3 สิงหาคม 2547 17:21 น.

บอกข่าว...เล่าเรื่อง

สุชาดา โมรา

1.มีนิยายเกิดใหม่หลายเรื่องนะคะ  แต่ก็มีเรื่องหนึ่งที่มาจากประวัติบรรพบุรุษของข้าพเจ้าเองก็ช่วย ๆ กันอ่านนิดนะคะ  ตอนนี้ต้องกั๊กไว้ก่อนนะคะ  ชื่อเรื่อง  ไพร่ฟ้า...ข้าแผ่นดิน  ค่ะ
              2.เรื่องราวหลากหลายที่อ่าน ๆ กันบางเรื่องได้ตีพิมพ์แล้วนะคะ
              3.เพื่อน ๆ ที่ส่งเมล์มาสั่งจองหนังสือก็ขอบคุณมากค่ะ
              4.เพื่อน ๆ ที่เป็นสมาชิกแฟนคลับของพี่กอล์ฟและพี่โจ้ 2 หนุ่มขาโจ๋ที่ส่งเมล์มาหาและเขียน จม.มาหานะคะ  ตอนนี้สมนาคุณด้วยการส่งหนังสือเล่มโปรดของคุณน้องไปให้ก็เตรียมรับได้นะคะ...  
              5.เพื่อน ๆ ที่ต้องการเมล์มาหาก็ p_naja@hotmail.com , p_naja@hunsa.com, p_naja@sanook.com , p_naja@chaiyo.com ,  p_naja@yahoo.com นะคะ
              6.ถ้าใครต้องการเขียนจม.มาหาก็เดี๋ยวเมล์มาก่อนนะคะแล้วจะบอกที่อยู่ให้ค่ะ
              7.พี่ ๆ ที่มาจากหรรษานะคะไม่ต้องเสียใจนะคะส่งหนังสือไปให้เหมือนกันค่ะ  แล้วก็ที่ขอรูปมาก็แนบไปให้แล้วนะคะ
             ขอขอบคุณทุก ๆ คนมากค่ะ  ขอบคุณที่ติดตามผลงานมาโดยตลอดนะคะ...				
3 สิงหาคม 2547 17:01 น.

เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ ( ตอนที่ 12 )

สุชาดา โมรา

เฟี่ยว.....................
	เครื่องบินเคลื่อนตัวออกจากเมืองไทยไปยังประเทศที่ใกล้ ๆ อย่างฟิลิปปินล์  ฉันรู้สึกทั้งตื่นเต้นและก็กลัวการขึ้นเครื่องครั้งแรกมาก ๆ เพราะปกติฉันเป็นโรคกลัวความสูง  แต่เมื่อเครื่องบินลอยอยู่กลางอากาศฉันมองดูหมู่ละอองเมฆแล้วก็สุขใจ  มันสวยมากทีเดียว  พี่ ๆ ที่มากับฉันก็นิสัยดี  พูดคุยกับฉันตลอดเวลา  ที่จริงฉันก็เป็นคนคุยเก่งแต่เมื่อมาอยู่กับคนที่ไม่รู้จักก็ไม่กล้าคุยกับเขา  แต่พอเขามาแนะนำตัวมาชวนฉันคุยฉันก็เลยปล่อยตัวจริงของความขี้โม้ออกมาจนได้
	เมื่อเดินทางมาถึง  ครั้งแรกที่ได้เหยียบแผ่นดินใหม่ก็มีความรู้สึกขนลุกซู่ขึ้นมาทันที  ฉันตื่นเต้นมาก ๆ เหมือนบ้านนอกเข้ากรุงทีเดียวแต่ก็ต้องเก็บอารมณ์เอาไว้เพราะเดี๋ยวเขาจะรู้ว่าไม่ใช่คนประเทศเขา
	คนที่นี่หน้าตาเหมือนคนบ้านเรามาก  ผิวแบบเดียวกันแต่เสียอย่างเดียวคือคุยกันไม่รู้เรื่องโดยเฉพาะเวลาเขาพูดภาษาอังกฤษเรายิ่งไม่รู้เรื่องใหญ่เพราะสำเนียงเขาแปลก ๆ เราต้องอาศัยล่ามซึ่งมีอยู่เพียงคนเดียวเท่านั้น
	รถจากกองทัพอากาศของกรุงมนิลามารับเราถึงสนามบิน  ฉันเดินมาพร้อมสัมภาระที่น้อยนิดเพราะมีพี่ทหารคนหนึ่งถือให้หมด  เขาคงเห็นว่าฉันเป็นเด็กก็เลยถือให้...ตลอดทางที่นั่งรถผ่านตึกรามบ้านช่องก็ดูใหญ่โต  โดยเฉพาะเมื่อได้ผ่านสวนสาธารณะของที่นี่  มันช่างกว้างขวางและงดงามมาก  บ้านเรายังห่างชั้นนัก  ความสะอาดของที่นี่ดีมาก ๆ บ้านเมืองเป็นระเบียบเรียบร้อยดีจริง ๆ
	นั่งรถเพียงแป๊บเดียวก็มาถึงกองทัพอากาศ  ฉันได้ไปพักที่คอนโดทหารฝั่งตะวันออก  ส่วนผู้ชายอยู่ฝั่งตะวันตก  แต่ก็อยู่ภายในตึกเดียวกันซึ่งเป็นรูปตัวยู  ฉันยังตื่นเต้นไม่หายเลยที่ได้มาเหยียบกรุงมนิลา  ฉันคิดว่าฉันจะเที่ยวให้คุ้มกับเบี้ยเลี้ยงที่ได้มา 60,000 นี้ทีเดียว
	"เป็นไงตื่นเต้นไหมดาว"
	"มากเลยค่ะพี่ตุ๊ก...ที่นี่สวยนะ  ขนาดห้องพักยังสะอาดเลยแต่เสียอย่างเดียวคือแคบไปหน่อยเนาะ"
	"เอาเถอะ...ไหน ๆ ก็มาอยู่ที่นี่ถึงเดือนนึงก็ทน ๆ หน่อยละกันแล้วเราต้องไปซ้อมที่เบาะข้างล่างเขาเตรียมไว้ให้เราเหมือนเดิมแล้วละ"
	"หมายความว่าพี่เคยมาแล้วเหรอ...."
	"อืม....เมื่อ 7 ปีที่แล้วนะ"
	ฉันตื่นเต้นมากทีเดียว  อย่างน้อย ๆ ก็มีคนนำทางฉันเที่ยวได้...
	"เออต้องขยันนะเพราะถ้าเกิดสายเขามาแอบดูเขาจะได้รู้ว่าเราฟิตขนาดไหน  จริงไหม  และอีกอย่างเราจะได้ไม่เสียเที่ยวกับการที่เราฟิตซ้อมมาถึง 2 เดือนเต็ม  ไหน ๆ ก็เก็บตัวนานแล้วก็เอาให้สมหน้าสมตากับที่เขาเลือกตัวมาหน่อยจริงไหม"
	พี่ตุ๊กขยี้หัวฉันแล้วก็ไปอาบน้ำแล้วมานอน  ห้องเรานอนกัน 4 คน  เป็นเตียงสองชั้นสองเตียงทำให้ห้องดูแคบไปถนัดตาทีเดียว  พอพี่ ๆ นอนกันหมดฉันก็เลยไม่รู้จะไปคุยกับใครก็เลยเดินเซ่นซ่านลงไปข้างล่างจนไปเจอไกด์และล่ามคนที่มาด้วยกัน
	"อ้าวน้องดาวมาเดินอะไรค่ำป่านนี้แล้ว  ไม่ไปนอนเหรอ"
	"ก็นอนมาตลอดทางก็เลยไม่ง่วงค่ะ  คือหนูเหงาไม่รู้จะไปไหนดีเลยเดินลงมา"
	"งั้นพี่ว่าพี่พาน้องไปดูห้องซ้อมดีกว่านะ"
	พี่สองคนพาเดินมาที่ห้องซ้อมฉันเห็นพี่ ๆ หลายคนที่มาด้วยกันกำลังฟิตร่างกายและซ้อมกันอย่างหนักหน่วง  มีอาจารย์สุพจน์มาคุมด้วยอีกคนทำให้วิญญาณของนักยูโดในตัวฉันมันกำลังเรียกร้องที่จะไปเล่นให้ได้  ฉันยืนจด ๆ จ้อง ๆ อยู่นานจนในที่สุดก็ต้องไปคว้าชุดยูโดที่อาจารย์เตรียมไว้ที่ล็อกเกอร์มาซ้อม
	"อ้าว  ไม่นอนเหรอ"
	"นอนไม่หลับละสิท่า  แปลกที่ละสิดาวใช่ไหม"
	ทั้งอาจารย์และพี่ติ๊ก  พี่โจ  พี่เปิ้ลและพี่ ๆ อีกหลายคนแซวฉันจนฉันรู้สึกเขิน ๆ เพราะไม่ค่อยมีผู้ชายคนไหนแซวฉันมากนักเพราะเขาเห็นฉันเป็นตัวอันตราย  แต่คราวนี้มีคนมารุมแซวก็ยิ่งทำให้ฉันเขินมากยิ่งขึ้น
	ฉันเดินขึ้นไปซ้อมทั้ง ๆ ที่เป็นผู้หญิงคนเดียว  ฉันไม่รู้จะไปจับคู่กับใครดี  ก็มีพี่ติ๊กนี่แหละที่มาเป็นคู่ซ้อมให้  แต่ก็มีพี่ทหารที่มาแข่งในคราวนี้แย่งที่จะมาเป็นคู่ซ้อมให้ฉันเหมือนกัน
	"เพื่อความสบายใจของทุกคน  ดาวจะไม่ลำเอียง  ดาวจะซ้อมกับพี่ทุกคนเข้าใจไหม"
	"แล้วจะไหวเหรอ"
	"ก็มาให้ดาวทุ่มคนละทีสิดาวถึงจะได้ไม่เหนื่อยและจะได้เล่นด้วยกันทุกคนไง"
	พี่ ๆ ทุกคนจึงเรียงแถวมาให้ฉันทุ่ม  ยิ่งทุ่มหลาย ๆ คนฉันก็ยิ่งรู้สึกว่าทุ่มได้เร็วขึ้น  นี่เป็นการทำให้ฉันสปีดตัวเองให้เร็วมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่า...  ต่อมาฉันก็เล่นแรนโดรี่กับพี่ ๆ หลายคนแต่ก็เล่นไปเหนื่อยไปเพราะพี่ ๆ เขาแกร่งมาก  ฉันไม่สามารถที่จะล้มได้สักทีมีแต่ฉันเองที่โดนทุ่มอยู่ฝ่ายเดียวเท่านั้น
	จู่ ๆ พี่อ้นก็มาซ้อมด้วย  พี่อ้นเป็นคนที่ถูกเรียกตัวมาเหมือนกัน  พี่อ้นเป็นนักศึกษาแพทย์ที่อยู่มหิดล  พี่คนนี้ฉันติดต่อกันอยู่นาน  คราวนี้ได้เล่นด้วยกันอีกครั้งแต่คราวนี้แววตาของพี่เขาเปลี่ยนไป  ดูอ่อนโยนจนฉันรู้สึกได้ว่านี่เป็นอาการของคนที่เจ้าชู้และมีใจให้กัน  พอเขาเข้ามาโอบเอ็วเตรียมทุ่มนั้นสายตามันหยาดเยิ้มจนฉันรู้สึกรำคาญ  ยิ่งเขาพยายามเข้ามาใกล้ ๆ ก็ดูเหมือนคนที่จะมาลวนลามมากว่า  ในที่สุดฉันก็เลยโมโหและทุ่มได้ในที่สุดด้วยท่าอาราอิ-โกชิ
	"อิปโป้ง.........!!!"
	"เฮ................!!!!"
	เสียงพี่ ๆ ปรบมือกันเกรียวกราว  ฉันรู้สึกดีใจที่ชนะเขาได้อีกครั้งและฉันก็ไปเล่นกับคนอื่นต่อ  นี่ถ้าขืนฉันยังไม่ชนะพี่อ้นมีหวังถูกแทะโลมตายเลย
	เหนื่อยมากเลยรู้สึกเพลีย ๆ ก็เลยไปทานอาหารกับอาจารย์และพี่ ๆ ที่ร้านอาหารไทยของที่นั่นแล้วก็กลับมาอาบน้ำนอน  รู้สึกอ่อนเพลียมากทีเดียวพอหัวถึงหมอนก็หลับเป็นตายเลย...				
3 สิงหาคม 2547 16:56 น.

เสี้ยวหนึ่งของวิญญาณ ( ตอนที่ 11 )

สุชาดา โมรา

ถึงลพบุรีเสียทีกับการเดินทางที่แสนจะนาน  ฉันกลับมาพร้อมกับของฝากเอามาฝากแม่และครอบครัวและบางส่วนก็เอามาฝากพี่ ๆ หลายคนที่ไม่ได้ไป  ข่าวดีที่กลับมาคือพี่ทิพย์ได้ไปแข่งทีมชาติ  พี่เจี๊ยบก็เช่นเดียวกัน  พี่โอมและพี่เต้ก็ได้ไป  ที่เหลือ 19 คนไม่ได้ไป  ทุกคนที่เบาะดีใจกันมากและฉลองกันที่บ้านพี่เต้  แต่ฉันไม่ได้ไปหรอกเพราะแม่ไม่อนุญาติ  แม่ว่าฉันยังเด็กเกินกว่าที่จะไปฉลองกับพวกโต ๆ แม่คงกลัวว่าฉันจะดื่มเหล้า  แต่แม่ก็น่าจะรู้นะว่าลูกไม่เคยดื่มแล้วจะดื่มได้ยังไง
	ฉันกลับมาเรียนตามปกติเมื่อสอบปลายภาคเสร็จแม่ก็พาเข้ากรุงเทพฯไปซื้อหนังสือให้  เป็นหนังสือที่ฉันเลือกอ่านตามใจชอบ  แม่บอกว่าเป็นรางวัลที่เหน็ดเหนื่อยมานานกับการเรียนการแข่ง  แม่ดีใจที่ฉันกลับมาอย่างไม่มีรอยพกช้ำดำเขียว  แต่แม่ก็ไม่รู้หรอกว่าต้นขาและหน้าอกของลูกเขียวหลังจากที่ไปแข่งมาเพราะลูกใส่เสื้อผ้าอย่างมิดชิดจนแม่ไม่อาจจะรู้ได้...
	หลังจากนั้น 70 วันก็เปิดเทอมและทางกองทัพอากาศก็มีคำสั่งให้ฉันไปลงชื่อสมัครแข่ง   ระดับอาเซี่ยนที่ประเทศฟิลิปปินล์อย่างไม่คาดฝัน  เป็นที่ฮือฮากับวงการยูโดที่ลพบุรีมาก  อาจารย์ทุกคนจึงมารุมเทรนฉันเป็นพิเศษ  ฉันรู้ตัวว่าต้องไปอยู่ต่างประเทศถึง 1 เดือน  และที่เหลืออีกสองเดือนก็ต้องเก็บตัว  ฉันรู้สึกไม่อยากไปแต่มันเป็นคำสั่งยังไง ๆ ก็ต้องไปอยู่วันยังค่ำถ้าไม่ไปสิเป็นเรื่องแน่ ๆ  ทางกองทัพอากาศมีกำหนดการและหมายขอร้องทางโรงเรียนว่าฉันต้องไปแข่งและตอนนี้เหมี่ยวได้เป็นหัวหน้าห้อง  ฉันรู้สึกสังหรณ์ใจแปลก ๆ แต่ก็ต้องไป  ฉันรู้สึกกลัว ๆ ว่าเหตุการณ์เกี่ยวกับการเรียนมันจะไม่ราบรื่นเสียแล้ว...
	ฉันออกมาจากสมาคมเพื่อที่จะไปขึ้นรถกลับบ้านอย่างทุกวัน  สิ่งที่ฉันมองเห็นข้างหน้าคือพี่ดอนกำลังยืนทะเลาะกับผู้หยิงคนหนึ่ง...  พี่ดอนกลับมาตั้งแต่เมื่อไรกันนะทำไมฉันถึงไม่รู้เลย  เมื่อฉันเดินไปใกล้ ๆ ผู้หญิงคนนั้นก็จ้องหน้าฉันราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ
	"นี่แกรู้ไหมว่าดอนเป็นแฟนฉัน"
	ฉันอึ้งไม่ได้พูดอะไรแต่พี่ดอนหันมามองฉันด้วยความตกใจ
	"ดาว....!!!"
	พี่ดอนถึงกับพูดเสียงหลงทีเดียว
	"นี่เธอคงใช้เล่ห์เหลี่ยมหลอกพี่ดอนใช่ไหม  เขาแก่กว่าเธอถึง 7 ปีเธอกลับชิงเขาไป  เธอนี่มันเด็กอะไรกันร้ายกาจที่สุด"
	ฉันรู้สึกโมโหจริง ๆ ที่จู่ ๆ ก็มีใครไม่รู้มายืนด่าทอฉันจึงระเบิดออกมาบ้าง
	"หยุดพูดเดี๋ยวนี้นะ....!!!  ฉันไปทำอะไรให้พี่ถึงมาว่าฉัน"
	"แกแย่งพี่ดอนไป"
	"ใครเขาอยากจะแย่งเอา  อยากได้นักก็เอาไปแล้วรักษาดี ๆ ล่ะอย่ามาตู่กันว่าคนนั้นแย่งคนนี้แย่ง  น่ารำคาญ"
	ฉันผลักพี่ดอนไปหาผู้หญิงคนนั้นแล้วก็เดินออกมาพี่ดอนก็เลยวิ่งตามฉันมา
	"ดาว...รอด้วย  ดาว...."
	พี่โอมมาพอดีฉันจึงโบกรถพี่โอมแล้วนั่งซ้อนท้านไป  พี่ดอนก็เลยนั่งรถมอเตอร์ไซค์รับจ้างตามมา  รถทั้งคู่ขับแรงมากถนนก็ว่างพี่ดอนก็ตะโกนมาตลอด
	"โอม...จอดรถเดี๋ยวนี้  โอม...!!!!"
	"พี่โอมอย่าจอด...!!!"
	ฉันตะโกนไปบ้างพี่โอมก็เลยเร่งเครื่องให้แรงไปอีก
	"ดาวจะไปไหน..."
	"ขับไปเรื่อย ๆ ก่อนนะ"
	รถทั้งคู่ขับมาอย่างเร็วพี่ดอนก็พยายามจะเบียดมาเมื่ฉันเห็นซอยก็เลยให้พี่โอมขับเข้าซอยไปส่วนพี่ดอนก็เลยซอยไป  ฉันไม่รู้หรอกว่าซอยนี้ไปไหน  แต่พี่โอมซอกแซกจนออกมาจากซอยได้และก็พามาส่งที่หน้าบ้าน
	"มีเรื่องอะไรกันเหรอ..."
	"ไม่มีอะไรหรอกแค่แฟนพี่ดอนเขามาด่าหาว่าดาวแย่งพี่ดอนมาก็เท่านั้น"
	"พี่บอกแล้วว่าไอ้นี่มันเจ้าชู้ก็ไม่เชื่อพี่...เห็นไหมเป็นไง  อย่าคิดมากนะ"
	"ไม่คิดมาหรอกเพราะดาวก็ไม่ได้ชอบพี่ดอนมากขนาดนั้น  จริง ๆ แล้วดาวยังชอบพี่นัทอยู่ต่างหากล่ะ  ดาวไม่เสียใจหรอดพี่โอมไม่ต้องเป็นห่วง"
	ฉันยิ้มแล้วก็เดินเข้าบ้านไปพี่โอมก็เลยขับรถออกไป...  ฉันไม่อยากให้เรื่องชู้สาวมาเกิดขึ้นกับฉันเลย  ฉันรู้สึกว่าฉันเป็นคนดวงซวยจริง ๆ ที่ต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้  ฉันรู้สึกแย่มาก ๆ ไม่รู้จะวางตัวยังไงดีคนพวกนี้ถึงจะเลิกยุ่งกับฉันซะที  หรือว่าจะไม่มีแฟนดี  เมื่อคิดได้แบบนี้แล้วฉันก้เลยตัดสินใจครองโสตดีกว่าอย่าไปมีเลยฟงแฟนอะไรเนี่ย
	วันรุ่งขึ้นหลังจากที่เลิกเรียนฉันก็เข้ามาในสมาคมฯ  ฉันเห็นหน้าของพี่โอมบวมช้ำก็รู้ทันทีว่าพี่ดอนแน่ ๆ ที่ทำแบบนี้
	"พี่โอมเป็นไงบ้าง...ไม่ต้องพูดหรอกดาวรู้ว่าใครเดี๋ยวดาวจัดการให้"
	ฉันเดินมาที่ห้องแต่งตัวผู้ชายแล้วก็ยืนรอพี่ดอนอยู่ข้างนอกจนพี่ดอนเดินออกมาจากห้องฉันก็เลยกระชากคอเสื้อทันที  ฉันทุ่มพี่ดอนโดยที่เขาไม่ได้ตั้งตัวเลย  หลังเขากระแทกกับพื้นปูนดังแอ๊กทีเดียว  ฉันรู้ว่าเขาจุก  แต่ตอนนั้นเลือดมันขึ้นหน้าจริง ๆ
	"ลุกขึ้นมา  บอกให้ลุกขึ้นมายังไงล่ะ"
	ฉันตะคอกสุดเสียงพร้อมกับฉุดให้ลุกขึ้นมา
	"อะไรดาว  พี่ไม่รู้เรื่องทำอะไรเนี่ย"
	"ไม่ต้องมาพูดท่านู้นท่านี้เลยพี่ดอนไปทำร้ายพี่โอมทำไม"
	"อ๋อ...ก็เมื่อวาน..."
	"ไม่ต้องพูดเลยเป็นเพื่อนกันหรือเปล่า  ไปขอโทษเดี๋ยวนี้เมื่อวานพี่โอมเขาไม่ได้ทำอะไรเลยดาวบังคับเขาเอง  อยากต่อยมาต่อยดาวนี่  แล้วพี่มีแฟนแล้วทำไมไม่บอกมาหลอกกันอย่างนี้มันสนุกนักเหรอ  เราเลิกกัน  กลับไปหาแฟนพี่เถอะ"
	ฉันพูดด้วยอารมณ์โมโหแล้วก็เดินไปซ้อมต่อ  ฉันรู้สึกผิดเหมือนกันที่ทำแบบนั้นกับพี่ดอนแต่มันก็สาสมกับความผิดของเขาแล้วละที่เขาทำแบบนั้นกับเพื่อน  ฉันรู้สึกสงสารพี่โอมเหมือนกันที่ถูกต่อยซะหน้าตาบวมขนาดนี้  ที่จริงฉันก็รู้ว่าพี่โอมก็ชอบฉันเหมือนกัน  รวมทั้งหลาย ๆ คนในสมาคมฯด้วยเพราะทั้งเบาะก็มีผู้หญิงอยู่แค่ไม่กี่คน  คนที่สวยก็มีพี่เจี๊ยบแต่พี่เจี๊ยบมีแฟนแล้วและเขาก็เป็นคู่หมั้นกันกับดีเจชื่อดัง  ก็จะเหลือฉันที่หน้าตาพอดูได้ทั้งเบาะ  และดูเป็นผู้หญิงด้วย  ส่วนคนอื่น ๆ ก็หุ่นห้าวเหมือนนักเลงและตัวใหญ่จึงไม่มีใครสนใจพวกเขา
	อาจารย์เรียกพี่ดอนและพี่โอมไปสอบสวน  ฉันไม่รู้หรอกว่าอาจารย์คุยอะไรกับพี่ทั้งสองคน  แต่ฉันรู้เพียงแต่หลังจากที่อาจารย์เรียกไปแล้วพี่ทั้งสองคนก็คุยกันและก็ดีกัน  ฉันว่าอาจารย์นิพนธ์ต้องเรียกพี่เขาไปไก่เกี่ยแน่ ๆ เลย
	ฉันตั้งใจซ้อมอย่างจริง ๆ จัง ๆ เพื่อที่จะไปแข่งในอีกไม่กี่เดือนนี้  ฉันรู้สึกว่าหมดห่วงหมดกังวลกับการมีแฟนเพราะฉันมีอิสระในการทำอะไรหลาย ๆ อย่าง  ไม่จำเป้นต้องมาแคร์ความรู้สึกของคนอื่น  ก่อนจะไปกองทัพอากาศอาจารย์ดนัยจึงอยากให้ฉันได้สายน้ำตาลก่อนไป  อาจารย์จึงให้เปิดแข่งเป็นการภายใน  ให้ฉันล้มคู่ต่อสู้สายฟ้าด้วยกันถึง 5 คนเพื่อที่จะเป็นสะพานในการไปแข่งครั้งนี้
	"ฮาจิเมะ...!!!"
	เสียงกรรมการบอกให้เริ่มต้น  ฉันเดินหาจังหวะคู่ต่อสู้จนพบและเข้าท่าทุ่มทันทีด้วยท่าโมโนเตะ-เซโออินาเงะทันที  ฉันรู้ว่าคนพวกนี้ยอมให้ฉันเหยียบสะพานไปเพราะต้องการให้ฉันกู้หน้าหลังจากที่ไปแข่งชิงตัวประเทศระดับเยาวชนมาแพ้ก็เลยฝากความหวังไว้ที่ฉัน  ฉันจึงผ่านการคัดสายมาได้โดยง่าย  ต้องขอขอบคุณพี่ ๆ สายฟ้าทุกคนจริง ๆ ที่ช่วยฉันในครั้งนี้
	"ครูขอประกาศให้นางสาวแววดาว  เมธาธิพญา  ได้สายน้ำตาลด้วยการชนะคู่ต่อสู้ภายในระยะเวลา 150 วินาทีต่อ 5 คน"
	อาจารย์ลงบันทึกสถิติให้แต่นั่นก็ไม่ทำให้ฉันพอใจขึ้นมาหรอกเพราะมันได้สายมาง่ายจนเกินไป  ฉันต้องการแข่งให้คู่ต่อสู้ทัดเทียมกันมากกว่านี้  ไม่ใช่ยอมกันง่าย ๆ แต่ยังไง ๆ มันก็แข่งไปแล้วนี่ได้ประกาศฯมาแล้วนี่ก็ต้องไปตัดสายยูโดใหม่แล้วก็ต้องปล่อยเลยตามเลยเพราะเราไม่มีสิทธิ์จะไปห้ามกรรมการและอาจารย์ระดับทีชาติอย่างนี้ได้  เมื่อโอกาสมาถึงเราก็ควรจะคว้ามันเอาไว้

โปรดติดตามตอนต่อไปค่ะ.......				
3 สิงหาคม 2547 16:53 น.

เรือใบไม้

สุชาดา โมรา

ครูเปรียบเหมือนเรือจ้าง.............
แม่เปรียบเหมือนเชื้อเพลิงที่เติมฝันให้ลูกได้ศึกษา
เราคือเรื่องราวของความสำเร็จในวันข้างหน้า  คือสิ่งที่ยังคงบันทึกเรื่องราวทุก ๆ วินาทีที่เก็บไว้ในใจและความรู้สึก...ดี ๆ ที่มีให้แก่แม่  ไม่ว่าจะแม่คนแรกหรือแม่คนที่สอง  เราก็เก็บเกี่ยวเรื่องราวดี ๆ เอามาถักทอเป็นเรื่องราวดี ๆ เป็นความกตัญญูที่มีให้ท่าน  นั่นคือการศึกษาเล่าเรียน  ท่านจะพอใจเมื่อเห็นเราตั้งใจและทำในสิ่งที่ดี ๆ เป็นที่ภาคภูมิใจแก่ท่าน
          ท่านไม่ได้ต้องการให้เราเก่ง  แต่ท่านต้องการเห็นเรามีอนาคตที่ดี ๆ ตลอดไป  ทำวันนี้ให้ดีที่สุดเถอค่ะ  สร้างฝันให้เรือทั้งสองลำที่เทียบท่ารอเรานั้นพาเราไปถึงฝั่ง  จากนั้นเราก็กลับมาตอบแทนคุณท่านเถิด.......				
3 สิงหาคม 2547 16:45 น.

นึก...ฝัน...ไปวัน ๆ เท่านั้นเอง

สุชาดา โมรา

6:00 น.  ที่บ้าน

                 เสียงนาฬิกาปลุกเรือนที่สองร้องบอกให้คุณรู้ว่าถึงเวลาที่จะต้อ งลุกจากที่นอน   สำเนียงรบกวนโสตประสาทของมันทำให้คุณนึกอยากจะเขวี้ยงทิ้งอยู่ห ลายครั้ง   แต่ก็ด้วยคุณสมบัติข้อนี้มิใช่หรือคุณจึงเลือกซื้อมันมาจากตลาด ท้ายรถข้างสำนักงาน  วันจันทร์อีกแล้ว  คุณรู้สึกเกลียดเช้าวันจันทร์ยิ่งนัก  ถึงเวลาถูกสนตะพายอีกครั้ง  รีบลุกจากเตียงไปเข้าห้องน้ำ  บีบยาสีฟันหลอดใหม่ใส่แปรงแล้วนั่งลงบนโถส้วม  รสชาติไม่เลวเหมือนกันแต่แพงเป็นบ้า  ยาสีฟันอะไรหลอดตั้งเกือบสองร้อยบาท  เจ้านายเอามาขายให้คุณถึงที่ทำงาน   คุณจำต้องซื้อทั้งที่รู้ดีว่ามันคงไม่ช่วยให้ฟันคุณขาวเหมือนพร ีเซ็นเตอร์ในโฆษณาหรอก  นอกจากขายแล้วเธอยังคะยั้นคะยอให้คุณมาขายด้วยกันอีกต่างหาก อ้างว่ารายได้ดี  ฝันไปเถอะ  คุณรู้ทันหรอกน่า   ภายใต้หน้ากากแห่งความหวังดีนั้นหล่อนก็หวังเพียงแค่ส่วนแบ่งเป อร์เซ็นต์จากยอดขายของคุณเท่านั้นเอง  ไม่รู้ทำไมช่วงนี้ธุรกิจ MLM* ฮิตกันเหลือเกินในหมู่สาวออฟฟิศ  คุณคนหนึ่งล่ะที่ขอบายดีกว่า  ห้านาทีผ่านไปยังถ่ายไม่ออก  คุณนึกดูว่าสองสามวันที่ผ่านมาทานผักผลไม้อะไรเข้าไปบ้าง  รึจะเป็นเพราะเครียด  คุณอาจกังวลเรื่องเขามากจนเกินไปก็ได้  แต่ไม่มีเวลาแล้วเห็นทีต้องเก็บไว้ก่อน  รีบอาบน้ำอย่างลวกๆ  แต่งหน้า แต่งตัว ล็อคประตูห้อง เดินไปหยุดรอลิฟต์  เจอไอ้หมอนี่อีกแล้ว มันจะบังเอิญอะไรทุกวันขนาดนั้น  คุณไม่ชอบแววตากรุ้มกริ่มที่มองมาคู่นั้นเลย รู้สึกไม่ปลอดภัย แต่ก็คิดเข้าข้างตัวเองไปว่าเป็นเพราะคุณรูปร่างหน้าตาดี  ทั้งที่เห็นอยู่ว่ามันชอบแอบมองหน้าอก  คุณเคยบอกกับเขาเรื่องนี้หวังอยู่ว่าเขาจะหึงหวงบ้าง  แต่กลายเป็นเสียงหัวเราะเฝื่อนๆ ทุกทีไป  เดินมาที่รถ เสียบรูกุญแจอีแก่คันเดิมที่แม่โละมาให้พลางนึกในใจว่าขออย่าให ้มันรวนเลย  เป็นโชคดีที่วันนี้สตาร์ทติดง่าย  คุณรีบบึ่งออกจากที่พักเพราะไม่อยากเข้างานสายอีก   เมื่อก่อนเคยคิดน้อยใจอยู่เหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงไม่ยอมซื้อรถใ หม่ให้   แต่เดี๋ยวนี้คุณเข้าใจดีแล้วว่ามันดีกว่ากันแค่ไหนที่ไม่ต้องไป ทนยืนเบียดยืนร้อนอยู่บนรถเมล์เหมือนคนอื่นเขา 

 

7:55 น.  บนถนน

                 คุณนั่งอยู่ในรถมาเกือบชั่วโมงแล้ว  ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณคงหงุดหงิดงุ่นง่านกลัวไปทำงานไม่ทัน แต่ชีวิตสี่ปีในเมืองหลวงสอนอะไรคุณได้มาก   เดี๋ยวนี้คุณชินเสียแล้วกับการขับรถปาดหน้าเขาหรือถูกเขาปาดหน้ าเอา  คุณชินกับเสียงตะโกนด่าไล่หลัง  ชินกับการทำมือเป็นรูปสัญลักษณ์อวัยวะเพศชายจากฝ่ายตรงข้าม  คุณไม่ยี่หระหรอกอย่างมากก็แค่ทำส่งกลับไป  สติ๊กเกอร์ มือใหม่หัดขับ ที่คุณแกล้งติดเอาไว้ท้ายรถอาจช่วยได้บ้างในบางครั้ง  ทำไงได้ล่ะ  ถ้ามันจะช่วยให้คุณถึงที่หมายเร็วขึ้น  คุณเรียนรู้ที่จะแซงรถโดยไม่เปิดไฟเลี้ยวขอทาง  และเรียนรู้ที่จะทำผิดกฎจราจรอีกหลายๆ ข้อ  มันเป็นเทคนิคเล็กๆ น้อยๆ ที่คุณแก้ตัวว่ามันจำเป็น  คุณอ้างว่าใครๆ เขาก็ทำกัน   แต่ถ้ามีใครทำกับคุณอย่างนั้นบ้างคุณก็จะด่าพวกนั้นอย่างสาดเสี ยเทเสีย   สี่ปีผ่านไปเบ้าหลอมแห่งเมืองเปลี่ยนคุณจากหญิงสาวที่ขาดความเช ื่อมั่นในตัวเอง ให้กลายเป็นมือขับชั้นเซียนที่แม้แต่แท็กซี่ยังต้องอาย  คุณกลายเป็นคนกรุงเทพฯ โดยสมบูรณ์แบบแล้ว  คุณเรียนรู้ว่าเมื่อรถติด ไม่มีอะไรจะดีไปกว่าการเปิดวิทยุฟังเพลงเย็นๆ แล้วร้องคลอเบาๆ คิดเสียว่าเป็นการฝึกสมาธิ พยายามมองโลกในแง่ดี แยกนี้เพิ่งติดแค่ห้านาทีเอง  แยกที่แล้วติดตั้งสิบห้านาที คุณหยิบแซนด์วิชขึ้นมากินรองท้อง จิบกาแฟไปพลาง สายตาเหลือบไปเห็นป้ายโฆษณาโทรศัพท์มือถือยี่ห้อหนึ่งติดอยู่ข้ างรถเมล์คันที่จอดอยู่ถัดไป  เป็นรูปชายแก่คนหนึ่งกำลังคุยโทรศัพท์หน้าตาดูมีความ

สุข  มันทำให้คุณนึกไปถึงพ่อกับแม่ที่ต่างจังหวัด  นานแค่ไหนแล้วนะที่คุณไม่ได้กลับไปเยี่ยมพวกท่านเลย  เกือบปีเห็นจะได้  คุณตั้งใจว่าเดือนหน้าจะลาพักร้อนกลับไปเยี่ยมบ้านสักอาทิตย์  รถยังไม่ขยับเลย คุณเริ่มสงสัยแล้วว่าข้างหน้าอาจจะมีอุบัติเหตุเกิดขึ้น มันนานผิดปกติ  นั่นไงล่ะ จริงๆ ด้วย  ทำไมเวลาซื้อหวยมันไม่ถูกอย่างนี้นะ คุณบอกกับตัวเอง   คุณกำลังนึกต่อไปว่าน่าจะซื้อโทรศัพท์มือถือไปให้พ่อกับแม่ใช้ส ักเครื่องจะได้ติดต่อกันได้สะดวกกว่านี้  พลันรู้สึกตัวว่ามีสายตาของใครบางคนจับจ้องอยู่  นั่นไง ไอ้เฒ่าหัวงูบนรถเมล์นั่น  มันลอบมองขาอ่อนคุณอีกแล้ว   คุณพยายามดึงกระโปรงตัวจิ๋วลงปิดต้นขาให้ได้มากที่สุดพลางแช่งด ่าในใจ  คุณไม่เข้าใจเลยว่าผู้คนสมัยนี้เป็นอะไรไปกันหมดแล้ว  เสียงแตรจากด้านหลังฉุดคุณขึ้นจากภวังค์แห่งโทสะ  คุณกระชากเกียร์เหยียบคันเร่งส่งตัวรถพุ่งออกไปด้วยความโกรธ

                 

8:45 น.  ที่ทำงาน

                 แม้จะรีบอย่างถึงที่สุดแล้วคุณก็ยังมาทำงานสายไปสิบห้านาทีอยู่ ดี   หยิบบัตรไอดีการ์ดที่คล้องคออยู่จ่อแถบบาร์โค้ดเข้ากับเครื่องอ ่าน  เหล็กกั้นทางเข้าออกจึงยกตัวขึ้นโดยอัตโนมัติ  คุณเคลื่อนรถเข้าในอาคารภาวนาอยู่ว่าขอให้มีที่จอดเหลือบ้าง   มิเช่นนั้นคุณคงต้องเสียค่าจอดยี่สิบบาทให้กับอาคารฝั่งตรงข้าม อีกตามเคย  เดือนละเกือบหกร้อยไม่ใช่น้อยๆ เลย  โชคยังเข้าข้างพอมีที่จอดเหลืออยู่แม้จะต้องวนรถหาถึงสิบเอ็ดชั้น  เอาป้ายไอดีคล้องคอเหมือนเดิม หอบแฟ้มงานกองเท่าภูเขาย่อมๆ ไว้กับอก  ล็อครถแล้วเดินไปรอลิฟต์  ซวยอะไรอย่างนี้มาเจอหัวหน้าแผนกเข้าจนได้  คุณยิ่งเสียวๆ สันหลังอยู่  ช่วงเดือนที่ผ่านมาคุณสายบ่อยมาก  ถ้าเป็นเมื่อก่อนคุณก็คงไม่กังวลเท่าไหร่หรอก  อย่างมากก็ตัดเงินเดือนงดโบนัส  แต่ในสภาวะเศรษฐกิจแบบนี้มันอาจหมายถึงการเลย์ออฟ  ปีที่แล้วเพื่อนสนิทของคุณก็โดนไปสองสามคน   คุณรู้ดีว่าแม้คุณจะรอดมาได้ก็ไม่ได้หมายความว่าคุณจะโชคดีตลอด ไป  คุณกล่าวทักทายหล่อนอย่างพินอบพิเทา  แกล้งเอ่ยชมว่าเข็มกลัดติดเสื้อของเธอสวย  เธอกลับเหยียดยิ้มให้อย่างกลายๆ  คุณนึกแปลกใจ   การที่คุณช่วยซื้อยาสีฟันของหล่อนเมื่ออาทิตย์ที่แล้วกลับไม่มี ผลอะไรเลยหรือไงนะ  ถึงที่ทำงาน  คุณเดินเอาแฟ้มไปวางไว้ที่โต๊ะ  กล่าวทักทายกับเพื่อนร่วมงานพอเป็นพิธี ตั้งแต่เพื่อนสนิทของคุณถูกเลย์ออฟออกไป  คุณก็ไม่เคยคบหากับใครสนิทจริงจังเลย  มันเป็นเพียงสัมพันธภาพที่ผิวเผินประสาคนที่ทำงานร่วมกันพึงมี  มันเป็นเพียงมิตรภาพชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น  คุณไม่ค่อยชอบสายตาที่พวกเขามองมา  คุณรู้สึกได้ถึงมิตรไมตรีที่ฉาบเคลือบไว้เพียงเปลือกนอก  ลึกลงไปเนื้อแท้นั้นมีแต่ความอิจฉาริษยา   คุณสัมผัสได้ถึงแววหื่นกระหายในนัยน์ตาของพวกผู้ชายที่มองคุณเป ็นเพียงแค่วัตถุทางเพศไร้ความจริงใจให้   ภายใต้มิตรไมตรีที่คุณยื่นตอบกลับไปจึงซุกซ่อนไว้ด้วยเกราะกำบั ง  ที่คุณสร้างขึ้นมาเพื่อป้องกันตนเองจากการถูกทรยศ   คุณคอยระแวดระวังภัยอยู่เสมอด้วยเกรงว่าอาจถูกใครสักคนแทงข้างห ลังเข้าสักวัน   คุณเดินไปชงกาแฟและตอกบัตรลงเวลาเข้าทำงาน...หลายครั้งขณะที่คุ ณกำลังหย่อนบัตรลงไปในเครื่อง  มักมีคำถามเดิมๆ ผุดวาบขึ้นในห้วงคำนึง Whats the hell Im doing here?  I dont belong here* เป็นเนื้อร้องท่อนหนึ่งจากเพลงโปรดของคุณ   มันช่างขัดกันอย่างสิ้นเชิงกับภาพฝันที่คุณเคยจินตนาการเอาไว้ส มัยที่ยังเรียนอยู่  คุณฝันเห็นภาพตัวเองเปิดร้านขายหนังสือและร้านขายดอกไม้เล็กๆ อยู่ในรั้วเดียวกัน  นึกเห็นภาพชายหนุ่มมาเลือกซื้อบทกวีดีๆ สักเล่มคู่กับกุหลาบขาวงามๆ สักดอก  แล้วยื่นให้กับหญิงสาวคนรักของเขา ช่างโรแมนติคยิ่งนัก  คนที่รักอิสระและไม่ชอบอยู่ภายใต้กรอบเกณฑ์ใดๆ จนจะกลายเป็นคนนอกระบบอย่างคุณน่ะหรือ  จะมาทำงานเป็นมนุษย์เงินเดือน  แค่คิดก็ขำกลิ้งแล้ว  แต่กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีหนึ่งคุณก็เข้ามาอยู่ในระบบเป็นปีแล้ว กลาย เป็น Salary Man อย่างเต็มตัว  ระบบขัดเกลาคุณเสียจนไร้สิ้นแล้วซึ่งพิษสง  มอดดับทุกแรงใจและไฟฝัน  คุณยอมจำนนแล้วต่อชะตากรรมตรงหน้า... ยื่นมือไปรับบัตรจากเครื่องลงเวลาแล้วหย่อนลงในช่องสี่เหลี่ยมเ ล็กๆ ที่แขวนอยู่ตรงผนังด้านข้าง   วินาทีนั้นคุณมองเห็นแขนของตัวเองต่ำจากใต้ศอกลงไปกลายเป็นโลหะ สีเงิน  คล้ายมือของหุ่นยนต์  คุณเดินถือถ้วยกาแฟกลับไปที่โต๊ะทำงาน นั่งลง กดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้ยินเสียงมันบู๊ตเครื่องดังปิ๊ป  แขนของคุณหายเป็นปกติแล้ว

                 

10:03 น.  ที่ทำงาน

                 .....1998  1999  2000  2001  2002   DSTV SUBSCRIBER  30,408  39,111  42,817  49,123  58,221   FIBER OPTIC SUBSCRIBER  21,343  25,176  30,452  38,776  42,804  TOTAL  51,751  64,287  73,269  87,899  101,025 ..*

                 คุณเลื่อนเม้าส์พ้อยเตอร์ไปยังไอคอนเล็กๆ ด้านบนซ้ายของจอคอมพิวเตอร์  กดปุ่มเพื่อเลือกคำสั่งเซฟงานลงบนแผ่นดิสเก็ต  เสียงจักรกลครางเบาๆ บอกให้รู้ถึงสภาวะตามคำสั่ง  คุณปิดโปรแกรมการทำงานแล้วเอนหลังลงกับพนักเก้าอี้  ปิดเปลือกตาลงพร้อมกับถอนหายใจเบาๆ   กว่าชั่วโมงที่คุณนั่งหลังขดหลังแข็งจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์เพื่ อคีย์ข้อมูลตัวเลขเหล่านั้น  มันทำให้คุณรู้สึกปวดที่เบ้าตา เสียงเคาะรัวแป้นคีย์บอร์ดยังดังแว่วอยู่ในโสตประสาท  ทุกเซลล์สมองยังอัดแน่นไปด้วยข้อมูลตัวเลข  คุณใช้นิ้วมือนวดคลึงเบาๆ บริเวณหางคิ้วทั้งสองข้าง ไม่น่าเชื่อเลยว่าแค่ไม่กี่ปีที่คุณนั่งทำงานอยู่หน้าคอมพิวเตอ ร์จะทำให้สายตาคุณเสื่อมสภาพลงได้ถึงเพียงนี้  สี่ปีก่อนสายตาของคุณยังเป็นปกติ  ตอนนี้ซ้ายสั้น 155 ขวา 180 เอียงอีกข้างละนิดหน่อย  คุณเคยพยายามหาวิธีป้องกันแล้วแต่ก็ไม่เป็นผล โชคดีที่สมัยนี้มีคอนแทคเลนส์ ไม่เช่นนั้นคุณคงต้องกลายเป็นยายแว่นเฉิ่มเบ๊อะ  แว่นตากับใบหน้าคุณช่างไม่ถูกโรคกันเอาเสียเลย  ถอนหายใจอีกครั้งก่อนลืมตาขึ้น  ภาพแบ็คกราวด์บนจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏตรงหน้าต่างออกไปจากเดิม  คุณนึกในใจ ใครกันบังอาจมาแอบใช้เครื่องคอมพิวเตอร์ของคุณ  หรืออาจจะเป็นเทคนิเชี่ยนที่มาตรวจเช็คตามปกติก็เป็นได้  แต่จะว่าไปรูปนี้ก็ดูสวยดีเหมือนกัน  มันเป็นภาพเกาะกลางทะเลเล็กๆ เกาะหนึ่ง  สีเขียวอมฟ้าแก่ๆ ของน้ำทะเลรอบๆ เกาะให้ความรู้สึกนุ่มนวลเย็นสบายตา  ข้างใต้ภาพมีอักษรตัวเล็กๆ บอกให้รู้ว่ามันคือเกาะเต่า   จำได้ว่าคุณเคยรบเร้าให้เขาพาไปเที่ยวอยู่หลายทีแต่ก็ไม่เคยได้ มีโอกาส   คุณลองนึกดูว่ามันจะดีแค่ไหนถ้าหากคุณกับเขาได้ไปเที่ยวที่นั่น กันตามลำพัง  มันอาจจะทำให้สถานการณ์อึมครึมระหว่างคุณสองคนดีขึ้นก็ได้  แล้วคุณก็เริ่มฝันเห็นภาพหาดทรายขาวสะอาด  เม็ดทรายละเอียดยิบที่ยวบตัวลงไปตามรอยเท้ายามคุณก้าวย่าง  คุณกำลังเล่นน้ำกับเขาอย่างสนุกสนาน  จับมือกันดำน้ำดูความสวยงามของแนวปะการัง  ดินเนอร์ใต้แสงเทียน  ปิดท้ายด้วยค่ำคืนอันสุดแสนโรแมนติคในบังกะโลหลังเล็ก... เสียงที่เพื่อนโต๊ะข้างๆ ทำแฟ้มหล่นปลุกคุณสะดุ้งตื่นจากภาพฝันกลางวัน  สัญชาตญาณสั่งให้คุณเคาะนิ้วรัวกับแป้นคีย์บอร์ดโดยอัตโนมัติ  ทั้งที่ยังไม่ได้เปิดโปรแกรมการทำงานใดๆ  คุณแอบยิ้มให้กับความเจ้าเล่ห์ของตัวเองเมื่อรู้สึกตัว  ตอนนี้คุณมีแผนการดีๆ ในหัวแล้ว  เรื่องลาพักร้อนกลับไปเยี่ยมบ้านอาทิตย์หน้าคงต้องพักไว้ก่อน  การกู้สถาน

การณ์ความรักที่กำลังง่อนแง่นย่อมมีความสำคัญกว่า  พ่อกับแม่ยังรอได้ พวกท่านคงเข้าใจ  คุณบอกกับตัวเองอย่างนั้น...

 

12:40 น.  ที่ร้านข้าว

                 กลิ่นหอมฉุยของไข่เจียวที่ลอยมาปะทะจมูกช่างสร้างความอึดอัดใจใ ห้กับคุณยิ่งนัก  มันเหมือนกับบททดสอบความอดทนและความตั้งใจจริงของคุณที่จะไดเอ็ต... ไดเอ็ต คุณเกลียดคำๆ นี้นัก  ใครกันนะอุตริคิดคำๆ นี้ขึ้นมา  แล้วจะไดเอ็ตไปทำไมกัน ไดเอ็ตไปเพื่ออะไร ในเมื่อการได้กินอาหารอร่อยๆ ก็เป็นความสุขเพียงหนึ่งในไม่กี่อย่างที่มนุษย์เรามีอยู่  ถ้าไม่ใช่เพราะคำพูดของเขาที่ทักว่าคุณอ้วนขึ้น  คุณคงไม่ต้องมาทนทรมานอยู่อย่างนี้หรอก  คุณกังวลว่ามันอาจเป็นสาเหตุหนึ่งที่ทำให้เขาดูแปลกๆ ไป  ไม่โทรมาหาคุณบ่อยๆ เหมือนแต่ก่อน ไม่มารับไปเดินเที่ยวไปดูหนังเหมือนอย่างเคย  คล้ายๆ กับเขาจงใจจะหลบหน้าคุณอย่างนั้นแหละ  แต่ถ้ามันเป็นอย่างนั้นจริง   ถ้าการที่คุณมีน้ำหนักเพิ่มขึ้นเพียงแค่ห้ากิโลคือสาเหตุที่ทำใ ห้เขาเปลี่ยนไป  ก็แสดงว่าจริงๆ แล้วเขาไม่เคยรักคุณอย่างแท้จริงเลยน่ะสิ  ถึงได้สนใจแต่เพียงเปลือกและรูปลักษณ์ภายนอก มองข้าม ตัวตน ความเป็นคุณไปอย่างน่าเสียดาย   ภาวนาขออย่าให้มันเป็นอย่างนั้นเลยแค่คิดคุณก็รู้สึกอุ่นที่เบ้ าตาแล้ว   สมัยที่ยังเรียนอยู่คุณเคยหวังว่าสักวันจะได้เจอใครสักคนที่รัก คุณอย่างแท้จริง รักในตัวตน รักในจิตวิญญาณความเป็นคุณ ทั้งในส่วนที่ดีและส่วนที่ไม่ดี  ใครที่พร้อมจะให้อภัยในความงี่เง่าของคุณ ใครสักคนที่รักในความไม่สมบูรณ์แบบของคุณ ใครสักคนที่ไม่ได้มองคุณแค่เพียงเปลือก   แต่เดี๋ยวนี้คุณเข้าใจดีแล้วว่ามันเป็นสภาวะอุดมคติที่ยากจะบรร ลุถึงในสังคมที่นิยมบริโภคแต่วัตถุนี้  สังคมที่ตัดสินสิ่งต่างๆ เพียงแค่ชั่วเสี้ยววินาทีจากเสื้อผ้าที่คุณใส่ จากกระเป๋าที่คุณถือ จากรถที่คุณขับ   คุณเข้าใจดีแล้วว่าตราบใดที่มนุษย์เรายังคงลุ่มหลงอยู่ในโลกของ ผัสสะ เสพ สิ่งต่างๆ รอบกายผ่านเพียงประสาทสัมผัสทั้งห้า ตาดู หูฟัง จมูกดมกลิ่น ลิ้นรับรส กายสัมผัส  ตราบนั้น เปลือก ยังคงมีความสำคัญยิ่งนัก  ด้วยเหตุนี้คุณจึงต้องทนฝืนใจทำในหลายสิ่งที่ไม่สู้เต็มใจนัก   ทั้งการแว็กซ์ขนรักแร้และขนหน้าแข้งเดือนละสองครั้งที่คุณเจ็บแ ทบน้ำตาเล็ด   การผ่าตัดเสริมดั้งให้โด่งขึ้นที่คุณต้องเสียเงินไปหลายหมื่นแถ มยังต้องทนเจ็บนอนหน้าบวมอยู่ที่บ้านอีกเกือบเดือน   รวมถึงการฝืนใจสั่งออกไปว่าสลัดไก่น้ำใสกับน้ำเย็นหนึ่งขวดเมื่ อบริกรเดินเข้ามาถามเมื่อครู่นี้  ทั้งที่ใจจริงคุณอยากกินข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทยไข่ดาวแทบตาย  หลายครั้งที่คุณเคยนึกอิจฉาผู้หญิงที่เกิดในยุคเรเนส์ซองส์  พวกอ้วนๆ ที่นอนเป็นแบบนู้ดให้จิตรกรเอกป้ายปาดฝีแปรงลงบนเฟรมผ้าใบ  ภาพที่คุณเคยเห็นแขวนอยู่ตามแกลเลอรี่บ่อยๆ  พวกเธอคงไม่ต้องมาทนอดๆ อยากๆ เหมือนผู้หญิงสมัยนี้หรอก  ในเมื่อยุคนั้นไขมันหน้าท้องและความอ้วนหมายถึงความสวย  ส่วนร่างผอมสูงหุ่นนางแบบมีความหมายในทางตรงกันข้าม  ถ้าเลือกเกิดได้คุณอยากไปมีชีวิตอยู่ในยุคนั้นเสียจริง  บริกรยกจานสลัดมาวางตรงหน้า   คุณไม่ลืมที่จะดื่มน้ำเปล่านำไปก่อนสองแก้วเพื่อให้น้ำย่อยในกร ะเพาะเจือจางลง ลดความอยากอาหาร   เพื่อนรุ่นน้องที่มาด้วยกันเอ่ยแซวว่ากลัวแฟนไม่รักหรือไงคะถึง ต้องไดเอ็ต   คุณทำเป็นหัวเราะกลบเกลื่อนแต่ในใจนึกอยากเดินไปตบหน้าหล่อนสัก ฉาด โทษฐานที่แซวไม่รู้กาลเทศะ

                 

13:35 น.  ที่ทำงาน

                 คุณก้มลงสำรวจเงินในกระเป๋าสตางค์  ไม่น่าเชื่อเลยว่าเวลาเพียงแค่ยี่สิบนาทีหลังกินข้าว  ที่คุณไปเดินช็อปปิ้งจะผลาญเงินไปได้มากมายถึงเพียงนี้  คุณนึกทบทวนดูว่าซื้ออะไรมาบ้างนอกจากกระเป๋าสะพาย Prada รุ่นใหม่ล่าสุดใบนั้นแล้วก็ไม่เห็นจะมีอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย  ถึงแม้ว่ามันจะเป็นของปลอมก็เถอะ  หวี  ที่หนีบผม  มาสคาร่า  แล้วก็ครีมทาหน้า  อ้อ ไอ้นี่เองที่แพง  ขวดนิดเดียวตั้งเกือบห้าร้อยบาท  มีส่วนผสมของ Q10 สารสกัดจากธรรมชาติช่วยต่อต้านริ้วรอยก่อนวัย ลดรอยหมองคล้ำคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหน้า  เห็นผลภายในสามสัปดาห์ถ้าใช้เป็นประจำอย่างต่อเนื่อง...เฮอะ เฮอะ  นึกๆ ดูคุณก็ขำตัวเองอยู่เหมือนกัน  เสียแรงที่อุตส่าห์เรียนจบมาทางโฆษณาซะเปล่า  กลับตกเป็นทาสของโฆษณาเสียเองนี่   ทั้งที่รู้ดีอยู่ว่ามันเป็นเพียงการโฆษณาชวนเชื่อเป็นการสร้างภ าพลักษณ์ตราสินค้าให้ประทับอยู่ในใจของผู้บริโภค โดยอาศัยความถี่ในการออกอากาศเป็นตัวกระตุ้น  ปีที่แล้ว Whitening* มาแรง  ทุกยี่ห้อในตลาดเครื่องสำอางต่างใช้สิ่งนี้เป็นจุดขาย   พอมาปีนี้ขาวอย่างเดียวไม่พอเสียแล้วแต่ต้องเป็นขาวอมชมพูซะด้ว ย  นัยว่าบ่งบอกถึงสุขภาพที่ดี  คุณรู้ดีว่าไม่ใช่อื่นใดเลยมันก็แค่หลักจิตวิทยาขั้นพื้นฐาน โฆษณาเล่นกับความกลัวของผู้บริโภค ใช้ความกลัวรอยตีนกา กลัวหน้าหมองคล้ำ กลัวไม่ขาว กลัวไม่สวย เป็นตัวกระตุ้นความต้องการซื้อความอยากทดลองใช้  เมื่อบวกกับการโหมโฆษณาตามสื่อต่างๆ และกลยุทธ์ส่งเสริมการขายอีกนิดหน่อย  ผู้บริโภคก็ยินยอมพร้อมใจจะกลายเป็นหนูทดลองด้วยความยินดี  คุณรู้ดีว่าในบางครั้งมันกลายเป็นการบริโภคในตราสินค้า บริโภคในยี่ห้อ ในภาพลักษณ์  หาใช่การบริโภคในคุณสมบัติของตัวผลิตภัณฑ์ไม่   แต่ถึงรู้ทั้งรู้คุณก็ยังยินดีจ่ายออกไปเกือบห้าร้อยบาทเพื่อเส ี่ยงดู  เผื่อว่ามันจะทำให้คุณดูดีขึ้นมาบ้าง  นึกปลอบตัวเองอยู่ว่า ในโลกนี้ของฟรีไม่เคยมี ของดีไม่เคยถูก และถึงแม้คุณจะต้องตกเป็นเหยื่อของการโฆษณาอีกครั้ง  อย่างน้อยคุณก็ยังเป็น เหยื่อผู้รู้เท่าทัน หรอกน่าคุณบอกกับตัวเองอย่างนั้นได้เวลาทำงาน  เอื้อมมือกดปุ่มเปิดเครื่องคอมพิวเตอร์ ได้ยินเสียงมันบู๊ตเครื่องดังปิ๊ป  เสียงเคาะรัวแป้นคีย์บอร์ดดังขึ้นอีกครั้ง

                 

15:38 น.  ที่ทำงาน

                 บรรยากาศโดยรอบเงียบกริบวังเวงคล้ายป่าช้า ไม่มีเสียงเพลง ไม่มีการพูดคุย ไม่มีรอยยิ้ม ไม่มีเสียงหัวเราะ   แต่ละคนนั่งหลังขดหลังแข็งสีหน้าเรียบเฉยราวไร้อารมณ์ความรู้สึ ก  สองตาจ้องเขม็งไม่กระพริบจับนิ่งหน้าจอภาพ   ข้อมูลมหาศาลแปลผ่านคลื่นสมองสู่นิ้วมือทั้งสิบของจักรกลมนุษย์ ที่สลับกระดกขึ้นลงอย่างรวดเร็วแม่นยำ  ป้อนข้อมูลอัดแน่นอยู่ในทุกหน่วยความจำของจักรกลคอมพิวเตอร์

                 51751  64287  เกาะเต่า 73269  87899  ครีมกันแดด 101025   หมวก 7.64  24.22  13.97  แว่นดำน้ำ 19.96  Condom 14.93 

                 เสียงโทรศัพท์ดังอยู่สามครั้งแล้วคุณก็ยังไม่ได้ยิน  จนเมื่อเพื่อนคุณที่นั่งอยู่ติดกันร้องบอกนั่นแหละ   คุณถึงได้รู้สึกตัวเอื้อมมือคว้าหูโทรศัพท์แนบกับแก้มกรอกเสียง ทักทายลงไป...เงียบ ไม่มีสัญญาณตอบรับใด  คุณกล่าวประโยคทักทายอีกครั้ง มีเสียงเรียกชื่อคุณตอบกลับมา  เขานั่นเอง  คุณดีใจที่รู้ว่าเป็นเขา  แต่ก็นึกแปลกใจไม่น้อย  นานแล้วที่เขาไม่เคยโทรมาหาคุณที่ทำงานอีกเลย  นับตั้งแต่คบเป็นแฟนกันมา  คุณตั้งใจจะบอกกับเขาเรื่องเกาะเต่า  แต่เห็นเขามีน้ำเสียงเครียดๆ เลยเก็บเอาไว้ก่อนเขาคงมีเรื่องไม่สบายใจอยากจะระบายกับคุณกระม ัง  ในที่สุดเขาก็พูดขึ้น  คุณจำได้แต่เพียงประโยคที่เขาบอกว่า ...ผมขอโทษ  ผมมีคนใหม่   เพราะหลังจากนั้นหูของคุณก็กลับกลายเป็นอื้ออึงไร้การรับรู้สรร พสำเนียงใด  หน้าชาไปทั้งแถบจนไร้ความรู้สึก  เบ้าตาอุ่นระอุจนร้อนมีหยาดน้ำเกาะคลออยู่ที่หน่วยตา   คุณไม่รู้ตัวด้วยซ้ำไปว่ากระแทกหูโทรศัพท์ลงกับเครื่องรับดังปั งแล้วเดินออกมา  ทิ้งให้พวกที่อยู่ข้างหลังได้แต่นั่งมองหน้ากันทำตาปริบๆ  กว่าจะรู้สึกตัวอีกทีคุณก็มานั่งร้องไห้อยู่บนโถส้วมนี้แล้ว  คิดอยู่แล้วเชียวว่ามันจะต้องเป็นแบบนี้  คุณบอกตัวเองอย่างนั้น คุณนึกสังหรณ์ใจตั้งแต่วันที่เห็นเขาลืมตาจูบคุณวันนั้นแล้ว คุณสัมผัสได้เลยว่าเขาเปลี่ยนไป ไม่เหมือนคนเดิมที่คุณเคยรู้จักเมื่อสามปีก่อน ชายหนุ่มอารมณ์ดี ช่างเอาอกเอาใจและโรแมนติคคนเดิมหายไป  กลายเป็นชายอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิดและเอาแต่ใจ  คุณรู้สึกได้เลยว่าจะต้องมีเรื่องไม่ดีเกิดขึ้น  แล้วทุกอย่างก็เป็นจริงดังคาด ผมขอโทษ ผมมีคนใหม่ ช่างเป็นวิธีบอกเลิกที่ง่ายดายสิ้นดี  ผู้ชายก็เป็นอย่างนี้  เบื่อแล้วก็ทิ้ง แต่ก็ยังดีกว่าแฟนคนก่อนที่พยายามสรรหาเหตุผลมากมายมาบังหน้าเพ ื่อที่จะเลิกกับคุณ โทษว่าคุณไม่ดีอย่างโน้นอย่างนี้   อย่างน้อยที่สุดเขาก็ยังมีความเป็นสุภาพบุรุษมากพอที่จะกล้าสาร ภาพออกมาตรงๆ และยอมรับผิด  คุณนึกเสียดายก็แต่เวลาที่คบกันมา  กว่าจะเรียนรู้กว่าจะเข้าใจกันไม่ใช่น้อยๆ เลย  แต่จะทำอย่างไรได้ล่ะ ในเมื่อทุกสิ่งทุกอย่างมันเป็นของมันอย่างนั้นเอง  เป็นวิถีที่คุณไม่มีทางเลือกอื่นใดนอกจากทำใจยอมรับความจริง  ประสบการณ์ที่ผ่านมาสอนคุณอย่างนั้น  ถึงอย่างไรคุณก็จะไม่หยุดอยู่แค่นี้หรอก   คุณเชื่ออยู่ว่าแม้จะต้องเจ็บปวดอีกสักกี่สิบกี่ร้อยครั้งเพราะ ความรัก  ก็ยังดีกว่าต้องทนเหงา โดดเดี่ยวอยู่เพียงลำพังเพราะไร้รัก  คุณสรุปกับตัวเองอย่างนั้น  แต่ก็ยังไม่วายร้องไห้ขี้มูกโป่งจนกระดาษชำระเกือบหมดม้วน  พลันรู้สึกปวดท้องขึ้นมาหน่วงๆ จึงลุกเปิดฝาครอบโถส้วมขึ้น  คุณนั่งลงพลางนึกถึงเนื้อร้องของเพลง ทางเดินแห่งรัก ที่มักใช้ปลอบใจตัวเองยามรักคุด  หยดน้ำตาไหลผ่านร่องแก้มพร้อมๆ กับที่สิ่งปฏิกูลหล่นลงสู่คอห่าน  อย่างน้อยที่สุดท่ามกลางเรื่องเลวร้ายทั้งปวง  คุณก็หายจากอาการท้องผูกแล้ว

 

17:58 น.  บนถนน

                 กรุงเทพฯ ยามเย็น  รถยังคงติดเป็นแถวยาวเหยียดเหมือนที่มันเคยติด  เป็นมาอยู่อย่างนี้ทุกเมื่อเชื่อวัน ไม่ต่างไปจากดวงอาทิตย์ที่ยังคงปรากฎกายขึ้นทางฟากฟ้าทิศตะวันอ อก แล้วทิ้งตัวลงนอนลับแนวเหลี่ยมมุมตึกสูงระฟ้าทางทิศตะวันตก  สม่ำเสมอไม่เปลี่ยนแปลง  ลมหายใจแห่งเมืองใหญ่ยังระอุกรุ่นไปด้วยมลพิษทางอากาศ   อณูปรอทล่องลอยปะปนกับคลื่นแห่งมลพิษทางเสียงสู่ประสาทการรับรู ้ของผู้คน แทรกซึม กดดัน บีบคั้น จนกลั่นเป็นมลพิษทางอารมณ์  ฉายฉานอยู่ในสีหน้าและแววตา  บ้างระบายออกกับการขับรถปาดหน้าแซงซ้ายแซงขวา  บีบแตรดังลั่นราวกับอันธพาลบนท้องถนน บ้างพรั่งพรูออกมาเป็นคำสบถนับร้อยพัน... รถจอดนิ่งสนิทอยู่เกือบยี่สิบนาทีแล้ว  คุณกำลังดิ่งลึกลงสู่ภวังค์แห่งความทุกข์  คิดทบทวนถึงเรื่องราวระหว่างคุณกับเขา พยายามหาคำตอบให้กับตัวเอง  แต่ยิ่งคิดก็ยิ่งวกวนเหมือนพายเรืออยู่ในอ่างไร้ทางออก  ภาพความทรงจำเก่าๆ ผุดขึ้นในห้วงคำนึงซ้อนทับกันภาพแล้วภาพเล่า  หยดน้ำที่คลออยู่ที่หน่วยตาไหลออกมาโดยไม่รู้ตัว  หยดแหมะลงที่ต้นขา   คุณยกหลังมือขึ้นปาดน้ำตาไม่รู้ตัวเลยว่านั่นยิ่งทำให้เครื่องส ำอางที่ฉาบผิวหน้าไว้เลอะเทอะเต็มไปหมด  สารรูปคุณตอนนี้ไม่ต่างไปจากผีดิบที่เพิ่งลุกจากหลุม   คุณนึกทบทวนต่อไปว่าแต่ก่อนนี้คุณเคยเศร้าโศกเสียใจกับเรื่องรา วต่างๆ มากมายจนคิดสงสัยขึ้นมาว่าทำไมจึงเป็นเช่นนั้น   เมื่อคิดไตร่ตรองดูจึงพบว่าสาเหตุแห่งความทุกข์ใจทั้งหลายนั้นล ้วนมาจากสิ่งเดียวกัน  สิ่งนั้นคือความคาดหวัง  คุณมัวแต่คาดหวังเอาจากสิ่งอื่น จากบุคคลอื่นซึ่งคุณไม่สามารถควบคุมได้  คุณคาดหวังว่าพ่อแม่จะเข้าใจคุณ  คาดหวังว่าเพื่อนจะจริงใจกับคุณ  คาดหวังว่าแฟนจะรักและซื่อสัตย์กับคุณคนเดียว   เมื่อขอบเขตแห่งความคาดหวังที่มากเกินไปปะทะกับโลกแห่งความเป็น จริง  สิ่งที่หวังเอาไว้ไม่เป็นไปดั่งใจหวัง  คุณจึงเป็นทุกข์ ทุกข์ที่เกิดจากความคาดหวัง  คิดได้ดังนั้นคุณจึงเริ่มเข้าใจ  ตั้งแต่นั้นมาคุณก็พยายามคาดหวังจากสิ่งต่างๆ ให้น้อยลง  กับเขาเองคุณก็แทบจะไม่คาดหวังอะไรอยู่แล้ว  แต่นี่มันอะไรกัน ทำไมคุณถึงยังต้องมาเผชิญชะตากรรมแบบนี้อีก  มันน่าน้อยใจในโชคชะตายิ่งนัก  เสียงข่าวรายงานสภาพการจราจรบนท้องถนนดังขึ้นคั่นรายการเพลง  คุณรู้สึกว่ามันน่ารำคาญ ไม่รู้จะฟังไปทำไม ในเมื่อที่ไหนๆ ก็ติดเหมือนกันหมด เอื้อมมือกดปุ่มเปลี่ยนไปยังสถานีอื่น  บ้าจริง  ทำไมทุกคลื่นถึงได้พร้อมใจกันเปิดแต่เพลงอกหักอย่างนี้  นี่โลกยังกระหน่ำซ้ำเติมคุณไม่พออีกหรือ   นาทีนี้ฟังเพลงไหนคุณก็รู้สึกเหมือนกับว่ามันถูกแต่งขึ้นมาเพื่ อคุณคนเดียวอย่างนั้นแหละ  คุณชักเริ่มเอะใจว่าทำไมผู้คนบนรถเมล์ถึงหันมามองคุณแปลกๆ  ชะเง้อมองดูหน้าตัวเองในกระจกมองหลังถึงกับผงะ  แม้จะอยู่ในอารมณ์อกหัก  คุณก็ยังอดขำในความสะเพร่าของตัวเองไม่ได้   กำลังจะเอื้อมไปหยิบกระดาษทิชชู่ที่เบาะหลังก็พอดีรถคันหน้าเคล ื่อนตัวออกไป  คุณใส่เกียร์เหยียบคันเร่งส่งตัวรถพุ่งตามไป  เร็วขึ้นและเร็วขึ้น  ทันใดนั้นรถเมล์ทางฝั่งซ้ายก็หักพวงมาลัย ปาดหน้ารถคุณอย่างกะทันหัน  คุณเหยียบเบรคจนตัวเกร็งก่อนแช่งด่าด้วยความโมโห  คุณขับตามรถเมล์คันนั้นไปจนทัน หักเข้าเลนขวา เร่งเครื่องขึ้นไปจนอยู่ในระยะแซง ก่อนหักพวงมาลัยซ้ายปาดหน้ารถเมล์คันนั้นด้วยอาการเดียวกัน แล้วแกล้งเหยียบเบรคกะทันหันในชั่วเสี้ยววินาที   ก่อนจะกระชากเกียร์เหยียบคันเร่งส่งตัวรถพุ่งไปข้างหน้าด้วยควา มรวดเร็วอีกครั้ง  ทิ้งให้รถเมล์คันนั้นจอดนิ่งอยู่ที่สี่แยกไฟแดงข้างหลัง.. รถวิ่งมาหยุดอยู่บนสะพานข้ามแยกถัดมา คุณขับหนีมาไกลแล้ว แต่หัวใจยังเต้นกระชั้นถี่รัวแรง  แวบแรกคุณรู้สึกสะใจที่ได้ทำอย่างนั้น  แต่ภายหลังจากสติกลับคืนมาคุณกลับสำนึกเสียใจ  ผีห่าซาตานตนใดกันเข้าสิงคุณให้ทำอย่างนั้น  คุณไม่เคยเป็นอย่างนี้มาก่อนเลย  นึกสงสารผู้คนที่อยู่บนรถเมล์คันนั้น ไม่รู้จะมีใครหัวร้างข้างแตกบ้างหรือเปล่า  คนขับรถเมล์ก็เหมือนกัน  เขาอาจจะเครียดกับการทำงานมาทั้งวันก็เป็นได้ ไม่น่าไปถือโทษโกรธเคืองเขาเลย...เสียงเพลงจากวิทยุดังแว่วขึ้นมา  Sometimes I feel like I dont have a partner. Sometimes I feel like my only friend is the city I live in, the city of angels. Lonely as I am, together we cry.**  หยาดน้ำใสๆ ไหลผ่านร่องแก้มลงมาอีกครั้ง

                 

19:20 น.  ที่บ้าน

                 คุณพาสังขารอันเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าทั้งแรงกายและแรงใจ  กลับมาถึงบ้านด้วยความทุลักทุเล  น่าแปลกใจจริง  ทั้งที่คุณก็แค่นั่งทำงานอยู่หน้าเครื่องคอมพิวเตอร์เท่านั้น  หาได้ไปแบกค้อนปอนด์ทุบตึกที่ไหนมาแต่กลับอ่อนระโหยโรยแรงอย่างกับเพิ่งเดินข้ามเขามาสักลูก   อาจเป็นเพราะเรื่องของเขากับการเดินทางกว่าสองชั่วโมงบนท้องถนน ที่สูบเอาพลังชีวิตจากคุณไปใช่น้อย  คงจะจริงอย่างที่ใครสักคนว่าไว้ จิตเป็นนาย  กายเป็นบ่าว เมื่อใดก็ตามที่จิตใจอ่อนล้าเศร้าซึม หดหู่และสิ้นไร้กำลังใจ  ร่างกายก็จะพลอยเหี่ยวเฉาไร้เรี่ยวแรงตามไปด้วย  เห็นทีจะได้เวลาเข้ารับการบำบัดอีกครั้ง  คิดได้ดังนั้น  คุณจึงลุกขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วเดินเข้าห้องน้ำ   สำหรับคุณแล้วยามต้องเจอะเจอกับเรื่องทุกข์ใจหรือประสบกับมรสุม บางอย่างที่พัดผ่านเข้ามาในชีวิต   ไม่มีอะไรจะช่วยผ่อนคลายได้ดีไปกว่าการได้อาบน้ำชำระล้างร่างกา ย  สายน้ำนับสิบสายที่พุ่งผ่านร่องรูเล็กๆ ของฝักบัวปะทะกับผิวหน้า ไหลผ่านเส้นผมทุกเส้น แทรกซึมสู่ทุกอณูของร่างกาย   ช่วยคืนความชุ่มชื้นให้กับผิวหนังกระตุ้นเตือนทุกเซลล์ให้ฟี้นต ื่นจากการหลับใหล  สายน้ำให้ความรู้สึกสดชื่น  คุณมีความสุขกับการได้อาบน้ำครั้งละนานๆ ค่อยๆ บรรจงเทแชมพูลงบนฝ่ามือแล้วนวดคลึงเบาๆ จนทั่วหนังศีรษะ  การได้สูดดมกลิ่นหอมอ่อนๆ ของสบู่ที่หมุนเวียนเปลี่ยนไปทุกวันไม่มีซ้ำให้ความรู้สึกสุขใจ อย่างประหลาด  ด้วยเหตุนี้ห้องน้ำจึงเปรียบเสมือนสถานบำบัดจิตย่อมๆ ที่เป็นส่วนตัวของคุณเอง   มันจึงเต็มไปด้วยสบู่และครีมอาบน้ำนับสิบกลิ่นกับแชมพูอีกหลากห ลายยี่ห้อที่คุณสรรหามาเก็บไว้  สามสิบนาทีผ่านไป   คุณก้าวออกมาด้วยความรู้สึกเหมือนเป็นคนใหม่คล้ายกับสายน้ำได้ช ำระล้างเอาความทุกข์ใจไหลรวมไปกับสิ่งปฏิกูล   สายน้ำชำระล้างจิตวิญญาณของคุณให้กลับคืนมาบริสุทธิ์เหมือนเดิม อีกครั้งคุณเปิดทีวีดู  เปลี่ยนช่องไปยังสถานีที่มีละครเรื่องที่คุณกำลังติดพันอยู่   ก่อนลงมือละเลียดข้าวหมูทอดกระเทียมพริกไทยไข่ดาวด้วยความเอร็ด อร่อย  ตบท้ายด้วยข้าวเหนียวทุเรียนเป็นของหวาน  ข้อดีอย่างหนึ่งของการเลิกกับแฟนก็คือไม่ต้องมากังวลกับเรื่องไดเอ็ตอีก  เมื่อหนังท้องตึงหนังตาก็เริ่มหย่อน  คุณเอนหลังลงกับที่นอนปิดเปลือกตาลง  ในห้วงคำนึงสุดท้ายคุณนึกอยู่ว่าจะซื้ออะไรไปฝากพ่อกับแม่บ้าง  คุณไม่รู้ตัวหรอกว่าหลับฝันไป  ในฝันคุณเห็นตัวเองนั่งอยู่บนโถส้วมคุณท้องผูกอีกแล้ว.

..

* = เทคนิคนี้มาจากเรื่องสั้น จั่น โดย นาม มะโรง 

      นิตยสารช่อการะเกด 18 โภคานุวัตร (ไตรมาสที่สอง 2537) 
--------------------------------------------------------------------------------

MLM ( Multi Level Marketing) = กลยุทธ์ทางการตลาดรูปแบบหนึ่งที่ใช้กลวิธีในการขายแบบขายตรง (Direct Sales) 

เพลง Creep ของวง Radio Head
เพลง Under the Bridge ของวง Red Hot Chili Peppers				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟสุชาดา โมรา
Lovings  สุชาดา โมรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงสุชาดา โมรา