11 เมษายน 2548 22:08 น.

ผ้าซิ่นกับปริญญา

วิจิตรวาทะลักษณ์

แม่จ๊ะแม่จ๋า
อีกไม่กี่  วันข้างหน้า  แล้วน่ะแม่
ลูกจะใส่  ชุดครุยงาม  ยามแม่แล
แล้วพาแม่  ไปสู่ถิ่น  ปริญญา

     แม่ไม่ต้อง  ไปตัดชุด  สุดเลิศหรู
ไปอวดชู  ว่าเรานี้  นั้นมีหน้า
ให้เปลืองเงิน  เปลืองทองใช้  หลายราคา
เพื่อเชิดหน้า  ชูตา  ว่าเราดี
     
     เสื้อแขนยาว  เก่าคร่ำคร่า  ผ้าขาดวิ่น
เปลื้อนโคลนดิน  สิ้นราคา  ไร้ราศรี
ผ้ซิ่นผืน  แม่เคยใส่  ในทุกที
แค่ชุดนี้  ก็พอแม่  แค่นี้พอ

     ไม่ต้องอาย  หากใครมอง  ว่าหมองหม่น
ว่าเป็นคน  ชนชาวนา  ว่าเราหนอ
ถามใครถาม  แม่ตอบไป  อย่าได้รอ
ชุดชาวนา  ผืนนี้หนอ  มาอย่างไร

     ฉันเป็นเพียง  แค่ชาวนา  ค่าต้อยต่ำ
ความจนซ้ำ  แต่ฉันนี้  ที่ทำได้
ทนทำนา  ส่งลูกเรียน  เขียนอ่านไป
จนลูกได้  ปริญญา  มาครอบครอง

     ฉันไม่อาย  หรอกชุดนี้  ที่สวมใส่
แต่ตัวฉัน  กลับภูมิใจ  ไม่หม่นหมอง
แค่ชาวนา  หน้าสุ้ดิน  สิ้นคนมอง
แต่ส่งลูก  ถึงถิ่นทอง  ผ่องอำไพ

     แม่จ๊ะแม่จ๋า
จากวันนี้  ลูกสัญญา  น่ะจำไว้
ลูกจะตอบ  แทนพระคุณ  อุ่นหัวใจ
ผ้าซิ่นผืนนี้  จะถูกยกไว้
เหนือความยิ่งใหญ่  ของใบปริญญา				
11 เมษายน 2548 21:57 น.

สงกรานต์น้ำตา

วิจิตรวาทะลักษณ์

แม่เฒ่าหนึ่ง  ซึ่งอาสัย  ในบ้านป่า
นับเวลา  คอยสงกรานต์  ผ่านมาถึง
หวังจะเจอ  หน้าลูกหลาน  ฝันรำพึง
แม่เฒ่าจึง  ปัดกวาดบ้าน  นั้นไว้รอ

     ผลหมาก  รากไม้  อยู่ในสวน
ที่แล้วล้วน  ออกผลให้  เก็บไว้หนอ
ขนมหวาน  อันเลิศล้ำ  ทำไว้รอ
ห้องหับหอ  ก็จัดให้  พร้อมใช้งาน

     เมื่อถึงวัน  สงกรานต์  อันรอคอย
แม่เฒ่าตื่น  แต่เดือนคล้อย  ลอยหลังบ้าน
ก่อไฟหุง  ปรุงข้าวปลา  สารพัน
จักสำรับ  กับข้าวนั้น  ไว้ทันที

     จากเช้ามืด  จนรุ่งสาง  ย่างเข้าสาย
ไม่เห็นเงา  ของผู้ใด  ได้มานี่
ชะเง้อมอง  ตรงช่องทาง  อย่างทุกที
ไร้แวววี่  เจ้าลูกหลาน  นั้นจะมา

     ตะวันคล้อย  ลอยลงดิน  จนสิ้นแสง
น้ำตาแห่ง  ความเศร้าใจ  ไหลอาบหน้า
วันสงกรานต์  กลายเป็นวัน  สงน้ำตา
ของแม่เฒ่า  รอลูกยา  มาหาตน				
11 เมษายน 2548 21:47 น.

ความเหมือนที่แตกต่าง

วิจิตรวาทะลักษณ์

มือของลูก  จับปากกา  มาขีดเขียน
เพื่อร่ำเรียน  เพียรวิชา  ณ  เมืองใหญ่
มือของพ่อ  กลับตราตรำ  ทำนาไป
จับคันไถ  หนักสุดฝืน  บนผืนนา

     เท้าของลูก  ที่ก้าวย่าง  อย่าเริงรื่น
ในค่ำคืน  เที่ยวบาร์คลับ  กลับตีห้า
เท้าของพ่อ  ย่พเยียบโคลน  บนผืนนา
ปักดำกล้า  สู้ฟ้าฝน  ทนทำกิน

     ตาของลูก  จ้องดูหนัง  ยังโรงใหญ่
ตากแอร์เห็น  เป็นสบาย  ใช้เงินสิ้น
ตาของพ่อ  ยังพร่ามัว  กลั้วเศษดิน
หาเงินใช้  ไถ่หนี้สิน  ให้สิ้นตัว

     หัวใจลูก  คิดถึงแฟน  ที่แสนรัก
และเพื่อนพรรค  มิตรไมตรี  ที่เล่นหัว
หัวใจพ่อ  ไม่เคยอยู่  คู่เนื้อตัว
คิดถึงลูก  ทุกคนทั่ว  กลัวลูกจน

     ปากของลูก  ตะโกนก้อง  ร้องคาราโอเกะ
เที่ยวเกเร  ตามผับหรู  อยู่ทุกหน
ปากของพ่อ  ขอพรพระ  มาสวดมนต์
ขอพรให้  ลูกได้พ้น  อันตราย

     อาหารลูก  คือพิซซ่า  หน้าอร่อย
ที่ผลาญเงิน  เกินกว่าร้อย  ด้อยความหมาย
พ่ออยู่บ้าน  ทานน้ำพริก  ก็พอใจ
เจียดเงินให้  ลูกได้เรียน  เพียรวิชา

     ตัวลูกหวัง  ความสบาย  ไม่ลำบาก
จึงเพียรพาก  ตั้งใจเรียน  เพียรศึกษา
ตัวพ่อหวัง  เพียงแค่ลูก  หันคืนมา
รอเวลา  มาฝังกาย  ยามพ่อวายชนม์
				
11 เมษายน 2548 21:35 น.

เบื้องหลังปริญญา

วิจิตรวาทะลักษณ์

ปริญเอ๋ยปริญญา
สิ่งสูงค่า  ของมนุษย์  สูงสุดฝัน
อยู่ไกลแสน  กว่าแดนฟ้า  ยังฝ่าฝัน
เพื่อคว้ามัน  มาถือไว้  ในครอบครอง

     ปริญเอ๋ยปริญญา
ใบเบิกทาง  ก้าวย่างหน้า  หาหม่นหมอง
ปัญญาชน  นักศึกษา  หมายตาปอง
สักวันต้อง  อยู่ในมือ  คือหลักชัย

     ปริญเอ๋ยปริญญา
อันคุณค่า  ของสิ่งนี้  อยู่ที่ไหน
จะอยู่ที่  ความรู้ผล  ติดจนไป
หรือแค่เพียง  กระดาษใบ  ใช้เบิกทาง

     ปริญเอ๋ยปริญญา
มองมุมหน้า  ช่างเลิศหรู  ดูมนต์ขลัง
อักษรร้อย  ถ้อยวิจิตร  ทุกทิศทาง
แต่เบื้องหลัง  มีเส้นทาง  อย่างเศร้าตรม

     ปริญเอ๋ยปริญญา
กี่น้ำตา  ของแม่พ่อ  ท้อขื่นขม
กี่หยาดเหงื่อ  ระเรื่อไหล  ยามใดตรม
กี่เคียวคม  ก้มเกี่ยวข้าว  คราวทำกิน

     ปริญเอ๋ยปริญญา
กี่ผืนนา  ที่ขายไป  ไม่เหลือสิ้น
ส่งลูกเรียน  หลังสู้ฟ้า  หน้าสู้ดิน
ส่งลูกไป  ให้ถึงถิ่น  ปริญญา

				
11 เมษายน 2548 21:23 น.

ม่านมนตรา

วิจิตรวาทะลักษณ์

ม่านมนตรา  คาถาใด  ได้เสกส่ง
อิทธิฤทธิ์  จึงดำรง  ทรงศักดิ์สูง
มหาเวทย์  จากเขตใด  ได้ผดุง
จึ่งเรืองรุ่ง  ด้วยฤทธา  มหามนต์

     ฤาเทพไท้  เทวาใด  ในสวรรค์
มารังสรรค์  สอนวิชา  มาผ่านผล
หรือเหล่ามาร  ตนใด  ได้บันดล
มาสอนมนต์  วิชามาร  อันเกรียงไกร

     เธอจึงมี  ฤทธา  มหาศาล
มีมนตรา  อัศจรรย์  อันยิ่งใหญ่
เพียงร่ายมนต์  ก็ดลจิต  พิชิตใจ
ให้หลงไหล  โอนอ่อน  ยอมผ่อนปรน

     แม้เธอผิด  คิดนอกใจ  ไปรักอื่น
แม้สุดฝืน  ยังกลินกล้ำ  ช้ำหลายหน
เพียงเธอพูด  ก็หยุดตาม  ความกังวล
ดั่งมีมนต์  เวทย์คาถา  มาดลใจ

     น้ำตาต้อง  ไหลนองหน้า  มาหลายครั้ง
แต่ก็ยัง  ตัดใจนี้  หนีไม่ได้
ถูกจำจอง  ด้วยมนตรา  มาดึงใจ
ตรึงติดไว้  อ้วยอาถรรถ์  ม่านมนตรา

     สาเหตุใด  ทำให้ฉัน  นั้นทนอยู่
ม่านมนตรา  จึงมาสู่  อยู่แน่นหนา
หรือฉันเอง  สร้างหมู่ม่าน  นั้นขึ้นมา
รอเวลา  ผู้รักแท้  มาแก้มนต์
				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวิจิตรวาทะลักษณ์