ช่ออักษราลี
๏ ดุริยางค์เรไรใบไผ่พลิ้ว
สายลมลิ่วบรรเลงขับเพลงหวาน
จักจั่นร่ายเห่เสภากาล
กล่อมพิมานภพสมัยแห่งไมตรี
ผิวเพลงแผ่วแว่วหวานสะท้านแว่ว
กลางป่าแก้วซอไผ่อ้อไล้สี
ลำนำนกร่ายร้องก้องวนาลี
การะเวกเสกฤดีโอ้ปี่ไพร
มโหรีแห่งป่ากล่อมห้อมลมหนาว
รินแสงดาวพรายพริบระยิบไหว
ผสานโคมโสมฟ้าอ่าอำไพ
มาส่องใจสว่างงามท่ามไพรวัลย์
ยามลมหนาวพัดหายจากปลายฟ้า
ปวงดอกหญ้าทิ้งกายให้ไหวหวั่น
เมื่อลมหวนทวนคำมารำพัน
พิณดอกหญ้าเริ่มลั่นสนั่นเพลง
หอมเอยหอมบุหงาระดากลิ่น
หอมถวิลจนหอบใจไปคว้างเคว้ง
หอมโมกแก้วทิพย์มณฑามาวังเวง
จึ่งเชลงร้อยร่ำเป็นคำกรอง๚ะ๛