4 มีนาคม 2555 14:23 น.

ใบไม้ที่หายไป

โคลอน

6857__DSC0673_resize_1.jpg"ความสุขจากการสังเกตุ" ประโยคนี้จำมาจาก"นิ้วกลม"

ความสุขแรกจากการสังเกตุของฉันคือ"ใบไม้"

ใบไม้หลายชนิดมีรูปทรงแตกต่างกันไป
แต่ก็มีใบไม้จำนวนไม่น้อยที่มีรูปร่างพื้นฐานก่อกำเนิดจากรูปหัวใจ

ใบไม้บางชนิดจะเปลี่ยนแปลงไปตามกาลเวลา
และเติบโตไปเป็นใบไม้ที่สวยงาม จนชวนให้น่าแปลกตาแปลกใจ
บางครั้งแทบไม่เหลือเค้าโครงดั้งเดิมเลย...

แต่ก็มีใบไม้จำนวนหนึ่งที่ยังคงมั่นและมั่นคงเสมอกับรูปร่างเดิมๆของตัวเอง
ไม่ว่ากาลเวลาจะเปลี่ยนไปแค่ไหน ใบไม้นั้นก็ยังคงรูปร่างดั้งเดิมไว้

ถ้าจะมีการเปลี่ยนแปลงอะไรเกิดขึ้นในชีวิต 
ใบไม้นั้นก็จะเริ่มจากหัวใจดวงเล็กๆ
 แล้วค่อยๆเติบโตไปเป็นหัวใจดวงใหญ่และกว้างขึ้นเรื่อยๆ

จนผู้คนที่เดินผ่านไปมามองเห็นได้ 
แม้กระทั่งคนที่ไม่เคยสังเกตุอะไรรอบตัวมาก่อนเลย 
ก็สามารถมองเห็นใบไม้นั้นได้อย่างชัดเจน 

แต่ไม่ว่าใบไม้เหล่านั้นจะเปลี่ยนหรือไม่เปลี่ยนแปลงรูปร่างแค่ไหน...
ทว่าจุดเริ่มต้นก็ไม่เคยเปลี่ยน พื้นฐานก็ยังคงเป็น"หัวใจ"เหมือนเดิม

อาจมีบางครั้งเมื่อผู้คนมองเห็นใบไม้ในวันนี้
และหลงลืมรูปร่างดั้งเดิมในวันนั้น
แต่ทว่าจุดเริ่มต้นของเราไม่ต่างกันเลย


 "หัวใจ" ...พวกเราเริ่มต้นจากจุดนั้นเสมอ...


QUADRIFOGLIO.jpg183239.jpgG7562064-2.jpgid_51795_15.jpg


ขอบคุณช่างภาพมากมายที่ใจดีแบ่งปันรูปภาพสวยงามต่างๆ
 โลกออนไลน์น่าอยู่เพราะตรงนี้กระมัง "น้ำใจ"



บางครั้งสายลมอาจพัดพาใบไม้หายไปจากต้นก่อนเวลาอันควร

และบางครั้งเวลาก็ปลิดขั้วให้ใบไม้ร่วงหล่นลงพื้นอย่างไม่ปราณี

แต่ใบไม้....ก็ยังคงทำประโยชน์ให้แก่โลกใบนี้ได้เสมอ

มีสิ่งมีชีวิตถือกำเนิดขึ้นใหม่ภายใต้ใบไม้ที่เริ่มเปื่อยยุ่ยรอวันสลาย

นั่นคือสัจธรรมของชีวิตที่งดงามเสมอ

"ทุกสิ่งเกิดขึ้นใหม่ ทดแทนสิ่งที่เสียไป ด้วยหัวใจดังเดิม"


................................................................................................


ใบไม้รูปหัวใจชุดสุดท้ายบังเอิญผ่านไปเจอจากเว็บนี้ค่ะ

http://forum.fullexp.com/index.php?topic=431.0

ขอบคุณและขออนุญาตนำมาแบ่งปันให้เพื่อนๆได้เห็น ความงดงามของธรรมชาติจากฝีมือเจ้าของกระทู้นะคะ

ไว้ถ้ามีโอกาสเหมาะจะเก็บรวบรวมใบไม้รูปหัวใจเองมั่ง...

(o*^_________^*o)

heart01.jpgheart05.jpg				
20 มกราคม 2555 08:22 น.

จดหมายถึงเสฉวน

โคลอน

สวัสดีเสฉวน

นานแล้วนะที่ฉันไม่ได้เขียนจดหมายถึงเธอตั้งแต่ครั้งกระโน้น..
เธอยังสบายดีอยู่ใช่มั๊ย...ที่ฉันตัดสินใจเขียนจดหมายถึงเธอคราวนี้
ไม่ใช่เพราะว่าการหายตัวไปของเธอเหมือนครั้งที่แล้วหรอก

วันนี้ฉันอยากคุยกับเธอเหลือเกิน
เธอผู้ซึ่งครั้งหนึ่งฉันมองว่าสร้างเกราะกำแพงขึ้นมา
เพราะกลัวตัวเองจะบาดเจ็บ ถ้าหากต้องเดินตัวเปล่าออกไปสู่โลกภายนอก 

1_display.jpg

ฉันเคยมองเธอแล้วรู้สึกอึดอัดกับเปลือกหอยที่เธอเอามาครอบตัวเองเอาไว้ 
ดูยังไง๊ยังไงมันก็ไม่เข้ากัน
ตกลงเธออยากจะเป็นปูหรืออยากจะเป็นหอยกันนะ 
ฉันเคยแอบขำเล่นๆกับความคิดที่ลอยมาเข้าหัวเมื่อนึกถึงเธอ
และบ่อยครั้งก็ถามเธอไปว่าหนักหรือเปล่า 

เธอตอบกลับมาว่า "หนัก" แต่"ไหว"

ฉันเริ่มคิดประมวลคำว่า"หนักแต่ไหว"ของเธอดูว่าตกลงเธอมีความสุขอยู่หรือเปล่านะ 

เพราะภาพที่เห็นภายนอกมันดูไม่สบายเอาเสียเลย
ถ้าเทียบกับปูลมตัวเล็กๆอย่างฉัน ที่อิสระเคลื่อนไหวไปมาได้อย่างคล่องแคล่วว่องไว

เพราะเราทั้งคู่ต่างก็รักและหลงใหลทะเลพอๆกัน
ไม่งั้นป่านนี้ไม่ใครก็ใครก็คงเลือกที่จะเดินทาง
แบกกระเป๋าสะพายเป้ขึ้นภูดูดาวแล้วน่ะสิ 

92a93a30.jpg

ณ ตอนนี้ ฉัน  "ปูลม"
ที่เคยล้อเลียนกับปรัชญาการใช้ชีวิตของเธอ
เริ่มหันกลับมามองความเป็นไปในชีวิตแต่ละวันอีกครั้งว่า

172342-348.jpg

ตกลงรอยเท้าเล็กๆที่เคลื่อนที่ไปอย่างว่องไวของฉัน 


images?q=tbn:ANd9GcS7K_zh0uoRiSK7zbsBkqV

กับรอยเท้าที่หนักแน่นของเธอที่ค่อยๆเคลื่อนตัวไปอย่างช้าๆ
ภายใต้โลกใบเดียวกันนั้น"ใครอิสระกว่ากัน"

10gl7ae.jpg

เธอผู้ซึ่งเหมือนแบกโลกไว้ทั้งใบ 
กับฉันนักเดินทางไม่ใกล้ไม่ไกล
ที่หลงคิดว่าเส้นทางที่เดินไปช่างไกลเหลือเกิน
แท้จริงแล้วก็ยังวนเวียนอยู่ตรงทะเล หาดทราย สายลม ท้องฟ้า 
โลกใบเดิมที่เคยมองเห็นจากการสังเกตุการณ์เมื่อครั้งยังอยู่ในรูเช่นเดิม 

ฉันเคยคิดว่าตัวเองเก่ง ปราดเปรียว เอาตัวรอดได้
ถ้าเกิดมีผู้บุกรุกเข้ามาในอาณาเขต ฉันก็แค่มุดลงรู
รอให้เสียงภายนอกเงียบจึงค่อยๆออกมาเริงร่าอีกครั้ง 

166.jpg

"ชีวิตชีวา" ฉันเรียกการใช้ชีวิตของฉันว่าอย่างนั้นล่ะ

แต่วันนี้ฉัน...
"ปูลม"ที่เคยคิดว่ารับมือไหวกับมนุษย์หน้าตาประหลาดๆ
รูปร่างดูแปลกแตกต่างจากเรา 
ฉันเรียกพวกเขาว่า"อาคันตุกะ"
กลับรู้สึกว่า"เสฉวน"อย่างเธอดูดีกว่าเยอะเลยแฮะ

แม้จะดูกี่ทีก็ขำกับการที่เห็นเธอแบกหลังคาไว้บนหลัง
ทั้งๆที่ฝนก็ยังไม่ตกซักกะหน่อย หรือเธอจะกลัวแดด...
นั่นไง ฉันเริ่มคิดล้อเลียนเธออีกแล้วสินะ
มันคงเป็นความเคยชินไปแล้วน่ะ เสฉวนเอ๋ย 

0009.jpg

เสฉวน...ฉันชักอยากจะลองหาเปลือกหอย หรือ กระป๋องมาครอบตัวดูแล้วสิ... 
แม้ภายนอกคงดูแล้วน่าขำใช่เล่น 

sks4314f661d17b7beaf9f7b5.jpg

แต่ก็ช่วยเตือนสติเราว่าอย่าใช้ชีวิตโดยตั้งอยู่ในความประมาท เพราะหากพลาดเพียงนิดบาดแผลชีวิตอาจฉกรรจ์นัก

sksa2c3a05828cd9cb7000b81.jpg

เธอบอกฉันว่าสิ่งที่เธอแบกไว้บนหลัง ไม่ใช่หลังคา 
แต่เป็นโลกทั้งใบ และเธอพอใจที่จะแบกไปอย่างนั้น
มันคือชีวิตทั้งชีวิตของเธอ หาใช่เกราะหรือกำแพงที่ฉันคิดไม่

อืม......วันนี้ฉันขำไม่ออกล่ะ"เสฉวน" 
โลกที่ฉันเคยคิดว่าสวยงามเสมอ
และอยากให้เธอมองเห็นชัดๆเต็มตาอย่างฉัน....
ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่ามันยังน่าดูอยู่มั๊ย...

228423_1836356242880_1659712245_1786667_

เสฉวน...ขอยืมเปลือกหอยสักอันดิ 
แต่ปูลมอย่างฉันคงไม่มีแรงพอจะแบกไว้บนหลังอย่างเธอหรอกนะ

a23.jpg

แล้วฉันจะต้องการไปทำไมน่ะเหรอ...

ฉันจะเอาไว้ครอบรู ที่พำนักของฉันอีกทีน่ะสิ

คงอีกนานกว่าฉันจะพร้อมและมั่นใจในการก้าวขาออกไปโลดแล่นสู่โลกภายนอกอีกครั้ง



ขอบคุณที่อ่านจนจบ...หวังว่าจะไม่ทำให้เธอต้องเพ่งสายตามากนัก

DSC01374.gif

....เหนื่อยนักพักดีกว่า...

crab-banner1.jpg


เพลง ร่มสีเทา

http://www.youtube.com/watch?v=P5VFTPL3Er4&feature=related

A1 ฉันเฝ้าถามความสุขอยู่ที่ไหน
ชายที่เขาเดินผ่านฉันเข้ามา
บอกกับฉันขอร่มสักคัน
แต่ว่าที่มือเขา ก็มี หนึ่งคัน
ก็แปลกใจ ท่ามกลางหยดฝนโปรยปราย

A2 เขาก็ถามฉันว่าอยากสุขไหม
ลองหุบร่มในมือสักพักนึง
และเงยหน้ามองวันเวลา มองหยดน้ำที่มันกระทบตา
ยังเปียกอยู่ใช่ไหม หรือไม่มีฝน

Hook บนท้องฟ้าไม่มีอะไรแน่นอน ถ้ามองจากตรงนี้
เดี๋ยวก็มืด แล้วก็สว่าง
อาจจะมีฝนก่อเป็นพายุ หรือลมลอยปลิวอยู่แค่นั้น
สุขที่เคยเดินทางตามหามานาน ไม่ได้ไกลที่ไหน
อยู่แค่นี้เอง........

(อย่าไปยึด อย่าไปถือ อย่าไปเอามากอดไว้ ก็จะไม่เสียใจ)
(ตลอดชีวิต ต้องผ่านการเปลี่ยนแปลง ไม่ว่าใคร จะทุกข์ จะสุขแค่ไหน ก็อยู่ที่จะมอง)


A3 ยิ้มฉันยิ้มมากกว่าทุกครั้ง

สุขที่ฉันตามหามาแสนนาน
อยู่ตรงนี้ แค่เพียงเข้าใจ
อย่าไปยึด ถือมันและกอดไว้
ก็แค่ร่มเท่านั้น เท่านั้น

B ฉันเห็นเธอถือร่มผ่านมา
เต็มไปด้วยร่องรอย และคราบน้ำตา
ฉันได้เห็นแล้วมันปวดใจ 
ไม่ใช่เพียงแค่เธอที่ทุกข์
ฉันก็เป็นเหมือนเธอ เธอได้ยินไหม
อยากขอให้เธอลองโยนร่มที่ถือเอาไว้หนัก 
โยนมันออกไป

				
4 มกราคม 2555 10:41 น.

เรื่องของเรื่อง(เพิ่มเติม)

โคลอน

กาลครั้งหนึ่งซึ่งไม่นานเท่าไหร่ ฉันมองคนแปลกหน้าคนหนึ่งในอีกซีกโลกใช้สองมือสร้างสรรค์สิ่งมหัศจรรย์ที่ฉันขอเรียกว่า"รัก"ได้อย่างน่าทึ่ง และคนแปลกหน้าคนนั้นก็ได้ปลูกเมล็ดพันธุ์ความน่าจะเป็นขึ้นมาในความคิดของผู้หญิงตัวเล็กๆคนหนึ่ง 

อืม...ฉันน่าจะทำได้นะเนี่ย ท่าทางจะไม่ยากเท่าไหร่.............. (เดี๋ยวก็รู้...อิอิ)

สักพักเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นข้างตัว...กริ๊งงงงงงงงงฉันรีบคว้าโทรศัพท์มาและเห็นว่าเป็น ลิงสุราษฎร์ คำถามแรกที่ไอ่ลิงถามมาคือ...

"ทำไรอยู่ฟระฝน" เสียงปลายสายที่คุ้นเคยส่งสารมา

"แกรๆ ตรูนั่งดูเขาสอนวิธีถักโครเชต์อยู่ฟร่ะ ตอนนี้เขาถักรองเท้าอ่ะ ตรูอยากทำให้ยายตรูในหน้าหนาวสักคู่ เพราะห้องนอนยายพื้นเป็นกระเบื้องมันจะเย็นมาก ยายตรูใส่ถุงเท้าสองชั้นแน่ะ ถ้าได้รองเท้าไหมพรมไปใส่อีกชั้นคงอุ่นฟร่ะ แต่ตรูจะทำได้ป่ะว๊า"ฉันส่งเสียงอ่อยๆไปให้สหายอีกฝั่งฟ้ารับรู้ความในใจ

"ลองดูสิแกร ตรูว่าแกรทำได้อยู่แล้วฝน" เสียงไอ่ลิงให้กำลังใจเต็มที่

"อืม.....ตรูยังไม่มีอุปกรณ์ไรเลย ในคลิปเขาใช้โครเชต์ค่อดหย่าย ด้ามยังกะแปรงสีฟันเลย ถักแป๊บเดียวก็เสร็จ ตรูว่าเหมาะกะคนสมาธิสั้นอย่างตรูฟร่ะ...อิอิ"

"ทำเลยฝน ตรูเชื่อว่าแกรทำได้" ไอ่ลิงให้ความมั่นใจอีกยก

"อืมม....งั้นเดี๋ยวพรุ่งนี้ตรูจะออกไปหาซื้ออุปกรณ์เลยนะแกร"

"ดีๆ" ไอ่ลิงยุส่ง

"อย่างน้อยก็หัดทำพื้นฐานไปก่อนเนาะแกรเนาะ"

เช้าวันรุ่งขึ้นฉันรีบออกไปหาซื้ออุปกรณ์มาในทันที พอกลับมาถึงบ้าน มือพร้อม ใจพร้อม เครื่องมือพร้อม แล้วก็นั่งจ้องจอตาแป๋ว เริ่มเรียนรู้จากพื้นฐานเบื้องต้นทีละอย่างด้วยความมุ่งมุ่นและตั้งใจ อย่างไม่เคยเป็นมาก่อน พอทำได้ก็รู้สึกลิงโลดอยากกระโดดบอกใครสักคนเลยตัดสินใจส่งรูปไปให้ไอ่ลิงดูผลงานต่างๆที่ฉันถักตามคลิปที่เขาสอนชิ้นแล้วชิ้นเล่า ไอ่ลิงก็ส่งข้อความกลับมาว่า"เก่งๆ"แต่สักพักใหญ่ คงเริ่มรำคาญเสียงข้อความที่ส่งไปถี่ขึ้นของฉัน ไอ่ลิงสุราษฎร์เลยโทรกลับมาเม้าท์

"แกรเก่งฟร่ะฝน ทำได้ทั้งที่ไม่เคยทำมาก่อน" ไอ่ลิงให้กำลังใจยกสาม

"แกรๆ ความฝันอีกขั้นของตรูตอนนี้คือทำก้นหอยให้ได้ก่อนฟร่ะ ก่อนจะฝันถึงรองเท้า"

"เออน่า...ค่อยๆทำไป เดี๋ยวก็เป็นแกร ตรูเชื่อว่าแกรทำได้อยู่แล้วฝน" ไอ่ลิงให้กำลังใจยกสี่

"ตรูว่าจะทำที่รองแก้วก่อนฟร่ะแกร คงง่ายกว่ารองเท้า ค่อยๆทำไปทีละขั้นเนาะ เปลี่ยนสีเป็นเซ็ทไงแกรดีป่ะ ทำแล้วได้ใช้เลย"

"ดีๆ เริ่มจากงานง่ายๆไปยากก่อนแกรจะได้มีกำลังใจทำชิ้นต่อไป" ไอ่ลิงเออออตามอย่างเห็นด้วยเต็มที่

"ต่อไปนะถ้าตรูทำรองเท้าได้แล้ว ตรุจะทำให้แม่และน้าๆหมดเลย รับรองงานนี้ตรูรับออเดอร์ไม่หวาดไม่ไหวแน่ๆเลยแกร"ฉันเริ่มฝันเฟื่อง...อิอิ

"ดีๆ ของตรูสีคว้านะแกร อย่าลืม" ไอ่ลิงฝันตาม...ฮา

"ได้เล๊ย...อีกหน่อยทำเก่งแล้วเอาไปขายหาค่าขนมกินคงดีเนาะแกร 
เราไม่ต้องเอากำไร ตรูขอแค่ค่าไหมพอ ฝีมือไม่ต้อง..."ฮา ยังฝันต่อไม่เลิก

"ตรุว่าเราเปิดร้านขายงานฝีมือของพวกเราเลยดีป่ะแกร สามลิง เย้ๆ 
แต่มีคนบอกว่าอย่าทำธุรกิจร่วมกันกับเพื่อน ไม่งั้นจะเสียเพื่อนได้" 
ไอ่ลิงมิวายหวาดหวั่นกับความฝันอันห่างไกล...อิอิ

"แหม...แกร ธุรกิจพวกเราใช่จะใช้เงินร้อยล้านพันล้านเมื่อไหร่ 
ไม่เป็นไรหรอกน่า ไม่ต้องคิดมาก"

(หารู้ไม่ไอ่ที่พวกแกรคุยกันนั่นแหละเขาเรียกว่ามากแระ)
ถ้าไอ่ลิงอ้อยอยู่ในวงสนทนาด้วยคงพูดแบบประโยคข้างบน 

"ตรูว่าอีกหน่อยทำส่งออกเลยแกร๊" ยังมังยังไม่รู้ตัวกัง

"ตรูว่านะฝน ถ้ากิจการรุ่งเรืองเอาเข้าตลาดหุ้นเลยแกร๊" (เริ่มฟุ้งกังแระสองลิง)

"โห ฝันไปป่ะแกร แค่ขายตามท้องตลาดก็หรูแระ" ฮา...เกินจะกล่าวสิ่งใดได้ต่อกับสิ่งที่คิด นอกจากพากันหัวเราะร่วนให้กับความคิดขำๆ ที่ต่างเข้ากันเป็นปี่เป็นขลุ่ย แล้วจู่ๆฉันก็นึกขึ้นได้ว่า เออ..

"ก่อนอื่น ตรูต้องถักก้นหอยให้ได้ก่อนฟร่ะแกร" 

แล้วก็วางสายแยกย้ายกันไปนอนก่อนจะพากันออกทะเลมากไปกว่านี้...อิอิ

"แกรๆ ตรูถักก้นหอยได้แล้ว เย้ๆ" ข้อความที่ส่งไปให้ไอ่ลิงสุราษฎร์แสดงถึงความดีใจสุดขีด

"ทำต่อโลดฝน เก่งๆ" ไอ่ลิงให้กำลังใจครั้งที่เท่าไหร่ ไม่ได้นับแระ...คริ

บ่ายวันศุกร์ลิงคลองสานโทรมาบอกว่าวันอาทิตย์นี้จะมาทำธุระแถวบ้าน เลยนัดเจอกันเซ็นทรัล แล้วความคิดก็สว่างวาบขึ้นมาในใจฉันอย่างไม่ต้องสงสัย คอยดูเต๊อะฉันจะพกอุปกรณ์ไปโชว์ทักษะการถักโครเชต์ที่ซุ่มฝึกมาให้ไอ่ลิงอ้อยดู ที่สำคัญฉันลองถักตามคลิปที่เขาสอนถักรองเท้าเอง แต่ทำยังไงก็ไม่เหมือน ของฉันมันเล็กมากๆยิ่งถักยิ่งเล็กลงๆ เห็นทีต้องใช้ตัวช่วยเสียแล้ว ประจวบกับไอ่ลิงอ้อยถึงฆาต เอ๊ย ไอ่ลิงอ้อยโทรมานัดพอดี...วันนั้นฉันเลยโทรไปหาไอ่ลิงสุราษฎร์ว่า จะให้ไอ่ลิงอ้อยช่วยสอน แต่เจ้าตัวยังไม่รู้ว่าจะต้องเจอกับอะไร...ฮา

ระหว่างนั้นฉันก็นั่งฟัดกับรองเท้าคู่จิ๋วของฉันจนเสร็จออกมาเป็นรูปรองเท้าจนได้ ด้วยความดีใจก็ส่งรูปไปให้ไอ่ลิงดู และก็ได้รับคำชมกลับมาจนยิ้มแก้มปริ 
ฉันส่งรูปไปให้น้าดู น้าบีๆกลับมาว่า "อะไรอ่า"

แป่ววววววววววววววววววววว................................

คิดว่าน้าจะบอกว่า"ว้าวไม่น่าเชื่อหลานตรุจะเป็นแม่ศรีเรือนขนาดนี้"เข็มขัดสั้น คาดไม่ถึงซะงั้น...ฉันคิดในใจ คอยดูเต๊อะน้าจะต้องประหลาดใจ ฮี่ๆ

และแล้วเวลาก็เดินทางมาถึงวันอาทิตย์ วันที่ฉันรอคอย...หุหุ เจอหน้าไอ่ลิงอ้อยปุ๊บ ก็ชวนกันไปวัดชลประทานก่อน เพราะวันก่อนไอ่ลิงอ้อยชวนไปถวายสังฆทาน...

เรียกแท๊กซี่หน้าห้างไปวัดกัน พอขึ้นรถปุ๊บไอ่ลิงอ้อยก็มีเรื่องเม้าท์เล่าสู่กันฟัง หารู้ไม่ไอ่ลิงกระเป๋าไม่ได้ฟังเลย ง่วนล้วงผลงานที่ถักจากกระเป๋าออกมา ไอ่ลิงอ้อยก็ไม่หันมาเห็นซะที ฉันเลยตัดสินใจสะกิดมังตรงๆ

" แกรๆดูผลงานตรู" (หน้าไม่อายเนาะลิงฝน อิอิ)

ไอ่ลิงอ้อยเบรคเอี๊ยดดดดดแทบไม่ทัน กับเรื่องที่กำลังเล่าเมามันส์(อยู่คนเดียว)...ฮ่า

"โห...ไอ่นี่มังไม่ค่อยเห่อเลยวุ๊ย" ลิงคลองสานแซวกลับ

"ก็ตรูเบอร์ห้า บ้าเห่อไง ถ้าไม่ทำงี้จะมีช่องไฟให้แทรกเหรอฟระ...ก๊าก"

พอใกล้ถึงวัดแท๊กซี่ก็ถามกลับมาว่า"จอดในวัดเลยนะครับ"

ฉันเลยหันกลับมาถามไอ่ลิงอ้อยว่า"จอดในวัดเลยเนาะ"

"มาวัดไม่จอดในวัดจะจอดไหนฟระ" อ่ะกึ๋ยๆ

แท๊กซี่คงนึกว่าว่าตัวเอง เฮียแกรเงียบกริบๆ น่าสงสารชะมัด 

ไอ่ลิงอ้อยรีบบอกว่า "ที่พูดเมื่อกี้ไม่ได้ว่าแท๊กซี่นะคะ แซวเพื่อนเฉยๆ...อิอิ"

"บางคนก็ให้จอดหน้าวัดไงแกร" ลิงกระเป๋าขยายความต่อ

"ใช่ครับ บางคนเขาก็ให้จอดประตูวัดเฉยๆ" แท๊กซี่ใจชื้นขึ้นหน่อย 

พอเข้าไปในวัดไอ่ลิงอ้อยก็มิวายแซวว่า "ร้อนป่ะแกร"

"เออ ร้อนฟร่ะ แต่ยังไม่ถึงกับต้องพึ่งข้าวสารเสก...อิอิ"


หลังจากทำบุญเสร็จคงถึงเวลาทำบาป...ฮ่า ฉันคิดอย่างกระหยิ่ม

พอหาอะไรให้(พ)ญาติกินจนอิ่มท้อง ก็มองหาคอมหยอดเหรียญและมุมสงบแสนสบาย ไอ่ลิงอ้อยหยอดเหรียญไปแบบไม่ยั้ง กะนั่งจนรากงอกกันเลยทีเดียว แต่นอกจากเน็ทจะช้าแล้วยังค้างอีกต่างหากทั้งๆที่เพิ่งหยอดเหรียญไปไม่นาน ฉันเลยไปเรียกพนักงานมาดู พนักงานที่ดูแลเป็นผู้หญิง ก็เข้ามาดูและบอกว่า "พี่หยอดเหรียญเยอะไปอ่ะ" ป่อยยยยยยย ไรว๊าพูดจา...ไอ่ลิงอ้อยสวนกลับไปว่า"เกี่ยวด้วยเหรอน้อง หยอดเหรียญเยอะคอมค้างนี่อ่ะ ตลกฟร่ะแกร" 

สักพักหน้าจอก็ค้างอีก จู่ๆไอ่ลิงอ้อยก็เปรยขึ้นมาว่า "เดี๋ยวมีเคลียร์ๆนะ เดี๊ยะๆ แบบนี้เอาเปรียบผู้ใช้เฟร้ย เน็ทห่วยเจรงๆ"

แล้วก็หันมาคุยกัน สักพักลองเข้าโครมดูก็ใช้ได้ แต่ไออีหมดสิทธิ์

ไม่รอช้าฉันเข้ายูทูปให้ไอ่ลิงอ้อยดูวิธีการถักในคลิปว่าฉันทำผิดตรงไหนทำไมรองเท้าของฉันมันเล็กจิ๋วขนาดนี้ ไอ่ลิงอ้อยมองปราดเดียวก็รู้ว่าทำยังไงและจะต้องทำยังไง โอ้...ฉันอดทึ่งไม่ได้ แกรนี่ใจถึงพึ่งได้เสมอเฟร้ยอ้อยเอ๊ย.. 

พอนึกได้ดังนั้น ฉันก็ค่อยๆเก็บเข็มโครเชต์ของตัวเองที่เพิ่งจะควักออกมากะโชว์ทักษะให้ไอ่ลิงอ้อยดูลงกระเป๋าตัวเองงุดๆ....พลางนึกไปถึงคำพูดของคนที่สอนถักในคลิปขั้นพื้นฐานว่า "ม้วนหมด" ...อิอิ...อย่ากระนั้นเลยให้ไอ่ลิงอ้อยถักให้ดูเป็นตัวอย่างดีกว่า

พอกลับถึงบ้านฉันก็ลงมือ ถัก ถัก ถัก เพราะได้เคล็ดลับมาจากไอ่ลิงอ้อย...ก็เลยอยากทำให้สำเร็จ แต่แม่จ้าวกว่าจะทำเสร็จฉันก็กลายเป็นผู้เชี่ยวชาญการเลาะไหมโดยไม่รู้ตัวเสียแล้ว...ถ้าเปรียบเป็นจำนวนฟันป่านนี้คงเหลือแต่เหงือก...ฮา

พอทำเสร็จก็ส่งรูปไปให้ลิงคลองสานและลิงสุราษฎร์ดู เป็นที่ ฮือฮา แต่อย่างหลังน่าจะมากกว่า อิอิ ฉันส่งรูปไปให้น้าดู คราวนี้น้าบีๆกลับมาว่า"ดีใจด้วย อิอิ"แต่สภาพข้างในมีแต่ปมของไหมที่ต่อเต็มไปหมด เพราะตอนแรกฉันเอาไหมไปถักเล่น...พอไหมไม่พอก็ต้องไปรื้อที่ถักเล่นมาต่อ...เลยขอตั้งชื่อรองเท้าข้างแรกว่า"เท้าแสนปม"...อิอิ

ในที่สุดจะได้ลงมือถักให้ยายซะที แต่ต้องไปซื้อไหมพรมมาเพิ่มก่อน คิดแล้วก็อยากให้ถึงพรุ่งนี้เช้าเร็วๆ...

วันรุ่งขึ้นฉันกลับไปที่ร้านไหมพรมอีก ในร้านจะมีไหมพรมมากมายละลานตา จนเลือกไม่ถูกกันเลยทีเดียว และแล้วสายตาฉันก็เหลือบไปเห็นไหมพรมที่มีหลายสีในเส้นเดียว มารู้ทีหลังว่าเขาเรียกว่าสีเหลือบ อืม...ถ้าใช้สีแบบนี้ถักออกมาคงสวยใช่เล่น ฉันเลยซื้อกลับมาสี่แพ็คกะถักสี่คู่ คราวนี้แหละคงไร้ซึ่งอุปสรรคใดๆ แต่ใครจะรู้ว่ากำลังจะเกิดอะไรขึ้นกับมือใหม่หัดถักคนนี้...เฮือก(ขนลุกโดยไม่รู้ตัว)

หลังจากที่ถัก ถัก ถัก จนเสร็จก็ลองสวมดู โอ้....แม่จ้าว....เท้าช้างชัดๆ ไหงมันฟูอย่างนี้หว่า...คิดได้ดังนั้นก็ต่อสายตรงถึงลิงคลองสาน และได้คุยสามสายกับลิงสุราษฎร์ไปพร้อมๆกัน และได้ความรู้เพิ่มขึ้นมาอีกว่าไหมที่ใช้ถักมีหลายชนิด และแต่ละชนิดก็จะเหมาะกับแต่ละอย่างไม่เหมือนกัน บางอย่างก็เหมาะกับการถักผ้าพันคอ หมวก หรือ เสื้อ ที่สำคัญไหมแต่ละยี่ห้อก็จะแตกต่างกันอีก รายละเอียดปลีกย่อยที่ฉันไม่เคยรู้มาก่อน เฮ้อออ

แต่ที่แน่ๆตอนนี้ฉันรู้แล้วว่า ไหมที่ฉันเลือกมาในวันนี้ไม่เหมาะกับการถักรองเท้าอย่างแรง...แงๆ เวงกำเจรงๆ ยิ่งถักยิ่งฟู...ครั้งแรกยิ่งถักยิ่งเล็ก...ครั้งต่อมายิ่งถักยิ่งใหญ่ ดูยังไง๊ยังไงก็ละม้ายคล้ายถุงมือที่ใช้จับของร้อนในครัวซะจริงๆ

ไม่ใช่ง่ายๆนะเนี่ยยิ่งสำหรับคนอย่างฉันที่ไม่มีพรสวรรค์ในงานฝีมือใดๆด้วยแล้ว ยิ่งยากเข้าไปใหญ่แต่ภาพที่อยู่ในใจที่จะได้เห็นยายได้ใส่รองเท้าที่ฉันถักเองกับมือก็ช่วยให้ฉันไม่ท้อและพยายามเลาะแล้วเลาะอีก เอ๊ย พยายามถักแล้วถักอีกจนสำเร็จออกมาเป็นคู่จนได้ เหลือบดูนาฬิกาปาเข้าไปตีสามกว่าของวันที่ ๒๙ ธันวาคม...แต่ แต่ แต่ รองเท้าข้างแรกที่ถัก ผ่านสมรภูมิการเลาะมานับไม่ถ้วนสภาพเลยยานยับเยิน แม้ข้างที่สองจะถักรวดเดียวจนเสร็จไม่ได้ผ่านการเลาะหรือรื้อ ซึ่งถือว่าเป็นสัญญาณที่ดีก็เถอะ...แต่จะส่งไปให้ยายในสภาพแบบนี้ได้ไง..แงๆ แต่ไหนๆก็จะปีใหม่แล้ว..."ฉันต้องทำได้สิน่า...สู้ๆ" ปลุกพลังความมุ่งมั่นให้ตื่นก่อนจะเผลองีบไปซะก่อน

คู่ที่สองที่ถักให้ยายลองถักเส้นเดียวตามคำแนะนำของลิงคลองสานดู เพราะถักสองเส้นไหมมันจะออกฟูกว่าไหมอีกยี่ห้อหนึ่ง แต่ช่วยไม่ได้นินาฉันเล่นซื้อสีเหลือบมาหมดเลย...จึงต้องคิดหาวิธีให้รองเท้าที่ถักออกมาดูกระชับเท้าให้ได้...โดยได้รับตรวจมาตรฐานจากลิงคลองสานอย่างเคร่งครัด ขอบอกค่ะท่านผู้ชม ลิงคลองสานเนี๊ยบมากๆ คู่ที่สองส่งไปให้ไอ่ลิงคลองสานดู สักพักมังก็โทรกลับมาว่า "ฝน....ทำไมหัวรองเท้าแกรมังเปงรูงั้นหว่า"

"อืมม....สงสัยเพราะตรูเอาวางบนเก้าอี้ แล้วตรูนั่งถ่ายช้อนจากข้างล่างป่ะแกร"ลิงเชียงรายเริ่มคิดหาเหตุผลสนับสนุนรูที่บังเกิดขึ้น

"ไม่เกี่ยวเฟร้ยแกร เพราะของตรูไม่ว่าจะนอนถ่าย ช้อนถ่าย 
งัดถ่ายท่าไหนมันก็ไม่เห็นรูงี้นะแกร"(ก๊าก....ขำกลิ้งอยู่บนที่นอน)

"ก็ของเจ๊แหม่ม (ฝรั่งในคลิป) ที่เขาสอนก็เปงรูแบบนี้นี่หว่าแกร"
(ทำยังกะรู้จักเค้าเนอะ อิอิ)

"แต่ตรูว่าไม่มีรูมันจะดูเรียบร้อยและสวยกว่านะ ของตรูตั้งแต่ถักมาไม่มีรูแบบนั้นเลยนะแกร ตรูว่าตอนแรกที่แกรถักขึ้นโซ่และทำเป็นก้นหอยครั้งแรกต้องเบาๆมือ รูมันจะได้ไม่ใหญ่แบบนี้อ่ะแกร"

"อืมม...สงสัยตรูจะหนักมือไปหน่อยฟร่ะ แต่ แต่ แกรคงไม่ให้ตรูรื้อออกมาถักใหม่นาเฟร้ย ตรูแพ๊คใส่ถุงเตรียมส่งให้ยายแว๊ว"
รีบออกตัวด้วยความกลัวสุดกิโล (สุดขีดน้อยไป ฮา)

"ฮ่าๆๆ...หมายถึงต่อไปไง ตรูว่าถ้าไม่เห็นรูมันจะดูสวยกว่าอ่ะ ไหนๆก็ทำได้ขนาดนี้แล้ว แกรก็ต้องหัดทำให้ผลงานสวยเรียบร้อยเหมือนมืออาชีพเลยเฟร้ย อันไหนที่ยังไม่แจ่มก็แก้ไข"

"ค่าาาาา" ขืนเถียงมังต่อมียาว...อิอิ

เห็นไหมคะท่านผู้ชม ไอ่ลิงคลองสานมังเหมือน ม.อ.ก จริงๆ

ม.อ.ก ย่อมาจาก "แม่อ้อยกินกับ เอ๊ย แม่อ้อยกำกับ"...........ฮ่าๆ

อย่าๆ อย่ามาเขวี้ยงฆ้อนใส่ตรูแถวนี้  ว่าแล้วก็รีบดันไอ่ลิงสุราษฎร์ขึ้นหน้าทันที....ฮ่า

แต่ในที่สุดก็สำเร็จซะทีเนาะ...รู้สึกหัวใจพองโตบอกไม่ถูก นั่งมองรองเท้าที่ถักด้วยฝีมือตัวเองอย่างภูมิใจ แม้จะเริ่มเห็นด้วยกับไอ่ลิงอ้อยว่า "ทำไมเห็นรูชัดงี้หว่า"....ฮ่า

จำได้ว่าตอนนั้นฉันมิวายตอบกลับมังไปอีกว่า... 
"แกรก็คิดซะว่ารองเท้าตรูเป็นรุ่นที่ต้องใส่ถุงเท้าเท่านั้นถึงจะสวยเฟร้ยปิดรูล่ายพอดี" อิอิอิ

"เออ...รองเท้าแกรมังรุ่นลิมิเต็ด หาไม่ล่ายอีกแว๊ว...ฮ่าๆ"

แล้วก็ขำกันไป...

ปล.
ขอบคุณลิงสุราษฎร์ที่เป็นกำลังใจให้เสมอมา
ขอบคุณลิงคลองสานที่กลายมาเป็นอาจารย์จำเป็นโดยไม่รู้ตัว 

ปล. (ย่อมาจาก ปูเหลียว)อิอิ
วันนั้นไอ่ลิงสุราษฎร์โทรเข้ามาตอนที่สองลิงนั่งอยู่หน้าจอพอดี คุยกันสักพักฉันก็ส่งสายให้ไอ่ลิงอ้อยคุยต่อ

 ไอ่ลิงถามไอ่ลิงอ้อยว่า "ไอ่ลิงฝนมังไหว้ครูยังฟระแกร"

"มังไม่ยอมไหว้ครูฟร่ะ ไม่เป็นไรเดี๋ยวตรูไหว้มังเองก็ล่าย" ไอ่ลิงอ้อยพูดพลางแลมาข้างๆอย่างตั้งใจ...

(อย่าได้แคร์) ลชร นั่งขำอยู่ข้างๆ หารู้สำนึกไม่...อิอิอิ

แต่ถึงตอนนั้นตรูจะนั่งหัวเราะขำกับคำพูดของแกร แต่ก็ซาบซึ้งนะเฟร้ย"ลคส"ที่แกรใจเย็นกับแสบสนิทศิษย์ส่ายหน้าคนนี้เสมอ...

ท้ายนี้ขอบังอาจโชว์ผลงานโดยไม่ต้องผ่านความเห็นชอบจากท่านผู้ชมก่อนค่ะ...อิอิ

xFrrk.jpgNX8Ks.jpgNzTF2.jpgdubsn.jpgWWS4g.jpgQ5bEy.jpgVSPBO.jpguG3vY.jpgyIpVb.jpgjjYYi.jpgy5sdU.jpgoNE0S.jpgFiNkE.jpgnUcAO.jpgEjpZ8.jpg

..............................................................................

ท้ายนี้ขอฝากภาพน้องหมาที่เจอป้ายรถเมล์ในวันนั้น
และขอตั้งชื่อภาพชุดนี้ว่า "ความประทับใจแรกจวบจนวันนี้..."

qESuo.jpgP9YnQ.jpg


สวัสดีปีใหม่ค่ะ...ขอให้มีความสุขมากๆนะคะ

64487_1000703.gif

======================================

เพิ่มเติม ๑๑ มกราคม ๒๕๕๕ ณ เวลา ๒๐.๕๓ น.


4ea671ba6c6a9.gifXg0qNW.jpgnXYRT.jpgHeMZK.jpgiqe10r.jpg4ea671eb0e59f.gif


กำลังใจสำคัญ...


J4znc.jpgEgHSyi.jpgGJjXdh.jpghhKwTM.jpg4ea670f90e401.gif

ผลงานบางส่วนของสองลิงค่า(แอบเอามาลงประกอบฉาก อิอิ)


XJdVvo.jpgKe7xic.jpgyOHdhE.jpgKOmW3e.jpg


ไว้พบกันใหม่...ขอบคุณที่ติดตามรับชมค่า

4ea670fa540e3.gif				
21 ธันวาคม 2554 00:18 น.

บทความซึ้งๆ

โคลอน

238693_3.jpgคืนนี้เซิร์ชหาคำว่า"บทความซึ้งๆ" ทำให้ได้ข้อคิด และ ได้เจอบทความที่น่าประทับใจมากมาย ทั้งที่เคยอ่านนานแล้วและเพิ่งเคยอ่าน

แต่มีอยู่ลิ้งค์หนึ่งที่เมื่อคลิ๊กเข้าไปดูก็ต้องยอมรับกับข้อคิดของผู้เขียนที่ช่างเปรียบเทียบดีเหลือเกิน เจ้าของลิ้งนี้ทำเป็นมิวสิควีดีโอลงยูทูปมีเพลงประกอบ ช่วงที่นั่งอ่านไปๆ ก็รู้สึกว่า ไม่ได้แระ กระดาษ ปากกาชั้นอยู่ที่ไหน จดๆๆๆ แล้วก็เริ่มลงมือจดบทความซึ้งๆเก็บไว้ และมาสะดุดตอนท้ายคลิปที่เจ้าของคลิปเขียนถึง พี่ฝน ...ฮี่ๆ อย่าเพิ่งเข้าใจผิดไปค่ะ แค่ความบังเอิญ อิอิ...เลยอดที่จะเอามาฝากเพื่อนๆไม่ได้ ลองเข้าไปดูนะคะ

 ขออนุญาตตั้งชื่อบทความซึ้งๆนี้ว่า"ความรัก ความผูกพัน กับแก้วน้ำ"

http://www.youtube.com/watch?v=FNEyokHVApc

วันนี้เราอาจรู้สึกว่าผูกพันต่อสิ่งหนึ่ง
จนคิดว่าเราขาดไม่ได้
แต่เวลาจะทำให้ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงไป

สักวันเราจะรู้ว่าสิ่งที่เราผูกพันในวันนี้
เป็นแค่ส่วนหนึ่งที่เติมชีวิตเรา ไม่ใช่ทั้งหมดของชีวิต

วันหนึ่ง
หากเรามีโอกาสได้เจอสิ่งที่ถูกใจสิ่งใหม่
ที่เราคิดว่าเราพึงใจ...ปรารถนา
ต้องการ...และขาดไม่ได้
เราก็จะเริ่มผูกพันกับสิ่งใหม่ได้ในเวลาไม่นานนัก

เวลา จะสอนเราเองว่า
ความผูกพันกับสิ่งใดๆในช่วงเวลาหนึ่ง
จะเป็นความสุขในช่วงเวลานั้นๆ

อย่าได้ไปยึดติด
อย่าได้ไปใช้ชีวิตทั้งชีวิตลุ่มหลง

คิดเสียว่าเราโชคดีที่มีโอกาส
ได้ผูกพันกับสิ่งที่เรารัก

ความผูกพันก็เหมือนกับความรัก
หรืออาจจะเป็นผลพวงที่มาจากความรัก

หากเรารักใครคนใดคนหนึ่งมาก
เราก็จะรู้สึกว่าผูกพันมาก

แต่ความผูกพันที่ว่า
ไม่ได้หมายถึงการหยุดตัวเองไว้กับสิ่งนั้นๆ

เพราะคนเราทุกคนย่อมผูกพันกับหลายๆสิ่ง
เปรียบเสมือน เรามีแก้วน้ำอยู่หนึ่งใบ

ในยามเช้า เราอาจต้องใช้แก้วใบนี้ดื่มนม

พออากาศร้อนหน่อย เราอาจต้องการน้ำเย็นๆ

บางครั้งที่เราไม่สบาย เราก็อาจต้องการน้ำอุ่น

ใจเราก็เหมือนกับแก้วน้ำ...
ต้องเติมสิ่งต่างๆในเวลาที่แตกต่างกัน ตามความเหมาะสม

หากเราเติมน้ำเย็นลงไปในแก้วน้ำ
แล้วเติมน้ำร้อนลงไปในทันที ในแก้วใบเดียวกัน
แก้วใบนั้นก็จะร้าวในทันทีและเริ่มแตก

ซึ่งก็เหมือนกับใจเรา...
ความผูกพันต่อสิ่งหนึ่งสิ่งใด
ในช่วงเวลาหนึ่งนั้น...ไม่ผิด
ถ้าเราค่อยๆปรับใจ ปรับตัวของเราเอง...
ให้กลับคืนในเวลาที่ควร

เพราะอย่างน้อยที่สุด เราก็มีโอกาสได้ผูกพัน
ซึ่งก็เหมือนเรามีโอกาสได้รักนั่นเอง

ถ้าคุณมีความสุขที่เห็นเค้าเดินกับคนอื่นคือความรัก
ถ้าคุณเศร้า เหงา คิดถึงเค้า อยากเจอ
อยากพูดคุย นั่นคือ ความรัก

ถ้าคุณร้อนรนที่เค้าอยู่กับใครๆที่ไม่ใช่คุณ
นั่นคือ...ความใคร่

ถ้าคุณร้องไห้ให้กับคนที่ไม่มีเยื่อใยในตัวคุณ
คุณคือคนโง่และบ้าอย่างน่าอาย

แต่ถ้าคุณพอใจ จงรัก และมอบความรักให้กับเค้า
แม้มันจะไม่กลับมาหาคุณก็ตาม

จงดีใจที่ได้รักซะวันนี้
ดีกว่าที่จะมานั่งเสียใจในวันหน้า

จงภูมิใจที่มีความรัก
เพราะมันจะไม่ย้อนกลับมาหาอีกต่อไป

reply-00000027674.gif				
9 ธันวาคม 2554 13:08 น.

จากใจกระดาษถึงดินสอ

โคลอน

20111108_552863-img-2.jpgดินสอ...ที่ผ่านมาเธอมักจะบอกเล่าเรื่องราวต่างๆมากมายให้ฉันฟัง โดยที่ฉันไม่เคยปริปากพูดอะไรเลย แต่คราวนี้คงถึงเวลาที่ฉันจะเอ่ยถึงเธอสักทีนะ เรื่องราวต่างๆที่อยู่ในใจที่เธอถ่ายทอดออกมาวันแล้ววันเล่า แต่ละครั้งที่เธอยอมเปิดใจก็ยิ่งเหมือนเป็นการย้ำเตือนไปอีกว่าเวลาของเธอสั้นลงเรื่อยๆ แต่เธอก็ไม่เคยกลัวกับการใช้ชีวิตและเริ่มเก็บเกี่ยวความคิดเพื่อเพิ่มผลผลิตเป็นตัวอักษรอย่างไม่เห็นแก่ความเหน็ดเหนื่อย 

80409-diary.png

หลายครั้งฉันไม่ค่อยเข้าใจนักที่เธอเพียรจรดจารความรู้สึกต่างๆออกมาแล้วสุดท้ายก็ใช้ยางลบ ลบแล้วลบอีกอยู่นั่นแหละ 

570866-img-1.jpg

 ดินสอเธอรู้มั๊ย...ยางลบแอบมาบ่นกับฉันว่า"ไม่ใช่แค่ชีวิตเธอชีวิตเดียวนะที่ถูกใช้ไปอย่างไม่คำนึงถึงสิ่งที่เหลืออยู่" 

ฉันอยากจะบอกเธอว่า ยางลบก็มีความคิด รักเวลา และรักชีวิตของเขาเช่นเดียวกับกระดาษอย่างฉัน ถึงแม้ว่าวันหนึ่งพวกเราทั้งหมดอาจเสื่อมสลายไปจากโลกนี้อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แต่อย่างน้อยขอให้พวกเราจากไปอย่างมีคุณค่าและมีความหมายต่อโลกใบนี้ได้ไหมล่ะดินสอ...

20080922130117.jpg

มันอาจเป็นเพียงความฝันลมๆแล้งๆของฉัน กระดาษที่ว่างเปล่าใบหนึ่ง ถ้าเธอไม่คิดถึงและไม่อยากบันทึกเรื่องราวใดๆ แต่ฉันซึ่งอยู่เคียงข้างเธอมาตลอดก็มีสิทธิ์ท้วงติงด้วยความเป็นห่วงและปรารถนาดีต่อเธอได้ใช่มั๊ย อย่างน้อยขอให้เธอมองเห็นคุณค่าของสิ่งที่เขียน ไม่ใช่แค่ระบายอารมณ์ หากแต่ได้โปรดให้เกียรติกับทุกตัวอักษร และอย่ามองข้ามสิ่งเล็กๆเหล่านั้นเหมือนกับว่าพวกเขาไม่มีความหมายใดใดต่อเธอเลย 


วันหนึ่งเมื่อพวกเราได้เดินทางมาถึงจุดสุดท้ายของชีวิต แม้จะไม่หลงเหลือลมหายใจ แต่ตัวอักษรของเธอ ของฉัน และของเรา ก็จะยังเคลื่อนไหวยู่เสมอ ถ้าพวกเรามีคุณค่าและมีความหมายพอที่จะให้คนอ่านได้จดจำ

read-books.jpg

เมื่อนานมาแล้วฉันได้มีโอกาสแวะเวียนไปชมโลกแห่งอักษรของคนคนหนึ่งโดยบังเอิญ และยังประทับใจกับสิ่งที่เขาเขียนจนถึงทุกวันนี้เกี่ยวกับตัวอักษร เขาเขียนไว้ว่า

 อักษรมีชีวิต มันมีลมหายใจ มันสัมผัสได้ มันรับรู้ได้ สดับยินได้ถึงเสียงเต้นของหัวใจภายใน มันเริงรื่นได้ มันแข็งแรงได้ อ่อนแอได้ ขึ้นอยู่กับว่าเราได้ดูแลมันอย่างไร เมื่อมันมาอยู่รวมกัน ในวรรคเดียวกันหน้าเดียวกัน มันคือชีวิตที่หลากหลาย และต้องคอยดูแลเห็นอกเห็นใจ

ให้ช่องว่างกับมันอย่างพอเหมาะพอควร ไม่ชิดมากไปจนรู้สึกถึงความอึดอัด ไม่เคาะเว้นช่องว่างมันจนห่างเกินไปจนรู้สึกถึงการขาดหายตายจาก

ชีวิตข้าพเจ้าคงสั้นลงไป ทุกวินาที ทุกนาที ทุกชั่วโมง
คงมีแต่เพียงอักษรที่ทิ้งเอาไว้เท่านั้นที่ยังคงมีอายุมากขึ้น

มากขึ้น



ขอบคุณสำหรับทุกตัวอักษร ที่หมุนเวียนเข้ามาพบเจอและจากลา

ชีวิตมีคุณค่า
ตัวอักษรก็เช่นเดียวกัน

ใช้มันอย่างมีประโยชน์และสร้างสรรค์
เพราะเมื่อเราล้มหายตายจาก

สิ่งที่คงเหลือไว้คือ ตัวหนังสือดีๆจำนวนหนึ่ง

ด้วยมิตรภาพเช่นเคย

http://swordbelt.wordpress.com


qqa49-1.gif


"ขอบคุณเจ้าของทุกตัวอักษรที่ช่วยเปิดโลกแห่งอักษรของคุณมาสู่โลกแห่งการอ่านของฉัน" 


aad23.gif

บทเพลงก็เป็นตัวอักษรหากแต่ใช้เสียงสื่อสารไปถึงหัวใจคนฟัง แล้ววันหนึ่งฉันก็ได้ฟังเพลง "ไม่มีทางรู้เลย" ของ ลานนา คัมมินส์ โดยบังเอิญ(อีกแระ)

 มีไม่กี่เพลงที่เราจะอยากวนฟังซ้ำๆไม่รู้เบื่อ.....ถ้าคุณยังไม่เคยฟัง....คุณจะไม่มีทางรู้เลย...จริงมั๊ยคะ


http://www.youtube.com/watch?v=MOXZf-5ggfo


หากตอนกลางคืนลบเลือนไม่มีแสงจันทร์ 
และตอนกลางวันนั้นดวงตะวันหายไป
โค้งขอบฟ้าเบื้องบน จะมัวมืดมนเพียงใด
หรือจะยังสดใสเหมือนเคย

ปล่อยมือให้ใบไม้ปลิวไปตามสายลม 
ให้ลมนําพาพัดลอยไปไกลแสนไกล 
แล้วใบไม้ใบเดิม จะลอยร่วงลงตรงไหน 
ฉันคงไม่มีทางได้รู้เลย

หากเราไม่มีวันนั้น ไม่เจอกันไม่เคยรู้จัก 
ฉันจะรักใครได้อย่างเธอไหม 
หากเธอยังอยู่กับฉัน ไม่อำลาไปไกลแสนไกล
จะเป็นอย่างไรต่อไปไม่รู้

หากพอมีทางหมุนวันเวลาย้อนกลับ
แหละพยายามให้เราได้ลองเริ่มใหม่
แม้หากอ้อนวอนเธอ จะยังเสียเธอไปไหม 
ฉันคงไม่มีทางได้รู้เลย 

(ฉันคงไม่มีวันจะรู้เลย)

........................................

aad86.gif				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟโคลอน
ไม่มีข้อความส่งถึงโคลอน