17 สิงหาคม 2553 22:18 น.

ปลดระวาง

ฤทธิ์ ศรีดวง

เรือลำเก่าซ้ำซ่อมจนซอมซ่อ
ถอนสมอกลางคลื่นในคืนเปลี่ยว
มีจันทร์ทองนำทางเพียงอย่างเดียว
ลอยโดดเดี่ยวลำพังกลางทะเล

บรรทุกปลาเต็มลำเกินน้ำหนัก
โกลนจะหักเรือเอียงกระเท่เร่
พอลมปั่นเลป่วนก็ซวนเซ
แทบจะเทข้าวของลงท้องน้ำ

โรยกำลังแรงเครื่องแหละเฟืองท้าย
หากลมร้ายพรายน้ำคำรามร่ำ
จะหันหัวเรือหาชะตากรรม
หรือหาถ้ำเข้าจอดเพื่อปลอดภัย

เขียนปูมเรือร้อยเล่มด้วยเข็มทิศ
ชั่วชีวิตนอกตลิ่งนั้นยิ่งใหญ่
ผ่านน่านน้ำกรำคลื่นเป็นหมื่นไมล์
จะกางใบจนหมดปลดระวาง

ฝ่าสลัดทมิฬหินโสโครก
พายุโยกเรือเอียงฟ้าเปรี้ยงปร้าง
กี่ครั้งหลบหลงออกนอกเส้นทาง
ผู้หันหางเสือกลับคือกัปตัน

จนรุ่งแจ้งแสงเรืองกลับเหลืองเรื่อ
ชาติชาวเรือเห็นเหตุดีเปรสชั่น
จะทะยานเข้าท่าอันดามัน
จึงเร่งหันเรือหลบไปกบดาน

เรือที่ล้ากำลังจะพังผุ
วิทยุเครื่องมือไม่สื่อสาร
ใช้มองฟ้าอากาศสัญชาตญาณ
จะถึงกาลถลำสู่ความตาย

จึงเบี่ยงหัวเรือเร่งอย่างเก้งก้าง
อาจเป็นการเดินทางครั้งสุดท้าย
จากฟ้าครามงามงดฟ้าจรดทราย
จะกลืนพรายฟองคลื่นอันรื่นรมย์

เห็นหุบผาไรไรยังไกลจัด
เร่งใบพัดถอยหลังเสียงดังขรม
ทะเลป่วนปรวนแปรกระแสลม
โถมถล่มเรือผุทะลุพรุน

ดีเปรสชั่นบ้าคลั่งกำลังต้อน
เป็นโซนร้อนก่อนไต่เป็นไต้ฝุ่น
คลื่นถล่มทะเลบ้าช่างทารุณ
แรงลมหมุนก้นหอยกว่าร้อยไมล์

ฟ้ามืดแปลบแลบปลาบเป็นวาบวับ
เรือหมุนกลับชนหินแผ่นดินไหว
โลกมนุษย์ฤๅมันจะบรรลัย
แต่หัวใจกัปตันยังมั่นคง

แม้ไม่อาจจะต้านการปะทะ
ก่อนเรือจะยับยุ่ยเป็นผุยผง
สละเรือเถิดผู้ทรนง
หรือจะลงจับปลาใต้บาดาล

ปิดปูมอันเหลือเชื่อเถิดเรือเฒ่า
จะโง่เขลาเบาปัญญาหรือกล้าหาญ
ย่อมอยู่ที่วิจารณญาณ
ปิดตำนานนาวาอย่างท้าทาย

แล้วโลกก็แต้มแต่งด้วยแสงเรื่อ
ส่องซากเรือรุ่ยแหลกแตกสลาย
กับซากนกน้ำกวาดขึ้นหาดทราย
ณ จุดหมายรองรับสำหรับเรือ..

๑๗ สิงหาคม ๒๕๕๓				
4 สิงหาคม 2553 22:50 น.

