22 ตุลาคม 2552 13:12 น.

เอดส์..ในชุมชน

ประภัสสุทธ

เช้านี้ฟ้าโปร่ง ลมตก และแดดร่ม ผมและกลุ่มน้อง ๆ ๗-๘ คน กำลังเตรียมสื่อเพื่อจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้เรื่องเอดส์แก่คนในชุมชนที่สำนักงาน ซึ่งชุมชนที่ว่าก็คือพื้นที่ทำงานของผม ยังไม่นับรวมพื้นที่อีก ๒ ตำบล กระทั่งอีกหลายหมู่บ้านที่พวกผมต้องร่วมเดินรณรงค์ 
              ใครจะเป็นคนพูด ใครจะเป็นคนถือสื่อ   ผมถามขึ้นหลังเราช่วยกันทำฟิวเจอร์บอร์ดที่ใช้เป็นสื่อในการรณรงค์เสร็จ
             ผมครับ เป็นคนพูด ไม่ต้องห่วง  หนุ่มเอบ้านโพนยกมือพูดอย่างมั่นใจ
             หนูถือสื่อก็ได้จ๊ะ 
             หนูด้วย
                 ฯลฯ
             ผมถือปากกาก็ได้ครับ ใครคนหนึ่งพูดขึ้นพร้อมชูปากกาในมือ ทุกคนหัวเราะพร้อมกัน เป็นอันว่าทุกคนมีหน้าที่ในครั้งนี้ลงตัว
              เรา ๙ คนเดินออกจากสำนักงาน บ้างถือสื่อฟิวเจอร์บอร์ด บ้างถือหนังสือจดหมายข่าว บ้างถือของที่ระลึก มุ่งตรงสู่บ้านเรือนในชุมชนเพื่อจะบอกเล่าเรื่องเอดส์

ย้อนไป ๑๑ เดือนก่อน องค์กรสถาบันชุมชนอีสานได้รับทุนก้อนหนึ่งจากต่างประเทศเพื่อนำมาแก้ปัญหาเอดส์ในชุมชน มีการคัดเลือกพื้นที่ทำงานจนกระทั่งได้พื้นที่ 3 ตำบล ในอำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม นั่นคือ ตำบลหนองซอน ตำบลโพนทอง และตำบลนาทอง ผมมีหน้าที่ประสานงานโครงการและอยู่ประจำในพื้นที่ ยังจำได้ดีขณะที่ลมร้อนต้นมีนาคมเคล้าฝุ่นตามถนนในหมู่บ้านหนองซอนคละคลุ้ง พวกเราในองค์กรนำโดยพี่โต พูลสมบัติ  นามหล้า กับ ผม นั่งรถยนต์ตระเวนหาบ้านเพื่อจะเช่าทำเป็นสำนักงานในพื้นที่ เราไปดูบ้านมาหลายหลังแต่ยังไม่ถูกใจ จนมาถึงบ้านหลังหนึ่ง เป็นบ้าน ๒ ชั้น กึ่งปูนกึ่งไม้สภาพยังดูดี ลานหน้าบ้านกว้างขวาง แม่เนตเจ้าของบ้านเล่าว่าเป็นบ้านของแม่ซึ่งเสียไปแล้วหลายปี ตอนนี้เจ้าบอลลูกแม่เนตมานอนพักเป็นครั้งคราว เราตกลงเลือกบ้านหลังนี้  ก่อนเข้าพักแม่เนตบอกผู้เฒ่าหลายคนให้พามาขอขมาเจ้าบ้านผู้ล่วงลับเพื่อขออยู่อาศัย พิธีเริ่มขึ้นบนบ้านหลังนี้
	เทียนถูกจุด ขันธ์ดอกไม้ที่เตรียมถูกนำไปวางหน้าหิ้งบรรพบุรุษ มีรูปขาวดำในกรอบขนาดเขื่อง ๕-๖ รูป ตั้งเรียงกันไว้ข้างหิ้ง ในภาพดวงตาทุกคู่คล้ายจ้องมายังพวกเราหมายจะแลหน้าผู้ขอพักอาศัย
	ให้ลูกหลานอยู่หน่ำแหน่เด้อพ่อใหญ่ แม่ใหญ่ เพิ่นมาเฮ็ดงานเอดส์อยู่บ้านเฮานี้ล่ะ ปกปักรักษาเพิ่นแหน่เด้อ แม่เนตพนมมือเอ่ยคำขมาหน้าหิ้งและรูปเหล่านั้น
	เสร็จพิธีทุกคนทยอยกันกลับ แม่เนตสำทับกับผมก่อนก้าวลงบันไดบ้านว่าอย่าลืมนำเครื่องบูชาขึ้นไว้หน้าหิ้งทุกวันพระด้วย ผมรับคำแต่ในใจกล้า ๆ กลัว ๆ
	ไม่นานผมก็ชินกับบ้านหลังนี้ สามารถนอนคนเดียวได้โดยไม่มีเจ้าบอลเป็นเพื่อน และงานเอดส์ของเราก็เริ่มงวดขึ้น ช่วงแรกผมยังไม่รู้จักใครในชุมชนมากนักนอกจากครอบครัวแม่ภูซึ่งมีสายสัมพันธ์กับพี่โต และตาหมาน คนข้างบ้านที่ผมเอ่ยทักตะแกหลายครั้งเมื่อโผล่หน้าปะกัน
	ผ่านหลายเดือนผู้คนในชุมชนเริ่มรู้จักเรามากขึ้นจากป้ายหน้าสำนักงาน ทุกคนที่เดินผ่านจะเหลียวเข้ามาพร้อมเลิกคิ้วสงสัย บางคนกระทั่งหยุดเพ่งอ่านข้อความในป้าย ซึ่งส่วนมากเป็นผู้เฒ่า
                    เพิ่นเป็นหมอเบาะหึ มารักษาโรคเอดส์เบาะ ผู้เฒ่าหญิงคนหนึ่งเอ่ยขึ้นกับเพื่อนหลังยี๋ตาอ่านข้อความจากป้าย  ผมดีใจเมื่อเห็นพฤติกรรมเหล่านั้น  
                     กิจกรรมหลายอย่างในโครงการถูกจัดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการจัดตั้งคณะทำงานเอดส์ระดับตำบล กิจกรรมอบรมให้ความรู้เรื่องเอดส์กับเยาวชน กิจกรรมสร้างเยาวชนให้เป็นวิทยากรสื่อสารเรื่องเอดส์ กิจกรรมจัดรายการวิทยุเพื่อเล่าสาระเรื่องเอดส์แก่ผู้ฟังรายการ ฯลฯ ทุกกิจกรรมล้วนได้รับความร่วมมือจากพี่น้องในชุมชนด้วยดี และคนในชุมชนก็เริ่มรับรู้เรื่องเอดส์มากขึ้น เห็นได้ชัดเมื่อเริ่มมีเด็กหนุ่มมาขอถุงยางอนามัยกับเรา และพ่อแม่เด็กก็สนับสนุนให้ลูกเข้าร่วมกิจกรรมกับเรามากขึ้น แต่ก็อีกนั่นแหละการทำงานอะไรก็แล้วแต่ย่อมจะมีปัญหาอุปสรรคอยู่เสมอ เช่นเดียวกับงานของเราย่อมมีทั้งคนเข้าใจและให้ความร่วมมือ และคนที่ไม่เข้าใจ พร้อมพฤติกรรมขัดแย้ง โดยเฉพาะงานเอดส์ซึ่งเป็นงานละเอียดอ่อนต่อความรู้สึกและการรับรู้ของชาวบ้าน บางครอบครัวไม่อนุญาตให้ลูกหลานเข้าร่วมกิจกรรมอบรม บางเรือนไม่ยอมรับข้อมูลเมื่อเรายื่นเอกสารให้ กระทั่งยื่นคำด่าทอกลับลับหลังต่าง ๆ นานา ต่อเรื่องราวเหล่านี้มันยังคงเป็นโจทย์ที่เรายังต้องพยายามทำให้ผู้คนเข้าใจ และเกิดทัศนคติที่ดีต่อเรื่องเอดส์..

เดือนกลางสิงหา ฝนเริ่มเยือนทั่วทุกภาคในไทย ข้าวดำในนากำลังติดรากชูช่อเขียว และรอยตีนตากล้าที่คนย่ำเริ่มจาง แต่เช้านี้แปลก ฟ้าโปร่งไม่มีทีท่าว่าฝนจะตก พวกเรา ๙ คน แกนนำในโครงการป้องกันการแพร่ระบาดของเชื้อเอดส์ในชุมชน แบ่งกลุ่มออกเป็น ๒ กลุ่ม มอบหมายให้คนที่พูดเรื่องเอดส์เก่งกว่าเพื่อนเป็นตัวยืนแต่ละกลุ่ม จากนั้นก็แยกย้ายกันเดินหายไปในบ้านเรือน-วันนี้พวกเราจัดกิจกรรมรณรงค์ให้ความรู้เรื่องเอดส์แก่ผู้คนในชุมชน
	ขอนุญาติเด้อครับพวกผมมาจากโครงการเอดส์ในชุมชน มื้อนี้มารณรงค์เรื่องเอดส์ให้ข้อมูลกับพ่อแม่พี่น้อง  หนุ่มเอกับพวกมาหยุดยืนใต้ถุนเรือนหลังหนึ่งเพียบพร้อมด้วยผู้คนทั้งนั่งทั้งยืน พลางกล่าวแนะนำตัว 
	ผมชื่อนายปรัชชา พรมน้ำ ครับ  หนุ่มเอพูดต่อ
	หนูชื่อแพร์จ้า
	หนูชื่อกาแฟเด้อจ้า
	หนูชื่อต๋อมจ๊ะ เด็กน้อยแกนนำยกมือไหว้กล่าวแนะนำตัวแต่ละคนอย่างอาย ๆ ด้วยชาวบ้านที่นั่งฟังอยู่นั้นล้วนเป็นญาติพี่น้องของเด็กเหล่านี้ทั้งสิ้น
	การรณรงค์ดำเนินไปอย่างเรียบง่าย บรรยากาศเป็นกันเองมีการถาม-ตอบ ขึ้นบางช่วงขณะที่บรรยาย
	แต่กี้เขาว่ายุงกัดก็ติดเอดส์ได้เบาะ ป้านิดถามโพล่งขึ้น
                     บ่ติดดอกครับแม่ เพราะเชื้อเอดส์มันอยู่ในยุงหรือสัตว์บ่ได้ มันเข้าไปกะตายแล้ว หนุ่มเอตอบ
                     โอ้ จั่งซั้นเบาะ ป้านิดอุทาน พร้อมจ้องดูสื่อที่แกนนำชูขึ้น
                     ถืกยุงกัดก็มีแต่เป็นไข้เลือดออกกับไข้มาลาเรียท่อนั้นล่ะจ๊ะ  หนูต๋อมเสริมขึ้น คนฟังพยักหน้าเออออตาม
                     ไม่นานการบรรยายให้ความรู้เรื่องเอดส์ก็จบลง แกนนำทุกคนกล่าวขอบคุณผู้ฟัง ก่อนมอบจดหมายข่าวโครงการ และปากกาคนละหนึ่งด้ามให้เป็นของที่ระลึก ในฐานะที่ให้ความร่วมมือในการรับฟัง พวกเขาเดินจากไปเรือนต่อไป พร้อมใบหน้าเปื้อนยิ้มคล้ายภาคภูมใจในสิ่งที่ทำ
เราไม่ทันสังเกตว่าฝนตั้งเค้าขึ้นตอนไหนมารู้สึกตัวต่อเมื่อสายฝนโปรยปราย และเริ่มหนาเม็ดขึ้นนั่นแหละ กิจกรรมจึงเป็นไปอย่างทุกลักทุเล พวกเราจึงตัดสินใจหยุดกิจกรรมและรีบหนีฝนกลับเข้าสำนักงานอย่างกระวีกระวาด ทุกคนพาร่างเปียกปอนมาหยุดหอบที่สำนักงานหลังวิ่งแข่งกับสายฝน 
                    มื้ออื่นค่อยเริ่มใหม่ มื้อนี้ฝนตกบ่เป็นหยั่ง  ผมพูดขึ้น หลังเรานั่งเหม่อมองฝนสาดเม็ดหน้าสำนักงาน 
                     ฝนหยุดแล้วก็พอดีค่ำ แมงเม่าเริ่มงุดหัวจากดินขึ้นกรีดปีกบินไต่ตอมหลอดไฟ หนุ่มสาวเมื่อครู่กลับบ้านไปหมดแล้วเหลือเพียงผมนั่งอยู่ในสำนักงาน ง่วนกับการเตรียมสื่อรณรงค์ชุดใหม่เพราะชุดเก่าโดนน้ำฝนจนตัวหนังสือเปียกยุ่ยเลือนหมดแล้ว เพื่อเริ่มกิจกรรมรณรงค์กันใหม่ในวันรุ่งขึ้น ๏				
ไม่มีข้อความส่งถึงประภัสสุทธ