12 มิถุนายน 2554 23:13 น.

ทางรัก ทางร้าง

คนกรุงศรี

สนธยา ฟ้าหม่น จนรู้สึก
เพราะส่วนลึก ที่เก็บ คล้ายเจ็บหนัก
แสงสีเทา เหงาเงียบ เย็นเยียบนัก
ได้ประจักษ์ รูปนาม ของความทุกข์

เมื่อรักแล้ว ก็พร้อม เพื่อยอมรับ
แลกกันกับ นิยาม แห่งความสุข
ผ่านวันคืน โศกเศร้า เริ่มเร้ารุก
จึงปลอบปลุก ใจที่ มีพันธะ

อนาคต วาดวาง ทางชีวิต
พรหมลิขิต ท่านลี้ หลีกหนีผละ
ให้เราอยู่ ไกลห่าง ต่างวาระ
มิเคยจะ ได้พบ หรือสบพักต์

ทางที่เดิน เดียวดาย กายรันทด
แต่ไม่หมด แรงใจ ให้ยึดหลัก
แม้เป็นเพียง เงาแสง แห่งความรัก
ยังแน่นหนัก ทุกช่วง ห้วงความคิด

มอบน้ำใจ ไมตรี ไม่มีหยุด
บริสุทธิ์ พราวพร่าง กลางดวงจิต
ทุกถ้อยคำ ย้ำเตือน เหมือนใกล้ชิด
เป็นมิ่งมิตร มากค่า คณานับ

อยู่ในความ ทรงจำ อันล้ำลึก
ปิดผนึก เนิ่นนาน ชั่วกาลกัปล์
ตราบใดที่ กายใจ ไม่ยอมรับ
คงประทับ ฤทัย แม้ไกลลิบ				
12 มิถุนายน 2554 22:56 น.

ทางรัก ทางเลือก

คนกรุงศรี

สนธยา ฟ้าหมอง นั่งตรองคิด
มันถูกผิด หรือไร ใจวิตก
ก็สับสน อยู่ท่าม ความเวียนวก
เหมือนโกหก ตัวเอง เกรงเกิดทุกข์

ความจริงใจ ให้กัน นั้นมั่นนัก
ด้วยยึดหลัก รักจริง สิ่งก่อสุข
แต่มโน โต้ถาม เหมือนลามรุก
ว่าซ่อนซุก สิ่งใด ใหส่วนลึก

อนาคต มองไป แลไกลลิบ
ยากจะหยิบ มาครอง เมื่อตรองตรึก
สารพัน ปัญหา ถ้าจะนึก
ความรู้สึก อาทร ย้อนสมทบ

อยากจะมอบ สิ่งดี ที่ควรรับ
เหมือนกันกับ ที่ใคร ได้ประสพ
เพราะเนิ่นนาน นักหนา กว่าจะพบ
พรหมท่านหลบ ลิขิต ผิดวาระ

ยังเผชิญ เดินไป แม้ไร้จุด
หรือว่าหยุด แล้วเรา ก้าวถอยผละ
เธออาจพบ สิ่งดี กว่านี้นะ
เพียงแต่จะ รับไหม ให้พินิจ

ความเมตตา ปรานี ไม่มีหมด
อย่ารันทด เธอนี้ ยังมีสิทธิ์
สามารถวาด แนวทาง วางชีวิต
พูดเพราะจิต ของฉัน นั้นยังรัก				
11 มิถุนายน 2554 22:58 น.

คนใจหิน

คนกรุงศรี

เคยปลอบใจ ใครอื่น ที่ขื่นขม
อย่าโศกตรม ข่มจิต จงคิดมั่น
ความรักมี กติกา ต้องฝ่าฟัน
ยิ่งนานวัน ยิ่งหอม น่าดอมดม

ความเข้าใจ ให้กัน มิผันเปลี่ยน
หมั่นพากเพียร แผ้วถาง ทางสวยสม
เมื่อก้าวเดิน เพลินตา สุขอารมย์
อาจทุกข์ตรม แต่เรา ต้องเข้าใจ

รักคือคำ ย้ำอยู่ มิรู้สิ้น
หูแว่วยิน ยังมั่น มิหวั่นไหว
แม้เส้นทาง ที่ก้าว จะยาวไกล
ก็มิใช่ เกินกับ รับความจริง

คิดว่าใจ แกร่งกล้า ดุจผาหิน
ไม่ถวิล กังวล ทนเฉยนิ่ง
รักของเรา ใครกล้า มาช่วงชิง
มิมีสิ่ง ใดจะ ต้อวระแวง

พอยินใคร อ้อนเธอ เพ้อผ่านคลื่น
แอบสะอื้น หวั่นไหว ใจแสลง
ฟังข้อความ ตามนัย ให้เคลือบแคลง
คอผ่าวแห้ง ใจเต้น ไม่เป็นที

ตั้งสติ ตรองตรึก นึกนึกนึก
ความรู้สึก วุ่นวาย กระไรนี่
ซับน้ำตา ที่ไหล มิให้มี
เป็นเช่นนี้ เพราะรัก เกินหักใจ				
11 มิถุนายน 2554 22:40 น.

หลับทั้งน้ำตา

คนกรุงศรี

รู้ไหมว่า ฉันเหงา เศร้ายิ่งนัก 
โอ้ที่รัก อยู่ไกล ไม่เห็นหน้า
ข่าวของเธอ เงียบหาย คล้ายจากลา
จึงอ่อนล้า หัวใจ ใกล้ขาดรอน

คิดถึงจัง คนดี ที่ห่วงหา
รักศรัทธา มอบให้ มิถ่ายถอน
หลับทั้งที่ มีน้ำตา ด้วยอาวรณ์
สุดสะท้อน กมล หมองหม่นใจ

ช่วงเวลา นาที ที่ผ่านพ้น
เจ็บเสียจน น้ำตา พร่ารินไหล
ขอบฟ้าเป็น กำแพง แกร่งเพียงใด
หรือจึงไม่ พานพบ ประสพกัน

กับบทเพลง ทุกข์ท้น ของคนเหงา
ดังแผ่วเบา กังวาล สู่ลานฝัน
พร้อมดวงใจ ดวงน้อย ร้อยรำพัน
และถ้อยคำ จำนรรจ์ ว่ามั่นคง

จะครอบครอง รักกัน จนวันสิ้น
จบชีวิน มาถึง จึงลืมหลง
ตราบใดที่ ชีวิต มิปลิดปลง
ฉันยังคง ยึดมั่น ในสัญญา

รู้ไหมว่า ฉันเหงา และเศร้าหมอง
น้ำตานอง รินหยด รดใบหน้า
เพราะฉันไม่ ได้เป็น คนเย็นชา
โปรดรู้ว่า ฉันนี้ มีเพียงเธอ				
4 มิถุนายน 2554 23:48 น.

เจ็บปวด

คนกรุงศรี

เมื่อฟังข่าว คราวใด ใจเจ็บปวด
เรื่องตำรวจ จับยาบ้า มหาศาล
สิ่งเสพติด มากมาย หลายรายการ
ที่ส่งผ่าน เข้ามา ค้าในเมือง

มีผลิต กันเอง มันเก่งกล้า
เรามองว่า กฎหมาย ไม่ได้เรื่อง
เคยฟังข่าว รับรู้ อยู่เนืองเนือง
เหมือนฟูเฟื่อง ธุรกิจ ผลิตยา

ไอ้คนสั่ง นายใหญ่ อยู่ในคุก
นี่มันยุค สมัย อะไรหว่า
คุกบ้านเรา มีไว้ ทำไมนา
ถูกงินตรา ฟาดหัว จึงชั่วตาม

มีตัวบท กฎหมาย ไม่ศักดิ์สิทธิ์
คนทำผิด มันถึง จึงใจย่าม
กับคนถือ กฎหมาย ก็ใจทราม
เห็นดีงาม ปล่อยไป ไม่ใยดี

ยาเสพติด ปราบกัน มันยากไหม
เมื่อจับได้ ลงทัณฑ์ มันเต็มที่
คนชั่วช้า อยู่ไป ทำไมมี
ลองวิธี นี้หน่อย แล้วคอยดู

รัฐบาล ของใคร ทำได้หนอ
คิดแล้วท้อ รอไป ใจหดหู่
เกิดร่วมคน น่าชัง อายจังกู
มิอยากอญุ่ ร่วมชาติ คนทาสเงิน				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี