5 พฤษภาคม 2558 22:00 น.

เพียงฝัน

คนกรุงศรี

สี่ห้าคำ คุยกัน ยิ่งหวั่นไหว

เสียงหัวใจ ตึกตัก เสียนักหนา

ความสับสน ปนสุข กว่าทุกครา

พอลืมตา ความฝัน ก็พลันจาง

 

เสียดายจัง ความจริง สิ่งที่หมาย

ดั่งอยู่ปลาย ของหล้า ริมฟ้ากว้าง

สิ่งที่ปอง มองเหมือน มันเลือนลาง

สุดแตกต่าง กับฝัน เมื่อวันวาน

 

เพราะไกลห่าง ต่างค่า ด้อยฐานะ

คงเกินจะ ฝักใฝ่ ใคร่สืบสาน

หันมองตน ต้องเจียม เตรียมดวงมาน

เกรงร้าวราน จึงใจ เตือนให้ตรอง

 

ภาพมายา เพียรสร้าง คนช่างฝัน

แต่ว่ามัน สุขใจ มิได้หมอง

เพราะความจริง สิ่งใฝ่ ไม่สมปอง

จึงจำต้อง เพียงฝัน เท่านั้นพอ

 

30 เมษายน 2558 21:50 น.

คิดถึงเธอ

คนกรุงศรี

ที่บ้านกลอน ตอนนี้ มีแต่เหงา

เพื่อนเก่าเก่า เขาไป ที่ไหนหนา

เคยหยอกล้อ ต่อกลอน อ้อนวาจา

พอเปิดมา หาใคร ก็ไม่มี

 

คงลืมกัน วันนี้ ลืมพี่เพื่อน

จึงร้างเลือน ลับหาย ดุจหน่ายหนี

สื่อรุ่นใหม่ ใช้กัน นั้นเข้าที

ลืมกวี กาพย์กานท์ เคยสานกัน

 

ยังรอคอย ทุกคน บนความหวัง

แต่ก็ดั่ง ละเมอ เหมือนเพ้อฝัน

พอลืมตา มลาย แล้วหายพลัน

ภาพสุขสันต์ นั้นดับ หาบวับไป

 

ถอดฤดี ที่ตรม ฝากลมฟ้า

ล่องลอยหา น้องพี่ อยู่ที่ไหน

ถ้าเผลอผ่าน อ่านกลอน แล้วอ่อนใจ

จงรู้ไว้ คนหนึ่ง  คิดถึงเธอ

1 พฤษภาคม 2558 21:29 น.

เมื่อโลกจะดับ

คนกรุงศรี

ข่าวโลกแตก แยกยับ ดับสูญแน่

หาทางแก้ อย่างไร ไม่เกิดผล

มีดาวหาง มันมุ่ง จะพุ่งชน

สัตว์พืชคน ทุกถิ่น จะสิ้นพลัน

 

อีกไม่นาน แล้วหนอ โลกก็ดับ

จงเตรียมปรับ จิตใจ ไม่โศกศัลย์

เวลาที่ มีเหลือ เอื้อเฟื้อกัน

เพียงเจ็ดวัน เราหนอ  มรณา

 

แขกข้างบ้าน โกรธกัน มันมาเยี่ยม

สงบเสงี่ยม ไมตรี ดีนักหนา

อีกยายเป้า ปากร้าย ได้สมญา

กลับพูดจา ไพเราะ เสนาะจัง

 

เป็นหนี้เพื่อน หลายพัน มันยกให้

มิเป็นไร ไว้มี เอาทีหลัง

ไม่ได้ส่ง ค่าแชร์ แมับุญยัง

ตั้งสามครั้ง ดูท่า ว่าไม่เอา

 

แต่เหตุการณ์ พลิกผัน วันที่เจ็ด

เพราะสะเก็ด ดาวแตก แหลกเป็นเถ้า

ไม่มีสิ่ง ใดหล่น ชนโลกเรา

ทุกอย่างเข้า สภาพ กลับที่เดิม

 

แขกข้างบ้าน พูดเปรย ท่าเย้อเยาะ

คนปากเปราะ ยายเป้า ก็เข้าเสริม

เจ้าเพื่อนเกลอ เจอหน้า ว่าต่อเติม

แล้วก็เริ่ม ทวงหนี้ ที่ค้างไว้

 

แม่บุญยัง วันนี้ ยืนชี้หน้า

บอกพรุ่งนี้ ต้องหา ค่าแชร์ให้

สรรพสิ่ง ดำเนิน เดินต่อไป

ผิดกันไกล กับวาน ที่ผ่านมา

 

 

 

25 เมษายน 2558 21:38 น.