จดหมายถึงแม่ ฉบับที่ ๒ : ดาวความหวัง

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.เขียนในห้องคร่ำคร่าใต้ผ้าห่ม
ใต้พัดลมเพดานกับม่านเก่า
เมื่อไหร่หนาพายุจะทุเลา
หรือพระเจ้าทรงโปรดความโหดร้าย

คืนนี้ที่กันสาดอพาร์ทเมนท์
สายฝนเย็นยังสาดไม่ขาดสาย
อาจเย็นถึงความเหงาอันเปล่าดาย
ที่วุ่นวายอ้างว้างของบางคน

แสงจากเสาไฟฟ้าดูพร่านัก
ฝนตกหนักจนนองท้องถนน
เถิดล้างคราบไคลกลิ่นผู้ดิ้นรน
ให้ไหลหล่นลงท่อระบายน้ำ


๒.แม่ครับ
แม่คงหลับตาพักแต่พลบค่ำ
ฟ้าบ้านเราคงหม่นและมืดดำ
ที่ขนำกลางนาคงจ้าดาว

ดาวที่แม่ให้นามว่า..ความหวัง
คงสุกปลั่งเปล่งแสงเหนือแปลงข้าว
คอยปลอบลูกคราวทุกข์อยู่ทุกคราว
และส่งข่าวของแม่เสมอมา

ว่าตะเกียงดวงน้อยแสงร่อยหรี่
หากคืนนี้ฟ้ารั่วจนทั่วฟ้า
คงรั่วลงรูพังของหลังคา
ที่สองตาพระเจ้าไม่เข้าใจ

คืนที่โชกชื้นฟ้าถึงผ้าห่ม
แม่จะข่มตาหลับลงได้ไหม
ดาวหลังฟ้าพร่าดำคงอำไพ
อาจสดใสยิ่งกว่าเคยจ้าดวง

ลูกยังแข็งแรงอยู่ยังสู้ไหว
โรคหอบไอภูมิแพ้ที่แม่ห่วง
ทุเลากว่าโลกกร่อนที่หลอนลวง
ที่คอยล้วงกัดกินถึงวิญญาณ

ฝนเริ่มซาหน้าต่างก็สร่างฝน
มีบางคนคอยนับวันกลับบ้าน
จะบอกดาวความหวังให้กังวาน
ให้ทอแสงตระการกว่าล้านดาว

จดหมายนี้แก้ไขอยู่หลายรอบ
ทั้งไอหอบในคืนที่ชื้นหนาว
เมืองนี้เห็นดาราเพียงพร่าพราว
แม้ฟ้าหาวเดือนเสี้ยวดวงเดียวกัน

ไม่นานหรอก.ดอกกระถินจะกลิ่นหอม
เงินเก็บออมพอเหลือเพื่อเรือนขวัญ
จะกลับมุงหลังคาไม่ช้าวัน
แหละนี่คือคำมั่น..ลูกสัญญา.

๓ สิงหาคม ๒๕๕๓				
17 มิถุนายน 2553 22:13 น.

ใจหาย

ฤทธิ์ ศรีดวง

ในห้องมืดมิดมัวเขม่า
ข้าพเจ้าซีดเผือดไร้เลือดฝาด
จ้องดูกระถางธูปกับรูปวาด
เงาประหลาดเคลื่อนไหวอยู่ไปมา

รูปนั้นจ้องตาข้าพเจ้า
หน้าเสาตกน้ำมันคร่ำคร่า
แสงจันทร์ทะลุรูหลังคา
ฉายทาบดวงหน้าถมึงตึง

หัวใจของข้าอยู่ตาตุ่ม
แล้วปุ่มประสาทก็ขาดผึง
ลมพัดหน้าต่างปิดดัง..ปึง
ข้าตกตะลึงยืนตาค้าง!..

กลิ่นน้ำอบไทยปนไอธูป
ลอยวูบมาจากซากกระถาง
รูปหลุดตะขอที่งอง้าง
ร่วงผ่างแตกยับอยู่กับเท้า

กระจกภาพแตก..แต่ทว่า
ภาพยังจ้องตาข้าพเจ้า
ขนหัวลุกชันตัวสั่นเทา
คลานเข่าช้าช้าหลับตาปี๋

เข้าห้องข้างข้างแล้วขังล็อค
นั่งช็อคชันเข่าบนเก้าอี้
หวีดเสียงกรีดร้องในราตรี
ฮูกตีปีกพรั่บขยับบิน

ข้าไยหลงอยู่ในบ้านร้าง..?
หลงทางเหมือนอกนกขมิ้น
กรีดเสียงเรียกใครไม่ได้ยิน
พลัดถิ่นดั่งสัมภเวสี   

ซีดแสงส่องพื้นในคืนเหงา
เห็นทางรอยเท้าจากเก้าอี้
รอยเท่ารอยเท้าข้าพอดี
บัดนี้ข้าจึงเพิ่งเข้าใจ

ข้าตามรอยเท้ากระทั่งหยุด
รอยสุดสิ้นตรงหน้าต่างไม้
เห็นบ้านตรงข้ามยังตามไฟ
โน่นใครนั่งนิ่งบนชิงช้า

ข้ายืนจ้องเขาอย่างเหงาหงอย
เขาค่อยค่อยหันมามองข้า
ทันทีที่เขาสบสายตา
เขาร้องลั่นว่าแม่จ๋า..ผี

๑๓ มิถุนายน ๒๕๕๓				
16 พฤษภาคม 2553 08:32 น.

เช้าวันอาทิตย์

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.ระเบียงบ้านลานลมอันร่มรื่น
ช่างสดชื่นสะอาดอากาศเช้า
ตั้งกาน้ำสีหม่นลงบนเตา
ควันเขม่าลอยเลี้ยวเป็นเกลียวกรวย
นี่คือความรื่นรมย์อันกลมกล่อม
กาแฟหอมอ่อนอ่อนสักค่อนถ้วย
ไอกาน้ำย่ำรุ่งยังพุ่งพวย
โลกแสนสวยตื่นตาวันอาทิตย์..

๒.หลังคืนฝนตกหนักกระหน่ำฟ้า
สองดวงตาข้าพเจ้าหลับสนิท
พอลืมตาโลกดั่งนฤมิต
ช่อชีวิตไพรพุ่มก็ชุ่มชื้น    
มารับเช้าแรกฉ่ำด้วยน้ำฝน
ใบไม้จนใบหญ้าลืมตาตื่น
แล้วโลกเขียวเข้มขลับก็กลับคืน
นำความรื่นรมย์สู่ฤดูกาล
ฝนยังขังคั่งค้างบนทางเท้า
บนดินเผากระเบื้องระเบียงบ้าน
ดอกไม้แรกแตกใบ..อีกไม่นาน
จะเบ่งบานนับหมื่นเต็มพื้นดิน

๓.ตะวันยังเขยิบอย่างเนิบช้า
มานั่งม้าโยกฟังสังคีตศิลป์
มีใบไม้ปลิวเป็นศิลปิน
เสียงน้ำรินจากใบก็ไพเราะ
คือความสุขดื่มด่ำในสัมผัส
เพลงลมพัดพฤกษ์พุ่มนุ่มเสนาะ
แทรกสรรพเสียงสกุณาป่าละเมาะ
แทนเสียงเคาะ..ทุ่ม..ป๊ะ..ตีตะโพน
โน่นใบหยักกวักไกวเหมือนใครเรียก
หรือไพรเพรียกเพื่อนเก่าเสียงห้าวโหน
เสียงขันไก่ในสุ่มช่างทุ้มโทน
เป็นจังหวะจะโคนในช่วงเช้า
ราวบทเพลงพื้นบ้านได้ขานขับ
ไล่ลำดับอักษรจากกลอนเก่า
ฟังเถิดฟังเสียงแจ้วนั้นแผ่วเบา
ล้วนบอกเล่าความงามของความรัก.

๔.มาเถิดเธอสบตากับฟ้าสาง
นักเดินทางผู้กร้านจากงานหนัก
ดูซิ..โลกแท้จริงงามยิ่งนัก
มาเถิดพักใต้ร่มรับลมพรู
มาฟังเสียงหัวใจแห่งไพรพฤกษ์
ซึ่งรู้สึกด้วยใจมิใช่หู
เมื่อใดเธอหลับตาแล้วตรึกดู
เธอจะรู้แมกไม้ล้วนหายใจ
แล้วเธอเล่า!..ผู้ยังแสวงหา
เรือเวลาเธอเร่ทะเลไหน
นั่นดูซิ..แสงทองเริ่มอุทัย
มีวันใหม่เสมอให้เธอเดิน
พักลำเรือลงบ้างเป็นบางค่ำ
เพราะเวิ้งน้ำบางคืนก็ตื้นเขิน 
วางภาระสาแหรกที่แบกเทิน
มาซิเชิญมาชิมกาแฟเช้า

ไอกาแฟกลมกล่อมยังหอมกรุ่น
รสละมุนกลั้วกลิ่นถ้วยดินเผา
เติมน้ำกาอีกหนวางบนเตา
สุขที่เราปรารถนา..วันอาทิตย์

๑๖ พฤษภาคม ๒๕๕๓				
14 มีนาคม 2553 19:22 น.

เหรียญสองด้าน

ฤทธิ์ ศรีดวง

๑.มือสั่นสันดานมันด้านหยาบ
รอยบาปเปียกชุ่มเสื้อคลุมใหญ่
เสียงหึ่งเร่งห้อมอเตอร์ไซค์
ท่ามไฟเลือนลางตอนกลางคืน

ใต้สะพานคอนกรีตที่ซีดเสี่ยง
สิ้นเสียงสองล้อกระหึ่มหื่น
พอรถเครื่องดับก็จับปืน
ใจชื้นกล้าท้าพญายม

แบกเป้ยาบ้าจนบ่าลู่
เหม็นหนูตาย..ถุยน้ำลายถ่ม
สองตาอดโซผู้โสมม
ซ่อนใต้แว่นกลมกระจกดำ

คู่ค้าเดินดุ่มจากมุมมืด
เสื้อยืดรัดติ้วกับผิวคล้ำ
เงินมา..ยาไปง่ายระยำ
ไร้ตำรวจจับพวกอัปรีย์

สองล้อฉับพลันก็แผดเสียง
หรือเพียงเร่งเครื่องเข้าเมืองผี
ค้าขายยาบ้าแค่นาที
แบ๊งค์สีเทาเต็มกระเป๋าตังค์

ตาใต้แว่นดำนั้นฉ่ำเหงื่อ
ขี่เสือย่อมยากลงจากหลัง
ไร้เหลี่ยมไร้เล่ห์ก็เอวัง
อย่าหวังรอดตายจากปลายปืน..
.............................................

๒.อาจคล้ายไม่คิดเรื่องผิดถูก
มองลูกหลับ..กลัวรู้ตัวตื่น
รอพ่อ..ลูกวางข้าวค้างคืน
เปื้อนคราบสะอื้นไห้ใต้ตา

พ่อทรุดร่างพับหน้ากับข้าว
ปวดร้าวว้าเหว่และเหว่ว้า
ความสุขพัดเพกับเวลา
เกินคว้าให้กลับเมื่อลับเลือน

วางถุงเสื้อห่อที่พ่อถือ
พ่อซื้อให้ใส่ไปอวดเพื่อน
ลูกใส่เสื้อเก่ามาเก้าเดือน
เปรอะเปื้อนหมองหม่นไม่สนใจ

ไม่เคยร้องขอให้พ่อซื้อ
อดมื้อกินมื้อไม่ร้องไห้
พ่อผิดพลั้งพ่อขออภัย
ลูกไม่ควรทราบเรื่องหยาบช้า

ตั้งใจเล่าเรียนเร่งเขียนอ่าน
ไม่นานสำเร็จการศึกษา
พ่อฝันถึงกลิ่นปริญญา
พ่อกล้าบัตรพลีด้วยชีวิต..
.....................................

๓.เสียงถีบประตูพังปืนดังเปรี้ยง
สิ้นเสียงปืนลั่นสวรรค์ปิด
เลือดชั่วไหลชืดฟ้ามืดมิด
เปื้อนติดเสื้อใหม่ที่ในมือ.

๑๔ มีนาคม ๒๕๕๓				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟฤทธิ์ ศรีดวง
Lovings  ฤทธิ์ ศรีดวง เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงฤทธิ์ ศรีดวง