนปลาเข้าบ้าน
สองรอบสามรอบ  พ่อได้ปลาเยอะแบบนั้น
 ชาวบ้านก็ได้กินด้วยครับ  พ่อแบ่งให้คนข้างบ้าน 
 แบ่งให้ญาติพี่น้องทุกคน  เวลาคนอื่นมีคนอื่นได้ เขาก็ไม่เคยลืมพ่อ   


   เวลาผ่านไปนานก็เหมือนไม่นาน 
 เพราะมันเป็นความคิดความรู้สึก   ผมกลับบ้าน ได้ถามพ่อเรื่องห้วย  
ปลา  นา และน้ำ   พ่อว่า  ในน้ำไม่ค่อยมีปลาให้กินแล้ว
อยากกินปลาต้องไปตลาด  
ทุกอย่างเป็นเงิน  ต้องแลกเอาด้วยเงิน  การขอกันกินแทบไม่มีแม้เป็นหมู่บ้านนอกๆตำบลก็เถอะ

    ผมได้ยินแล้วก็ไม่ได้ถอนใจอะไร  
 
มันเป็นไปตามเหตุของมันใครก็พูดแบบนั้น
พ่อคงมองเห็นอะไรที่เป็นภัยที่กำลังจะมาถึงแล้ว
จึงลงมือขุดบ่อเลี้ยงปลา  ปลูกผัก  ปลูกไม้ผล พืชพันธุ์ที่พ่อลงแรงเอาไว้ให้ดอกให้ผลมาร่วม 20 ปีแล้ว  

เวลานี้ใครต่อใครก็ไปดูสิ่งที่พ่อทำ แต่ก็ทำตามไม่ได้
ด้วยข้ออ้างง่าย ๆ ว่ามันทำยาก

                มีสักกี่คนกันล่ะครับ  ที่เห็นว่าสังคมเปลี่ยนไวเกินไปแล้ว  การพึ่งตนเอง  การพึ่งพาอาศัยกันชักจะถึงจุดวิกฤติแล้ว 
 แล้วหันมาตรอง  มองวิถีดั้งเดิม  เพื่อให้ไม่เป็นอันตรายเกินไป เมื่อโลกถึงจุดวิกฤติ 
 ขาดทั้งน้ำ ขาดทั้งอาหาร และน้ำหัวใจ  

            ผมก็เห็นแต่พ่อเท่านั้นแหละครับที่คิดและทำนำใครๆ
บรรดาเราทั้งหลายต่างหากที่พากันไม่สนใจใยดี  ยินดียินร้าย
ในสิ่งที่พ่อเตือน พ่อสอน  พ่อทำนำ ทำให้ดู  เราอยู่บนหลังไหล่ของพ่อ
แบบเห็นแก่ตัวเกินไปแล้วมั้ง

ใช่ไหมครับ

บรรดาลูกของแผ่นดินทั้งหลาย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  1 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
Lovings  ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์