14 พฤศจิกายน 2547 06:47 น.
				
												
				
								ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
		
					
				
เมืองผี
เรื่องสั้น โดยก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
	5 แยกที่ตัดกันกลางป่าเต็งรังค่อนข้างทึบ ไม่มีป้ายบอกว่าเส้นไหนจะไปออกที่ไหน    เว้นแต่เส้นทาง 60 กิโลเมตรที่เพิ่งผ่านมาและไม่อยากย้อนกลับไปอีกเท่านั้นที่ผมรู้จัก
	ตะวันลาลง  แสงฟ้าลับแล้ว  ความมืดขมุกขมัวคลี่คลุมป่าที่เริ่มเย็น   รถเครื่องของผมครางเหมือนหมาแก่ที่หนาวและหนังเป็นเวิงเรื้อน   ถ้ารถเป็นอะไรไปอีกผมก็คงต้องกินข้าวลิงแถวนี้เป็นแน่
	มีทางลัดใกล้กว่าที่คุณจะอ้อมภูลูกนั้น.. คนท้องถิ่นบอกทางแก่ผมตอนก่อนค่ำ ไปกลางค่ำกลางคืนอย่างนี้พวกบนภูจะตีเอารถนะผมบอกไว้ก่อน     คุณลัดไปทางนี้เถอะ  หมู่บ้านแม้จะห่างก็ยังพออุ่นใจ
	ผมมีทางเลือกไม่มากนัก  จะย้อนกลับก็ไม่มีที่จะหวังอันใดอีก   หมู่บ้านเวิ้งลากรรม เท่านั้นที่ผมอาจจะพอจะฝากหัวใจร้าวได้   ผมเคยได้ยินจากพ่อว่าญาติห่าง ๆ ของเราคนหนึ่งหักร้างถางพงทำไร่อยู่ที่นั่น
	ผมเลือกเส้นทางขวามือซึ่งค่อนข้างแคบเมื่อเทียบกับอีก 4 ทางที่เหลือ ตามคำของคนบอกทาง  ความไม่คุ้นทำให้ผมผ่อนคันเร่งลงไม่เกิน 20 กิโลเมตรต่อชั่วโมง   ฟ้าหน้ารถยังทำงานได้ดีแต่ก็ไม่แน่ใจว่ามันจะดีอยู่กี่มากน้อยเพราะบางหนมันก็เคยดับลงไปเฉย ๆ    
รถห่าง 5 แยกมาไม่มากนักหูของผมก็ได้ยินเสียงกระดึงคอควายและยิ่งชัดขึ้นเหมือนพวกมันวิ่งไล่กันใกล้เข้ามา   อ้าวเฮ้ย..หลบ ๆ เว้ย  ความตกใจทำให้กำเบรกและบิดคันเร่ง  เสียงเครื่องรถเร่งแรงหากไม่ขยับ ล้อหลังจึงเบนออกขวา   เงาตะคุ่มของควายที่พรวดออกมาอย่างน้อยคงสี่ห้าตัวจากสุมทุมข้างทางวิ่งไปตามทางแคบ ลับหายไปกับความมืด เมื่อจะออกรถอีกครั้งเครื่องยนต์ก็ดับลงกระทันหัน สตาร์ทใหม่อย่างไรก็ไร้แวว   รายรอบมีแต่ความมืด สงัด ดาวดวงเล็กๆแลเห็นริบหรี่ที่ปลายไม้ไกล   นอกจากเสียงเปรี๊ยะแตกของสะเก็ดจากกองไฟที่เพิ่งเห็นทางขวามือห่างออกไปไม่มากก็แทบไม่ได้ยินเสียงใดอื่นอีก
เมื่อหมดความหวังที่จะบังคับให้รถเคลื่อนไปด้วยแรงของมันผมก็ล้มเลิกความตั้งใจที่จะฝ่าความมืดไปในที่ไม่รู้  กองไฟที่เห็นเป็นที่หวังที่ยังเหลือ
แสงจากกองไฟที่พวยขึ้นเป็นครั้ง ๆ ทำให้มองเห็นได้ว่ารอบ ๆ นี้เป็นที่เกือบโล่ง  มีไม้ใหญ่ขึ้นรายรอบ และบ้านชาวบ้านก็น่าจะไม่ไกลจากนี้นัก  ผมมัวแต่สังเกตรายรอบไม่ทันได้มองเห็นว่ามีใครนั่งเหมือนผิงไฟอยู่
มาตามควายรึ  เมื่อกี้ลุงเห็นมันไล่กันไปทางโน้น น้ำเสียงนั้นเจืออารีฟังอุ่นใจ
เปล่าหรอกครับ ผมจะไปหาญาติ  เมื่อกี้ผมก็เกือบชนควายแหละครับ  เบรกทันแต่เครื่องรถก็ดับมันสตาร์ทไม่ยอมติด
ลุงมานอนเฝ้าสวน  บ้านของลุงอยู่ข้างในโน้น  ชายแก่บอกเหมือนรู้ว่าจะถามอะไร  ผมเดินเข้าไปใกล้ชายเจ้าของเสียงที่นั่งอังมือเหมือนเอาอุ่น
แล้วลุงรู้จักบ้านเวิ้งลากรรมไหมล่ะครับ  อยู่ห่างจากนี่มากไหม 
โห้ย  รู้จักดี  เอ้า..นั่งลงผิงไฟสิ  ข้าเอ็งก็มาจากนั่นก่อนมาเอาเมียอยู่ทางนี้  ว่าแต่จะไปทำอะไรที่นั่น ถามจริงๆ  พวกหนีคดีมาหลบอยู่นี่ทั้งนั้น หรือว่าเอ็งก็หนีอะไรมา     เออ..มันก็ข้ามเนินแบบนี้ไป 2 ลูกก็ถึงล่ะ
เออจะว่าหนีก็หนีแหละครับผมค่อยนั่งลง ชายที่นั่งอยู่ก่อนหันมาทางผม แสงจากกองไฟทำให้เห็นได้ว่าแกไว้หนวดเครายาวแต่ไม่ถึงกับรกรุงรัง  ลุงรู้จักความขมขื่นไหมล่ะครับ  ผมหนีมันมาแหละ  ไม่ต้องคดีอะไรหรอกลุงสบายใจได้
เอ็งว่าน่ะตลกดี  เอ็งชื่อไรล่ะ  เป็นคนที่ไหน
ผมบอกชื่อเสียงเรียงนาม  ชื่อพ่อชื่อแม่  ชื่อบ้านเกิดและชื่อญาติที่จะไปหาแก่ชายแก่จนครบถ้วนตามที่แกถาม  
เอ็งมาไกลนี่หว่า   ถ้าเอ็งง่วงก็ไปนอนก่อนข้าได้เลย  จะแขวนเปลนอนก็ได้  ข้าสุมควันตะไคร้ไล่ริ้นยุงแต่หัววันแล้ว นอนได้สบาย
ไม่สิ้นเสียงของชายแก่ดีผมก็รู้สึกง่วงงุนเสียเต็มประดา ลุกเดินตามแกอย่างว่าง่ายไปที่กระท่อม หลับไปทั้งรองเท้าอย่างนั้นมารู้สึกตัวอีกทีแสงตะวันก็แยงตายิบ ๆ แล้ว
อา..นี่มันเถียงนาร้างข้างป่าช้านี่   และกองไฟกองนั้นแท้จริงเป็นกองฟอนที่ศพเพิ่งไหม้หมดตอนหัวค่ำนั่นเอง  ผมเย็นหลังวาบ  คำแผ่เมตตาว่าไปโดยอัตโนมัติ  ขอบคุณคุณลุงเคราดกที่ดูแลผมอย่างดี				
			 
			
				12 พฤศจิกายน 2547 23:57 น.
				
												
				
								ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
		
					
				
ตอนที่ 9 รอยวัน ท่อนท้าย
	ไข่เขียดเดินทางกลับบ้านอย่างออกหงอย  แต่แรงดีดอย่างประหลาดอย่างหนึ่งก็ค่อยแทรกขึ้นมาในใจ จนในที่สุดก็โชนกล้า       ใช่แล้วไข่เขียดอยากเขียน เขียนถ้อยคำที่ใครก็ตามเมื่อได้ อ่าน  ต้องซึม    ซึ้งกำซาบบึ้งใจ  โอ..การอกหักทำให้เกิดแรงเหวี่ยงอย่างแรงได้อะไรปานนี้
	อาการอาหารเป็นพิษของพ่อได้รับการดูแลอย่างดีจากคุณหมอที่เป็นเพื่อนของพ่อเอง   ตลอดเวลาที่อยู่ห้องพิเศษในโรงพยาบาล คนที่มาเฝ้าไข้สลับกับแม่คือน้องจารุวรรณ ที่เคยไข่เขียดรู้สึกชื่นชมมาก่อนนั่นเอง  ทุกคนกำลังเตรียมพาพ่อกลับบ้านกลางทุ่ง
	หนูเป็นคนเอาของมาฝากพ่อกับแม่ค่ะ  พอทำอาหารกินกันพ่อก็ท้องเสียอย่างแรง   เป็นความผิดของหนูเอง  พ่อจะนั่งรถของหนูหรือรถพี่ไข่ดีคะ
	รถไข่เขียดพ่อคงสะดวกนะ  ขอบใจจ้ะ   เรื่องนั้นมันไม่ใช่ความผิดของหนูจารุวรรณหรอกนะครับ  ร่างกายของพ่อไม่แข็งแรงเอง    เอาล่ะเมื่อพ่อหายดีแล้วก็อย่าคิดโทษตัวเองเลยนะ  พ่อขอบใจมาก ๆ ที่ดูแลพ่อโดยไม่รังเกียจ  เออ ไข่เขียดเอ้ยเอารถมาจอดเทียบข้างหน้านี่เลยลูก 
	ครับผม
	 แม่นั่งรถของจารุวรรณ  เธอขับตามพวกเรามาอย่างช้า ๆ   ไข่เขียดกับพ่อและอานั่งมาด้วยกัน  ไม่นานก็ถึงบ้าน  จารุวรรณจัดเตรียมที่ให้พ่ออย่างคล่องแคล่ว
	ตอนป๊ะป๋าของหนูป่วยเป็นโรคลงท้องหนูก็ดูแลเองสองคนกับน้อง  แม่เสียไปตอนหนูเรียนปีที่ 2 น่ะค่ะ
	ทั้งแม่และพ่อต่างก็ยิ้มชื่นชมหญิงสาวที่กำลังจัดแจงดูแลอยู่ใกล้ๆ   ไข่เขียดรู้สึกปลื้มและลืมความหงอยไปได้มาก
	เมื่อพ่อหลับพักผ่อนแล้ว แม่ก็บอกให้พวกเราพักบ้างท่านจะดูแลพ่อเอง  
	พี่ไข่เขียดคะ พี่คงไม่ว่าหนูนะคะเรื่องที่ทำให้พ่อเจ็บป่วยและพี่ก็ต้องทิ้งงานมานี่
	ไม่ว่าหรอกครับ  พี่สิรู้สึกเป็นหนี้บุญคุณน้อง  ไม่รู้จะขอบคุณอย่างไรที่ดูแลพ่อแทนพี่  เราเดินไปนั่งคุยกันทางโน้นดีไหม  น้องเหนื่อยอยากพักไหม
	ไม่เหนื่อยหรอกค่ะ  เพราะวรรณเพิ่งตื่นตอนสายๆนี่เอง  ไปกันเถอะคะ  ที่ร่มไม้ข้างโรงไวน์ดีกว่าไหมคะ  ม้าหินอ่อนตรงนั้น เราไม่ได้นั่งคุยกันนานแล้ว  รู้สึกคิดถึงอยากไปตรงนั้นค่ะ
	
	เมื่อถึงที่หมาย  บทสนทนายาวระหว่างจารุวรรณและไข่เขียดก็เริ่มขึ้นและดำเนินไปโดยใยดี  หญิงสาวขอให้ไข่เขียดเล่าเรื่องงานในองค์กรเอกชนพัฒนาชนบทให้ฟัง           แววตากระหายใคร่รู้นั้นละม้ายใครบางคนที่ไกลห่างออกไปสุดประมาณแล้วคนนั้น   น้ำเสียงและคำถามสัมผัสใจให้อยากตอบทีเดียว   จารุวรรณถามได้เรื่อย  ๆ ไข่เขียดตอบได้เรื่อย ๆ  น้ำดื่มพล่องไปทีละเล็กละน้อย  เวลานั้นเหมือนไม่มีใครสนใจใยดีมัน   
	
	พี่ไข่เขียดเคยรักใครบ้างไหม  เล่าได้ไหมคะ  วรรณขอฟัง
-----------------------------------
	
	นุชส่งหนังสือแจ้ง การให้ลาออกขององค์กรมาให้ไข่เขียดพร้อมกับเงินชดเชยอีกก้อนหนึ่ง  พร้อมนั้นเธอแนบจดหมายจากรอยมาด้วย				
			 
			
				10 พฤศจิกายน 2547 01:18 น.
				
												
				
								ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
		
					
				
