18 มิถุนายน 2550 09:40 น.

ช่วยวัด

ประภัสสุทธ

หลังจากเสร็จภาระกิจส่วนตัวทางบ้านแล้วผมก็เดินตรงสู่วัดเพื่อหาอะไรทำ ผมเดินบนทางเส้นเดียวกับที่เหยียบเมื่อวานทั้งที่เดินมาแล้ว ๒ วันผมก็ยังรู้สึกว่าวัดอยู่ไกลอยู่ดี วันนี้ไม่ได้กะจะมาเก็บข้อมูลอย่างจริงจังเท่าใดดังนั้นเมื่อถึงวัดผมจึงนั่งแกร่วลงบนก้อนหินเขื่องก้อนหนึ่งตั้งท่าจะหยิบจับอะไรช่วยชาวบ้านทันทีที่เห็น
	หลังจากขนเศษกระเบื้องที่โดนลมพัดลงมาแตกเสร็จแล้วจนผ่านมื้อเที่ยงไปผมรู้สึกว่างานเริ่มหนักขึ้นเรื่อย ๆ ทันทีที่กินข้าวอิ่มเราก็ทำงานต่อ ผมขึ้นตากแดดบนหลังคารื้อกระเบื้องแผ่นที่แตกและใช้ไม่ได้ลงทิ้งชาวบ้านที่มาช่วยกันส่วนมากจะเป็นคนสูงอายุและเด็กตัวเล็ก ๆ จะมีผู้ใหญ่วัยกลางคนบ้างก็ไม่มากผมพยายามเหลียวหาวัยรุ่นผู้หญิงอยู่แต่ก็ไม่เห็น  ทำไมเด็กวัยรุ่นสมัยนี้ไม่รู้จักเข้าวัดบ้างนะปล่อยให่แต่คนแก่ทำงานกันงก ๆ เด็กเล็ก ๆ มันยังรู้จักเข้าวัดถึงจะมาวิ่งซนกวนผู้ใหญ่ทำงานก็เถอะ  ผมนึกในใจ
	ตะวันคล้อยลงมากแล้วแต่แดดยังจัดอยู่เราช่วยกันรื้อกระเบื้องลงเสร็จแล้วก็มานั่งพักหลบแดดอยู่ข้างโรงครัวยังไม่ทันได้หายเหนื่อยดีผู้เฒ่าคนหนึ่งก็สั่งคนที่อ่อนกว่าให้ช่วยกันดันเสาไม้กลางศาลาที่เอียงให้ตรง
 เอาไม้มาค้ำแนบกับต้นเสาแล้วตีตะปูก่อน  ผู้เฒ่าว่า
	เราช่วยกันดันเสาขึ้นให้ตรงโดยมีคนหนึ่งคอยเอาระดับน้ำวัด เสาที่เอียงทั้งสี่ต้นถูกปรับให้ตรงโดยทำแบบเดียวกันกับเสาแรก ตั้งเสาสร็จก็ผสมปูนเพื่อจะหล่อโคนเสาที่เป็นปูนต่อ ถึงตอนนี้ผมช่วยอะไรได้ไม่มากเพราะทำไม่เป็นและดูเหมือนว่าจะว่างงาน ได้แต่นั่งดูชาวบ้านสองสามคนง่วนอยู่กับแบบหล่อข้างโรงครัวอยู่พักใหญ่จึงขอตัวกลับบ้าน
	ผมเดินนวยนาดกลับบ้านเหมือนตอนมาแต่ทว่าขาที่เดินและอาการในร่างกายมันแตกต่างจากเมื่อเช้าอย่างรู้สึกได้ ผมรู้สึกเหนื่อยเอามาก ๆ แขนขาทั้งสองข้างแทบไม่มีแรงแต่ใจนั้นอยากเดินกลับบ้านไว ๆ ทั้งที่เดินเฉื่อยเนือยอย่างนั้น ผมอยากจะยกเลิกการเก็บข้อมูลในตอนเย็นกับพ่อวัน ครั้นมาคิดดูอีกทีก็กลัวเสียคำพูดจึงอยากจะไปให้ได้  กลับถึงบ้านอาการคงดีขึ้นอยู่หรอก  ผมนึก 
	นกเค้าแมวส่งเสียงร้องบินผ่านทางมาเกาะกิ่งไม้ใหญ่ที่ให้เงาครึ้มข้างทาง บรรยากาศเริ่มขมุกขมัวขึ้นเรื่อย ๆ เรือนบางเรือนเปิดไฟนีออนไว้หน้าบ้านแล้ว บางเรือนควันไฟก็ลอยขึ้นฟุ้งเมื่อจัดแจงกับอาหารเย็นในครัว ผมเดินมาถึงบ้านก็ค่ำมืดพอดีว่าจะเอาผ้าไปซักก็กลัวเสียเวลาจึงแช่ผงซักฟอกไว้เฉย ๆ เสร็จแล้วจึงอาบน้ำแล้วก็มานั่งกินข้าวกับพ่อเล่แม่เล่ ผมบอกพ่อเล่แม่เล่หลังจากกินข้าวเสร็จว่าจะไปบ้านพ่อวันเพื่อพูดคุยกับแกเรื่องวนเกษตรสักหน่อย เหลียวดูทางก็มืดมากแล้วแม่จึงบอกให้ผมบอกพ่อเล่ให้ขับมอไซค์ไปส่ง ผมไม่อยากรบกวนพ่อเล่ที่นั่งพูดคุยกับผู้ใหญ่หลายคนในวงที่อยู่บ้านตรงข้าม จึงเดินไปเองโดยมีไฟหม้อแบ็ตส่องนำทาง
	ทางที่ผมจะไปนั้นเดินไปทางเดียวกันกับวัด ก่อนถึงโค้งทางลาดลงจะมีเนินดินอยู่ซ้ายมือบ้านพ่อวันอยู่ตรงนั้น ผมเดินยังไม่ทันเมื่อยก็ถึง ผมได้พบกับพ่อวันพอดีแกกำลังยืนเปลือยอกคุยกับเพื่อนบ้านอยู่ตรงทางขึ้น พ่อวันเห็นผมก็จำได้จึงขวักมือเรียกและนำขึ้นไปบนทางเล็ก ๆ พ่อพาผมมาหยุดอยู่บ้านไม้ชั้นเดียวหลังเล็กหลังหนึ่ง ข้างฝาสร้างด้วยไม้ไผ่ขัดแตะบังไว้ พ่อวันว่าคนนี้ก็เป็นคนหนึ่งที่ทำวนเกษตรเหมือนกันชื่อพ่อเมิน พลางวาดมือไปที่บ้านหลังที่ว่า ผมได้พบกับพ่อเมินก็สวัสดีและหาที่นั่งก็พอดีพ่อวันเดินไปเอาเสื้อที่บ้าน ผมพูดคุยกับพ่อเมินรอพ่อวันอยู่ประเดี๋ยวหนึ่งพ่อวันก็ใส่เสื้อเดินมาแล้ว จึงเริ่มประเด็นพูดคุยกันจนกระทั่งแม่บ้านพ่อเมินยกสำรับข้าวเข้ามาการพูดคุยกันจึงจบลง ผมบอกลาพ่อเมินกับพ่อวันและกล่าวปฏิเสธน้ำใจกับการชวนกินข้าวเย็นด้วยเพราะผมกินมาแล้ว 
	ก่อนที่ผมจะตื่นจากเช้าวันต่อมาหลังกลับจากบ้านพ่อวันความคิดความรู้สึกบางอย่างของผมหล่นหายไประหว่างทางเดินกลับเรือน ๏


                                                                                       ๒๖ เมษายน ๒๕๕๐				
13 มิถุนายน 2550 10:18 น.

ภาระกิจแรก

ประภัสสุทธ

เช้านี้กว่าจะลุกจากที่นอนได้ก็ปาไปเจ็ดโมง เมื่อคืนแมลงเม่าออกอาละวาดสร้างความรำคาญบินตอมไฟเป็นแสน ๆ ตัว ผมต้องปิดไฟทั้งบ้านล่อให้มันไปตอมไฟข้างถนนหน้าบ้านเสร็จแล้วก็มานั่งคอยพ่อเล่กับแม่เล่ที่ออกไปหาอึ่งยังไม่กลับอยู่บนแคร่ใต้ถุนบ้าน ผมนั่งคนเดียวเงียบ ๆ อย่างนั้นจนกระทั่งพ่อกับแม่กลับมาจึงได้เข้านอนเหลียวดูนาฬิกาอีกทีก็เกือบเที่ยงคืนตอนเช้าจึงลุกยากสักหน่อย
	ผมรีบจัดแจงธุระส่วนตัวเสร็จเรียบร้อยก็ลงมากินข้าว แม่เล่ทำคั่วอึ่งให้กินโดยเอาอึ่งกับเขียดที่จับมาได้สับให้แหลกแล้วก็ต้มในน้ำเครื่องแกงใส่ผักชะอมให้หอมหน่อย รสชาติมันกรุบ ๆ อร่อยดี มื้อเช้านี้กับข้าวมีเพียงคั่วอึ่งเท่านั้น
	อึ่งยังเหลืออยู่เยอะทีเดียวแม่บอกว่าจะเอาไปขายในตลาดบ้านวังกวางวันอาทิตย์ ที่พ่อใส่ไม้รอปิ้งไว้ก็มี ที่ขังไว้ในโอ่งมังกรก็หลายสิบตัวผมยังได้ยินมันร้องหาพวกเมื่อตอนลงบันไดมาแปลงฟัน กินข้าวเสร็จแล้วพ่อก็ก่อไฟอยู่บนดินเอาไม้ไผ่มาปักรอบกองไฟทำเป็นเสา ๔ เสา แล้วก็ตัดซีกไม้ไผ่พาดเรียง ๆ กันทำเป็นตะแกง ผมถามพ่อว่าเอาไว้ทำอะไร พ่อบอกเอาไว้ย่างอึ่งที่มัดใส่ไม้ไผ่ไว้ มันช่วยถนอมอึ่งเก็บไว้กินได้หลายวันโดยไม่บูดไม่เน่า ผมดูพ่อสาละวนอยู่กับปิ้งอึ่งสักพักจึงขอตัวไปเก็บข้อมูล เตรียมปากกา สมุดใส่ย่ามเสร็จแล้วก็สะพายบ่าเดินไปตามถนนลาดยางที่ทอดยาวคดเลี้ยวผ่านหมู่บ้าน
	ระหว่างเดินทอดน่องตามทางก็ได้เห็นบรรยากาศรอบ ๆ หมู่บ้าน การตั้งบ้านเรือนของชาวบ้านแถบนี้จะปลูกไว้ที่ต่ำบ้าง สูงบ้างตามลักษณะภูมิประเทศที่ติดภูเขา มีต้นไม้ใหญ่กินลูกได้ขึ้นหนาตาแทรกระหว่างบ้านหลังต่อหลัง ลักษณะบ้านเรือนก็คล้าย ๆ กับบ้านเรือนทางภาคอีสานคือส่วนใหญ่สร้างด้วยไม้ และก็ยกใต้ถุนสูง ไม่ห่างจากหมู่บ้านมากนักจะเป็นที่นาของชาวบ้านทอดยาวตลอดสองฝากทาง ส่วนใหญ่จะปลูกข้าวไร่ และทำสวนผลไม้ ผมเห็นมะม่วงร่วงเกลื่อนเต็มดินและสายโทรศัพท์ที่พาดขว้างถนนปลายข้างหนึ่งยังโยงอยู่กับเสาปูนส่วนอีกข้างโน้มเอียงลงจรดพื้น คงโดนฤทธิ์ลมพายุเมื่อวานเป็นแน่ ผมนึก 
	พูดถึงโทรศัพท์แล้ว ที่นี่ออกจะใช้ยากสักหน่อยสำหรับมือถือแต่ตู้โทรศัพท์ก็มีอยู่ตู้หนึ่ง เมื่อวานผมยังเดินเข้าตู้ตั้งใจว่าจะโทรหาแม่พอจะควักกระเป๋าหาเหรียญไม่ทันได้ดูตรงตู้หยอดเหลียวไปอีกทีผมก็เก็บตังค์ใส่กระเป๋าไว้เหมือนเดิมเพราะตู้โทรศัพท์มันมีแต่ตู้ไม่มีที่โทร
	ผมเดินดูทัศนียภาพข้างทางมาเรื่อย ๆ ก็มาถึงที่หมายนั่นก็คือวัดประจำหมู่บ้านฟองใต้ เมื่อเช้าผมถามพ่อเล่ถึงพ่อเฒ่าผู้แก่ในหมู่บ้านเพื่อที่จะได้พูดคุยข้อมูลเรื่องต่าง ๆ เกี่ยวกับหมู่บ้านว่าพอจะมีใครให้ซักถามได้บ้าง พ่อเล่แนะนำพ่อโซ้นหอมซึ่งเป็นผู้ใหญ่บ้านเก่า และตอนนี้แกก็ออกมาวัดเพื่อช่วยเหลืองานเบา ๆ ตามประสาคนแก่ทั่วไปในหมู่บ้านยิ่งช่วงนี้เกิดเหตุการณ์พายุพังวัดด้วยยิ่งจะมีคนไปช่วยเหลืองานวัดมาก
	ผมมาถึงวัดก็ได้เห็นสภาพอย่างที่ชาวบ้านเล่ากันมาคือประตูทางเข้าที่เพิ่งสร้างเสร็จใหม่ ๆ นั้นเสาทั้งสองข้างล้มทับป้ายที่มีหลังคากระเบื้องมุงบัง (ชาวบ้านเรียกประตูโขง) พังยับเยินกระเบื้องแตกกระจายเป็นเสี่ยง ๆ ไม้ถูกถอนจากไม้เห็นตะปูบิดหงายงอกองทับกันอย่างกับเศษไม้ ผมเดินผ่านขึ้นเนินเตี้ย ๆ ขึ้นไปไปข้างบนเห็นหญิงชายหลายคนมีทั้งเด็กและผู้ใหญ่ คนแก่ และก็พระสงฆ์กำลังง่วนอยู่กับการขนของ พวกเด็ก ๆ พากันเก็บพวกเครื่องบูชาที่วางอยู่ไม่เป็นที่ออกจากศาลา ส่วนผู้หญิงที่มีอายุแล้วก็กำลังนั่งล้างจานช่วยกัน ศาลาหลังนี้จากที่ผมสังเกตน่าจะเป็นศาลาฉันท์เพราะมีพื้นซีเมนต์ยกขึ้นจากฐานสูงแค่เขาทั้งสามด้านสำหรับพระสงฆสามเณรนั่ง และก็โรงครัวที่มีทั้งข้าวสารเครื่องปรุงอาหารต่าง ๆ วางอยู่กับพื้นบ้าง อยู่ในชั้นบ้าง แหงนขึ้นไปสักหน่อยจะเห็นหน้าจั่วศาลาที่ทำด้วยเหล็กทั้งโครง ท่อนเหล็กหลายท่อนหงิกงอไม่เข้ารูป ครึ่งหนึ่งของโครงหลังคาไม่มีกระเบื้องเหลืออยู่ และเสาไม้กลางศาลาที่ตีต่อกับฐานเสาปูนก็เอียงกะเท่เล่
	ผมยืนเก้ ๆ กัง ๆ อยู่ครู่หนึ่งจึงตัดสินใจเดินเข้าไปหากลุ่มผู้ใหญ่ที่นั่งล้างจานอยู่ ผมกล่าวสวัสดีและแนะนำตัวก็ถามหาพ่อหอมที่เคยเป็นผู้ใหญ่บ้านเก่า ชาวบ้านก็ยิ้มแย้มแจ่มใสพูดคุยตอบด้วยอย่างดี ผมได้พบพ่อหอมและบอกเรื่องที่มาหาพ่อหอมก็นำขึ้นไปข้างบนเนินเห็นศาลาใหญ่ใกล้ ๆ พาผมมานั่งอยู่ในศาลาโล่งมีลมเอื่อยมาเบา ๆ เป็นระยะ พ่อบอกคุยกันที่เงียบ ๆ จะได้ฟังรู้เรื่อง
	ผมเริ่มคำถามกับพ่อหอมอย่างสบาย ๆ ขณะที่มือจับปากกาตั้งท่าจ่ออยู่หน้าแผ่นกระดาษขาว ๏				
ไม่มีข้อความส่งถึงประภัสสุทธ