22 พฤศจิกายน 2552 19:24 น.

.....นี่หรือ ..คือความเป็น....ครู

กิ่งโศก

fry03.jpg

 คำว่าครู คือคำที่ชินอยู่ในโสตของผมมาแต่เด็ก ๆ เพราะภาพในมโนของผม คือ บุคคลที่สวมชุดสีกากี เป็นผู้มีภูมิ มีความรู้ ผู้ที่น่าเคารพยำเกรงและเลื่อมใส

คำว่าครูพอจะแปลได้ ตามความเข้าใจดังนี้ 

 "ครู มาจากคำว่า คุรุ แปลว่าหนัก ภาระที่ครูจะต้องนำลูกศิษย์ไปให้พ้นปากเหยี่ยวปากกา ภาระที่ครูจะต้องนำลูกศิษย์ให้บรรลุ เป้าหมาย.."
 นอกจากนี้ ยังให้คำเรียกแทนครู อีกมากมาย เช่น เรือจ้าง....แม่พิมพ์ของชาติ..
..เคยฟังเพลงแม่พิมพ์ของชาติ ที่ร้องโดยคุณ ไพโรจน์  วงค์จันทร์แล้ว  ยิ่งสะท้อนให้เห็นภาพของความเป็นครู ที่มีความลำบาก ตั้งใจ ถ่ายทอดสรรพวิชาให้แก่ศิษย์..
  นักเรียนรุ่นก่อน ให้ความเคารพ กลัวเกรง แก่ ผู้ที่เป็นครู บาอารย์ เป็นอย่างมาก  คนไหน ดื้อเกเร ก็ถูกลงโทษ  ..ไม้เรียว ...
หลายคนบอกได้ดีเพราะไม้เรียว มามากต่อมาก ..แต่ปัจจุบันเปลี่ยนแปลงไปตามสภาพสังคม  ครูดูจะด้อยความศักดิ์สิทธฺ ที่เหล่าเด็กนักเรียนจะเกรงกลัว ..แถม เหมือนจะมีกฎเกณ? ไม่ให้ครูเฆี่ยนตีเด็กด้วยไม้เรียว
ครู คงเอาไว้แค่ชี้ บนกระดาน เท่านั้น ครูคนไหนตี เฆี่ยนนักเรียน มีข่าวผู้ปกครอง แจ้งดำเนินคดี ก็มี  ..นั่นไม่รู้ว่าทำไมจึงเป็นแบบนั้น

  วันนี้ ( 22 พ.ย.2552)  กำลังเปิดดูรายการที วี พวก คอมเมอร์ดี้ ตลก เบาสมอง ของช่อง 9 อสมท. เรื่อง บ้านนี้มีรัก..ที่เป็นแนว ตลก ผ่อนคลาย..

..แต่วันนี้ ผมกับน้ำตาซึม  ในเรื่อง ในโรงเรียนเอกชน..ครูกำลังสอนเด็กนักเรียน (ครู ผู้แสดงเป็น ตลกคนหนึ่ง)  มีเด็กคนหนึ่งดื้อ เกเร ครูคนนี้ ก็เรียกมาทาทำโทษ..แต่เด็กไม่ยอมบอกพ่อแม่เขาไม่เคยทำโทษ  แต่ครู(ในเรื่อง) ก็ยังลงโทษเด็กโดยเฆี่ยน เด็กไปฟ้องพ่อ  พ่อไปโวย ผอ. และมาต่อว่าครู
ว่า " คุณรู้หรือไม่ป้ายชื่อ อาคารนี้ นะชื่อผม ผมบริจาคตึกนี้ให้โรงเรียน คครู จะมาตี ลูกผมไม่ได้..แต่ครูก็ชี้แจงว่าลูกเขา ทำผิดกฎจึงต้องลงโทษ.
ผู้ปกครองก็ไม่ยอม..ต่อมาเด็กดื้อเนื้อจากคิดว่าครูไม่กล้า จึงทำผิดอีก ครูเรียก เด็กคนนั้น มาลงโทษ  เหล่าเด็กๆคนอื่น ก็เข้ามาขอร้องไม่ให้ครูตีเด็กคนนั้น เพราะกลัวว่าครูจะเด้ง
ครูจึงบอกเด็กเหล่านั้น ว่า...ครูทำตามหน้าที่ นักเรียนทำผิดก็ต้องลงโทษ..หากครูไม่ลงโทษ..ครูไม่สมควรใช้คำว่า..ครู...อีกต่อไป

  ผมดูละครแล้ว ยังนึกอยู่ในใจเลยว่า ขนาดละคร ที่แทบหาสาระไม่ค่อยได้ ยังแทรก ..แฝง ให้ข้อคิดแบบนี้อีก..

..และผมเองยังนึกย้อนไปเมื่อสมัยเด็กๆ ที่เป็นนักเรียน ผมจำชื่อครู และหน้าตาได้แบบ ไม่ลืม  ก็คือ ครู ที่ ดุ (อาจจะดูว่าโหด มาก ไม่ชอบมาก เลยครูคนนี้)...แต่..เชื่อหรือไม่ครูเหล่านี้ ที่ว่า ดุๆ เฆี่ยน ตี เหล่านี้  ผมกลับ มีความรู้สึก รักท่านเป็นที่สุด แลนึกถึงพระคุณที่ครูเหล่านั้นท่าน สอน ท่านให้ โดยที่ท่านเอง ไม่ได้อะไรจากเราๆ เลย..แม้ว่าท่านจะทำตามหน้าที่....

..ท่าน ละครับ  และในนี้มีครูหลายท่านด้วย..รู้สึกแบบไหน?.				
18 พฤศจิกายน 2552 12:14 น.

การดิ้นรน...ของกระบือ

กิ่งโศก

(ไม่ใช่กระทู้การเมือง หรือเสียดสีใครนะครับ) ลงครั้งที่ สอง  ครั้งแรกส่งไม่ผ่านอะ...

..ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา อันเป็นเวลาพักผ่อน การผ่อนคลายของข้าพเจ้า 
หากไม่ดูทีวี  ก็อ่านหนังสือ ที่ตอนนี้กำลังจะล้มทับตายไม่วันใดก็วันหนึ่งนี้แน่ๆ..
  ช่วงเย็นวันหนึ่งกำลังดูที วีดูข่าว ไปเจอภาพที่นักข่าวนำเสนอนั่นก็คือ
ฝูงควาย (ไม่ใช่คำหยาบนะครับ) หลายตัว กำลังดำน้ำ อยู่กลางบึงหรือหนองน้ำ  พิธีกร บรรยายว่า ควายเหล่านี้กำลังดำน้ำเพื่อกินหญ้า ...
อะโห..ข้าพเจ้านึกทันที  โธ่เอ๋ย แม้แต่ควายก็ยังลำบากขนาดนี้เชียวหรือ
แต่กลับทึ่งในความมานะ พยายามตามสัญชาตญานเพื่อการอยู่รอด ของมัน

หรือมองย้อนกลับที่ผู้คนถากถาง ว่าควายนะโง่งม  ..แต่ภาพที่เห็นไม่เลย ฉลาดด้วย...ทำให้ทึ่งในความรุ้สึก ขนาดควายมันยังดิ้นรนเอาชีวิตรอด เราๆ ที่เป็นมนุษย์แถม ยกย่องว่าเป็นสัตว์ประเสริฐกว่า ..บางทีอาจจะอายควายบ้างนะ
เพราะเห็นข่าวคนฆ่าตัวตาย    แบบอับจนหนทาง..  

ที่จริงควาย หรือ กระบือ หรือแล้วแต่จะเรียกชื่แกนต่างๆ นา เช่น 
กาสร   สิงคี ลุลา กระบือ เจ้าทุย แม้แต่ทรพี ยังเรียกกัน  ถือว่าเป็นสัตว์คู่บ้านคู่เมือง กับชีวิตชาวนาไทยมานานมาก สร้างคุณประโยชน์ ไถนา ลากเกวียน  หรือแม้แต่โมโหใครมา ก็มายืมชื่อ ด่าแทน..
...ข้อมูลในข่าว..ที่หามาครับ

*****************************************************************************
นักท่องเที่ยวแห่ชมควายดำน้ำ กินหญ้า 
       100771.jpg
      จังหวัดพัทลุง หลังจากฝนทิ้งช่วง ชาวบ้านและนักท่องเที่ยวพาครอบครัวแห่ดู ควายดำน้ำ ที่สะพานยกระดับเชื่อมต่ออำเภอควนขนุน จังหวัดพัทลุง และอำเภอระโนด จังหวัดสงขลาที่ตัดผ่านเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ด้วยระดับน้ำเพิ่มสูง ทำให้ควายที่ชาวบ้านเลี้ยงไว้แบบปล่อยเลี้ยงตามธรรมชาติ กว่า 1,500 ตัว ต้องดำน้ำลงไปกินหญ้าใต้น้ำ 
       buffalo-talaynoi-16032009_066.preview.jp
      ควายที่ทะเลน้อยจะแตกต่างจากควายที่ดอนทั่วไป เพราะควายน้ำจะมีลักษณะกีบเท้าและฝ่าเท้าที่อ่อนนุ่ม ลุยโคลนได้ดี สามารถว่ายน้ำได้ในระยะทางไกลโดยเท้าไม่ถึงพื้น และสามารถดำได้เป็นเวลานาน 
       imgrtb_1257758671.jpg
      สำหรับควายดำน้ำกินหญ้าสามารถพบเห็นได้เพียงที่เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยเพียงที่เดียวเท่านั้น 
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย ทะเลสาบสงขลา เป็นอุทยานนกน้ำที่ ใหญ่ที่สุดในประเทศไทย มีการสำรวจเมื่อปีพ.ศ.2517 และได้รับการประกาศจัดตั้งเป็นเขตห้ามล่าสัตว์ป่าแห่งแรกของประเทศไทย เมื่อวันที่ 18 ก.พ.2518
imgrtb_1257758680.jpg

มีอาณาเขตครอบคลุมพื้นที่ 3 จังหวัด คือ บางส่วนของ ต.พนางตุง และ ต.ทะเลน้อย อ.ควนขนุน จ.พัทลุง, ต.บ้านขาว ต.เครียะ อ.ระโนด จ.สงขลา และ ต.ขอนหาด ต.นางหลง ต.เสม็ด ต.ชะอวด อ.ชะอวด จ.นคร ศรีธรรมราช

มีเนื้อที่ประมาณ 457 ตารางกิโลเมตร หรือ 285,625 ไร่ แบ่งเป็นพื้นดิน 429 ตารางกิโลเมตร ประมาณ 268,125 ไร่ และพื้นน้ำ 28 ตารางกิโลเมตร ประมาณ 17,500 ไร่

img_1257758648.jpg
เขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย จัดว่าเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสมบูรณ์ และสำคัญที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศ โดยเฉพาะพื้นที่พรุควนขี้เสียน ได้รับการจดทะเบียนเป็นพื้นที่ชุ่มน้ำที่มีความสำคัญระดับนานาชาติ หรือ แรมซาร์ไซต์ เป็นแห่งแรกของประเทศไทย และเป็นลำดับที่ 110 ของโลก เมื่อปี พ.ศ.2541 

เป็นที่อาศัยของนกน้ำหลากพันธุ์ประมาณ 187 ชนิด และมีพืชไม้นานาพันธุ์มากมาย

สภาพพื้นที่โดยทั่วไปเป็นป่าเสม็ดขาว ทุ่งหญ้า ทุ่งนา ป่ากก ป่าปรือ มีความหลากหลายทางชีวภาพ อุดมไปด้วยทรัพยากรธรรมชาติ เป็นแหล่งประกอบอาชีพของประชาชนในพื้นที่ ไม่ว่าอาชีพประมง และเลี้ยงสัตว์



โดยเฉพาะการเลี้ยงควาย ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย มีชาวบ้านเลี้ยงควายในพื้นที่ทะเลน้อยเป็นจำนวนมาก ที่แปลกคือ มีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นแตกต่างจากพื้นที่อื่นอย่างสิ้นเชิง

จากการสำรวจเก็บข้อมูลจำนวนประชากรควาย ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย เมื่อพ.ศ.2548 พบว่า มีทั้งหมด 4,334 ตัว เพศผู้ 1,342 ตัว เพศเมีย 2,992 ตัว และมีผู้เลี้ยง 164 ราย 

ชาวบ้านทะเลน้อยนำควายมาเลี้ยงในพื้นที่นานกว่า 100 ปีมาแล้ว เป็นการปล่อยออกไปกินหญ้าเองตามทุ่งหญ้าขนาดใหญ่เหมือนชาวบ้านในพื้นที่อื่น 

แต่ด้วยสภาพภูมิศาสตร์ของทะเลน้อย ทำให้ในช่วงฤดูน้ำหลาก ทุ่งหญ้าที่เป็นแหล่งหากินของควายต้องจมอยู่ใต้ผืนน้ำเป็นเวลา 5 เดือนใน 1 ปี

ส่งผลให้ควายต้องปรับตัวอาศัยหากิน ด้วยการว่ายน้ำเป็นระยะทางไกล เพื่อดำน้ำลงไปกินหญ้าที่จมอยู่ใต้น้ำ บางตัวสามารถดำน้ำได้นานจะ มุดหัวลงน้ำ เท้าหลังชี้ขึ้นฟ้ากินหญ้าน้ำได้คราวละ หลายนาที ส่วนลูกควายตัวเล็กจะดำน้ำลงไปทั้ง ตัว เป็นภาพที่ชาวทะเลน้อยเห็นชินตามาหลายชั่วอายุคน 

จนเรียกขานควายในทะเลน้อยว่า "ควายน้ำ" ตามลักษณะการหากิน

แต่เดิมเป็นควายบ้านที่ชาวบ้านนำมาเลี้ยงแบบปล่อยทุ่งให้หากินหญ้ากันเอง ทำให้มีการผสมพันธุ์กันเองตามธรรมชาติ จนประชากรควายเพิ่มขึ้นเป็นจำนวนมาก และมีวิถีชีวิตคล้ายควายป่า

โดยควายน้ำแต่ละฝูงจะมีขนาดเล็กใหญ่ตั้งแต่ ฝูงละ 5-6 ตัว ไปจนถึงฝูงใหญ่เกือบ 100 ตัว มีจ่าฝูงคอยควบคุมพาฝูงออกจากคอกไปหากินในทุกเช้า และกลับเข้าคอกเองในช่วงเย็น

บางฝูงอาศัยนอนตามโคกเนิน หรือเกาะแก่งกลางน้ำ หากมีฝูงอื่นหลงเข้ามาจะเกิดการต่อสู้เพื่อ ป้องกันพื้นที่บ้างบางครั้ง แต่ส่วนใหญ่จะหากินใน พื้นที่ของฝูงตัวเองเท่านั้น ไม่รุกล้ำเขตระหว่างกัน กระจายกันหากินอยู่ในพื้นที่ อ.ระโนด จ.สงขลา และ อ.ควนขนุน จ.พัทลุง

สมัยก่อนเจ้าของควายใช้วิธีจดจำลักษณะของควายตัวเอง ไม่มีการจำผิดสับสน แต่ปัจจุบันต้องติดเบอร์ตีตราไว้เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกความเป็นเจ้าของควายแต่ละฝูงไว้อย่างชัดเจน

ควายน้ำเคยถูกผลกระทบจากน้ำท่วมใหญ่ในพื้นที่ จ.พัทลุง และใกล้เคียงหลายครั้ง ส่งผลให้ระดับน้ำในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อยสูงขึ้นมาก จนควายน้ำไม่มีที่หยั่งเท้า ต้องว่ายน้ำเป็นเวลานานจนหมดแรงจมน้ำตายในที่สุด

ล่าสุดเหตุการณ์น้ำท่วมใหญ่เมื่อ ปลายปีพ.ศ.2551 ที่ผ่านมา มีควาย น้ำไม่ต่ำกว่า 50 ตัวต้องจมน้ำตาย เพราะหมดแรงจากการว่ายน้ำหาอาหารเป็นเวลานาน

นอกจากนี้ ระยะ 4-5 ปีมานี้ หลังจากมีการส่งเสริมให้ทำสวนปาล์มน้ำมัน เกิดปัญหาการบุกรุกพื้นที่ของนายทุนเพื่อทำสวนปาล์ม จนพื้นที่หากินของควายน้ำลดลงอย่างน่าใจหาย

ทั้งยังมีน้ำเสียในโรงงานอุตสาห กรรมในชุมชน และพื้นที่ทำนา ที่ไหลสู่ทะเลสาบ มีมลพิษเจือปน ทั้งสารเคมีจากปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ทำ ให้หญ้าที่เป็นอาหารควายมีสารเจือปนมาก

ในปัจจุบันชีวิตความเป็นอยู่ของ ควายน้ำเริ่มกลับมาเป็นปกติ เพราะ ปัญหามลพิษได้รับการแก้ไขในระดับหนึ่ง 

ขณะเดียวกัน เรื่องราวและชีวิตของควายน้ำทะเลน้อย ถูกนำมาชูโรงเป็นจุดเด่นด้านการท่องเที่ยวสำคัญของจ.พัทลุง นอกเหนือจากการล่องเรือชมทุ่งดอกบัว และดูนกหลากสายพันธุ์ในเขตห้ามล่าสัตว์ป่าทะเลน้อย

+++++++++++++++++

ที่มา นสพ ข่าวสด				
15 พฤศจิกายน 2552 08:51 น.

อหังการณ์...สีแดง บนแผ่นฟ้า

กิ่งโศก

ขึ้นหัวเรื่อง มิได้ พูดถึงประเด็นอื่นแต่อย่างใด ครับพี่น้องๆๆๆๆ  อิอิอิอิ

แต่เป็นเรื่องราวบทเพลงที่น่าจดจำครับ ..อยากช่วยป้าโคฯ จุดประกายสีแดง  เอ๊ย สีสรรบทเพลงเก่าๆเชิงอนุรักษ์ นะครับวันนี้ที่ขึ้นหัวข้อแบบนี้ ว่าอหังการณ์ สีแดงบนแผ่นฟ้านั้น หมายถึงนี่ครับ  เพลง  "ฟ้าแดง" 
   เมื่อไม่นานมานี้ ผมเปิดทีวี ช่วงบ่ายๆ ในวันหยุดวันหนึ่ง ..ฟังบทเพลง สุนทราภรณ์
ที่น่าสนใจ คือ นักร้องที่ร้องเพลงนี้ เป็นคนเดิม และยังมีชีวิตอยู่ นะครับ แม้นว่า สังขารณ์จะร่วงโรยไปแล้วก็ตาม แต่น้ำเสียงลีลา กรเอื้อนยังเป็นแบบสุนทราภรณือยู่ครับ  นักร้องท่านนี้ คือ คุณอโศก สุขศิริพรฤทธิ์  อิอิ ชื่ออโศก นะครับ ม่ายใช่กิ่งโศก ตอนดูในทีวี ผมดูลักษณะท่าทางที่ท่านร้อง ขับขานเพลงนี้ ผมว่าท่านใส่ใจ มากเลย ผมฟังแล้วดื่มด่ำ ในหัวใจยิ่งนัก  นอกจาก เสียงบรรเลงเพลงที่เคล้าคลอ ไปพร้อม เสียงผู้ร้อง ประหนึ่งชักชวนเรา จมอยู่ในภวังค์...
พร่ำมานาน ขอก็อบเพลงมาให้ท่องจำกันก่อนนะครับ   ..หาจากเวปบ้านกลอนนี่แหละครับ..ฟังเสียงบรรเลงก้อเพราะไปอีกแบบ

..............................................................................................
          ฟ้าแดง 
สุนทราภรณ์ อโศก สุขศิริพรฤทธิ์ 
สนธยาฟ้าแดง
สุรีย์ร้อนแรงโรยอ่อนรอนแสงหม่นมัว
สกุณาเรียกหารังตัว
ชะนีเรียกผัว รัวเร้าร่ำกำสรวล
โอ้ชีวิตชีวิตจิตใจ มันหนาวเย็นเป็นไข้
พิไลพิลาศครวญ
สิ้นตะวันสรวลสันต์จาบัลย์รัญจวน
เห็นลางพบพรางร่างนวล
ให้โหยหวนชวนเศร้า
สิ้นแสง สิ้นสีโศลกแดงแฝงแทงใจเรา
สายัณห์เงื้อมเงา
ลบล้างสล้างเสลา จางห้วงหาวพราวใจ
ฟ้าแดง ฟ้าแดงผันแปรเปลี่ยนแปลงแผลงไป
ตราบอาสัญฉันยังฝันใฝ่
จูบแดนฟ้าอาลัย ฝังรอยรักใคร่ฝากเธอ

สิ้นแสง สิ้นสีโศลกแดงแฝงแทงใจเรา
สายัณห์เงื้อมเงา
ลบล้างสล้างเสลา จางห้วงหาวพราวใจ
ฟ้าแดง ฟ้าแดงผันแปรเปลี่ยนแปลงแผลงไป
ตราบอาสัญฉันยังฝันใฝ่
จูบแดนฟ้าอาลัย ฝังรอยรักใคร่ฝากเธอ... 
 
  
..........................................
สิ้นแสง สิ้นสีโศลกแดงแฝงแทงใจเรา  สายัณห์ฯ...โอ้ ฟังแล้วนึกถึงสมัยวัยเด็ก(อีกแล้ว)  ขณะช่วงอาทิตย์อัศดง ลาลับ ทิวเขา มองไปฝั่งตะวันตก 
จะแลเห็นสีแดง ประหนึ่งโกเมน ทาบผืนฟ้าฉะนั้น

แต่อีกอย่าง ที่คนเก่าแก่ พูดต่อกันมา คือ หากฟ้าแดงเมื่อไหร่จะเกิด พายุ อะไรสักอย่าง ที่ดูจะน่ากลัวนะครับ

วันนี้ เรามาฟังบทเพลง เศร้าๆ ในท่วงทำนอง  จังหวะช้าๆ เนิบๆ ได้อารมณ์ ดีนักครับ  มีความสุขกับวันหยุดวันนี้  นะครับ  ขณะที่เขียนกระทู้  ย่านบางนา ฝนกำลังตกเลยครับ  ไม่แน่ใจว่าฟ้า  แดงหรือเปล่า ..				
13 พฤศจิกายน 2552 21:53 น.

โธ่..เอ๋ยน้องแดงของพี่...

กิ่งโศก

สมัยคุณพ่อยังหนุ่มๆ..อิอิ  ตอนวัยเด็กน้อยของผมเลยแระ...แว่วเสียงวิทยุทรานซิสเตอร์ ดัง  สนั่น ..คนรุ่นนั้นเขาฟังนิยายที่เป็นละครวิทยุ..
เป็นยุคละคร คณะเกตุทิพย์...คณะ 123..และคณะกันตนา
..บางจังหวะคลื่นแทรก เสียงจะดังแกรกๆๆๆๆ
..แต่ชาวบ้านก็ยังรวมหัว หรือจะเรียกว่า สุมหัวฟังกันนะครับ


..ตอนนั้นมีเพลงลูกทุ่งเพลงหนึ่งกำลังดังเลย  จำได้เพราะชื่อเพลงมันแปลกๆ ..นะครับ  เพลงนั้นขึ้นต้นว่า
" แดงเอย   โถเอ๋ย น้องแดงของพี่ "  
เสียงร้องเป็นของ สุชาติ เทียนทอง  ไม่แน่ใจว่าตอนนี้ยังคงมีชีวิตอยู่ต่อไปหรือไม่.. เด๋ว ผมหาเนื้อเพลง ในกูเกิ้ล มาลงให้อ่านกันก่อนนะครับ

อ้อ ที่จริงชื่อเพลง คือ  วันสุดท้าย...เป็นบทเพลงที่โศกเศร้ามากเลย


แดงเอย โธ่เอ๋ยน้องแดงของพี่
พี่มาวันนี้ เพราะมีเรื่องบอกขวัญใจ
พี่มาลาห่าง เพื่อจะหลีกทางให้น้องเดินไป
พบชีวิตสุขสดใส อย่าห่วงใยให้ทุกข์ระทม
แดงเอย พี่รู้ว่าพี่ต้อยต่ำ ถูกคนประณาม
ทุกยามไร้ความรื่นรมย์ ขอจงลืมพี่ แต่งกับคนดี
ที่เขาคอยชม พี่เลวพี่ต่ำไม่สม
พี่ขอก้มหลีกหนีน้องไกล เจ้าอย่าหมอง
อย่าร้องไปเลยกานดา พี่มาลา ขวัญตาจงอย่าเสียใจ
เช็ดน้ำตา ซิจ๊ะอย่าร้องไห้ โปรดยิ้มให้พี่ชื่นใจ
ในวันสุดท้าย ของเรา แดงเอย พี่ขอลาแล้วน้องพี่
อยู่เถิดคนดี น้องพี่จงอย่าซบเซา
ถึงพี่ไกลห่าง ก็ จะไม่จางจากรักของเรา
ส่งใจติดตามดังเงา จวบถึงคราวพี่จะสิ้นใจ
เจ้าอย่าหมอง
อย่าร้องไปเลยกานดา พี่มาลา ขวัญตาจงอย่าเสียใจ
เช็ดน้ำตา ซิจ๊ะอย่าร้องไห้ โปรดยิ้มให้พี่ชื่นใจ
ในวันสุดท้าย ของเรา แดงเอย พี่ขอลาแล้วน้องพี่
อยู่เถิดคนดี น้องพี่จงอย่าซบเซา
ถึงพี่ไกลห่าง ก็ จะไม่จางจากรักของเรา
ส่งใจติดตามดังเงา จวบถึงคราวพี่จะสิ้นใจ
......................
เศร้าสุด ตรง คำว่าส..เช็ดน้ำตา  สิจ๊ะอย่าร้องไห้...


ผมว่าคนรุ่นก่อน ใส่หัวใจเข้าถึงคำร้องได้แบบกินใจมากเลย

..หลังๆ มามีนักร้องรุ่นใหม่  เช่น สายัณ พี่เป้า  และ ไท ธนาวุธ ก้อยังนำเอามาขับขานต่อ

แต่ ฟังต้นฉบับ แล้วผมว่าได้อารมณ์ยิ่งนัก ครับ
เพลงนี้ไม่แน่ใจว่าได้รับแผ่นเสียงทองคำหรือเปล่า


...เห็นป้าโค  เอ๊ยคุณฝนโคลอน เอาเพลงเก่ามาลงให้เซฟไว้นะครับ เลย ช่วยกันรังสรร รักษา บทเพลงเก่าๆ เด๋ว จะหลง พวกแรปโย่ๆๆ กันจนลืม อิอิ				
12 พฤศจิกายน 2552 21:34 น.

ทำอย่างไรเมื่อถูกคนอื่นด่า '

กิ่งโศก

เนื่องจากได้รับเมล จากพี่ป้ากันนา  น่าจะเป็นฟอร์เวิดเมล  แต่เห็นเข้าท่าดีนะครับ

ขอมาลงที่กระทู้นี้ละกัน  ไม่ได้มีเจตนาว่ากระทบผู้ใดทั้งสิ้น แต่เห็นว่าเป็นหัวข้อที่ดี..อิอิ  ออกตัวไว้ก่อนเรา..

.................
ถ้าทำได้ ก้อเป็นสุขแล้ว รับรองไม่เครียดแน่ ๆ
ทำอย่างไร ให้พ้น โทสะ โมหะ โลภะ สามพญามาร

####################################
อีกระดับของความคิด 
ในการใช้ชีวิตอย่างสุขใจได้ 
ลองนำไปใช้ในชีวิตประจำวันนะครับ              


เป็นแนวคิดที่ดีมากเลย อักโกสกสูตร


' ทำอย่างไรเมื่อถูกคนอื่นด่า ' 
ในชีวิตประจำวันเรามักถูกคนด่าว่า หรือนินทาให้เสียหาย 
ทั้งๆที่บางทีเราก็ไม่ได้ทำอะไรผิด 
บางท่านทนไม่ได้ก็อาจด่าตอบ หรือนินทาตอบเพื่อให้หายแค้น 
บางท่านก็ทำใจได้ไม่ต่อล้อต่อเถียงด้วย ก็ดีไปอย่าง 
มีพระสูตรหนึ่งชื่อ อักโกสกสูตร น่าจะนำมาปรับใช้กับชีวิตประจำวันเราไม่น้อย 


เรื่องมีว่า... 
ครั้งหนึ่งมีพราหมณ์คนหนึ่งไม่รู้ว่าโกรธแค้นพระพุทธเจ้าแต่ปางไหน พบพระพุทธองค์ก็เข้าไปด่าเลยแบบไม่ทันได้ตั้งเนื้อตั้งตัว 
ด่าว่าอย่างไรไม่ได้ให้รายละเอียดไว้ บอกแต่ว่า 'อสพุภาหิ ผรุสาหิ วาจาหิ อกุโกสติ ปริภาติ' 

ด่าและบริภาษด้วยวาจาหยาบคายอันไม่ใช่ของสุภาพบุรุษ 
เมื่อเขาด่าจนพอแล้ว พระพุทธองศ์ตรัสถามว่า 
'พราหมณ์ที่บ้านท่านมีญาติมิตรมาเยี่ยมบ้างไหม' 
พราหมณ์บอกว่า 'มีสิ ข้าพเจ้ามิใช่คนสิ้นญาติขาดมิตรนี่' พระองศ์ตรัสถามว่า 
'เวลาเขามา ท่านเอาอะไรต้อนรับเขา' พราหมณ์บอกว่า 'ก็เอาน้ำดื่ม ของเคี้ยว       ของกินมาต้อนรับ' 

พระพุทธเจ้าทรงตรัสถามต่อ 'ถ้าแขกที่มาที่บ้านท่าน 
ไม่กินไม่ดื่มของต้อนรับเหล่านั้น ของเหล่านั้น 
จะเป็นของใคร' 
'ก็ตกเป็นของข้าพเจ้าตามเดิมสิ ' พราหมณ์ตอบ 
พระองศ์ตรัสต่อไปว่า ' เช่นเดียวกันนั้นแหละพราหมณ์ 
ท่านด่าเราเราไม่รับคำด่านั้น  คำด่านั้นก็ตกเป็นของท่านสินะ ' 
โดนเข้าไม้นี้อีตาพราหมณ์นิ่งอึ้งเลย พระพุทธองศ์ตรัสสอนต่อว่า 
'ผู้โกรธตอบคนที่ด่า เลวกว่าคนด่าเสียอีก 
คนที่ไม่โกรธตอบคนที่ด่านับว่าชนะสงครามที่ชนะได้แสนยาก 
คนที่มีสติยับยั้งชั่งใจ ไม่โกรธเวลาเขาด่า 
นับว่าทำประโยชน์ทั้งแก่ตนและคนอื่น 
แต่คนเช่นนี้ 
คนที่ไม่เข้าถึงธรรม 
มักจะหาว่าเป็นคนโง่ ' 
พราหมณ์สำนึกผิดว่าตนได้ด่าผู้ที่ไม่สมควรด่าอย่างยิ่ง 
จึงปฏิญาณตนนับถือพระรัตรตรัย ทูลขอบวช 
ในพระพุทธศาสนา 
หลังจากบวชไม่นานก็ได้บรรลุเป็นพระอรหันต์ 

ที่มา: ธรรมะนอกธรรมาสน์ โดย เสฐียรพงษ์ วรรณปก ราชบัณฑิต				
Calendar
Calendar
Lovers  2 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 1 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings  กิ่งโศก เลิฟ 2 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกิ่งโศก