ตอนที่ 9 รอยวัน 
	เกือบห้าโมงเช้าวันใหม่ไข่เขียดก็กลับจากหมู่บ้านเข้าสำนักงานเพื่อทำธุระ เขาก็เห็นจดหมายวางอยู่บนโต๊ะทำงาน 3 ฉบับ  แม่บ้านประจำสำนักงานคงรับไว้ให้    2 ฉบับนั้นจ่าหน้าด้วยลายมือที่คุ้นมาก  อีกฉบับไม่เคยเห็นลายมือนั้น
	ฉบับที่ไม่คุ้นลายมือเป็นของนุช
	อีกสองฉบับเป็นของแม่กับรอย
	ไข่เขียดเปิดจดหมายจากบ้านก่อนฉบับอื่น
	ข้อความในจดหมายด่วนและลงทะเบียนฉบับแรกบอกว่าพ่อไม่สบายมากอยากให้ลูกกลับไปดูแลพ่อด่วน
	ข้อความในจดหมายฉบับที่สองที่คุ้นลายมือมากบอกว่ารอยขอโทษที่ต้องปิดบังบางสิ่งบางอย่าง  รอยกำลังจะเป็นแม่คนและ
ไข่เขียดพับจดหมายไม่อยากอ่านต่อ แต่ก็คลี่ออกอ่านอีกจนได้   รอยเธอปิดบังอะไรหรือ ?
	จดหมายฉบับสุดท้ายนุชพูดคล้ายรอยคือขอโทษที่ปกปิดความจริงเรื่องของเพื่อน
	ไข่เขียดรู้สึกปวดหนึบภายในกะโหลกหัว   จิตใจรวดร้าวจะหลุดขาดจากขั้ว 
	ก่อนที่โลกจะหมุนคว้างไร้ทิศเขาก็ได้ยินเสียงเพื่อนร่วมงานดังขึ้น
	เฮ้ยนายหน้าซีดเหมือนจะเป็นลมใช่ไหมนี่   นอนลงที่โซฟาสิเพื่อน   เพื่อนของไข่เขียดเข้ามาถึงก่อนจะจบคำเสียอีก 
	โอ้โฮวันนี้อากาศร้อนมากเลยนายควบม้าแกลบฝ่าแดดร้อนมากว่า 40 กิโลเมตร เป็นเราก็หมอบเหมือนกัน เพื่อนคนเดิมว่า
	ร้อนกายคงไม่เท่าไหร่สหาย เสียงไข่เขียดเครือ ๆ
	แล้วร้อนเรื่องอะไรวะไข่  อ๋อ..เรื่องรอยใช่ไหม
	อือ..อ่านจดหมายดูเถิดเพื่อน ข้าขอพักเงียบๆ ซักงีบ
	เพื่อนอ่านจดหมายแล้วก็ถอนหายใจยาว  ก่อนวางจดหมายบนโต๊ะแล้วผละออกไป
	ข้าคงช่วยอะไรแกไม่ได้จริงๆ เพื่อนเอ๋ย				
			 
			
				9 พฤศจิกายน 2547 19:03 น.
				
												
				
								ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
		
					
				
OOOO
	ไข่เขียดเก็บซ่อนความแคลงใจไว้เร้นลึก  อาจเพราะเห็นว่าฟังจากคนอื่นบางทีจะยิ่งทำให้ความรู้สึกแย่ลงไปอีก   แม้กับนุช  คนที่รอยสนิทสนมที่สุดไข่ก็จะไม่ถามให้ใครขุ่นใจ
	ผู้ใหญ่ครับ  แถบนี้   ใกล้ๆ เรานี่   มีใครทำเกษตรธรรมชาติไหม   ผู้ใหญ่เขียวผู้นำหมู่บ้านที่ไข่เขียดรู้จักและสนิทด้วยเป็นคนแรกในพื้นที่ทำงาน  นิ่งนึกอยู่ครู่สั้น ๆ ก่อนเอ่ย
	เกษตรธรรมชาติแบบที่เราไปดูงานที่พิจิตรมานั่นใช่ไหม  เอ้า นี่ครับน้ำเย็น  แม่บ้านทำน้ำใบเตย หอมเย็นชื่นใจดีครับ แม่บ้านผู้ใหญ่เขียวยิ้มรับก่อนละไปทำงานทางหลังบ้านไม้ใต้ถุนสูง พื้นซีเมนต์กว้าง
	ขอบคุณครับผม   เกษตรธรรมชาติหรือแบบ ใกล้เคียงก็ได้ 
	ผมเห็นมีที่สำโรงชัย ลพบุรีนะ เลาะไร่ข้าวโพด ตามแนวเขาลูกนี้ไปไม่ไกลก็ถึง  ถ้าคุณจะไปเดี๋ยวผมให้น้องเขยผมพาไป
	น้องเขยของผู้ใหญ่เขียวควบม้า MTX นำหน้าม้าแกลบของไข่   พาลัดเลาะถนนแดงที่ตัดไปตามไร่ข้าวโพดเพื่อจะไปดูงานเกษตรธรรมชาติตามที่ผู้ใหญ่เขียวแนะไว้    ทางบางตอนตัดขึ้นเขาเพื่อข้ามฟากเขตจังหวัด  และก่อนถึงทางลาดชันและไม่สะดวกน้องเขยผู้ใหญ่ก็คุมม้าญี่ปุ่นเข้ามาเคียงและบอกสภาพทาง   ไข่เขียดรู้สึกมันมากกว่าที่จะหวาด   การคุมรถเครื่องไต่ทางวิบากด้วยหินคมแข็งลาดชันคงเป็นความรู้สึกท้าทายอย่างหนึ่งของวัยมั้ง  -แท้จริงมีทางลูกรังเรียบครับ  หากวิจิตรเลือกเอาทางนั้นพาไปถึงจุดหมาย
	พี่จะไปทำไมที่นั่น  วิจิตรถามเมื่อลงเขาเข้าสู่ทางโล่งเรียบแบบโรยลูกรัง
	ไปดูงาน  บางทีอาจพาผู้นำชาวบ้านคนอื่นๆไปศึกษาเรียนรู้
	ผมเข้าใจแล้ว  งั้นเชิญพี่ตามสะดวก  ไปถึงแล้วผมจะแนะนำให้รู้จักเขา  ญาติของผมเองแหละ  มีคนไปกวนแกเรื่องไม้ อยู่หลายหน   ถ้าไม่มีอะไรก็คงไม่มีปัญหา  แกเป็นคนใจดี
	
	แล้วไข่เขียดก็ได้รู้จักกับญาติของวิจิตรผู้ทำเกษตรแบบวัว ป่า นาข้าว    เขาพาพักค้างพูดคุยกับเจ้าของสวนเกษตรที่นั่นหนึ่งคืนหนึ่งวันก่อนลาจากเพื่อไปดูงานแหล่งใหม่ต่อไปอีก
	ไข่เขียดเก็บรวบรวมเรื่องราวชีวิตของคนที่ได้พบ  คนผู้ยืนอยู่ด้วยลำแข็งตนบนถนนสายการเกษตรมีอยู่มากมาย  คนเหล่านี้แหละที่เลี้ยงสังคมไม่ให้แร้นแค้น  งานของเขาหล่อเลี้ยงผืนแผ่นดินไม่ให้แห้งผาก   แต่เขาก็พอใจที่จะอยู่เงียบ ๆ มีกินแบบเงียบ ๆ  เอื้อคนอื่นอย่างเงียบ  ๆ   -สมุดบันทึกของไข่เขียดปิดแผ่นสุดท้ายไปหลายเล่ม และฟิลม์ก็เก็บภาพนั้นไว้มากพอที่จะเอื้อคนอีกมากที่หัวใจต้องการการเกื้อกูล
	เมื่อกลับมาจากดูงานแต่ละที่ไข่เขียดแวะเล่าให้ผู้ใหญ่เขียวได้ฟัง   ถ้อยคำของวิจิตรสมทบเข้าอีกทำให้ผู้ใหญ่อยากไปด้วย  หนต่อมาชาวบ้านจึงได้เห็นรถเครื่อง 2 คัน คนสามคนเดินทางไกลบ้างใกล้บ้างดูงานการเกษตรในวิถีของการพึ่งลำแข้งตนเองแล้วยืนหยัดอยู่ได้อย่างเต็มศักดิ์  - มีโฮกาสไข่เขียดคงเอาบันทึกของเขาที่เขียนถึงการท่องเส้นทางเกษตรทางเลือกมาให้อ่านครับ
	หลังจากลุยที่โน่นที่นี่อยู่หลายวันไข่เขียดก็กลับเข้าสำนักงานสนามเพื่อประชุมกลางเดือนตามปฏิทิน  
 มีจดหมายจากไอ้รอยมาหาเอ็ง  พี่อ้วนยื่นจดหมายอากาศให้ไข่เขียด
ขอบคุณครับพี่  ประชุมสามโมงตรงใช่ไหมครับ
อือ..แต่คงเริ่มช้าหน่อยวันนี้พรรคพวกโทรมาว่าอาจมาถึงช้าซักสามสิบนาที  รถยางรั่ว
งั้นผมหามุมอ่านจดหมายซักหน่อย  เหลือเวลาอีกร่วม 20 นาทีจะสามโมง
เออ
	จดหมายจากรอย   ไม่มีน้ำเสียงใดๆที่แปร่งเพี้ยนไปจากที่ไข่เขียดเคยรับและรู้   เธอเล่าเรื่องที่โน่นให้ฟัง จดหมายก็จบอย่างปกติ   เพียงแต่เธอว่าบางทีอาจจะต้องเลื่อนกำหนดกลับออกไปอีก
	ไข่เขียดพับจดหมายเก็บแล้วกลับไปห้องนั่งเล่นของสำนักงาน
	เป็นไงวะข่าวคราวทางไกล พี่อ้วนถามดูสนใจจริงจัง
	เรื่อย ๆ ครับ ไม่มีอะไรมากนอกจากว่าอาจเลื่อนช่วงเวลาเตรียมงานออกไป
	เอ็งยังเคืองพี่อยู่ไหมวะไข่
	เคืองอะไรกันพี่  ผมเพลินมากกว่าได้คุยกันออกรส
	ดีว่ะ  พี่นิยมใจเอ็ง  เรื่องผู้หญิงนี่บางทีเราก็เข้าใจเขายาก  พี่ก็จะพูดแค่นี้แหละ  เอ็งดูเอาแล้วกัน
	ไข่เขียดยิ้มกับถ้อยคำของพี่ใหญ่และยังนั่งพลิกหน้านิตยสาร ส่วนพี่อ้วนพูดเสร็จก็ผละไปเตรียมประชุมที่ห้องประชุม  เมื่อสมาชิกมาครบ   การพูดคุยเป็นการเป็นงานก็เริ่มทันที
	เอ้า  ขึ้นอะเจ็นด้าหน่อยไข่เขียด  เรื่องที่หนึ่ง สรุปความก้าวหน้าของงานพืนที่  สองเรื่องพื้นที่ทำงานใหม่ที่ฟิลิปปินส์ สามการเตรียมปิดพื้นที่ทำงานในประเทศไทยภายในสามปีข้างหน้า และเรื่องอื่น ๆ 
	การพูดคุยเรื่องงานดุและเด็ดด้วยเหตุด้วยผล ด้วยข้อมูล  เหมือนมีอารมณ์แต่ก็ไม่ใช่  ทุกคนที่ทำงานด้านพัฒนาชนบทแม้มีอัตตาที่ยกไว้สูงแต่ก็เปิดช่องให้เพื่อนวิพากษ์ได้ด้วย เมื่อมีข้อสรุปในแต่ละเรื่อง ข้อสรุปนั้นจึงเป็นของทุกคน งานก็เป็นงานของทุกคน
	ทีนี้มาเรื่องอื่น ๆ  เรื่องสุดท้าย   อาจไม่สุดท้ายก็ได้   ผู้อำนวยการให้แจ้งว่าท่านจะไปฟิลิปปินส์ต้นเดือนหน้าใครอยากไปบ้างมีโควต้า 2 ที่ คือหัวหน้าสำนักงานสนามกับผู้ประสานงานสนามอีก 1
	ผมเสนอไข่เขียด เพื่อนร่วมงานที่ช่วยคลี่คลายบรรยากาศเครียดในคืนดวลคีย์บอร์ดกับกีตาร์ออกความเห็น
	ผมขอสละสิทธิ์ เขียดแจ้งโดยเกือบฉับพลัน
	ทำไมวะพี่อ้วนหันมาถาม
	ผมอยากลุยงานในหมู่บ้าน  ในนี้ยังมีอีกหลายเรื่องที่ผมคงสนใจมากกว่าฟิลิปปินส์
	ดีมากอ้ายน้อง งั้นใครจะไปบอกมา
	เพื่อนในสำนักงานสนามไม่มีใครเสนอตัวไป  
เมื่อเวลาเดินทางมาถึง พี่อ้วนกับนุชได้ไปพร้อมกับผู้อำนวยการ เพื่อเยี่ยมทีมทำงานที่โน่น  ส่วนไข่เขียด และ คนอื่นๆ ก็ลุยคลุกฝุ่นในหมู่บ้านไร่ข้าวโพดในงานของตนของตนต่อ
	OOO
ไข่เขียดแวะบ้านผู้ใหญ่เขียวอีกครั้งก่อนที่จะไปบ้านน้องเขยของผู้ใหญ่
ผู้ใหญ่จำรอยวันได้ไหมครับ 
ผมจำได้ว่าเธอย้ายไปทำงานที่ลาดยาวเข้าปีที่ 2 นี่แหละ  ชาวบ้านทุกคนก็คงจำเธอได้
ตอนนี้เขาไปทำงานที่ฟิลิปปินส์นะครับ
เหรอ  เก่งนะ  ตอนทำงานที่นี่ผู้อำนวยการยังแวะมาเยี่ยมบ่อย ๆ เขาเข้ากับชาวบ้านเก่งมาก
 เธอคงอยู่ที่โน่นหลายเดือนล่ะ   อืม ..ผู้ใหญ่ครับวันนี้วิจิตรนัดผมไปดูงานเกษตรสวนครัวบ้านบึงสามพัน  เพชรบูรณ์ แล้วจะกลับมาเล่าสู่ฟังนะครับ
	การเดินทางหนท้ายสุดนี้ค่อนข้างสะดวกเพราะถนนหนทางดีมาก  แม้หลายช่วงเป็นถนนโรยกรวดก็ไม่ถึงกับวิบาก  ไข่เขียดได้เรื่องราวการทำการเกษตรสวนครัวบนพื้นที่จำกัดของชาวบ้านอีกหนึ่งเรื่องใหญ่   ทุกที่ที่วิจิตรพาไปดูเป็นแหล่งดูงานได้อย่างเยี่ยมยอด  อืม..เขามีอะไรมากกว่าที่ไข่เขียดรู้จักเสียอีก  
	
	ถ้าให้วิจิตรทำงานแทนผมเอาไหม การพูดคุยก่อนอาหารมื้อเย็นที่บ้านของน้องเขยผู้ใหญ่ เริ่มขึ้นง่าย ๆ อย่างนั้น   ภรรยาของเขาค่อยทยอยยกของกินออกมา  ปิดท้ายด้วยน้ำเย็นขันใหญ่ ก่อนลงนั่งกินข้าวที่แคร่ไม้ไผ่ด้วยกัน แม่บ้านปล่อยให้ผู้ชายคุย เธอกินไปยิ้มไป
	พูดเล่นหรือครับ  เขาจะสนใจผมหรือ แค่ชาวบ้านธรรมดา
	ไม่ธรรมดาหรอกครับ  ดูคุณเข้าใจงานนี้ไม่น้อย
	ผมเคยทำงานช่วยคุณรอยวรรณตอนเธอทำงานอยู่ที่นี่
	อ้าวเหรอ  มิน่าเล่าวิจิตรจึงดูเหมือนอ่านใจผมออกหลายอย่าง
	ชูผมมากไปมั้งครับคุณไข่    ผมจำมาจากคุณรอยวรรณทั้งนั้น
	ผมพูดจริงครับ
	รอยวรรณมาอยู่นี่ชาวบ้านรักทุกคน   เธอพักอยู่บ้านผมเอง  ไม่รังเกียจชาวบ้านเลย มีอะไรก็กินกัน   แต่ถ้าเรื่องพูดจาเรื่องเหตุผล เธอไม่ยอมใครง่าย ๆ สองสามวันก่อนพวกเรายังพูดถึงเธอกันอยู่เลย   กองทุนหมู่บ้านนี่เธอก็พาไปดูงานแล้วกลับมาทำกัน  ชาวบ้านได้พึ่งกองทุนนี่สร้างอาชีพกันหลายล่ะ
	อืม..น่าดีใจแทนเธอนะ
	คุณไข่เขียดเป็นคนทางไหนหรือ
	ผมมาจากทางโน้นครับเทือกเขาภูพาน
	อ้าว  ทางเดียวกับคุณรอยวรรณนี่
	ครับผม เราเคยเรียนด้วยกันด้วย
	ไปๆ มาๆ ก็คนกันเองนี่เอง  คุณยังโสดใช่ไหม
	โสดครับ
	เป็นโสดน่ะดีแล้ว  อยากทำอะไรก็ได้ทำ  มีครอบครัวล่ะก็ทำอะไรตามใจไม่ได้
	แต่มีครอบครัวก็ได้ทำอะไร ๆ  ที่คนโสดทำไม่ได้ตั้งหลายอย่าง
	ฮ่า ๆ อะไรบ้างละ
	มีลูกเอง
	เออจริง
	
	อาหารมือเย็นที่บ้านของวิจิตรง่าย ๆ แต่อร่อยยากจะลืม    เมนูเย็น  :   แกงขี้เหล็กทรงเครื่อง   หนังวัวเผาทุบกินกะวิสกี้ข้าวเหนียวและน้ำพริกปลาร้า   ข้าวหมดหม้อ-บ่รู้ตัว
-ฮา				
			 
			
				7 พฤศจิกายน 2547 22:57 น.
				
												
				
								ก่อพงษ์ พงษพรชาญวิชช์
		
					
				
ตอนที่  8  รอยวัน
	ไข่เขียดโดยสารรถประจำทางเข้าสำนักงานใหญ่ในตัวจังหวัดพร้อมกับรอยและนุชในเช้ารุ่งขึ้น  รอยพาไข่เขียดไปพบผู้อำนวยการแล้วเธอก็ขอลากลับพื้นที่ทำงานที่อำเภอลาดยาว
	คุณเป็นเพื่อนกับรอยวรรณใช่ไหมครับ ผู้อำนวยการชาวอเมริกันพูดไทยชัดเจนมาก
	ครับผม  เธอเป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนในวัยเด็กของผม
	เขาพูดถึงคุณอย่างชื่นชมนะ
	หรือครับ  เธอเป็นเพื่อนที่ดีมากๆ ครับ
	ดีมาก   คุณไข่เขียดพูดภาษาอังกฤษได้ไหม
	นิดหน่อยครับ   รอยวรรณน่ะปร๋อยเลยล่ะเธอเก่งมาตั้งแต่ชั้นประถม  ตอนนั้นผมยังลอกคำอ่านภาษาอังกะหริดจากเธออยู่เลย
	คุณไข่เขียดถ่อมตัวมั้งครับ  รอยวรรณว่าคุณพูดเก่ง
	
	เมื่อสัญญาการจ้างงานมีผลไข่เขียดก็เดินทางกลับพื้นที่ทำงานทันที  ฝังตัวในหมู่บ้าน  เรียนรู้จากชาวบ้าน ประสานงานการศึกษาดูงานของผู้นำชาวบ้าน  เก็บรวบรวมข้อมูล  ร่วมวิเคราะห์ปัญหาชุมชนกับผู้นำชาวบ้าน ฯลฯ  งานน่าสนุกทั้งนั้น  ไข่เขียดเพลิดเพลิน   เพลินจนลืมไปว่าส่วนหนึ่งที่ตนเองมาทำงานที่นี่คือผู้หญิงคนหนึ่ง  ที่ชื่อรอยวรรณ
	ไข่เขียดเข้ามาสำนักงานสนามเพื่อประชุมกลางเดือนจึงทราบว่ารอยวรรณเดินทางไปฟิลิปปินส์แล้วจากจดหมายที่เธอฝากมากับเพื่อน
	เป็นไงวะไข่เขียด  ทำไมเอ็งปล่อยผู้หญิงตัวคนเดียวไปไกลตาอย่างนั้น  
	โธ่พี่อ้วน  ผมมีสิทธิ์อะไรในตัวเธอหรือครับ
	ม่าย..  บางทีถ้าเอ็งบอกว่าไม่ไปได้ไหมไอ้รอยมันอาจจะอยู่
	ถ้อรอยอยากอยู่เธอก็คงไม่ไป เพื่อนร่วมงานอีกคนแย้งพี่อ้วน
	เอ็งเคยได้ยินเพลงที่เนื้อร้องมันว่า สามวันจาก  นารีเป็นอื่นไหมวะ
เคยพี่   แต่เป็นเว้นวรรคแบบ     สามวันจากนารี   เราเป็นอื่น
ฮ่า  ๆ เอิ๊ก  เสียงหลายในวงสนทนา
 การพูดคุยนอกรอบเรื่องความรักภายหลังการประชุมกลางเดือนออกมีรสชาติมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเพื่อนร่วมงานทยอยลำเลียงเครื่องดื่มมีดิกรีออกมาวางบนโต๊ะเตี้ยกลางห้อง  พี่อ้วนยกคีย์บอร์ดมีลำโพงในตัวออกมาวางและเริ่มพรมนิ้ว  สลับกับยกแก้วแอลกอฮอล์ขึ้นกรึ๊บ
เองร้องเพลงได้ใช่ไหมไข่เขียด  ร้องให้ฟังซักเพลงซี
เสียงกะลาแตก   พี่ไม่รังเกียจใช่ไหม
เหอะน่า  ร้องเลย
เพื่อนในวงสนทนาได้สลับกันเป็นนักร้องเกือบทุกคน  และถ้าวันนี้มีเพื่อนร่วมงานจากต่างพื้นที่ทำงานมาร่วมวงด้วยบรรยากาศของการพูดคุยเรื่องชีวิตอาจจะสนุกต่างไปอีกแบบ
ไอ้น้อง  เอ็งรักรอยมันมากไหม
ทำไมล่ะครับ
อย่าโกรธพี่นะถ้าพี่จะบอกความจริงกับเอ็ง น้ำเสียงนั้นเจือดีกรีแน่
บอกมาเลยพี่   ผมเป็นลูกผู้ชายพอ  อย่างมากก็ซึมเท่านั้นแหละ
ดี   เอ็งทำใจไว้เลยนะ   ไอ้รอยนะเป็นตัวจริงของผู้อำนวยการที่สำนักงานใหญ่  เอ็งพอจะเข้าใจไหม
ผมโง่นะพี่
เฮ้ยอย่าแกล้งโง่สิ
เขาอยู่ด้วยกันมาสองปีแล้ว
งั้น..อ้ายไข่ออกอาการอึ้งกิมกี่
ทำไมพี่ถึงเชียร์เอ็งกับรอยวรรณน่ะหรือ เสียงจากอิเล็คโทนพลันเงียบ
พี่เห็นผมเป็นตัวตลก
ไม่ๆ  เอ็งอย่าเพิ่งว่าอย่างนั้น
แล้วอะไรเล่า
พี่ก็อยากดูใจว่ารอยมันจะมีปฏิกิริยาอย่างไรต่อหน้าเอ็งและพี่ที่รู้เรื่องนี้
ผมไม่อยากเชื่อเลยพี่อ้วน รอยหลอกผมงั้นหรือ
ก็ไม่รู้  บางทีความรักกับการอยู่ด้วยกันมันคงเป็นคนละอย่างมั้ง  เอ็งไม่โกรธพี่นะ
ไม่หรอกพี่   ผมต้องขอบคุณพี่ต่างหาก  เอ้าดื่มกันต่อพี่  พรุ่งนี้ผมจะเข้าหมู่บ้านไม่ต้องออกมากันล่ะ
เฮ้ย  อย่าซีเรียสอย่างนั้นซิโว้ยไข่   พี่เขาลองใจเอ็ง เพื่อนร่วมงานของไข่เขียดช่วยคลายบรรยากาศที่เริ่มจะร้อนรุ่มให้เย็นลงได้
โธ่พี่  ทำไมต้องลองกันแบบนี้"
ไข่เขียดหยิบกีตาร์ของสำนักงานจากมุมห้องทำงานมาแจมคีย์บอร์ดกับพี่อ้วน ลีลาไล่รุก สอดรับ ดวลและด้นท่อน  ทำเอาเพื่อนๆในวงถึงกับเงียบกริบ   แล้วในที่สุดเมื่อถึงค่อนคืนแต่ละคนก็หามุมของตัวเองเพื่อหลับ   ปานตาย  ก่อนจะออกไปทำงานของตนตามแรงใจและสำนึกอันมั่งคงชัดเจน   ไม่มีใครอิดออดต่อเช้าวันใหม่เลยซักคน