25 สิงหาคม 2553 12:22 น.

นิทานธรรมบทบั้นปลาย( การกระเสือกกระสนทำลายสงฆ์ ) )

กระต่ายใต้เงาจันทร์

เรื่องที่  ๑๓๓  การกระเสือกกระสนทำลายสงฆ์
		มีเรื่องเล่าว่า   พระเทวทัตต์กระเสือกกระสนที่จะทำลายสงฆ์   วันหนึ่ง   เห็นท่านอานนท์กำลังเที่ยวบิณฑบาตอยู่  ได้บอกความประสงค์ของตนให้ท่านทราบ   พระเถระได้ทราบเช่นนั้น  ได้ไปทูลพระศาสดา
	พระศาสดาทรงสดับเช่นนั้น  ได้ทรงเปล่งอุทานว่า
	ความดีคนดีทำง่าย  ความดีคนชั่วทำยาก   ความชั่วคนชั่วทำง่าย
	ความชั่วคนดีทำได้ยาก
	แล้วตรัสว่า  อานนท์  ขึ้นชื่อว่ากรรมที่ไม่เป็นประโยชน์แก่ตน  ทำได้ง่าย  กรรมที่เป็นประโยชน์แก่ตนทำได้ยากนักหนา   แล้วตรัสพระคาถานี้ว่า
	กรรมอันไม่ดี  และไม่เป็นประโยชน์ของตนคนทำได้ง่าย  กรรมที่ดีและเป็นประโยชน์แก่ตนคนทำได้ยากยิ่ง
คติจากเรื่องนี้
คนเรา  สิ่งที่เป็นประโยชน์แก่ตนเอง  ทำได้ไม่ค่อยง่ายนัก  ส่วนที่เป็นประโยชน์เล่า  กลับทำได้ง่ายเหลือเกิน   มันก็น่าแปลกประหลาดมหัศจรรย์อะไรเช่นนั้น  ทั้ง  ๆ  ที่ทุก ๆ  
คนก็ต้องการและปรารถนาประโยชน์ของตนด้วยกันทุกคน				
25 สิงหาคม 2553 12:10 น.

รักอย่างไรไม่ให้ใจเป็นทุกข์

กระต่ายใต้เงาจันทร์


รักอย่างไรไม่ให้ใจเป็นทุกข์

ในมุมมองของความรักหลายรูปแบบ   พอรักแล้วคนหลายคนมักทุ่มเทกับสิ่งที่ตัวเองรัก  ทุ่มไปเท่าไรก็เรียกร้องที่จะได้กลับมาเช่นกัน   บางครั้งจึงรู้สึกว่าความรักมักจะแฝงด้วยความเห็นแก่ตัวหรือเปล่า
เรียกร้องหรือยินดีในสิ่งที่ตัวเองต้องการมากเกินไปหรือเปล่า  ท้ายที่สุดจึงกลับมาทำร้ายตัวเอง
ความรักเป็นสิ่งดีและสวยงาม  รูปแบบของความรักของคนหลายคนจึงต่างกัน  ไม่ว่า   รักเพื่อน    รักพี่น้อง    รักพ่อแม่   รักครอบครัวหรือแม้กระทั่งแฟนตัวเอง   ความรักจึงต้องใช้ให้ถูกกาลเทศะและวิธีแต่สิ่งที่ทุกคนควรจะรักและนับถือคือ  ตัวเอง  รักและชื่นชมในตัวเองในการกระทำความดีหรือแม้แต่เรื่องงาน
รักแล้วอย่าเห็นแก่ตัวต้องยอมรับและปรารถนาให้ผู้อื่นเป็นสุขด้วย
อย่าคาดหวังว่าจะต้องเป็นอย่างนั้นอย่างนี้เสมอไป  ยอมรับในตัวตนซึ่งกันและกัน  บางคนอาจขี้บ่น     ขี้โมโห    บางคน   อาจชอบน้อยใจจะต้องยอมรับให้ได้ให้ได้ในความแตกต่างมองหาข้อดีมาทดแทนทั้งสองฝ่ายจะปรับตัวจะใช้ชีวิตร่วมกันง่ายขึ้น
ไม่ควรทำแต่สิ่งที่ตัวเองชอบต้องนึกถึงใจของอีกฝ่ายด้วยจึงต้องมีความเกรงใจมาประกอบด้วยเพราะเราอาจลืมข้อนี้ไปในความเกรงใจคือการให้เกียรติเคารพนับถือซึ่งกันและกัน
รู้จักพูดจาชื่นชมและให้กำลังใจอีกฝ่ายและคอยช่วยเหลือสนับสนุน
สิ่งสำคัญ   ต้องรู้จักแสดงออกซึ่งความรัก  สำหรับผู้หญิงแล้วคงสำคัญ  ในการจำวันสำคัญ ต่างๆตั้งแต่เริ่มรักกันจนมีครอบครัว สำหรับผู้ชาย  ผู้หญิงคงต้องคอยดูแลในเรื่องสิ่งที่ผู้หญิงควรทำแต่ควรมีแต่พอดีและพองาม  ความรักถ้าคนสองคนพร้อมที่จะก้าวไปด้วยกันโดยรู้หน้าที่ของแต่ละคนคงจะดีที่สุด
แต่สำหรับมุมมองของผู้เขียนเอง   ความรัก    คือ  ความเมตตา   ความไม่ยึดติดสิ่งหนึ่งสิ่งใด   การให้อภัย
เลือกที่รักสิ่งให้ตัวง่าย   ๆในธรรมชาติ    ต้นไม้   ภูเขา    สายฝน   หรือแม้กระทั่งรอยยิ้มของเด็กๆตัวเล็กๆบางทีเราความเหนื่อยก็หายไปเพื่อมองสิ่งเหล่านี้   ด้วยความรักและเป็นสุข
เพราะเราเองก็ไม่รู้ว่า  วันใดลมหายใจจะสิ้น......
				
17 สิงหาคม 2553 21:20 น.

ความศรัทธาอยู่ที่ใด

กระต่ายใต้เงาจันทร์


                           ความศรัทธาอยู่ที่ใด


ในแง่มุมของความศรัทธา  เป็นสิ่งที่จับต้องไม่ได้  ฉะนั้นความศรัทธาคงอยู่ที่หน้าตาแต่ละคนสร้างขึ้นมาในตัวเองไม่ว่าด้านไหนดีหรือเลวสมควรทำหรือไม่สมควรทำมนุษย์มักเอ่ยคำและหาเหตุผลมารองรับตัวเองเสมอ
ความศรัทธาคงน้อยลงไปเรื่อยๆในโลกแห่งโลกาภิวัตน์  เมื่อความศรัทธาในด้านดีลดลง  ความเมตตาค่อยๆเลือนหาย  ความเห็นแก่ตัวและเอาอารมณ์เป็นที่ตั้งย่อมมีอำนาจเหนืออื่นใด  เพื่อความอยู่รอดของตัวเอง   เพื่อความพอใจของตัวเอง
เพื่ออำนาจของตัวเอง เพราะสังคมเริ่มแบ่งพรรคแบ่งพวกแบ่งฝ่าย  มนุษย์จึงดิ้นรนตามสัญชาติญาณการอยู่รอด

ความรัก    ชีวิต   ความเมตตา    ศาสนาเริ่มห่างไกลออกไปทุกทีเพราะทิศทางการดิ้นรนเริ่มเข้มข้นขึ้นเพราะเศรษฐกิจย่ำแย่ลงจุดหมายของความฝันเริ่มหริบหรี่เลือนลางดุจแสงหิ้งห้อยใต้แสงจันทร์
แต่ถ้ามาย้อนดูหน้าประวิติศาสตร์เช่น   มหาตะมะคานธีท่านทำให้อินเดียไม่เป็นเมืองขึ้นเพราะมีความศรัทธาและเสียสละ
แม้ในทางพระพุทธศาสนาคงต้องยกให้พระพุทธทาส
ในตัวเราเองถ้ากลัวการเปลี่ยนแปลง   กลัวลำบาก   ท้อถอยกับสิ่งที่ได้เจอ   ความทุกข์ยิ่งได้ใจความศรัทธายิ่งอ่อนแรงซึ่งมักเกิดขึ้นได้กับมนุษย์ทุกคนทุกชนชั้นทำให้ความอดทนสิ้นสุดลง ไม่เชื่อถือเรื่องคุณธรรม  ให้ความสำคัญของอำนาจ  วัตถุเหนือสิ่งอื่นใด
ความศรัทธาที่ซุกซ่อนย่อมจมหายแทบหาไม่เจอ   ดังนั้นความศรัทธาต้องมีความกล้าบวกเข้ามาด้วย จึงจะเกิดศักยภาพแบบไร้ขีดจำกัดลองค้นหาตัวตนในตนเองให้ดี  เพราะเรามักมีสิ่งดีๆติดตัวมาด้วยเสมอ   เพียงค้นหาให้เจอก็เท่านั้น
อยู่ที่เราจะค้นเจอหรือไม่  บางคนเจอแต่กลับไม่รู้วิธีใช้   คงมีบ้างเพราะ  บางคนศรัทธาในอำนาจ   ศรัทธาในรูปร่างหน้าตา  หรือศรัทธาที่ชอบยกตนข่มท่านอยู่เหนือคนอื่น
ก็เหมือนที่ว่า  ถ้าเราอยู่ใกล้ผู้ใดแล้ว   อบอุ่น   มีความสุข   อยากพบ  อยากเจอ   อยากพูดคุย  สนทนา  อยากไหว้  อยากกราบนั้นคือ   ศรัทธาที่แท้จริง
แต่ในทางกลับกันถ้าผู้ใด   ใช้อำนาจที่มีอยู่ในมือ ไปในทางที่ผิด   ข่มขู่  ยัดเหยียดเรียกร้องแต่เรื่องที่ตนเองชอบและพอใจ  เอาแต่ใจตัวเองเป็นที่ตั้ง  ไร้หลักเมตตาและไร้มนุษยธรรม  การสร้างความศรัทธาแบบนี้คงสะท้อนและตอบสนองมาในทางตรงกันข้าม
ทุกคนจึงต้องมีความศรัทธาแต่ต้องเป็นการสร้างความศรัทธาที่ถูกวิธีตามสำเร็จจึงจะตามมาและได้รับการยกย่อง
                                                             กระต่ายใต้เงาจันทร์
				
11 สิงหาคม 2553 12:11 น.

แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว

กระต่ายใต้เงาจันทร์



แค่นี้ก็มีความสุขแล้ว 
วันพระ 
       วันพรุ่งนี้เป็นวันแม่   หลายวันนี้เดินทางมาจังหวัด  ประชุม   สัมมนาทางวิชาการ   พอมีเวลาว่างบางช่วง    จะสอนสมาธิให้นักเรียนตามโรงเรียนต่างๆ      จนนำเข้าสู่การละลายพฤติกรรมและนำของราวงวัลมาแจกเด็กๆ    แววตาของเด็กที่มองดูเราด้วยความไร้เดียงสา   และตั้งใจเรียน    เข้ามากอด  ขอหอมแก้ม   ทำให้เรามีความสุขประหลาดล้ำ    ที่ทำให้เด็กๆต่างจังหวัด  ที่ด้อยโอกาส     แต่มีความไร้เดียงสา  เหมือนพลังปลุกปลอบให้เรามีพลังสัมผัสกระแสของความสุขง่ายๆ    หลายคนของความเป็นอยู่ในชนบท  อยู่กับ  ยาย   กับตา   บางคน ไม่มีความทรงจำเกี่ยวกับแม่   เมื่อเรียนสมาธิและสอนข้อคิดง่ายๆให้เด็กเข้าใจแล้ว    เปลี่ยนพฤติกรรมเริ่มเปลี่ยน   จากที่เคยด่าทอ  ใช้คำหยาบคาย   ตามคำผู้ใหญ่ เริ่มพูดเพราะนุ่มนวลขึ้น ในการสอน ทุกครั้ง  จะใช้คำพูดที่อ่อนโยน  และสุภาพ   เสมอ   ไม่ว่าผ่านไปเท่าไร  สอนด้วยสีหน้าแย้มยิ้มตลอดเวลา   เราจึงสามารถสอนสิ่งนี้กับเด็กๆได้เพราะเราทำเป็นตัวอย่าง  คำพูดก็เหมือนคำพร    เราพูดสิ่งดีๆก็เหมือนให้พรตัวเอง    ยิ่งเป็น  พ่อแม่    ครู  อาจารย์  ยิ่งเป็นคำพรสำหรับเด็กๆ   อาจเป็นเรื่องยาก  ถ้าเด็กมีจำนวนมาก  หรือ  นิสัยดื้อบ้าง   ก้าวร้าวบ้าง   แต่นั่นคือหน้าที่ของผู้ใหญ่  ที่จะหล่อหลอมและมอบสิ่งดีๆให้กับเขาเหล่านั้น  หลังบทเรียนให้เด็กเขียนความรู้สึกต่อคนที่เรารัก   เพราะหลายคนไม่มี  ไม่รู้  จะเขียนเกี่ยวกับแม่อย่างไร
เด็กบางคนอยู่กับยาย   พูดเพราะมาก   เรียบร้อย   ชอบช่วยเหลือ  เขาเขียนบรรยายว่ายายสอนทุกวัน   ต้องช่วยเหลือเพื่อน  ช่วยเหลือคุณครู  มีอะไรกินต้องแบ่งปันกัน  ทุกวันก่อนมาเรียน  ยายจะให้พรขอให้แต่ความสุขความเจริญ พอกลับบ้านยายก็คำพูดเหมือนเดิม
บางคนอยู่กับแม่  เวลาแม่ไม่เมา    แม่จะใจดี     แต่เวลาแม่เมา   แม่จะดึงมาทุบตี  ด่าทอ  พ่อให้ฟัง
บางคนอยู่กับพ่อ  ไม่มีแม่  แต่พ่อจะดูแลทุกอย่าง   ทำกับข้าว   เตรียมเสื้อผ้าให้  มาส่งโรงเรียน แต่เวาลาพ่อเมา    พ่อจะเปลี่ยนเป็นคนละคน   โมโหร้าย   พาผู้หญิงมานอนที่บ้าน
จึงสอนเด็กไปว่า   ไม่ว่าใครจะเป็นอย่างไรใช้ชีวิตอย่างไร    หนูเห็นตัวอย่างทั้งดีและไม่ดีใช่ไหมคะลูก  หนูเลือกได้เก็บสิ่งดีๆมาใช้    บางครั้งบางเรื่องเราก็หาเหตุผลให้มันไม่ได้   เราคิดว่าเราทำตัวดีแล้ว  ทำไม  ยังโดนตี   โดนด่า     หนูมีหน้าที่เรียน  ไม่ต้องน้อยใจว่าทำไมไม่ได้เรียนในโรงเรียนดีๆอย่างคนอื่น  หนูมีสิ่งอื่นทดแทน  เพราะรอบๆตัวหนูยังมีธรรมชาติมีอากาศบริสุทธิ์ มีต้นไม้    ภูเขา    แม่น้ำ  ยังได้ยินเสียงนกร้อง  ผิดกับสังคมเมือง
เราจึงต้องสร้างตัวเองให้เข็มแข็ง โดยต้องเป็นคนดี    ทำบุญให้กับตัวเองทุกวัน   คือ   คำพูดที่ไพเราะ     การมีน้ำใจ     ไม่โกหก   ซื่อสัตย์  มีเมตตา  ต่อทุกสิ่ง  ให้ความรักแก่ตัวเอง   คือ มีความคิด ที่ไม่เคียดแค้น     น้อยใจ    เอาสิ่งนี้มาเป็นพลัง ทำอย่างไรชีวิตข้างหน้า  จะดีกว่าชีวิตในวันนี้นะคะ
เมื่อพักกลางวัน เด็กๆจะมอบขนมมาให้เราทานและนั่งล้อมวงทานอาหารใกล้ๆ  เอาของฝากที่เป็นดินสอที่มีรูปทรงต่างๆ      ปากกาที่มีหัวเป็นตัวการ์ตูนมาอวดกัน  ด้วยสีหน้าเปี่ยมสุข
ทุกครั้งถ้าฉันต้องเดินทาง   มาทำงานต่างจังหวัด    แม้จะมีเวลาน้อยเพียงใด   ตารางงานเต็มขนาดไหน   ฉันจะต้องจัดสรรเวลามาที่นี่เสมอ    เพราะฉันคิดว่าทุกคนมีเวลาเท่ากันเพียงแต่เราสามารถรู้จักแบ่งเวลาเท่านั้น
โรงเรียนนี้  เป็นความทรงจำ  ของพ่อ ที่พ่อ   สร้างมากับมือ   พร้อมชาวบ้าน เมื่อก่อนเด็กๆในตำบลจะเรียนกันฟรี   ผู้ใหญ่ที่มีความรู้จะผลัดกันมาสอน  ผู้หญิงจะมีเวรทำอาหารกลางวันมาเลี้ยงเด็กๆ  สมัยฉันยังเป็นเด็กหญิงตัวเล็กๆวิ่งเล่นไปมา
แต่เมื่อพ่อจากไป   โรงเรียนก็เก่า   และทรุดโทรมไปตามกาลเวลา  แต่ความทรงจำมิเคยจางหายจากใจฉัน  เวลาเปลี่ยนทุกสิ่งได้   แต่ไม่สามารถเปลี่ยนความทรงจำของฉันที่มีแต่พ่อได้แม้แต่น้อย  ฉันจึงชอบกลับมาที่นี่มาหาความสุข
ความสุขของเราคือ  เราอย่าปิดประตูขังตัวเองอยู่ในโลกแคบๆเพราะโลกนี้ยังกว้างใหญ่มีอะไรให้เราเรียนรู้มากมายจงใช้ชีวิตให้มีค่าเปิดประตูสู่โลกกว้างก่อนที่จะพบว่าเวลาเหลือน้อยเต็มที

ความสุขหาได้ง่ายๆจากสิ่งรอบตัวไม่จำเป็นต้องเป็นเงินทอง    แค่ดอกไม้ข้างทาง
ภูเขา   แม่น้ำ   ท้องฟ้า  ต้นไม้และรอยยิ้ม   นี่คือความสุข เพียงแต่เราอย่ากำหนดว่าสิ่งนั้นสิ่งนี้เป็นความสุข เราจะรู้สึกอิสระปลอดโปร่งความสุขจะเกิดได้ง่ายเพราะใจเป็นสุข
ความอบอุ่นจริงใจไม่ใช่หาได้จากทุกคน  แค่มีคนพิเศษคนหนึ่ง  รู้สึกจริงใจยามอยู่ใกล้และคิดถึงยามอยู่ไกลแต่คนพิเศษคนนั้นต้องจริงใจเสมอต้นเสมอปลาย

ไม่มีใครรู้ทางข้างหน้าเป็นอย่างไร  อดีตเปลี่ยนแปลงไม่ได้   อนาคตเราวางและวาดหวังได้แต่สมหวังหรือไม่เป็นอีกส่วนหนึ่งจำปัจจุบันให้ดีที่สุดเท่านั้นพอ ดีของเราอาจไม่เท่าเขา   หรืออาจจะดีกว่าเขา   เต็มที่ของเราเท่านี้จงพอใจและวางลง

แค่นี้ชีวิตก็มีความสุขแล้ว
				
9 สิงหาคม 2553 20:19 น.

น้ำตาฝน

กระต่ายใต้เงาจันทร์


ฤดูฝนพร่ำ    สายฝนโปรยปรายเป็นละอองเบาบางตา
วันหยุด       น่าจะเป็นวันพักผ่อน ที่ฉันสามารถนอนแอกเขนก   ได้อย่างสบาย   ปิดตัวนอนอยู่บนเตียงที่หนานุ่ม  อย่างเกียจคร้านโดยมีเจ้าซ่าหริ่มอยู่บนเตียงเป็นเพื่อนกัน

หรือลุกขึ้นมา  จิบกาแฟที่ศาลาหน้าบ้าน   ในบรรยากาศตอนเช้า  เดินชมกล้วยไม้   ได้กลิ่นหอมของดอกโมกอ่อนๆกระจายฟุ้งปนกับกลิ่นดินผสมกลิ่นน้ำค้างลอยอบอวลอยู่ในอากาศ

ความทรงจำเก่าๆ   ผุดพราย  เหมือนฉายหนังที่วนเวียนซ้ำซากอยู่ในมโนภาพ    ความรัก  ช่างประหลาดนัก  เวลารักเหมือนโลกทั้งโลกมีเพียงเราสองคน    ตอนเช้าช่วยกันไปจ่ายตลาด  ปลุกคนรักขึ้นมาช่วยกันทำกับข้าว   ต่างคนต่างแสดงฝีมือผลัดกันชิม  เธอล้างผักฉันโขลกน้ำพริก  กลิ่นหอมของน้ำพริกกระจายทั่วเรือนหอบ้านกะทัดรัดหลังๆเล็กที่เราช่วยกันตกแต่งพร้อมเสียงหัวเราะ

ความคิดความหม่นหมองจนกลายเป็นความเหม่อลอย  ในความคิดความรู้สึกเจ็บปวดกลับมาอีกเป็นระยะๆ
ฤดูฝนพรำ   น้ำเอ่อท้นล้นตลิ่ง   คลื่นของน้ำบิดตัวเป็นเกลียวคลื่นระลอกยาวและขุ่นสลับกัน       กอผักตบชวาคงฟู่ฟ่อง ล่องไหลในเกลียวคลื่นหมุนวนเคว้งคว้าง  ไม่รู้จบ
มวลแมกไม้สองฝากฝั่งคงเขียวเข้มระริกไหว     อยู่ในสายลมอันอ่อนโยน    ทิวไผ่โยกไหวตามกระแสแห่งแรงลม

นานเท่าใดที่ฉันนั่งมองสายน้ำ   เหมือนกับว่าฉันกับเขายังคงยืนอยู่ชัดเจนที่ริมฝั่งท่า แค่ปลายตาผ่านฉันต้องกลืนกลืนก้อนแข็งๆเหมือนคอขมหรือเกิน   ลงไปในคอ      กล้ำกลืนไว้    เพราะสิ่งที่เหลือเป็นแค่ความทรงจำในอดีตที่เจ็บปวด
ฉันสูดลมหายใจเข้าเต็มปอด          เพื่อสัมผัสกับความสดชื่นบริสุทธิ์ของ   บรรยากาศสายน้ำ      แห่งความทรงจำ     ไม่มีประโยชน์อะไรอีกแล้วที่เราจะมองเห็นแต่ความเจ็บปวดรวดร้าวและ      จ่อจมกับความเสียดาย    เหมือนคลื่นที่ซัดหายไปไกลยังฝั่งฟ้า
ลุกขึ้นสิ ฉันยังมีอีกหลายเรื่อง    ให้ต้องกระทำ     โอบกอดและประคองตัวเองพยุงตัวเองขึ้นมา มอบความรัก    ให้ตัวเองเถิด     อย่าคิดให้ใครช่วยพยุงเลย จะมีประโยชน์อะไรที่ฉันต้องผวาตื่นกลางดึก    ที่พบว่าตัวเองเท่านั่น      ที่ต้องเป็นผู้รอคอย    อย่างไม่มีวันสิ้นสุด    และต้องผวาตื่น     กับความเจ็บช้ำที่ตอกย้ำทุกค่ำคืน     ยังดีในความรู้สึกน้ำตา      ยังเป็นเพื่อนที่ภักดี      ไม่เคยหนีหายจากฉัน ความเศร้าซุกซ่อนอยู่หลืบล่มใด งานและงานเท่านั้น      ที่ทำให้ฉันมีชีวิตอยู่ได้ การเพิ่มพูน   และพัฒนาตัวเอง      เป็นสิ่งที่ฉันควรจะทำ      และกระหายที่จะทำมันด้วยความศรัทธา
จงกล้าหาญที่จะท้าทาย     กับความไม่รู้และโดนเฉพาะอย่างยิ่งความหวาดกลัว  จงกลางใบเรือของเธอขึ้น       เพื่อนำไปสู่มหาสมุทรอันยิ่งใหญ่  เพื่อค้นหาหาดทรายแก้วซึ่งซ่อนอยู่       ณ.โพ้นครอบฟ้าว่ามีอยู่จริงหรือไม่
ไม่ควรอยู่ในความสงสัย      ของกัปตันผู้บังคับบัญชาเรือ       เพราะจะนำมาซึ่งความลังเลและฉุดรั้งความมุ่งมั่น     ในการทำงานของเขา     ทำให้เสียโอกาสอันงดงาม
การลืมใครสักคนเป็นเรื่องยาก     รักใครสักกคนเป็นเรื่องง่าย     อย่าเลือกที่จะลืมแต่จงเปลี่ยนรูปแบบ     และความทรงจำเสียใหม่      แล้วฉันคงจะอยู่ได้อย่างเข้มแข็งและมีโอกาสพร้อมกับความหวังว่าสักวัน...ฉันจะเรียนรู้     และค้นพบความต้องการของตัวเอง     อย่างแท้จริง
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟกระต่ายใต้เงาจันทร์
Lovings  กระต่ายใต้เงาจันทร์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงกระต่ายใต้เงาจันทร์