9 พฤษภาคม 2554 22:15 น.

ในใจ

คนกรุงศรี

มิอยากหวัง ดั่งใน ใจประสงค์
ทุกอย่างคง เปลี่ยนแปร แน่เสมอ
หลายเหตุการณ์ ผ่านผัน นั้นเคยเจอ
เพราะพลั้งเพลอ ก้างย่าง อย่างจริงใจ

ผิดเป็นครู รู้กฎ จดจำมั่น
ยิ่งนานวัน รู้จริง สิ่งเหลวไหล
โลกที่กว้าง ย่ำเดิน เผชิญไป
จะเชื่อใคร เขาเล่า เท่าเชื่อตน

มิปล่อยจิต คิดไกล ไปกับฝัน
เพียงแบ่งปัน น้ำใจ ก็คลายหม่น
เหลือเชื่อจัง ยังที่ มีอีกคน
อยากเยี่ยมยล ลึกล้ำ สานสัมพันธ์

คบเป็นเพื่อน น้องพี่ ที่สัตย์ซื่อ
ขอนับถือ น้ำใจ ให้คงมั่น
อนาคต เป็นอย่างไร ไม่สำคัญ
คอยนานวัน บอกได้ เรื่องใจจริง

บาดแผลใจ ลึกล้ำ เกินกำหนด
จึงเก็บกด เอาไว้ ให้อยู่นิ่ง
ตัวตนเรา เป็นเสาหลัก เพื่อพักพิง
มิใช่หยิ่ง แต่สู้ เพื่ออยู่ยง

มองสังคม รู้ว่า มายาเยอะ
อาจไม่เจอะ สิ่งซึ่ง พึงประสงค์
โลกมันกลม ลอยวน หมุนเป็นวง
จึงเลิกหลง เพลิดเพลิน  จนเกินงาม				
5 พฤษภาคม 2554 21:37 น.

นิทานขรัวตา

คนกรุงศรี

เมล็ดพันธุ์พืช

นิทานเก่า เล่ามา ตาจำได้
พ่อค้าใหญ่ วัยชรา เก่งค้าขาย
แกมีลูก มากจริง ทั้งหญิงชาย
ครั้นแก่กาย เหนื่อยล้า หาคนแทน
       เรียกลูกมา ทั้งหมด จดจำนะ
       พ่อนี้จะ มอบสิ่งที่ มีค่าแสน
       พืชพันธุ์นี้ หามิได้ ในดินแดน
       หากใครแม้น ปลูกได้งาม ตามเวลา
จะยกทรัพย์ ให้ดูแล ตั้งแต่นั้น
พวกลูกพลัน รีบรัด เร่งจัดหา
เตรียมกระถาง ดินดี มีราคา
ต่างมุ่งหมาย หวังว่า งามกว่าใคร
       เมล็ดนี่ ดีแท้ แต่ขึ้นยาก
       ต้องปุ๋ยมาก บำรุงช่วย จึงสวยใส
       ถึงกำหนด เวลา มิช้าใย
        จึงนำไป ให้พ่อดู จะรู้กัน
พวกพี่พี่ ปลูกได้งาม ตามคาดหวัง
พวกเราตั้ง จิตใจ ไว้แข็งขัน
แม้ลำบาก มากล้น ทนกัดฟัน
พ่อค้านั้น ดูไป มิไยดี
       ลูกคนเล็ก ไม้ไม่ขึ้น ยืนหน้าพ่อ
       ฉันนั้นหนอ พยายาม ทำเต็มที่
       พ่อตอบว่า สิ่งสำคัญ เจ้านั้นมี
       ความซื่อนี้  แหละหนอ ...พ่อต้องการ				
1 พฤษภาคม 2554 22:15 น.

ไม้เท้าวิเศษ

คนกรุงศรี

นิทานเก่า เล่ามา ตาจำได้
เผื่อทำให้ ได้ตรอง ลองเล่าขาน
เหล่าเทวา อาศัย ในวิมาน
อยากตรวจการณ์ บรรดา ประชาชี

    ความเป็นอยู่ อุปนิสัย เป็นไงบ้าง
    จึงแปลงร่าง เป็นคุณตา มาถึงที่
    อยากดั้นด้น ค้นคว้า หาคนดี
    หมู่บ้านนี้ ดูท่า น่าทดลอง

พบชาวบ้าน ผู้หนึ่ง จึงเข้าทัก
อยากรู้นัก เหตุใด ไยหม่นหมอง
เอาเถอะนะ ข้าจะให้ เจ้าได้ทอง
หรือหวังปอง อะไร ให้บอกมา

    เอาก้อนกรวด วางไว้ ไม้เท้าชี้
    เปลี่ยนทันที เป็นทองคำ ที่ล้ำค่า
    ขอสักที ชี้ใหม่ ให้อีกครา
    ก้อนใหญ่กว่า นี้หนอ ขายพอกิน

พบทุกคน ก็เป็น เหมือนเช่นนี้
หาคนดี ที่ไหน ใจถวิล
พบฤๅษี ดูท่า น่ายลยิน
หยิบเอาหิน ก้อนใหญ่  ชี้ให้พลัน

    ฤๅษีเฉย บอกว่า หาอยากได้
    ถ้าก้อนใหญ่ กว่านี้ ดีไหมนั่น
    ข้าไม่อยาก ได้ทอง ของกำนัล
    ไม้เท้านั้น  แหละหนา ....ข้าต้องการ				
12 ธันวาคม 2553 14:37 น.

หนี้กรรม

คนกรุงศรี

นกขมิ้น บินร่อน ตอนโพล้เพล้
สุดว้าเหว่ เอกา น้ำตาไหล
ด้วยบิดร มารดา ท่านลาไกล
บินสู่ไพร เผชิญโชค โลกมายา

   ไร้คบคอน นอนหนาว ร้าวใจนัก
   หวังเพิงพัก เพียงแค่ แก้ปัญหา
   ต่อสู้ให้ ชีวี มีราคา
   เพิ่มคุณค่า ความดีงาม ตามครรลอง

เห็นขมิ้น บินร่อน อย่างอ่อนล้า
หลบเหยี่ยวกา พรานไพร หมายตาจ้อง
อยากช่วยเหลือ เพื่อให้ สมใจปอง
เป็นพี่น้อง ผูกพัน หลายวันคืน

  เพราะว่าบุญ หรือกรรม นะทำไว้
  แล้วมีใคร ป้องปัด หรือขัดขืน
  รับสภาพ น้อมนำ จำกล้ำกลืน
  ก็ยังยืน หยัดอยู่ สู้ความจริง

นกขมิ้น บินร่อน จวนค่อนแจ้ง
สิ้นเรี่ยวแรง รออรุณ อุ่นไอผิง
อะไรหรือ คือหลัก หมายพักพิง
หาสักสิ่ง มิได้ ช่างร้ายจัง

  กำหนดใจ ไว้รับ กับลิขิต
  ก็ตั้งจิต ปลอบใจ ไม่หันหลัง
  กรรมชาติเก่า เข้าท่วม ร่วมประดัง
  เถอะเอวัง เสียที .......นะหนี้กรรม				
4 ธันวาคม 2553 23:05 น.

หนี้กรรม

คนกรุงศรี

นกขมิ้น บินร่อน ตอนโพล้เพล้
สุดว้าเหว่ เอกา น้ำตาไหล
ด้วยบิดร มารดา ท่านลาไกล
บินสู่ไพร เผชิญโชค โลกมายา

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟคนกรุงศรี
Lovings  คนกรุงศรี เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงคนกรุงศรี