25 เมษายน 2548 18:12 น.

ระบำใบข้าว

วิจิตรวาทะลักษณ์

ใบข้าวเขียว  เลี้ยวเล่นลม  พรมพร่างพัด
แล้วปลิวปัด  ผัดโอนเอน  เช่นรำร่าย
ละลู่ลิ่ว  ระลอกลม  ล้มเล่นลาย
ขจรขจาย  ดั่งหมายแม้น  แดนเทวัญ

     ประหนึ่งนาง  อย่างเทวี  ศรีอัปสร
ร่ายรำฟ้อน  อรอนงค์  ทรงเสกสรรค์
จึงอ่อนช้อย  ร้อยท่วงท่า  สารพัน
ระบำบรรณ์  เพื่อบรวงสรวง  ปวงเทวา

     หมู่เขียดกบ  ร้องระงม  ผสมเสียง
ประหนึ่งเพียง  เสียงเพลงพิณ  จากถิ่นฟ้า
กลิ่นดอกไม้  ชายท้องทุ่ง  ฟุ้งลอยมา
ดั่งสุคนธา  ที่เทพไท้  ได้ประพรม

     กระท่อมน้อย  ปลายนา  ณ  ท้องทุ่ง
ดั่งฟ้ามุ้ง  ทิพย์วิมาน  อันสุขสม
ม่านหมอกมัว  สลัวสาง  ที่พร่างพรม
ดั่งม่านฟ้า  มาหอบห่ม  อาศรมวิมาน

     เริงระบำ  ของใบข้าว  ยังก้าวต่อ
ยังเริงล้อ  ลู่เล่นลม  ผสมผสาน
แต่ขาดคน  บนพื้นนา  มาช้านาน
เพื่อดูเหล่า  ข้าวสราญ  ร่านระบำ				
25 เมษายน 2548 18:04 น.

เกิดแต่ตม

วิจิตรวาทะลักษณ์

สัตบุษ  ที่โผล่พ้น  อยู่บนน้ำ
ช่างเลิศล้ำ  วิจิตรา  โสภาศรี
บงกชบาน  สราญหล้า  ทั่วธานี
แต้มนที  นี้สดสวย  ด้วยดอกบัว

     กว่าจะเห็น  เป็นบัวงาม  ในยามนี้
ใต้นที  มีเรื่องราว  มากล่าวทั่ว
กว่าจะบาน  ให้ท่านเห็น  เป็นดอกบัว
เรื่องหมองมัว  ภายใต้ตม  ยังขมใจ

     อันใต้ตม  มีบัวหน่อ  ที่รอเกิด
ถือกำเนิด  เป็นบัวงาม  ยามหน้าได้
คอยแหวกตม  สู่เบื้องบน  ทนทำไป
สู่สดใส  เหนือนที  มีเบ่งบาน

     บัวจะงาม  ตามวิถี  ที่เป็นอยู่
ก็เพราะรู้  มีลืมหนี้  หนีถิ่นฐาน
ยังฝังราก  ฝากตมไม่  ใฝ่ทะยาน
จึงเบ่งบาน  อวดชู  คู่โลกา

     จะกำเนิด  จากถิ่นใด  ไม่สำคัญ
อย่าลืมดิน  ถิ่นฐานนั้น  สำคัญกว่า
กำพืดไพร่  แม้ต่ำต้อย  ด้อยราคา
จะสูงค่า  ถ้าทำตน  เป็นคนดี

     และยึดมั่น  อยู่บนดิน  ถิ่นอาศัย
ม้เพียงไพร่  จงภูมิใจ  ในหน้าที่
เกิดแต่ตม  อาจต้อยต่ำ  ตามตนมี
แต่ความดี  อย่าต้อยต่ำ  ไปตามตม				
25 เมษายน 2548 17:53 น.

ทะเลฤาอิ่ม

วิจิตรวาทะลักษณ์

มหานที  ศรีชลธาร  อันกว้างใหญ่
เป็นมหา  คงคาลัย  ในแผ่นพื้น
ไกลเกินกว่า  ในหล้ารอบ  ขอบโลกยืน
เป็นแผ่นพื้น  มหาสมุทร  สุดโลกา

     พิรุณหล่น  ร่วงลงหล้า  หน้าวสันต์
ไหลรวมกัน  เกิดสายธาร  อันเลิศหล้า
ไหลลงรวม  ท่วมทะเล  ดั่งเทมา
มิเติมเต็ม  ให้มหา  ชลาชล

     ร่วมล้านวัน  เป็นพันปี  ที่นานเนิ่น
สายน้ำเดิน  จากเนินย่อม  พร้อมสายฝน
สู่เหวห้วง  แห่งมหา  ชลาชล
มิเคยท้น  ท่วมนที  นี้สักวัน

     ทะเลหรือ  ฤาอิ่มน้ำ  ย้ำฉันใด
มนุษย์หรือ  ฤาอิ่มได้  ในฉันนั้น
กองกิเลส  ครอบงำคน  พ้นทางธรรม์
จึงไขว่คว้า  สารพัน  นั้นสู่ตน

     จากเริ่มก่อ  แต่พอกิน  มิสิ้นศีล
เป็นป่ายปีน  กำพืดไพร่  ให้ผ่านพ้น
ลืมคุณค่า  แห่งความหมาย  ในกายตน
ตะเกียกตะกาย  หมายให้พ้น  จากโคลนตม

     เสียงสงคราม  ตามแย่งชิง  ความยิ่งใหญ่
จึงลุกไหม้  ให้มอดม้วย  ด้วยขื่นขม
มหานที  แห่งความโลภ  ละโมบตรม
จึงทับถม  ให้ล้มตาย  ใต้ทะเล				
24 เมษายน 2548 16:41 น.

สนองพระราชดำรัส

วิจิตรวาทะลักษณ์

อัคร  พระนารี  ศรีสยาม
พระแม่แห่ง  ฟ้าคราม  สยามศรี
พระทรงห่วง  ปวงประชา  ในธานี
ทรงประทาน  พระราชเสาวนีย์  นี้สู่ไทย

     อันแดนใต้  ไฟสงคราม  ยังลามอยู่
ให้หดหู่  จะนิ่งเฉย  เลยไม่ได้
จงช่วยกัน  ทำหน้าที่  ศรีคนไทย
จงร่วมใจ  ร่วมประนาม  ถึงความเลว

     ขอสนอง  พระราชดำรัส  ที่ตรัสสั่ง
จะยืนยั้ง  สาปแช่งไป  ให้ตกเหว
มันผู้ใด  ทำลายไทย  ดั่งไฟเปลว
คือคนเลว  ที่คนไทย  ไม่ต้องการ

     มันตอบแทน  ผืนแผ่นดิน  ถิ่นเมืองเกิด
ด้วยระเบิด  กระสุนปืน  มาคืนขาน
นี่น่ะหรือ  คือสิ่งแทน  ดินแดนดาล
ที่ให้บ้าน  มันอาศัย  ได้หลับนอน

     มันจะเดิน  ลงดิน  ในถิ่นนี้
แม่ธรณี  จงสูบกาย  ให้ตายก่อน
แม้เดินตรง  ลงธารา  และสาคร
แม่คงคา  อย่าผลัดผ่อน  จงนอนตาย

     แม้ออกเดิน  กลางดินแดน  ใต้แผ่นฝ้า
อัสนีบาต  ฟันฟาดมา  อย่าหนีหาย
แม้อยู่กลาง  ป่าเขา  ลำเนาไพร
เหล่าผีป่า  อย่าได้ไว้  ให้ชีวัน

     ให้มันตาย  ด้วยศาสตรา  นานาวุธ
ให้ถูกฉุด  อเวจี  ลงที่นั่น
สิ่งศักสิทธิ์  สถิตย์หล้า  สารพัน
ลงโทษมัน  ให้มอดม้วย  ด้วยทันที

     ขอเพื่อนพ้อง  น้องพี่  ที่ได้อ่าน
จงขับขาน  เพลงประนาม  ตามทุกที่
ใช่เพื่อใคร  แต่เพื่อไทย  ได้เปรมปรี
ให้ชาตินี้  ได้ร่มเย็น  ดั่งเป็นมา				
17 เมษายน 2548 22:20 น.

ขวานทองถิ่นไทย

วิจิตรวาทะลักษณ์

ขวานทองไทย  เทอดถิ่นไท้  ไทยประจักษ์
เป็นรั้วหลัก  ปักถิ่นฐาน  บ้านไทยผอง
เราหลอมรวม  ร่วมเป็นบ้าน  ขวานไทยทอง
จึงปกป้อง  เพื่อนผองไทย  ได้ร่มเย็น

     หากขวานทอง  ของถิ่นไทย  ใจแตกแยก
แผ่นดินแตก  แยกระแหง  แบ่งให้เห็น
อันขวานทอง  ของไทยเอ๋ย  เคยร่มเย็น
ถูกแบ่งเห็น  เป็นสองส่วน  ชวนโศกา

     อันขวานคม  ไม่มีด้าม  ยามบากบั่น
ไม่มีวัน  ได้ดั่งใจ  ในเมื่อหน้า
ฤาจะรบ  ปรบมือได้  ถ้าใครมา
ฤาจะเหลือ  คำว่า  ประเทศไทย

     อันขวานคม  มีแต่ด้าม  ยามกรำศึก
จะเฮิมฮึก  สุดกำลัง  มิหวังได้
แม้เก่งกล้า  มาพร้อมพรัก  สักปานใด
ขวานยิ่งใหญ่  ไร้ใบขวาน  ก็พาลพัง

     ขวานทองไทย  จะคู่ถิ่น  ผืนดินนี้
ถ้าน้องพี่  ร่วมใจรัก  เป็นหลักยั้ง
ต่างเชื้อชาติ  ศาสนา  มารวมพลัง
เพื่อขวานทอง  ถิ่นไทยยัง  สร้างคนไทย				
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
Calendar
Lovers  0 คน เลิฟวิจิตรวาทะลักษณ์
Lovings  วิจิตรวาทะลักษณ์ เลิฟ 0 คน
ไม่มีข้อความส่งถึงวิจิตรวาทะลักษณ์