กระบุง

คนกรุงศรี

นิทานเก่า เล่ามา ตาจำได้

เรียบเรียงไว้ ให้ฟัง มิสั่งสอน

อัธยาศรัย ไมตรี มีขั้นตอน

รู้ผันผ่อน อารมณ์ และข่มตน

 

ก็ภรรยา สามี ที่บ้านทุ่ง

สานกระบุง ออกขาย พอได้ผล

ฐานะก็ พอใช้ ไม่ยากจน

ด้วยอดทน ทั้งสอง ปรองดังกัน

 

เมื่อสามี หงุดหงิด เคยคิดแผลง

แกเลยแกล้ง เกเร ทำเหหัน

สานกระบุง ปากใหญ่ ไม่สัมพันธ์

แล้วโยนมัน ออกมา ข้างหน้าเมีย

 

กระบุงนี้ ดีไหม ฉันใคร่รู้

เจ้าโฉมตรู บอกดี ไม่มีเสีย

ปากมันใหญ่ โกยง่าย หายอ่อนเพลีย

ทำแบบเนี้ยะ คงขายดี มีราคา

 

ผัวมิอาจ เอาเรื่อง จะเคืองขุ่น

ลงใต้ถุน สานใหม่ ให้ผิดท่า

สานก้นใหญ่ ปากเล็กนิด ผิดตำรา

แล้วโยนมา ว่าอย่างนี้ ดีกระไร

 

เมียรู้ตัว ผัวท่า หาเรื่องแน่

บอกเยี่ยมแท้ อันนี้ ดีแบบใหม่

ปากแคบนิด ปิดฝาง่าย สบายใจ

ผัวจึงไม่ มีเรื่องจะ ต้องทะเลาะ

 

 

 

 

9 เมษายน 2558 10:41 น.

ตะกั่ว

คนกรุงศรี

นิทานกลอน สอนใจ เล่าไว้ว่า

สองยายตา หากิน แบบสิ้นหวัง

ปล่อยหญ้ารก ปรกทุ่ง แสนรุงรัง

มัวแต่นั่ง ขอพร อ้อนเทวา

 

พระธุดงค์ องค์เดียว ท่านเที่ยวด้น

หวังมรรคผล สงบ พบสุขา

ปักกรดที่ ท้ายคุ้ง ริมทุ่งนา

ทั้งยายตา เตรียมใจ ได้ของดี

 

ฉันขอลาภ หวังรวย ท่านช่วยเถิด

 พระก็เกิด เมตตา เรียกมานี่

ให้ตะกั่ว เก้าก้อน สอนวิธี

อยากมั่งมี นำไป หลอมในเตา

 

เมื่อละลาย กลายเห็น เป็นทองแท้

กับข้อแม้ มีว่า อย่าโง่เขลา

ถ่านที่สุม รุมไฟ ให้เลือกเอา

รากต้นพริก มาเผา เก็บเถ้ามัน

 

ทั้งยายตา มานะ จะหาถ่าน

จึงไถหว่าน ที่นา พาขยัน

ปลูกต้นพริก หลายไร่ ไม่นานวัน

พริกพวกนั้น ออกเมล็ด ให้เด็ดกิน

 

ก่อนต้นแก่ เก็บขาย มากมายนัก

ยึดเป็นหลัก ถึงกับ รวยทรัพย์สิน

มีเงินทอง พอเพียง เลี้ยงชีวิน

ทิ้งเสียสิ้น ตะกั่ว ....มิมัวรอ

 

 

 

 

Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี