30 กันยายน 2552 11:22 น.

นายวายร้ายกับยัยตัวแสบ(ภาคมัธยม)

กระต่ายใต้เงาจันทร์

 เฮ้ย...จารย์ใหญ่สูบบุหรี่ในห้องเรียนว่ะ...สูบไปสอนไป...เอาไงดีว่ะ...แหมเซ็งชิบ...เวลาเราสูบในห้องน้ำโรงเรียน   ตีก้นพวกเราประจานหน้าเสาธง
เสียงตะโกนโหวกเหวกบอกเพื่อนร่วมชั้นมัธยมสี่  ทับสี่ดังขึ้นจากปากนายหน่อไม้ดังชัดทั่วห้อง

อย่างนี้มันต้องถอน     อย่างนี้มันต้องถอน  เสียงนายไข่ต้มดังผสมผสานร้องเป็นเพลงขึ้นมา

ถอนบ้าอะไรว่ะ....เกลียดชิบเหม็นก็เหม็น...เสียงห้าวแหบของผู้หญิงดังขัดจังหวะ
แล้วเราทำไงกันดี   ปลาทูหาวิธี  แก้เผ็ดครูใหญ่  ตัวอย่างไม่ดีหน่อยสิ
เสียงนายหน่อไม้ถามหัวหน้าแก๊งค์สาวจอมแสบ
พรุ่งนี้แกไปขับรถถังที่บ้านพ่อฉันมาโรงเรียนกันพร้อมป้ายประกาศเกียรติคุณ  ครูใหญ่ดูดบุหรี่ตัวอย่างไม่ดีมันต้อง(ถอด)ถอน  นัดเพื่อนให้เต็มคันรถเลยน่ะแก  
พ่อฉันไปเข้าเวรทางสะดวก
ว่าแล้วนายวายร้ายกับนายตัวแสบก็ปฎิบัติการในวันรุ่งขึ้น
ผลลัพท์ออกมาน่าพอใจถูกให้ยืนหน้าเสาธงสามชั่วโมงทั้งห้อง
ผ่านไปหนึ่งอาทิตย์วิชาเลขคณิต  อาจารย์ไม่มาสอน    นายหน่อไม้ก็งัดวิชาบวกเลขโดยใช้อุปกรณ์ที่นิยมกันทั่วแคว้นแดนไทย  ตั้งวงเล่นไพ่   นางสาวปลาทูเก็บค่าต๋ง   ได้รางวัลตีก้นคนละหกทีหน้าเสาธง
ในชั่วโมงพระพุทธศาสนา   ปลาทูซื้อเมล็ดแตงโมมาแจกแทะกันทั่วหน้าฟังไปแทะไปสะใจตกทั้งชั้น

ยังไม่เข็ด  เข็ดง่ายๆๆก็ไม่ใช่ปลาทูเข่งนี้   กับหน่อไม้หน่อนี้
ช่วงฤดูฝนน้ำหลากทะลักท่วมโรงเรียน
ปลาทูจะใส่กางเกงขาสั้นมาทุกครั้งในกระโปรงกิจกรรมยามว่างลงไปแหวกว่ายเป็นปลาในน้ำไม่งั้นเจ้าหน่อไม้ก็ชวนนั่งตกเบ็ดที่หน้าต่างห้อง
แค้นนี้ต้องชำระช้าหน่อยไม่สาย     จริงไหมปลาทูเสียงนายหน่อไม้ถามในห้องเรียนวันหนึ่ง
เออดิ...ปลาทูตอบไป  ....เย็นนี้มีเฮ...
ว่าแต่ไข่ต้มเหอะ   เรือพร้อมไหม
พร้อมๆๆๆทางสะดวก
หลังเลิกเรียน  นายไข่ต้มขับเรือหางยาวมาจอดรอที่ท่าน้ำโรงเรียน
ครูใหญ่ครับ...ยายให้มารับ...ไปทานข้าวที่บ้านครับ
อ้าวเหรอ....ดีเลย....ครูใหญ่ตอบเสียงอ้อแอ้....กลิ่นเหล้าโชยมาพร้อมกลิ่นบุหรี่
แต่ชวนยายตัวแสบกับนายวายร้ายไข่ต้มไปด้วยงั้นเรอะ
ครับ   ไปเถอ๊ะครับเดี๊ยวมืดค่ำไม่เห็นทาง
นายหน่อไม้ตอบแทน
ใส่ห่วงสิค่ะครูใหญ่
นางสาวปลาทูร้องบอกพร้อมยื่นห่วงยางให้
กันเหนียวค่ะครู
อะไรกันไอ้เด็กพวกนี้ใส่ก็ใส่
สามลิงแอบยักคิ้วหลิ่วตา
การขับเรือแบบวัดเฉวียนก็เริ่มขึ้น
ครูใหญ่ร้องไปอ๊วกไปเป็นระยะ
ได้เวลาเต็มที่สามลิงล่มเรือ
ตกน้ำป๋อมแป๋มกันหมด
สีหน้าสะใจยายปลาทูนายหน่อไม่โผล่ขึ้นเป็นรอยยิ้มริมฝีปากอย่างมีความสุข
ครูใหญ่ลอยคอเท่งเต้งในห่วงยางกลางแม่น้ำ
แต่เวรกรรมมีจริงเห็นผลทันตา
เครื่องเรือจม....อ้าวซวยสิทีนี้...งมเครื่อง...กันจ้าละหวั่น
พรรคพวกผ่านช่วยกันผ่านพ้นไปด้วยดี
นาทีนี้มีค่าครูใหญ่ไม่รอช้า   ในตอนเช้าหน้าเสาธงเหตการณ์เหมือนเดิมเปี๊ยบท่านผู้อ่านคงนึกภาพออก
นี่หล่ะวีรกรรมแบบเบาๆแบบภาคเด็กมัธยมของนายปลาทูกับนางสาวหน่อไม้   นายวายร้ายกับยัยตัวแสบ
				
30 กันยายน 2552 11:20 น.

นายวายร้ายกับนายตัวแสบ(ภาคอนุบาล)

กระต่ายใต้เงาจันทร์

สวัสดีฮับคุณครูแม่
เสียงเล็กๆกังวานทักทายตอนเช้าพร้อมสวัสดีหน้าโรงเรียนอนุบาล
เรียกคุณครูดีไหมครับ  เสียงตอบมา   อยู่โรงเรียนเรียกคุณครูกระต่ายตามเพื่อนหรือจะเรียกคุณแม่เหมือนที่บ้านดีหล่ะ   เจ้าตัวน้อยเลือกเอาสักอย่าง
ป๊อบอก,,,ให้เรียกครูกาต่ายฮับ,,,
อ้อพ่อหนูน่ะเหรอ
ฮับ,,,
เด็กชายอ้วนกลมอายุ  สี่  ขวบ  ผิวขาวอมชมพูริมฝีบางขยับขึ้น  ขยับลง  ยามเจรจา   แก้มเป็นสีแดงเรื่อยามต้องแสงแดดอ่อนๆ ดูแล้วรูปหล่อเหลือเกิน
ชื่ออะไรค่ะ  ฉันแกล้งถามลูกชายตัวเอง
ลูกป๊อดร.ฤทธิชัย   ชื่อฤทธิไกร  แม่ชื่อกาต่ายฮับ

เก่งจังแต่วันนี้    จะมีนักเรียนหญิงเข้ามาเรียนใหม่   ที่ชั้นอนุบาลหนึ่งของเรา
แล้วหนูมาแต่เช้าทำไมค่ะ
มาสไปร์ฮับ,,,ตัวน้อยตอบ
อยากกินสไปร์เหรอลูก  ดื่มมากไม่ดี   ฟันจะผุค่ะ
สไปร์คือ  ทำให้ตื่นเต้นฮับ   นู๊ให้ป๊ออาบน้ำแต่งตัวหวีผมใส่เจลทาแป้งหอมๆๆป๊อบอกว่าสาวๆๆชอบให้ตัวหอมๆฮับ
ฉันหัวเราะในถ้อยคำที่ช่างเจรจาของตัวน้อยและคำสอนของพ่อของลูก
เอาจ๊ะๆๆๆหล่อมากหอมมาก   ลูกใครน๊า
ไปเข้าห้องเรียนกัน
เมื่อเข้ามาในชั้นเรียน   เด็กผู้หญิงไว้หางเปียตากลมโตขนตางอนผิวขาวนวลเนียนก็แนะนำตัว
หนูชื่อเล่นน้องส้มค่ะ   ชื่อจริงกิติกานต์ค่ะ
ใครจะให้เพื่อนนั่งด้วยคนได้ไหมค่ะ
ลำแขนกลมนิ้วป้อมๆชูแขวนขึ้น
หนูฮับ    ตัวน้อยร้องตอบพร้อมจ้องสาวเจ้าไม่วางตา
น้องส้มกับตัวน้อยคุ้นเคยกันอย่างรวดเร็ว
ในเย็นวันหนึ่งที่ตลาด  เจ้าตัวแสบร้องขอตังค์ไปหยอดไข่ไม่หยุด ได้อะไรก็ไม่เลิกสักที  จนได้แหวนมาวงหนึ่งถึงยอมกลับบ้าน
นี่ต้องโทษพ่อชอบตามใจลูก ฉันบอกพ่อของลูกที่อมยิ้มกับพฤติกรรมเจ้าตัวน้อยหนักหนา
ภายในห้องอนุบาลเมื่อถึงวันไหว้ครู
เพื่อนๆเสนอให้ตัวน้อยถือพานแทนผู้ชาย
เด็กหญิงส้มถือพานแทนผู้หญิง
ฉันเดินไปดูที่ห้องโถงที่จัดพิธีไหว้ครู
กลับมาที่ห้องเห็นเด็กๆล้อมวงกันมี   ตัวน้อยอยู่กลางวงกับเด็กหญิงส้ม
พร้อมควักไข่ออกจากกระเป๋าเปิดเอาแหวนที่หยอดไข่มาสวมให้น้องส้มที่นิ้วขวา
เค้ารักส้มน่ะ  หมั้นก่อนเดี๊ยวค่อยแต่งงาน
ดีๆๆแต่เดี๊ยวส้มเอาผ้าปิดหน้าก่อนพร้อมหยิบผ้าเช็ดหน้าลายแดงที่พกมาคลุมหน้าตัวเอง
แต่เค้าว่า   เดี๊ยวเอาพานไหว้ครูแห่รอบห้องสามรอบก่อน   เพื่อนๆต่างสนับสนุน    ต้องโห่ด้วย  เห็นในทีวีเค้าทำกัน
ว่าแล้วเพื่อนๆก็ช่วยเอาตัวน้อยขี่คอเจ้าอ้วนในห้องแห่รอบห้องเรียน
ส้มรอที่ห้องน่ะตัวน้อย
ฮับ  ตัวน้อยตอบ
ฉันแอบดู  เออที่ลูกสับสนรึปล่าวนั่นเอาพิธีแห่นาคปนแต่งงานไหม ลูกเอ๋ย
ฉันกลั้นหัวเราะแทบไม่อยู่  แล้วแอบดูเงียบๆ
เห็นเด็กๆเอาเข็มขัดมากั้นประตูกันสนุกสนานแล้ว เห็นตัวน้อยให้ค่าผ่านประตูคนละบาทเกือบสิบเข็มขัดน่ะนั่นน่ะ   ที่กั้นประตูกัน
น้องส้มตังค์ตัวน้อยหมดแล้ว
เดี๊ยวน้องส้มเปิดประตูไปหาเอง  ตัวน้อยเตรียมเอาไม้บรรทัดเปิดผ้าคลุมหน้าน้องส้มน่ะ
เด็กๆจ๊ะๆๆๆ   ต่อแถวเริ่มขบวนรถไฟได้แล้ว  ผู้ชายต่อแถวผู้ชาย  ฤทธิไกรถือพานอยู่หน้า
ผู้หญิงต่อแถวกิติกานต์     ที่ถือพานอยู่หน้าจ๊ะ
ฉันส่งเสียงล่วงหน้าไปก่อนเพื่อให้เด็กๆรู้ตัวรถไฟออกขบวนได้ค่ะ
ปรู๊นๆๆๆๆๆ
นี่หล่ะนายวายร้ายกับยัยตัวแสบภาคอนุบาล
				
11 กันยายน 2552 11:26 น.

กระต่ายกับนายจันทร์เจ้า

กระต่ายใต้เงาจันทร์



หวัดดีครับ   พี่กระต่าย

เสียงเอ็มเอสเอ็นดังจากที่ไหนร้องขึ้นดังที่โน๊ตบุ๊คของฉัน


ใครเป็นพี่นาย    นายเป็นใครนี่  เข้ามาในเอ็มชั้นได้ไงว่ะ

ฉันพิมพ์ตอบกลับไปด้วยความสงสัยและกังขา   มีน้องตั้งแต่เมื่อไรว่ะ  และคิดอยู่ในใจใครในสำนักงานอำเราเล่นอีกแน่ๆๆ

โห....หน้าตาดูไม่ได้แถมยังพูดไม่เพราะอีก....พี่เป็นกระต่าย....ผมก็เป็นดวงจันทร์สิคร๊าบ....ผมนายจันทร์เจ้า....เสียงข้อความตอบกลับมาหาอีกครั้ง

เอ๊ะ....กวนชะมัด...คนยิ่งปวดฟันอยู่ด้วย....ฉันพาลกลับไปกับอาการปวดฟันที่ทำให้เขียนแผนการสอนไม่ได้จนอารมณ์ไม่ดี

แล้วแอบคิดในใจ  ใครก็ไม่รู้  แกล้งให้เข็ด  อยากเข้าทัก  จะป่วนให้ปวดหัวบ้างไหนๆฉันก็ปวดฟันแล้วนี่นา  จะให้คนอื่นสบายได้ไง

เสียงข้อความนายจันทร์เจ้าพิมพ์กลับมาอีกครั้ง

5555......พี่กระต่ายทำไรอยู่ครับ    ทำงานอะไร    

อ้อ...ไม่มีงานทำค่ะ   นั่งหายใจเล่นไปวันๆ

อ้าว...แล้วเอาอะไรกินครับนายจันทร์เจ้าถามกลับมาอีกครั้ง

ก็หากินตามวัดค่ะ   ที่วัดไหนมีอาหารเหลือเยอะก็ไปกินที่นั่น....ฉันตอบไปด้วยอารมณ์สนุกอาการปวดฟันทุเลาลงบ้างเพราะได้กวนนายจันทร์เจ้าคนนี้

a...b...c...แล้วไปกินยังไงอ่ะ...นายจันทร์เจ้าคงสงสัยฉันคิด

ก็พอมีคนจุดธูปพี่ก็จะลอยไปตามกลิ่นธูปค่ะ.....  แต่ถ้าอาหารมีของโปรดพี่  พี่กระต่ายก็จะถอดหัวออกจากคอค่ะ   แล้วลอยไปกิน
แล้วนายหล่ะ...กินอะไรเป็นอาหาร....ฉันถามบ้าง...

55555.....เสียงหัวเราะพิมพ์มาเป็นข้อความ...ผมหากินตามถังขยะคร๊าบ...

ไอ้เด็กบ้า....กวน.....เออแน่ะใครก็ไม่รู้ทำให้ฉันหายปวดฟันได้ชั่วคราวและอารมณ์ดีขึ้นอย่างมากมาย

พี่กระต่ายครับ....ผมขอเบอร์พี่หน่อยได้ไหม

ได้สิเจ้าค่ะ...ขอมา...จาดปาย...แล้วฉันก็ส่งหมายเลขเบอร์โรงพักที่จังหวัดหนึ่งให้

เบอร์มือถือไม่มีเหรอครับ....นายจันทร์เจ้าถามผ่านจอคอมพิวเตอร์มาอีกครั้ง


มีค่ะน้อง....แต่มือถือพี่...มีไว้ถือค่ะเพราะมันคือมือถือ....นี่เบอร์บ้านโทรได้ตลอด24ชั่วโมงค่ะมีคนรับสายตลอด

พี่กระต่ายไปหล่ะ...จะเที่ยงแล้วไปหาอะไรกินก่อนมีคนจุดธูปเรียกแล้ว

5555......นายจันทร์เจ้าจอมเส้นตื้นหัวเราะกลับมาอีกครั้ง  ครับแล้วผมจะโทรหา

ค่ะ....บาย...ฉันออกจากเอ็มเอสเอ็น   และปิดโน๊คบุคลง    ฉันเองก็ไม่รู้ว่านายจันทร์เจ้าเป็นใคร    อยู่ที่ไหน   หรือคนที่สำนักงานแกล้งอำกันเล่นรึปล่าว

แต่ไม่ว่านายจันทร์เจ้าจะเป็นใคร

วันนี้ฉันมีความสุขและหายจากอาการปวดฟันเป็นปลิดทิ้ง
ฉันเดินออกมาด้วยรอยยิ้มและมองโลกสดใสไปอีกวัน...ขอบคุณน่ะ..นายจันทร์เจ้า...(ฉันแอบขอบคุณใครไม่รู้อยู่ในใจ)

แต่ที่แน่ๆ  ถ้านายจันทร์เจ้าโทรไปที่เบอร์ฉันให้ไม่รู้อะไรจะเกิดขึ้นบ้างสิ..?
				
4 กันยายน 2552 12:22 น.

เตรียมตัวก่อนตาย

กระต่ายใต้เงาจันทร์


เมื่อเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา พระอาจารย์ เล่าให้ฟังว่า ท่านไปงานเผาศพพระมา ด้วยความสงสัยจึงกราบเรียนถามท่านว่า พระภิกษุรูปนั้น เป็นอะไรจึงได้มรณภาพ 
    ตั้งแต่ได้ฟังเรื่องในวันนั้น ยังวิตกกังวล เรื่องพิษภัยของการอยู่คนเดียวมาโดยตลอด
  มีคำกล่าวว่า "อยู่คนเดียวให้ระวังความตนเอง"  ครั้งนี้น่าจะบทเรียนที่ดีได้
   ข้อเขียนต่อไปนี้ไม่ได้ต้องการลบหลู่ดวงวิญญาณของพระผู้มรณภาพ แต่ต้องการเขียนเพื่อเป็นข้อคิดสะกิดใจ ของหลายๆคน
     "วันนี้ไปเผาศพพระ มา"
    "พระเป็นอะไรมรณภาพ หรือค่ะ
    "พระผูกคอตาย"
   เรื่องเป็นอย่างไรหรือค่ะ"
    พระภิกษุรูป เป็นเด็กกำพร้า ถูกทิ้ง อยู่ที่สะพาน มีคนใจบุญเก็บมาเลี้ยง และส่งเสียให้เรียน จนเป็นหนุ่มใหญ่ ท่านจึงมีโอกาสบวชในพระพุทธศาสนา เมื่อบวชแล้วท่านยังเป็นธรรมจาริก ออกไปสอนเด็กชาวเขา ดูเหมือนแล้วชีวิตของท่านน่าจะมีความสุข แต่ไม่เป็นเช่นนั้น
     ท่านมักจะเก็บตัวเงียบอยู่ในกุฏิเสมอ  ท่านมีความน้อยเนื้อต่ำใจ เป็นอย่างยิ่งที่เกิดมาไม่รู้ว่าใครเป็นพ่อ - แม่  ยากจน   แถมยังมีโรคร้ายประจำตัว คืออาการปวดศรีษะ ที่รักษาไม่หาย  แต่ทั้งหมดนี้ไม่มีใครรู้ว่าท่านมีความรู้เช่นนี้ เพราะปกติจะเห็นท่าน เมื่อเสร็จธุระจากข้างนอก มักจะเก็บตัวอยู่ในกุฎิเสมอ กว่าจะรู้ว่า ท่านมีความน้อยเนื้อต่ำใจเช่นนี้จากจดหมายลาตายที่พบใน  กุฎิของท่าน ดูเหมือนว่าท่านได้เตรียมพร้อมกับความตายครั้งนี้    
      ไม่มีใครในวัดสังเกตุว่าท่านได้เตรียมตัวที่จะตาย เพราะท่านได้ซื้อเครื่องดื่ม เก็บไว้ในกุฎิเป็นจำนวนมาก ทั้งหมด ท่านเตรียมไว้เพื่อเลี้ยงแขกผู้มาร่วมงานศพของท่าน พร้อมด้วยเงินอีกห้าหมื่นสำหรับจัดงานฌาปกิจศพ นอกจากนี้ท่านยังห่วงคนที่จัดงานศพว่าเงินที่เตรียมไว้ไม่พอ
      ท่านจึงเขียนต่อไว้ในจดหมายที่พบว่า "อาตมาขออภัยญาติโยมทุกท่าน  ที่ทำแบบนี้ เงินที่เตรียมไว้ทั้งหมดนี้ ขอให้ใช้การจัดงานศพของอาตมา ถ้าเงินไม่พอขอให้สำรองจ่ายไปก่อน แล้ว มีโอกาสอาตมาจะนำมาคืนภายหลัง"
                      ลงชื่อ
                       พระ.........				
2 กันยายน 2552 13:01 น.

หัวใจติดแอร์

กระต่ายใต้เงาจันทร์


ในเวลาเช้า  ฉันนั่งจัดรายการวิทยุ ทางคลื่น วิทยุ  คลื่นหนึ่ง  ที่สถานีของพิจิตร   เพื่อออกอากาศประชาสัมพันธ์งานแข่งเรือของวัดหัวดงจังหวัดพิจิตร

มีเสียงเดินกระแทกส้นเท้าเดินขึ้นบันไดมาที่ห้องอัดรายการ

แล้วโยนสูติบัตรงานแข่งเรือตรงหน้าคอม    เปิดเกมส์เล่นเกมส์เรียงไพ่ดับอารมณ์โกรธด้วยอาการกระแทกกระทั้น

แช๊ะ   แช๊ะ   เสียงกดชัตเตอร์ดังออกจากกล้องใครคนหนึ่ง

ถ่ายรูปผมทำไมกำนันต่าย     เสียงถามลอยตามมาด้วยอารมณ์ขุ่นมัว

อ้อ....กระต่ายเรียนธรรมมะค่ะอยากรู้อารมณ์  โกรธ    อารมณ์เป็นทุกข์  หน้าตาเป็นอย่างไร   ฉันตอบกลับ  พร้อมหันจอกล้องให้ดู

ว๊า.....สงสัยคนนี้คนไม่ใช่ท่านผู้อำนวยการน่ะค่ะเพราะไม่หล่อเหมือนคนเดิม   แต่หน้าตาเหมือนยักษ์

นี่กำนัน    ผมไม่ใช่คนธรรมมะ  ธรรมโมนี่   มีอะไรก็เฉย   ไม่รู้ร้อนรู้หนาว   ไม่รู้อยู่อารมณ์ไหน พร้อมส่งสายตาค้อนวงใหญ่แบบผู้หญิงมาให้

อ้อเหรอค่ะ....ฉันเอียงคอยิ้มตอบกลับไป....แหมนั่นอาการปัญญาอ่อนแล้วรึปล่าว  คนเรียนธรรมมะเขาเรียนเพื่อรู้ความจริงของชีวิตค่ะ  เหมือนคนไฟไหม้บ้านไงค่ะ   คนไม่รู้ก็แบกตุ่มหนีไฟร้อง...ช่วยด้วย...ช่วยด้วย..ไฟไหม้,,,แบกไปร้องไปไม่หยุด  

คนรู้ก็จะหาเครื่องดับไฟมาดับ

งั้นมีสักเครื่องไหมหล่ะผมจะฉีดปากกรรมการพวกนั้น   
นั่นแน่ผู้อำนวยการเปลี่ยนหน้าตาจากยักษ์เป็นเทพบุตรแล้ว    ดีจัง   ฉันยั่วแหย่ตอบกลับไป

ความจริงของชีวิตมีอะไรบ้าง     ผู้อำนวยการ  ถาม

อ๋อ....งที่กระต่ายเรียนก็มีโลกธรรมแปดค่ะ   มีลาภเสื่อมลาภ   มียศเสื่อมยศ    นินทา  สรรเสริญ  สุข  ทุกข์   เวียนว่ายในชีวิตทุกวัน
พูดง่ายทำยาก    ผมว่า

ไม่ยากหรอกค่ะ   เหมือนเราทานกาแฟกับคอมฟี่เมต   ถ้าเราเป็นช้อน  เราก็แยกออกจากกันได้   ถ้าเราเป็นน้ำตาลก็จะละลายกับกาแฟ
ทำยากแต่ไม่ใช่ทำไม่ได้ค่ะ  ก็เหมือนฝนตกเปียกก็รู้   นำท่วมบ้านก็รู้   แดดออกร้อนก็รู้ว่าร้อน   รู้แล้วก็วางค่ะ

อ๋อ....หัวใจกำนันกระต่าย  ,,,,คงติดแอร์สิน่ะ       ถึงใจเย็นและสวยขึ้นทุกวัน

ถ้าอยากหล่อขึ้นใจเย็นขึ้น  ก็ลองทำบ้างสิค่ะ  ท่านผู้อำนวยการ

กระต่ายขอตัวกลับเข้าไปจัดรายการวิทยุก่อนค่ะ

				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระต่ายใต้เงาจันทร์