10 พฤศจิกายน 2545 13:17 น.

โสมส่องสนองหล้า

อัลมิตรา

.....ดาษดื่นดรุณเรื่อ......................กระจะเหลือคณาชม 
พิศเพ่งระเวงขรม..........................ขณะชมภิรมณ์ดาว 
โสมส่องสนองหล้า.........................ณ นภาพระพายเย้า 
ส่องสาดพิลาสพราว.......................อุระเราพิเนาว์นวล ฯ 

.....โอ้นวลกระอวลอาย...................มิผละได้ช้มายมวล 
ปานดาวสกาวถ้วน.........................มิกระอวลกระแอมโอษฐ์ 
เอื้อนเอ่ยเฉลยถ้อย........................กวิร้อยชลอยพจน์ 
ปานตาลสิหวานทด........................มธุรสสบถบรรณ์ ฯ 

...เรียงรจน์สโอดองค์.....................สิผจงพวงใจ 
หมายความพิร่ำไป.........................สละคล้ายสลวยปีย์ 
เพี้ยงพจนีย์เนื่อง...........................วระเปรื่องกระเดื่องคีย์ 
กดแป้นแสตนต์ที...........................ณ ฉะนี้มิคลาดกัน ฯ 

...จันทร์เจ้าตระหง่านงาม................สิริล้ำสลวยเรื่อ 
ซึมซาบสลับเหลือ..........................ศศิเรื่อระรวยรอง 
ดาวดารดาษเดือน..........................ดรุณ์เหมือนมิมีสอง 
มิ่งมาตรมหรรณ์มอง.......................กระจะพ้อง ณ สองตา...ฯ				
9 พฤศจิกายน 2545 14:19 น.

เธอหนาวหรือ ?

อัลมิตรา

...เธอหนาวหรือ... 
...หากลมหนาวทำร้าวรานหวั่นไหว... 
...หากลมหนาว...ทำเศร้าเหงาหัวใจ... 
...หรือใครใคร...กล้ำกราย...หมายรังควาน
...เธอสั่นหรือ... 
...หรือเพียงมือ...สองมือ...ยื้อลมผ่าน... 
...เพียงสายลมเหมันต์...ผันแผ้วพาน... 
...อย่าหนาวสั่น...ร่ำไร...หมายปลอบโยน... 

หนาวหรือใจไหวหวั่นสั่นสะบัด
กิ่งก้านกวัดปัดป่ายหมายเกลี้ยกล่อม 
ได้อุ่นไอฉานฉายสายแดดดอม
ปานเสียงกล่อมห้อมใจให้อุ่นพลัน 

สะบัดโบกโยกพริ้วระริ่วเรื่อย
สายลมเอื่อยเจื้อยแจ้วแนวเสียดสาน 
ต้นใบเอนเป็นทิวปลิวลิ่วครัน
โยกกิ่งก้านสั่นไหวได้ต้องลม 

ใบก็ปัดกิ่งกวัดขนัดแน่น
ต้นตรงแอ่นแสนคลอนอ้อนไม้โถม 
นั่งเมียงมองต้องตามความระทม
โอ้สายลมชมไม้หรือใครตรอม ฯ				
8 พฤศจิกายน 2545 22:46 น.

..ค้างคาวคืนคอน..

อัลมิตรา

...ค้างคาวคืนคอนคิดครวญค่อนขอด
คงคอคอดคุดคู้แขนขาไขว่
คราวคร่ำเคร่งเคว้งคว้างข้างเคียงใคร 
แค่ขวักไขว่ขายของคล่องคราวคืน

...แค่ขัดขาคว้าขวับขับขานข่ม
คลายแค้นขรมคมคายคล้ายขัดขืน
ของค้าวคาวเข้มแข็งแข่งคลืนคลืน
คงคลุกคลื่นแค๊กแค๊กแขกขายใข่...?				
8 พฤศจิกายน 2545 22:21 น.

เฉิดฉันท์ตะวันฉาย ...(โคลงโอบฉันท์)

อัลมิตรา

โคลงโอบฉันท์

.....ทิพา.....คราเฟื่องฟ้า.............................อรุณฉาน 
สง่างาม.....อลังการ....................................เพริศแพร้ว 
ศิริข่าม*.....ยามขนาน................................เพรียกผ่าน- โลกนา 
อร่ามตา.....เลิศแล้ว....................................ล่วงล้ำสลัวคลาย ฯ 

.....สถิตย์วิจิตร......จ้า................................ไตรภูมิ 
วาระ.....พิศมัยฟูม-.....................................ฟักเฟื้อ 
อุมา.....ข่มโพยมธูม*..................................ขจัดมืด 
ประจักษ์ใจ.....ฉายเอื้อ...............................โอบอุ้มคุ้มครอง ฯ 

.....นิวัตน์.....อาจล่วงพ้น............................ราตรี 
ผงาดภพ.....สบรัศมี...................................หม่นแคล้ว 
กระจะนภ.....โลกีย์.....................................แจ่มจรัส
พิภพไตร.....โลกแกล้ว................................เกริกกล้าเกรียงไกร ฯ 

.....กระจ่าง.....สล้างเรื่อ...............................เหลือรจน์ สบถเฮย 
สว่างไกล.....ปรากฏ....................................ทั่วแคว้น 
รติใฝ่.....กำหนด.........................................พจน์พากย์ 
สิใคร่ชม.....สมแม้น.....................................มืดฟ้าชนม์สลาย ฯ 

.....ตะวัน.....ตระหง่านตั้ง...........................ตราบกัลป์- กัปป์นา 
สิมั่นจริง.....นิรันดร์....................................เลื่องหล้า 
ตบะยิ่ง.....อิงมหันต์-..................................คุณประโยชน์ 
มินิ่งตรม.....อ่อนล้า....................................เสื่อมสิ้นฤทธิไกร ฯ 

.....มนุษย์.....พึงเช่นเพี้ยง...........................สุรีย์ฉาน 
ประดุจสม.....กอปรกิจการ...........................ใหญ่น้อย 
มนะบ่ม.....สัตย์สมาน...................................เสมอจิต 
และข่มทุกข์.....คลาดคล้อย..........................ข่มข้ามสิงทรวง ฯ 

.....ขยัน.....พลันต่อสู้...................................ทุกสมัย 
และหมั่นเพียร.....เรียนไว............................ไม่ช้า 
ธุระเปลี่ยน.....เกษียณไป..............................เปี่ยมสุข สราญนอ 
เสถียรสุข.....คลุกคว้า..................................ใฝ่ข้างเคียงตน ฯ 
.
.....นิรันดร์.....กาลหากยั้ง..............................ยืนยง ชีพเฮย 
มิพรั่นทุก-.....คนทรนง..................................ส่งยิ้ม 
ทุรยุค.....เดชดำรง.... ...................................สิสงบ 
สิสุขสรรค์.....พลันพริ้ม..................................ดุจฟ้าสุรีย์ฉาน ฯ 


.....( อุเปนทรวิเชียรฉันท์ )..... 


.....ทิพาสง่างาม..................ศิริข่ามอร่ามตา 
สถิตย์วิจิตรวา-....................รอุมาประจักษ์ใจ 
นิวัตน์ผงาดภพ....................กระจะนภพิภพไตร 
กระจ่างสว่างไกล..................รติใฝ่สิใคร่ชม ฯ 

.....ตะวันสิมั่นจริง.................ตบะยิ่งมินิ่งตรม 
มนุษย์ประดุจสม...................มนะบ่มและข่มทุกข์ 
ขยันและหมั่นเพียร................ธุระเปลี่ยนเสถียรสุข 
นิรันดร์มิพรั่นทุกข์.................ทุรยุคสิสุขสรรค์ ฯ 



**
....ศิริข่าม...แปลว่า...ศิริ...มิ่งขวัญ...สง่า...ความงาม...สุกสว่าง ..( ข่าม..คงกระพัน คงมั่น)..
....โพยมธูม...เมฆหมอก
				
8 พฤศจิกายน 2545 10:47 น.

ตามรอยครูโคลง จรรโลงศิลป์ไทย

อัลมิตรา

....แวะเวียนเพียรสู่ห้อง.................มองความ  
บทตะเอ๋าเล่าตาม.........................ตรึกถ้อย
แยบยลประพนธ์งาม.....................งำเงื่อน  
หวังจิตพินิจคล้อย........................ห่อนแคล้วแนวโคลง ฯ

....ตาม.....รสบทฟ่องฟ้า................เฟือนฝัน
รอย.....เรื่องลิขิตอัน......................อะคร้าว
ครู.....สร้างแต่ปางบรรพ์................คือบ่ง  สอนเฮย
โคลง.....ร่ำคำความน้าว................เนื่องซร้องสืบสาน ฯ				
Calendar
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟอัลมิตรา
Lovings  อัลมิตรา เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงอัลมิตรา