ไม่รู้ว่าดวงเมือง ชะตาชนชาวสยาม ตกอยู่บนห้วงกาลกิณีหรือไร จึงเป็นช่วงวิบากกรรมท่ามน้ำตาเนืองนองคลอสายธาราเยี่ยงนี้ ความทุกข์ระทมจึงบ่าโถมสนสาหัสสากรร เสียเหลือเกินแรงฤทธาที่กำลังกระพือโหมกระหน่ำพี่น้องคนไทยอยู่ในขณะนี้คือ พิษภัยน้ำท่วม สาน้ำที่พรูถั่งมิขาดสายแลทำท่าจะไม่หยุดพักหรือแห้งไปง่ายๆ น้ำนั้น ย่อมให้คุณาประการแก่สิ่งมีชีวิตไม่ว่าจะคน สัตว์พืช แต่หากมีมากเกินความพอดี ย่อมส่งผลในทางกลับกัน ดังที่เราประสบเคาะห์หามแห่กันอยู่ในขณะนี้
ในรายงานข่าวภาพ ข่าวเสียง ทางสื่อทุกชนิด ก็โปรยหัวข้อข่าวรายงานข่าวน้ำท่วมกันแทบวินาทีต่อนาที ภาพคนเดือดร้อน ทุกหัวระแหงที่น้ำท่วมไล่ดะมาจากทางเภาคหนือ ภาคกลาง ภาคอิสาน ใต้ และกรุงเทพ ต่างประสบภัยพิบัติกันทั่วหน้า ซึ่ง ณ เวลานี้ในช่วงปกติไร้อาเพทแล้ว ฤดู ฝนน่าจะชลอ เพราะเข้าสู่ปลายฝนแล้ว เพราะใกล้เดือนสิบ เดือนสิบเอ็ดน่าจะกำลังย่างเข้าสู่ฤดูหนาว แต่พี่น้องของพวกเราตอนนี้ กำลังหนาวตายเพราะสายน้ำ และตายสายฝน บางที่บางแห่งท่วมหลังคาบ้าน มิดบ้านท่วมเมือง บางพื้นที่ดินถล่ม คนหายล้มตาย โอ กรรมอันใดกันเล่า ที่กำลังส่งบทลงโทษแก่มนุษย์ผู้กระจ้อยร่อย แบบนี้
บางท่านก็บอกว่าต้องโทษมนุษย์นะแหละ ที่ไปทำลายธรรมชาติก่อน ตัดไม้ทำลายป่า จนผืนป่าโล่งเตียนไร้ต้นไม้อุ้มน้ำหุ้มดินในขณะที่ฝนตก รากไม้ไม่ได้ดูดซับน้ำไว้จึงเกิดภัยพิบัติเช่นนี้ ป่าสิ้นดินปกน้ำบ่มี ย่อมจะโอบอุ้มน้ำได้ฤาไฉน ก็อาจจะใช่ หลายคนหลายพวกหลายหมู่ดูเหมือนรู้เหมือนจะทราบถึงต้นเหตุแห่งปัญหา แต่ก็ขาดองค์กร หน่วยงานที่จะดำเนินการปกป้องผืนป่าอย่างจริงจัง ที่พอจะมีให้เห็นบ้างก็ล้มหายตายจากเพราะไปขวางอิทธิพล เจ้าพ่อ เจ้าแม่ และพวกที่ตั้งตัวเป็นเจ้า ที่หาประโยชน์จากทรัพยากรของชาติ ดังเช่นเข่นฆ่า สืบ นาคะเสถียร บุรุษที่ป้องป่า คนดีบรรลัย คนร้ายเถลิงถลุง ว่าไหมท่าน และอีกประการหนึ่งนั้นเป็นเพราะประชากรชาวโลกกำเนิดเร็ว เพิ่มจำนวนปริมาณกันหัวสลอน จึงต้องยื้อแย่งกันกิน แย่งที่พักอาศัย แย่งผืนดิน จนต้องไปเบียดบัง ฉกฉวยเอามาเป็นของตัวเอง แบบรักตนเองก่อน และก่อให้เกิดกระบวนการทำลายธรรมชาติ ทรัพย์สมบัติของชาติ
แล้วนี่จะเรียกว่า กงเกวียนแห่งกรรมได้ไหม กรรมที่มนุษย์ไปทำเขา(ธรรมชาติ)ก่อน เขาจึงทวงเอาคืน หรือเป็นเรื่องปกติของกรรมมันจะเป็นแบบนี้แหละปลงเสียเถิด ออย่าตระหนกใดๆ แต่ทว่าเราๆคงต้องตระหนกกันแล้วละ เห็นไหม ได้ยินไหมนั่น ข่าวพายุ ข่าวแผ่นดินทรุด น้ำท่วม ภูเขาไฟคุกรุ่นรอระเบิด ความผิดปกติของอากาศ ผืนน้ำท้องทะเล อุณหภูมิโลก ตอนนี้ กำจายขยายไปทั่วทุกภูมิภาคของโลกไปแล้ว...เฮ้อ ทำอย่างไรดี..ละคร๊าบเพ่น้อง......งงงงง
งั้นก็คงต้องช่วยเหลือเผื่อแผ่ กัน มีน้ำใจต่อกันในภาวะยามยากแบบนี้ คงไม่มีอะไรดีกว่า คำปลอบใจ ปลอบขวัญ ช่วยเหลือบรรเทาอาหาร หยูกยา เครื่องนุ่งห่ม และสิ่งของจำเป็น
กิ่งโศก มักจะโทรศัพท์กลับไปบ้านเกือบทุกวัน สอบถามสถานะการณ์ทางบ้านที่ต่างจังหวัด ว่าฝนตกหนักไหม น้ำท่วมหรือยัง ? คำตอบจากทางญาติพี่น้องคือ ฝนมันตกทุกวัน น้ำท่วมแล้วแต่ท่วมแถวตัวอำเภอ บ้านกิ่งโศกไม่ท่วมเพราะอยู่ที่สูง รายรอบด้วยภูเขา บางหมู่บ้านอยู่ใกล้ภูเขาก็ระมัดระวังเป็นพิเศษเกี่ยวกับอันตรายดินสไลด์ถล่ม ถนนที่ชิดเลียบไปตามไหล่เขา จะมีความเสี่ยงมาก ไม่ว่าเป็นหินเป็นดินถล่มลงมาปิดเส้นทางตามถนน ซึ่งข่าวตอนขณะนี้ที่จังหวัดของกิ่งโศกคือ จังหวัดพิษณุโลก ก็ยังคงประสบน้ำท่วมกันอยู่ แม้ว่าในภอหนึ่งของจังหวัด ได้ถูกยกให้เป็นรูปแบบการจัดการเกี่ยวกับน้ำท่วมว่ามีระบบการป้องกันได้ดีเลิศ คืออำเภอบางระกำ หรือรัฐบาลตั้งชื่อแสนจะเก๋ไก๋ว่า บางระกำโมเดล.(มันช่างน่าภูมิใจ????) .แต่ขอโทษครับ ตอนนี้พี่น้องในจังหวัดกิ่งโศกไม่ว่าจะเป็นอำเภอใด ตำบลใด หมู่บ้านใดที่โดนภัยน้ำท่วมก็ยังคงได้รับความเดือดร้อนอยู่ การช่วยเหลือจากรัฐก็พอจะมี แต่ยังไม่เพียงพอ..แถมดันมีผีมางุบงิบกันอีก เฮ้อ หากินบนความทุกข์ของคน..
น้ำท่วม ขณะก่อนจะท่วมก็ ต้องรีบตาลีตาเหลือกขนย้ายข้าวของหนีกันเสียหาย หรือหนีตาย .....ขณะกำลังท่วมก็ยิ่งมากกว่าหนีตาย ดวงตาคงเบิกโพลง ......หลังน้ำท่วม คงจะมีแต่ตายอดตายอยากแน่..ดวงตาคงจะมีแต่แววไร้สิ้นหวัง กิ่งโศกไม่อยากพบสภาพแบบนี้ เลย ...
งั้นช่วงนี้หากจะฟังเพลง ต้องเพลง น้ำท่วม เพราะจะเข้าทันเหตุการณ์ได้พอดี ยิ่งฟังแบบต้นฉบับแล้วจะให้อารมณ์ได้ดีนัก เสียงฟ้า เสียงฝน คำตัดพ้อ ของหนุ่มสาว เรื่องฝนแล้ง น้ำท่วมอันไหนแย่กว่ากัน ไม่ว่าจะน้ำท่วม ฝนแล้ง ในเพลง ชวนให้คิด จนยุคหนึ่งในอดีต ต้องมีโครงการอิสานเขียว แสดงว่า ความพอดีไม่เคยมาแบบถูกจังหวะ เวลามาท่านก็มามาก เวลาไม่มาท่านก็หายศรีษะไปซะงั้น 55 ( บ่นกับความที่เรียกว่า พอดี หน่อยครับ)
มา..มะ..มาฟังเพลง อย่างน้อยความเครียดเกี่ยวกะน้ำท่วมอาจบรรเทาลงได้บ้าง กับจังหวะเศร้าๆ เสียงเก่าๆ แนวลูกทุ่งโบราณ ศรคิรี ศรีประจวบ ผมก็ไม่แน่ใจว่าคุณศรคิรี เป็นคนประจวบปรือเปล่า รู้แต่ว่าจำความได้ เพลงเขาดังกระหึ่ม หลายเพลงมาก แต่น่าเสียดาย ดาวดวงใหม่ใน วงการเพลงจำต้องจบชีวิตลง.ในระยะสั้น..เชิญทุกท่านรับฟังได้ขอรับ
เพลง น้ำท่วม ศิลปิน ศรคีรี ศรีประจวบ น้ำท่วมน้องว่าดีกว่า ฝนแล้ง พี่ว่าน้ำแห้ง ให้ฝนแล้งซ่ะยังดีกว่า น้ำท่วมปีนี้ทุกบ้านล้วนมีแต่คราบน้ำตา พี่หนีน้ำขึ้นบนหลังคา น้ำตาไหลเคล้า สายชล น้ำท่วมใต้ฝุ่นกระหน่ำซ้ำสอง เสียงพายุก้อง เหมือนเสียงของ มัจจุราชบ่น น้ำท่วมที่ไหน ก้อต้องเสียใจด้วยกันทุกคน เพราะต้องพบกับความยากจน เหมือนคนหมดเนื้อสิ้นตัว บ้านพี่ก็ถูกน้ำท่วมเหมือนกัน ที่ประจวบคีรีขันธ์ เหมือนกันไปทุกครอบครัว พื้นนาก้อล้มไร่แตงก็จมเสียหายไปทั่ว พี่จึงเหมือนคนหมดตัว หมดตัวแล้วนะแก้วตา น้ำท่วมพี่ต้องผิดหวัง ชอกช้ำ พี่คิดเช้าค่ำ ปล่อยให้น้ำท่วมตายดีกว่า น้องอยู่บ้านดอนช่างไม่อาทร ถึงพี่สักครา ไม่มาช่วยพี่ซับน้ำตา ไม่มามองพี่บ้างเลย
๏ อุทกอ่วมท่วมอั่งสะพรั่งอ้า- สายน้ำบ่าบั่นกร้าวขึงราวโกรธ แรงอารมณ์ร้ายฤทธิ์พิษพิโรธ คลั่งสีขุ่นแดงโชติกำหนดชู ๚ะ๛ ๏ อุทกอ่วมท่วมถ้วน ........ สารทิศ อาเพทเหตุนิมิต ............. นั่นแม้น พิโรธโกรธขึ้งผิด- ......... ผีผลัก ผูกเนอ ลุทะลายรุกแค้วน .......... พินาศเข้าพังครืน ๏ รินรินหล่นล่วงล้าง ...... รานรอน ฝนฝากฝักใฝ่ฟอน ......... ฟัดฟุ้ง นองเนืองเนื่องน้ำนอน ....... นั้นแน่ คลาคร่ำครืนครื้นคุ้ง .......... คละคล้าค่อนครวญ ๏ เสียงหวนชวนไห้เฉก ...... โศกครวญ ฟ้าร่ำพร่ำโหยหวน .............. ฮึ่มฟ้า สั่งอสุนีสรวล ............... คำรณสั่ง ทัณฑ์พาดจรัสจ้า ............ เนตรจ้องผยองหยัน ๏ อนันต์อเนกด้วย ......... บาปนำ แรท่วมร่วมถลำ ............. ถก-รั้ง ยิ่งถ่างยถากรรม .......... ผู้ก่อ พอกนา บ่เกิดเปิดกองตั้ง ......... แก่นห้องกรรมเห็น ๏ เข็ญใดไคล้ดื่นเคล้า .... แดขม ทะท่าวทบระทม ......... ระทดท้อ มลายพ่ายพิษพรม ......... พร่องเหือด แห้งเฮย เพียงประทานผ่านข้อ .......... พิสุทธิ์ขั้นศานติ์สรวง ๏ บำบวงปวงเทพเบื้อง...... บันสถาน ทิพย์แฮ มาดบัดพลีดวงมาน ........... มอดไหม้ บูชิตฮีตคองกาล .......... สืบก่อ ชนม์เนอ จุ่งเสพสังเวยไซร้ ......... เซ่นว้างสร่างเวร ๚ะ๛ + กิ่งโศก +
ขอบคุณภาพ เส้นคั่น จากอินเทอเนต
.....วัน เดือน ปี ที่ผันผ่านไปในแต่ละช่วง แต่ละห้วง แต่ละคาบ ภาวะอุบัติของเหตุการณ์ที่บังเกิดขึ้นทุกวินาทีผลุดผ่านสายตาเราๆไป ดูช่างมีมากมายยิ่ง ในชั่ววันๆหนึ่งนั้น หากจะจับจ้องมองหาเหตุเฉพาะที่เกี่ยวข้องกับตัวเองนั้นจะพบว่ามีมากมายหลายเรื่องราว นับตั้งแต่ลืมตาตื่นยามเช้าตรู่ อาบน้ำแต่งตัวไปทำงาน วุ่นวายกับหน้าที่และไม่ใช่หน้าที่ และจากนั้นก็กลับบ้านเมื่อหมดเวลาทำงาน ดูแล้วมันก็ช่างวกเวียนวนอยู่แบบนี้เป็นหลายรอบหลายวงเหลือเกินกับเส้นชีวิตแบบวงจรเยี่ยงนี้
....ทำไมเราต้องทำแบบนี้ อยู่แบบนี้ เคยนึกถามตัวเองบ่อยๆเหมือนกัน คำตอบก็โผล่ปุ๊บทันทีว่าเพราะอยากมีชีวิตที่ดี อยากสบาย อยากมีทรัพย์สินเงินทอง อยากมีโน่น อยากมีนี่ สารพัดสารพัน อืม..จะว่าไปเงินทอง แม้เป็นของนอกกาย แต่ในยุคปัจจุบัน มันกลับคือเทพเจ้าที่มีความสำคัญอันดับแรกในการบันดลบันดาล เสกสร้างสสรรพสิ่งที่เราต้องการได้ หากเราไม่มีเงิน ชีวิตจะดำเนินไปอย่างไร เพราะชีวิตมีความจำเป็นต้องใช้เงินซื้อสิ่งของบำรุงหล่อเลี้ยงกายสนองกิเลสความต้องการ เมื่อสมกาย จิตใจย่อมผ่องใสตาม ...ดังนั้นคำสุภาษิตไทย ที่บอกว่า มีเงินนับว่าน้อง มีทองนับว่าพี่ นั้นคงเหมาะ กับเหตุการณ์ช่วงนี้ ของบ้านเรามาก ดูราคาทองคำสิจะแตะบาทละสามหมื่นเสียให้ได้ เมื่อครั้งกิ่งโศกยังตอนเด็กๆ เล็กมาก เคยเห็นคนมาซื้อทองที่เป็นแหวน เป็นสร้อยคอ ตามหมู่บ้านจะให้บาทละ เจ็ด แปดร้อย นั่นก็ดูว่ามากโขอยู่...แต่ตอนนี้ต้องร้องโอ้โห ปากค้าง ไปแล้วเรา
.....กลับมาเหตุปัจจุบันในช่วงข่าวน้ำท่วมที่กำลังกระหน่ำเมืองเรา ผู้คนเดือดร้อนเกือบทุกจังหวัด ภาครัฐภาคเอกชนก็ให้การช่วยเหลือผู้เดือดร้อนกัน ระดมสิ่งของเครื่องใช้ และตอนนี้เขาได้สิ่งที่ช่วยเหลือเป็นสิ่งของ ก็พอเพียงแล้ว แต่ที่ต้องการตอนนี้คือ เป็นเงิน เพราะเงินย่อมแปรสภาพเป็นอย่างอื่นได้มากกว่า จากคำสัมภาษณ์ทางทีวี ....นี่แหละความสำคัญของเงินตรา ทุกผู้ทุกคนจึงต้องแสวงหากัน ทุกวิถีทาง เรียกว่าทั้งทางตรงและทางอ้อม ......ทุกๆเดือน ในวันใกล้วันหวยออก จะเห็นสื่อทางทีวี หนังสือพิมพ์ ออกข่าว มอมเมากัน เรื่องการขอหวย จากสิ่งลึกลับ สิ่งแปลกๆ กราบไหว้ ปู ปลา จิ้งจก ตะกวด ต้นไม้ สารพัด กิ่งโศกก็ใช่ว่าจะเห็นด้วยแต่อย่างใด เพราะสื่อควรมองผลสะท้อนของการสื่อสู่สาธารณะนั้นมันกระจายไปทั่ว มันจะยิ่งปลุกฝังความเชื่อแบบนี้ในเชิงมอมเมามากไป หวยนั้นกิ่งโศกยอมรับว่ามันถูกนับประกอบเป็นส่วนหนึ่งของวิถี ของการดำรงค์ชีพของคนไทยไปแล้ว คือมีลุ้นเดือนละ สองครั้ง แต่ก็ควรจะให้พอเหมาะพอควร...นี่ก็น่าจะเป็นวิธีหาเงินทองในทางลัดอีกวิธีหนึ่งที่มีอัตราความเสี่ยงสูงในการถูกรับประทานเมื่อมองในมุมทฤษฎีความน่าจะเป็น แต่คนก็ยังลุ้นกันทุกงวด ทั้งบนดินใต้ดิน
..ในอดีตที่ผ่านมาในในวิถีหมู่ชนชาวไทยนั้นก็มักจะชินกับการกราบไหว้ บูชา สิ่งศักดิ์สิทธิ์ ที่เรานับถือ คงนับมาจากเชื้อสายบรรพบุรุษของเราแต่โบราณที่ปลูกฝังความเชื่อผ่านรุ่นสู่รุ่น ไม่ว่าประเพณีทางจิตวิญญาน ลัทธิผีบ้านผีเมือง ผีบรรพบุรุษ เจ้าป่าเจ้าเขาหรือความเชื่อเกี่ยวเทว เทพต่าง ๆในลัทธิพราหม์ ตลอดจน พุทธศาสนา โดยที่ความเชื่อเหล่านี้ทั้งหมดคลับคล้ายว่า จะถูกหล่อหลอมรวมจนเกือบแยกไม่ออกว่าอันไหนของศาสนา หรือลัทธิใดไปแล้วกับคนไทย แต่นั่นก็คือความศรัทธาและความเชื่อ ที่อยู่บนฐานแห่งความเคารพ และความศรัทธา
ดังนั้นสิ่งที่เราพบเห็นในปัจจุบัน การจุดธูปไหว้ บวงสรวง แก่สัตว์ ต้นไม้แปลกๆ ที่พบเห็นและเชื่อว่าให้โชคให้ลาภ จึงดูว่าจะผิดเพี้ยนไปมาก และคนปัจจุบันกลับมองว่าเป็นเรื่องปกติกันไปเสียแล้ว
.....ไหนๆ ก็ไหนๆ กิ่งโศก มาชักชวนจุดธูป ไหว้พระกันนะครับ อธิฐานบนบานกันตามสะดวก อย่างน้อยการไว้พระก็คงจะพอเตือนอนุสติของเราได้บ้าง ...ร่วมกันผดุงความดีด้วยการเริ่มตั้งแต่รู้สติกันครับ แล้วดำเนินประกอบสัมมาชีพด้วยสุจริต ..คราวนี้หาเพลง เข้ากับเนื้อหาหน่อยๆ เพลงเซียมซีเสี่ยงรัก ..กิ่งโศกชอบต้นฉบับ ของสมยศ ทัศนะพันธ์ เพราะชอบน้ำเสียงโทนเสียงต่ำ มีจังหวะทิ้งคำ หรือทอดคำ ชวนน่าทึ่ง..แต่เพลงที่นำเสนอ ขอฟังเสียงทายาท ของสมยศ เขาร้องแทน ผมว่าก็พอฟังได้ครับ อีกอย่าง..ไม่อยากถุกต่อว่า ..ว่า..กิ่งโศกขุดเพลง มาแต่สมัยไหนนะ 55 เชิญรับฟังกันได้ครับ
เซียมซีเสี่ยงรัก กรองทอง ทัศนะพันธ์ เซียมซีเสี่ยงรักทักทำนายว่า ใบที่เก้านั่นหนาชีวิตเกิดมาเหมือนฟ้ามืดมน สูญสิ้นความหวังกระทั่งคนรัก อับ จน ขาดชู้ราหูเข้าดล จำทนเศร้าหมองมิคลาย เซียมซีที่หวังคงขลังดังว่า เธอจึงไม่เมตตา ยามทุกข์โศกมาร้างลามลาย หลงสู้ถนอมยอมมอบชีวิต เคียง กาย แต่แล้วก็ยังไม่วาย กลับกลายดวงใจร้างลา สองมือพนม สุดจะน้อมก้มกราบขอ หวังใจให้จ้าวพ่อ เซียมซีจงมีเมตตา ช่วยดลใจเขา เฝ้ารักคงมั่นอุรา ให้ คืน กลับมาสมเป็นแก้วตาดวงเดียวแท้จริง ..เซียมซีแผ่นนี้แม้นเป็นของใคร คงจะกลุ้มจิตใจยามรักจากไปเขาคงประวิง เหมือนดั่งความฝันเรามั่นคอยรัก แอบ อิง ผิดพลั้งยังมาทนนิ่ง ไม่จริงดังคำสัญญา ..สองมือพนม สุดจะน้อมก้มกราบขอ หวังใจให้จ้าวพ่อ เซียมซีจงมีเมตตา ช่วยดลใจเขา เฝ้ารักคงมั่นอุรา ให้ คืน กลับมาสมเป็นแก้วตาดวงเดียวแท้จริง ..เซียมซีแผ่นนี้แม้นเป็นของใคร คงจะกลุ้มจิตใจยามรักจากไปเขาคงประวิง เหมือนดั่งความฝันเรามั่นคอยรัก แอบ อิง ผิดพลั้งยังมาทนนิ่ง ไม่จริงดังคำสัญญา
๏ อนุสติตั้ง ............... ตราเถิด รู้พ่อ อย่าเพ่อเผลอ-ยุดเพริด..... ย่ามพลั้ง กุมจิตกษณะเกิด ............. รุจิเรข ก่อแฮ โยงมั่นยอหมายยั้ง ......... พิโยคย้อยคล้อยเห็น ๚ะ๛ ๏ อนุสติพึงตั้งภวังค์แต่ง เติมเต็มพร่องพูนแหล่งอันแห้งหลอน ก่อยั้งผุดหยุดความฮึกห่ามคลอน เกิดสะท้อนแลทบเจียนจบทาง- ๏ ค่อยค่อยรินน้ำเอื้อซึมเนื้ออก ผลึกต้องจับตกเทินยกต่าง- พินิจเนื้อเยื่อใยเส้นใสบาง นั่นเห็นแก่นแท้กางกระจ่างเกลา ๏ หากมโนไร้สิ้นรินสะสม คงเหลือปมหุ้มเปลือกในเหยือกเปล่า เปลวกระตุ้นนิ่งตายฝ่อในเตา เหลือรูปเศษฝุ่นเถ้าถ่านเก่าทอ ๏ เถอะเก็บออมหลอมค่าปัญญาคิด สะสมน้อยมากนิดผลิตหน่อ ภูมิสติเต็มการผสานกอ ย่อมต้านแรงรั้งถ่อระย่อย้ำ ๏ จำเริญสติตั้งภวังค์แต่ง เฉกกำแพงปกหนาป้องกระหน่ำ คุมโมหะหน้างอต้นศอง้ำ สงบเงียบเทียบสัมพุทธะทรง ๚ะ๛ + กิ่งโศก +
วันๆ นอกจากยุ่งกับงานแล้ว หากพอมีเวลากิ่งโศกก็จะมักมองหาหนังสือในชั้นวางหนังสือข้างห้องมาอ่าน วันนี้หยิบอ หนังสือแนวประวัติศาสตร์ชาติไทย คำให้การคนกรุงเก่า ฟังชื่อหนังสือก็ชวนฝันแล้ว
เพิ่งเปิดได้อ่านคำนำ ก็ชวนหนังตาหนักเสียแล้วสิกิ่งโศก แต่ด้วยอยากรู้ เพราะได้ยินมานานแล้วไม่เคยรู้เห็นสักทีอยากทราบว่ามันเป็นยังไง แล้วพวก คำว่าพงศวดาร กับประวัติศาสตร์มันเหมือนกันยังไง ต่างกันตรงไหน แลอยากเห็นย้อนความเป็นมาของอดีตชนชาวสยาม เพราะเรามีแต่ตำราเรียนที่ปลูกฝังมาแต่เด้ก อยากทราบข้อเท็จจริง ครั้นอ่านคำอธิบาย ที่เขียนจารด้วยถ้อยโบราณ ที่คัดลอกจากต้นฉบับ โอ..งั้นพับไว้ก่อน กลัวเจอ แบบหนังสือท้าวฮุ่งขุนเจือง ..ขนาดแปลบทโคลงเป็นอักษรไทย ยังยากจะเข้าใจ หุหุ
เอาเป็นว่าขอเก็บอักษรนอน พับไปกับเล่มหนังสือวางไว้บนหัวนอนก่อน แล้วส่งความคิดนึกฝันประมาณการเนื้อหาหนังสือวิ่งโยงย้อนความไปไกลเชียว พร้อมๆสายตาก็เหลือบดู แม่ประยง กุลสตรีชาวสยาม เทียบเคียงกะแม่มณี ผู้กระโดกกระเดกในจอทีวี ทวิภพเคยอ่านจบ ด้วยฝีมือป้าอี๊ดแนวพีเรียดรับประกันได้ ในถ้อยคำที่ใช้นับว่าน่าทัศนานักละขอรับ
ความฝันของทุกผู้ทุกคนย่อมมีสิ่งที่เรียกว่าฝันเหมือนกันทุกคน เพียงแต่ภาพก็แตกต่างกันไป ความฝันย่อมมีขึ้นทั้งยามหลับและยามตื่น ภาพจินตนาการ ผลุดลอยคว้างกลางอากาศธาต เมื่อยามเราปล่อยจิตให้ล่องลอยในขณะหลับไหล หรือเหม่อมองในยามตื่น ความฝันแท้จริงคือความคิดที่ไม่สามารถจับต้องได้ ภาพในความฝันย่อมอยู่ที่จิตใจพะวง หรือหวนคำนึงระลึกอยู่เสมอ จึงลอยวนเวียน คอยกระตุ้นให้เห็นในมโนอยู่เป็นนิจ สิ่งเหล่านี้น่าจะเรียกว่าภาพในฝันได้กระมัง
บางคนฝันดี บางคนฝันร้าย สมัยโบราณ มีโหรา หรือโหรคอยทำนายฝัน แลมีคนเชื่อถือยิ่ง และหากไปทำนายทายทักดวงชะตาบ้านชะตาเมือง นับว่าทรงอิทธิพลเหนือจิตใจคน แม้ในยุคปัจจุบันก็เถอะ ยังมีการทำนายทายทักยึดเป็นอาชีพร่ำรวยกันไปก็มากมี
วันนี้ กิ่งโศกอาจพาเพื่อนๆ ไปแบบเรื่อยเปื่อยไร้สาระ หรือหาความมีสาระแทบไม่มี ก็ให้ถือเสียว่าได้มาทักทายกันในฐานะมิตรสหายพร้อมเป็นการสร้างความคุ้นเคยกันให้แน่นแฟ้นอีกก็แล้วกันนะขอรับเพื่อนๆ ทั้งหลาย
งั้นลองมาฟังเพลงเก่าๆ เคล้าบรรยากาศย่ำรุ่ง ประมาณว่าอยู่ริมองทุ่งนา สัมผัสไอดินกลิ่นโคลนนผสานความหวานๆ ของน้ำเสียงของนักร้อง เจือซ่านอารมณ์พอเป็นกระษัยกันสักกะนิ๊ดนะครับ....ในฝันครับ...เพลงนี้คนวัยสามสิบห้าอัพคงพอไหว 55
ในฝัน ทูล ทองใจ .หากฝันว่าฉันและเธอ ละเมอความรักร่วมกัน ทุกๆ วันแสน สุขฤทัย ...หากความรักนั้นหนักเหลือ แนบเนื้อเชื้อ รักดังไฟ ฉันขอตายบน ตักนาง ...หากเราได้รักร่วมกัน ผูกพันกระสันแน่นเหนียว ขอรักเดียวไม่ จืดและจาง ...หากเป็นดั่งเช่นที่หมาย จะตายฉัน ไม่ขอห่าง ขอรักนางเนื้อนวลแน่นอน ...มอบ ใจ และกาย ทุกสิ่งมั่นหมาย ถึงตัวตายไม่คลายรักก่อน ...สู้ ทน อ้อนวอน ยอมฝันแม้ยามหลับนอน ทนกอดหมอน นานมา ...หากฝันฉันไม่หลอกหลอน ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจปรารถนา ...หากเป็นดังเช่นที่หมาย จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน .หากฝันฉันไม่หลอกหลอน ตื่นนอนคงพบหน้าน้อง สมดังปองใจ ปรารถนา ...หากเป็นดังเช่นที่หมาย จะตายฉัน ไม่นำพา ขอบูชาน้องนางแน่นอน
๏..ลำนำ นัยนิมิต? ..๏ ๏ นิมิตฉายป่ายแต้ม- .......... เต็มฝัน ลางเหตุเภทภัยบัญ- .......... ญัติไซ้ สำแดงส่อกระสัน .......... ฆาตชีพ มรณ์เฮย ฤาตริผลิตรองให้ .......... ห่อนต้องฮ้องเตือน ๚ะ๛ ๏ ในนิมิตแดงฉานดั่งม่านชาด ............. เวิ้งฟ้าเปื้อนเปลวปาดแต้มพาดปก- คลุมขยายคล้ายควันมวนนรก ............. ทุกขุมย่างก้าวยกแย่งโบกยื้อ ๏ บ้างทะยานจังก้าตั้งท่ากัด ............. บ้างแลบลิ้นปลิ้นซัดสายตาสื่อ ตะกุยกางกรงเล็บฉีกเหน็บรื้อ- .............. ม้างด้วยมือถือโยนเถือป่นใย ๏ ผงกหัวโผล่หางอำพรางเห็น ............ มิหมายหลบหลีกเว้นรุกเร้นไหว อวดเดชาเถอะชาติจตุบาทไพร- ........... เถื่อนโดนโหนสิ่งใดบรรลัยนี้ ๏ จะแทงจ้วงล้วงท้องให้ร้องท่าม- ......... ระโหยโรยจนคร้ามขย้ำขี่ โชนฉายไหม้สุมชักประจักษ์ชี้ .......... เพลิงกองก่อเวรีบีฑาทัศ ๏ สาธุชนลุแทรกชำแรกซุก- ............. ซ่อนร่างขลุกหลืบคาใต้ฝาขัด ประนมกรท่องว่า-มนตราวัตร ............. จำศีลป้องโบกปัดหวังพัดปม ๏ โอมอสูรบัดพลีเลือดสีคล้ำ .............. อัญเชิญเสพรสฉ่ำอันล้ำฉม โรหิตหลั่งรินหยาดเบื้องบาทยม ........... วิญญานรอผลุดล้มร่างโน้มลา ๏ ขอฝันร้ายกลายดีดังที่กล่าว ......... บุราณจารขานสาวเรื่องราวสา- ทกสะท้อนให้ผ่านดั่งธารพา- ............ พัดไหลล้นโพ้นหล้าสุดฟ้าเลย ๚ะ๛ + กิ่งโศก + ๕ กันยายน ๒๕๕๔ ขออนุญาต ครูแก้ว ขอเขียนเกินกรอบ แต่ไม่นอกกรอบครับครู
Calendar
Lovers
22 คน เลิฟกิ่งโศก
Lovings
กิ่งโศก เลิฟ 33 คน
หน้าส่วนตัว
2456
